“ คุณหนูเจ้าคะ ท่านตื่นแล้วหรือ ชุ่ยเอ๋อเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้แล้วนะเจ้าค่ะ กำลังอุ่นพอดีเลย อาบน้ำกันเลยดีกว่านะเจ้าคะ จะได้รีบแต่งตัว รีบไปสถานศึกษากัน " ร่างอวบอิ่มงดงามของคุณหนูต้วนจึงได้ลุกจากเตียงอันแสนอุ่นของนาง แล้วก็เดินเข้าไปหลังฉากกั้นเพื่ออาบน้ำแต่งกาย เตรียมตัวไปสถานศึกษาที่อีกไม่นานนางก็จะจบการศึกษาแล้ว
เหลือเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น การย้ายมาอยู่จวนแม่ทัพจางนี้ ทำให้นางไม่ต้องตื่นแต่เช้าเช่นเดิมนัก เพราะว่าสถานศึกษากับจวนแม่ทัพจางนั้นอยู่ไม่ไกลกันมาก นางจึงไม่ต้องเร่งรีบดังเช่นเดิมอีก มีเวลาแต่งกายและกินอาหารตามสบายแล้วค่อยออกไปขึ้นรถม้าที่หน้าประตูจวนเพื่อไปยังสถานศึกษา
เมื่ออาบน้ำแต่งกายจนเรียบร้อยแล้ว เยว่ชิงก็กินอาหารเช้าที่เรือนเล็กของนาง โดยมีชุ่ยเอ๋อสาวใช้คนสนิทที่ตามมาจากจวนของบิดาไปยกจากโรงครัวมาให้นาง ตอนเช้านางเร่งรีบจะไปสถานศึกษาจึงคิดว่าจะไม่แวะไปกินอาหารเช้ากับท่านอาหนุ่มหมาดๆของนาง แต่จะไปกินอาหารร่วมกับเขาที่เรือนในตอนเย็นแทนจะได้มีเวลาอยู่กับเขาให้มากขึ้น พี่หย่งเล่อท่านรอข้าหน่อยนะ ข้าจะเรียนจบแล้ว และจะเกี้ยวท่านกลับมาเป็นคนรักของข้าให้ได้ แค่คิดถึงใบหน้าเคร่งขรึมแต่หล่อเหลาเหลือร้ายของเขาแล้วก็รู้สึกคิดถึงขึ้นมาหน่อยๆแล้ว นางยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีนักที่บัดนี้ความฝันของตนเองเป็นจริงแล้ว
เยว่ชิงรีบเดินออกไปขึ้นรถม้าที่พ่อบ้านจวนจางจัดการให้รอรับนางที่หน้าประตูตามเวลาเดิมในทุกวันเพื่อไปส่งคุณหนูต้วนหลานสาวคนใหม่ของท่านแม่ทัพที่สถานศึกษาสตรีที่อยู่ไม่ไกลนัก ชุ่ยเอ๋อเดินไปส่งคุณหนูของตนเองจนถึงที่รถม้าแล้วนางก็กลับไปอยู่ที่เรือนเล็กของคุณหนูเพื่อทำงานอะไรเล็กๆน้อยในเรือน แต่ก่อนจะกลับเข้าไปที่เรือนเล็กนางก็แวะไปกินอาหารเช้าที่โรงครัวให้เรียบร้อยก่อน พวกนางทำเช่นนี้เป็นปกติในทุกๆวันนอกจากวันหยุดที่เยว่ชิงคุณหนูคนงามไม่ได้ออกไปที่ใด กิจกรรมของนางในจวนก็เปลี่ยนไปตามเหตุการณ์ในแต่ละวัน แต่ส่วนมากแล้ว ก็เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับแม่ทัพหนุ่มชายในดวงใจของนางนั่นเอง
เยว่ชิงเข้าครัวทำอาหารและขนมไปให้แม่ทัพจางชิมบ่อยๆ และนางมักจะสั่งที่โรงครัวทำอาหารที่เขาชื่นชอบให้เขาได้รับประทาน นางมักจะชงชาใส่ป้านน้ำชาและเป็นชาชั้นดีชนิดที่เขาโปรดปรานไปส่งให้เขาที่ห้องหนังสือเวลาที่เขาหมกมุ่นทำงานอยู่แต่ในนั้น ขนม อาหาร น้ำชา ผลไม้ที่เขาชื่นชอบนางก็มักจะสั่งให้คนไปจัดการหามาเตรียมเอาไว้ให้กับเขา นางมักจะไปนั่งเล่นกู่เจิ้งที่ศาลาริมบึงบัวที่อยู่ในสวนหน้าจวนของแม่ทัพหนุ่ม เพื่อตั้งใจจะให้เสียงบรรเลงกู่เจิ้งนั้นได้ยินไปถึงแม่ทัพหนุ่ม และเขานั้นก็ได้ยินมันเข้าจริงๆ และนิ่งฟังเพลงที่เขาโปรดปรานอยู่นานและรู้สึกว่ามันช่างคุ้นเคยนัก เหมือนกับเขาได้อวี้ชางกลับมาอย่างไรก็ไม่รู้ได้ คุณหนูต้วนผู้นี้ทำให้ความหลังที่เขาฝังกลบมันเอาไว้ถูกขุดคุ้ยขึ้นอีกครา
เขานิ่งคิดทบทวนหลายสิ่งที่เกี่ยวกับคุณหนูต้วนเยว่ชิงผู้นี้ นางมีส่วนคล้ายอวี้ชางมาก ทั้งแต่งกายที่คล้ายกัน แม้ใบหน้าและรูปร่างจะไม่ใช่ กลิ่นหอมที่เย้ายวนของนางก็คล้ายอวี้ชางนัก เขาเคยรู้ว่าอวี้ชางผสมเครื่องหอมที่ทำจากดอกไม้หลายชนิดเข้าด้วยกันและผสมลงในเครื่องประทินผิวของนางด้วยตนเอง จึงทำให้กลิ่นหอมที่ติดกายของนางนั้นไม่เหมือนผู้ใดทั้งสิ้น
และเพลงที่นางบรรเลงนั้นก็เป็นเพลงที่เขากับอวี้ชางชอบ และยังมีอาหารและของว่างที่เขาชอบอีก นางรู้ใจเขาไปเสียทุกอย่าง รวมถึงอาภรณ์ของเขาที่มีการอบกลิ่นหอมของดอกไม้แห้งที่เขาชอบอีก หลังจากที่นางเข้ามาอาศัยในจวนของเขาแล้ว อาภรณ์ของเขาก็มีกลิ่นดอกไม้แห้งชนิดนี้แทบจะทุกตัว มันรวมไปถึงเครื่องนอนของเขาอีกด้วย เวลานอนเขาสูดกลิ่นหอมชื่นใจของมันเข้าไปเต็มปอดอย่างสบายอารมณ์นัก และยิ่งทำให้เขาคิดถึงอวี้ชางขึ้นมา ทั้งๆที่เขาพยายามจะลืมเลือนนางไปแล้วแท้ๆ
เพราะแม้จะรักนางและคิดถึงนางมากเพียงใดอวี้ชางก็มิอาจจะฟื้นคืนกลับมาแล้ว ดังเช่นที่พระชายาจางน้องสาวของเขานั้นได้บอกกับเขาเมื่อคราวนั้น เขาจึงได้เลิกโทษตนเอง และพยายามเปิดใจมองสตรีอื่น และเริ่มกลับมาใช้ชีวิตของตนเองได้มีความสุขมากขึ้น แต่การที่รับคุณหนูต้วนเยว่ชิงบุตรสาวของผู้มีพระคุณของเขาเข้ามาอยู่ในจวนและรับอุปการะนางนั้น มันทำให้เขาเริ่มเหมือนรู้สึกว่าอวี้ชางอยู่ใกล้ๆ เพราะเยว่ชิงทำอะไรหลายๆอย่างเหมือนอวี้ชางมากเกินไป เหมือนจนเขาแปลกใจและเกิดสงสัยขึ้นมา
เขาสังเกตุมาหลายครั้งแล้วว่าต้วนเยว่ชิงนั้น นางชอบมองเขาด้วยแววตาของสตรีที่มองชายที่ตนเองพึงใจ แววตาของนางไม่ใช่ของเด็กสาวที่ไร้เดียงสา แต่มันคือแววตาของสตรีแรกแย้มที่พร้อมจะรักใคร่บุรุษที่นางพึงใจแล้ว ยิ่งนานวันเขายิ่งสังเกตุเห็นมันได้ชัดเจนและนั่นทำให้เขาไม่สบายใจเลย นางมากินอาหารเย็นกับเขา ปรนนิบัติเขาดังเช่นนางเป็นฮูหยินของเขากระนั้น
นางคีบอาหารให้เขา ชี้ชวนให้เขากินอาหารที่นางทำเองหรือไม่ก็สั่งให้โรงครัวทำในแบบที่เขานั้นชื่นชอบ และมันก็เป็นความจริง เพราะเขาชื่นชอบอาหารเช่นนั้นจริงๆ ชาที่นางชงนั้นก็ถูกใจเขาที่สุด นางรู้จักชนิดของชาที่เขาชอบโดยที่ไม่ต้องมีใครบอกกับนางด้วยซ้ำ ชาชองนางผสมกลีบดอกเหม่ยกุ้ยที่ตากแห้งแล้วเข้าไปด้วย ทำให้มีกลิ่นหอมกว่าชาทั่วไป แม่ทัพหนุ่มได้เรียกพ่อบ้านจางมาสอบถามแล้ว เขาบอกไม่ได้บอกสิ่งใดเกี่ยวกับเขาให้นางได้รู้เลย และนางเองก็ไม่เคยเอ่ยถามเสียด้วยซ้ำ
นางลงมือจัดการทุกอย่างในชีวิตของเขาดังเช่นนางเป็นฮูหยินของเขา ตอนนี้นางเรียนจบจากสถานศึกษาแล้ว ทำให้นางเข้ามาดูแลจวนแม่ทัพดังเช่นนางเป็นฮูหยินได้มากขึ้น เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยปากบอกกับผู้อื่นว่านางนั้นคือฮูหยินจวนนี้เท่านั้น แต่กระนั้นนางก็ไม่ได้ก้าวก่ายงานของพ่อบ้านจางจนน่าเกลียด นางแค่พยายามปรนนิบัติแม่ทัพหนุ่มดังเช่นเขาเป็นสามีของนางเพียงเท่านั้น ขาดเพียงอย่างเดียวคือนางไม่ได้เข้าไปนอนกับเขาในห้องนอนของเขาเพียงเท่านั้น
แม่ทัพหนุ่มนั้นก็จำต้องยอมรับว่านางทำทุกอย่างได้ถูกใจเขานัก ทำเอาเขาคิดถึงใครคนหนึ่งที่เขาพยายามจะลืืมเลือนนางให้หมดใจและมันได้หวนคิดถึงนางขึ้นอีกครั้ง เยว่ชิงผู้นี้เหมือนอวี้ชางมาก ขาดแต่เพียงรูปลักษณ์ของนางเท่านั้นที่งดงามไปคนละแบบกับอวี้ชาง ในตอนเช้าหลังจากกินอาหารด้วยกันแล้ว นางก็จะเดินไปส่งเขาขึ้นรถม้าเพื่อจะไปราชการในวังหรือไม่ก็ไปราชการต่างเมือง และนางจะมารอรับเขาตามเวลา หากนางรู้เวลากลับจวนของเขา พร้อมกับรอยยิ้มอย่างยินดีที่เห็นหน้าเขา
สองปีผ่านไปเจ้าตัวน้อยๆ ก็เริ่มเติบใหญ่วิ่งวุ่นไปมาในจวนและเผลอเป็นมิได้ต้องวิ่งออกไปนอกสนามและคอยจะวิ่งออกไปที่ประตูจวนตลอดเหมือนอยากจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก แต่พี่เลี้ยงที่มีสองคนต้องคอยจับตาเอาไว้ มิเช่นนั้นคุณหนูตัวน้อยๆจะวิ่งเร็วจี๋ไปทันที และเขาชอบปีนต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจเหมือนได้พันธุกรรมของบิดามาไม่น้อย เขาทำดังเช่นผู้มีวรยุทธ์ที่สามารถปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้สูงๆ ได้ทั้งๆ ที่ตัวนิดเดียว มารดาต้องคอยห้ามปรามจนเหนื่อยอ่อน ต้องให้ชุ่ยเอ๋อคอยมองและให้พี่เลี้ยงจับตาดูไว้ให้ดี แม่ทัพตัวน้อยนั้นโปรดปรานการเล่นกับองครักษ์ของบิดามาก วิ่งเล่นไล่กันสนุกสนาน และองครักษ์ก็สอนวรยุทธ์ให้แม่ทัพน้อยไปด้วย มารดาที่ตอนนี้จะวิ่งตามเจ้าตัวน้อยก็ไม่ไหวเพราะนางก็ท้องโย้ใหญ่มากใกล้้คลอดอีกคนแล้ว ท่านแม่ทัพจางลุ้นกันอย่างมาก เขาอยากจะได้บุตรสาวตัวอ้วนๆ ที่ผูกผมแกละสองข้าง มาวิ่งเล่นกับพี่ชายของนาง ส่วนพระชายาจาง พาบุตรฝาแฝดสองคนที่โตกว่า และมักจะพามาวิ่งเล่นกันน้องชายที่จวมแม่ทัพจางหลายๆครั้ง เพื่อให้เด็ก ๆ ได้สนิทสนมกันไว้หลังๆ มานี้พระชายากับเยว่ชิงสนิทสนมกันมากขึ้น มักจะนั่งคุยถึงอดีตแ
คุณหนูสาวที่เบื้องหน้าเป็นสตรีในชนชั้นสูง ฐานะร่ำรวย เป็นบุตรสาวของคหบดีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง เป็นที่หมายปองของบุรุษในวงสังคมชั้นสูงหลายๆคน นางเป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อมคนหนึ่งที่ชายหลายคนไม่อาจจะมองข้ามไปได้ง่ายๆ แต่เบื้องหลังไม่ใช่สาวไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ผุดผ่อง นางผ่านชายมาหลายคนแล้ว และยังใช้ความสาวความสวยของนางในการต่อรองผลประโยชน์ทางการค้ามานับครั้งไม่ถ้วน และครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่นางก็อดจะยอมรับไม่ได้ว่าครั้งนี้มันช่างสุขสมเหลือเกิน เหลียนซิงซิงพบว่านางหลงรักคุณชายหนุ่มที่แสนจะมีชั้นเชิงชายที่แพรวพราวกว่าบุรุษที่นางเคยผ่านมาไปเสียแล้ว ตอนแรกนางเพียงจะมายั่วเย้าเขาเล่นๆ เห็นเขาคลั่งไคล้อยากได้สตรีผู้นั้นนัก เพราะนางฟังเขารำพันถึงสตรีที่งามปานจะล่มเมืองผู้นั้นจนเบื่อหน่าย ครั้งนี้นางจึงอยากทดสอบเสน่ห์ของตนเองว่าจะสู้สาวน้อยผู้นั้นได้หรือไม่แต่มันกลับกลายเป็นว่านางชักจะหลงรักเสือร้ายอย่างเขาเข้าแล้ว ลีลารักของเขาทำเอานางติดใจเหลือเกิน คุณหนูสาวสวย ผลักคุณชายหนุ่มใหญ่ที่ตอนนี้กลายเป็นสามีหมาดๆ ของนางอีกคน ลงไปใต้ร่างของนางแล้วขึ้นโยกขย่มเขาอย่างเร่าร้อน ทั้งสอ
เมื่อทั้งสองก้าวเข้าไปในห้องที่กว้างขวางไม่น้อย ใหม่เอี่ยมและดูหรูหรามาก ในห้องนี้มีโต๊ะกลมตัวใหญ่และมีเก้าอี้ล้อมรอบประมาณห้าตัว คงจะเอาไว้นั่งทานอาหารและสังสรรค์กันยามที่มีสหายมาเยี่ยมเยือน ชุดโต๊ะกลมนี้ตั้งอยู่ตรงหน้าพวกเขาเมื่อเดินเข้าไป ส่วนลึกเข้าไปเป็นโต๊ะบัญชีที่อยู่ริมหน้าต่างบานหนึ่ง ด้านหลังโต๊ะบัญชีเป็นชั้นวางของที่ดูแล้วน่าจะเป็นของที่ล้ำค่าราคาแพงที่น่าจะเป็นของสะสมของคุณชายเสิ่นวางเรียงกันเอาไว้บนชั้น ส่วนด้านขวามืออีกด้านมีม่านสีเงินยาวหนาหนักที่ยาวจากเพดานจรดพื้นกั้นเอาไว้ เป็นสัดส่วนน่าจะเป็นห้องนอนของคุณชายเสิ่น ส่วนอีกด้านเป็นตั่งไม้ตัวใหญ่ที่วางเกือบจะชิดผนังและมีหมอนใบใหญ่ปักลวดลายดอกไม้วางเรียงรายอยู่บนตั่งนั่น ข้างตั่งไม้มีโต๊ะเล็กที่วางชุดป้านน้ำชาและแจกันดอกไม้“ ข้ามีสุราชั้นดีติดมาด้วย เจ้ามาลองชิมดูสักหน่อยว่าใช้ได้หรือไม่ หากรสดี ข้าจะสั่งให้เขานำเข้ามาขายที่เมืองนี้ ” คุณชายเสิ่นเดินนำคุณหนููเหลียนตรงไปที่โต๊ะกลมตัวใหญ่ที่มีกาสุราและถ้วยหลายใบวางเอาไว้ในถาดใบเล็กใกล้ๆกัน คุณหนูเหลียนทรุดตัวลงนั่ง ที่เก้าอี้ข้างๆคุณชายเสิ่นแล้วยกกาสุรานั้นเทลงในถ
ทั้งสองร้องครวญครางผสานกันดังก้องในห้องนั้น “ อวี้ชาง เมียรักของผัว พี่รักเจ้าเหลือเกิน เมียรัก อ๊าก อ๊าก อ๊าาก ” แม่ทัพหนุ่มสารภาพความในใจของเขาที่มันอัดแน่นอยู่ในนี้ตลอดมาออกไป ให้นางได้รับรู้นับครั้งไม่ถ้วนมาแล้วในค่ำคืนนี้ ขณะนีี้สตรีใต้ร่างของเขานี้คือเมียรักของเขาเพียงผู้เดียว ในที่สุดเขาและนางก็ได้แต่งงานกันอย่างถูกต้อง นางคือฮูหยินหนึ่งเดียวของเขา เขารักนาง และสุขสมยิ่งนักเมื่อได้สมรักกับนางเพียงผู้เดียวเท่านั้น ทั้งสองต่างหลงลืมเรื่องอื่นๆ ไปสิ้นโลกของพวกเขา มีเพียงกันและกัน ต่างโยกสะโพกเข้าหากันเป็นจังหวะเดียวกัน เพราะพบคู่ที่ตามหากันมานาน ในที่สุดก็ได้สมรักกัน เสียงเตียงกระแทกผนังดังสนั่น และมันโยกไหวใต้ร่างของทั้งสอง เสียงครวญครางผสานกันเสียงดังอย่างมิสนใจสิ่งใดแล้ว เพราะตอนนี้โลกของพวกเขามีเพียงกันและกันเพียงเท่านั้น ทั้งสองต่างก็ปลดปล่อยตัวตนออกมาอย่างเต็มที่เพราะบัดนี้รู้แล้วว่าทั้งสองคือสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดต้องค้างคาใจกันอีกแล้ว ทั้งเขาและนางต่างก็เป็นของกันและกัน ไม่มีผู้ใดมากั้นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองอีกแล้ว เสียงแห่งความสุขสมทั้งหมดดังออก
แม่ทัพหนุ่มทั้งดูดดื่มทั้งไล้เลียผลอิงเถาของนาง เขาฟอนเฟ้นอกอวบใหญ่ของนางจนพอใจ จึงได้ไล้เลียลงไปจนทั่วร่างอวบของนาง ไม่มีส่วนไหนในร่างกายขาวผ่องนี้ที่เขายังไม่ได้สัมผัส โม่โฉวจดจำได้ทุกรายละเอียดบนเรือนร่างขาวผ่องของเมียรัก ที่ตอนนี้เขายอมรับอย่างเต็มปากแล้วว่านางคือเมียของเขา เมื่อไล้เลียร่างอวบจนพอใจแล้ว จึงได้เลื่อนตัวลงไปที่เนินอวบของนาง เขาขย้ำมันอย่างมันมือ มันอวบใหญ่จนล้นมือของเขา แม่ทัพหนุ่มฟอนเฟ้นมันจนพอใจแล้วจึงได้สอดนิ้วแกร่งของเขาเข้าไปทีละนิด เขาหยอกเย้านางด้วยการสอดนิ้วถูไถที่ปากทางเข้าและครูดผ่านเมล็ดดอกไม้ของนางไปมา ส่งผลให้ร่างอวบดิ้นพล่านด้วยความเสียวซ่าน นางทั้งดิ้นพล่านไปมาและโยกสะโพกอวบเข้าหานิ้วแกร่งของเขาเพราะนางเองก็เสียวจนเกินจะทนแล้ว แม่ทัพหนุ่มชักนิ้วแกร่งของเขาเข้าออกช้าๆแต่ไม่ยอมเร่งจังหวะเสียทีจนเยว่ซินโยกสะโพกอวบเข้าหานิ้วแกร่งของเขาอย่างบ้าคลั่งเพราะนางเสียวเหลือเกิน เสียวจนเกินจะทนแล้ว“ อ๊า อ๊าา ท่านพี่ ได้โปรด ข้าเสียว เสียวเหลือเกินอ๊ายย อ๊าา อ๊า ท่านพี่ รักข้า เดี๋ยวนี้ รักข้า ได้โปรด อ๊าา อ๊าา อ๊าย อ๊าาย ” นางตัดสินใจอ้อนวอนเขาเพราะนางเส
ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอแม่สื่อก็ประคองเจ้าสาวหมาดๆ เดินไปส่งถึงที่ห้องหอแล้วก็ให้นางนั่งรอเจ้าบ่าวอยู่บนเตียงวิวาห์เพียงผู้เดียว ชุ่ยเอ๋อเข้ามาพร้อมกับถาดไม้ที่มีขนมสองสามชิ้นกับน้ำชา เพื่อให้เจ้าสาวหมาดๆรองท้องก่อนที่เจ้าบ่าวจะมาเข้าหอ “ ตอนนี้ เจ้าบ่าวคงยังไม่มาเข้าหอหรอกเจ้าค่ะ ข้างนอกยังครึกครื้นกันอยู่เลย ”ชุ่ยเอ๋อบอกกับคุณหนูของนางที่ดูเหม่ยลอยเซื่อมซึม นางไม่ได้สดใสดังเช่นคนที่กำลังเป็นเจ้าสาวเลย เพราะนางไม่ได้รักเจ้าบ่าว นางให้พี่ชายของนางคือท่านอ๋องรุ่ยหยางเป็นคนตัดสินใจเลือกเจ้าบ่าวให้นาง หากเขาเห็นว่าดีนางก็ตกลง และยอมแต่งงานอย่างง่ายดายดังเช่นตอนนี้นางไม่มีหัวใจ ชุ่ยเอ๋อจ้องมองใบหน้างามที่เหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด แล้วถอนใจออกมา “ คุณหนูเจ้าค่ะ ในเมื่อตัดสินใจแต่งงานแล้ว วันนี้คือวันดีนะเจ้าค่ะ วันเริ่มชีวิตใหม่ ชุ่ยเอ๋ออยากให้คุณหนูมีความสุข ชุ่ยเอ๋อรับรองว่าเจ้าบ่าวหล่อเหลามาก ร่ำรวยมาก และเป็นชายที่แสนดีเจ้าค่ะ คุณหนูจะต้องรักเขาอย่างแน่นอน ” ชุ่ยเอ๋อนั้นได้รับคำสั่งจากพระชายาจางไม่ให้บอกกับคุณหนูของตนเรื่องเจ้าบ่าวที่แต่งงานกับนางในวันนี้ ปล่อยให้ทั้งสองปรับความเข้าใจกั