อวี้ชางจ้องมองใบหน้าอดีตคนรักนิ่ง นางนั้นได้มาเกิดใหม่ในร่างคุณหนูต้วนผู้นี้ได้สองปีมาแล้ว นับจากนางเสียชีวิตลงไปไม่นานนัก อยู่ๆวัหนึ่งนขณะที่นางกำลังเดินวนเวียนในหมอกควันสีขาวอยู่นั้น ก็มีลำแสงที่สว่างมากพวยพุ่งเข้ามาหานางและนางก็วูบหมดสติไป
แต่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็มาอยู่ในร่างของคุณหนูต้วนเย่วชิงผู้นี้ ที่นางนั้นร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก วันหนึ่งนางเป็นไข้และเป็นลมชักโดยที่ไม่มีใครเห็น ทำให้ชักจนหมดสติไป และวิญญาณของท่านหญิงอวี้ชางที่อธิษฐานจิตขอให้ได้พบกับคนรักของนางอีกครั้งก็มาเข้าร่างคุณหนูผู้นี้ในทันที
โดยที่ความทรงจำครั้งอดีตชาติที่เป็นท่านหญิงอวี้ชางยังอยู่ครบ แต่ไม่มีความทรงจำของคุณหนูต้วนอยู่เลย และนับจากที่นางได้มาเข้าร่างของคุณหนูต้วนผู้นี้ นางก็ปรับตัวและใช้ชีวิตเป็นคุณหนูผู้นี้จนเคยชินแล้ว นางมีโอกาสได้พบบิดาของคุณหนูผู้นี้เพียงไม่นานนัก แต่นางก็พยายามทำตัวให้เป็นบุตรสาวที่ดี เพราะนางสงสารเขามากที่ไม่รู้ว่าบุตรสาวตัวจริงของเขานั้นเสียชีวิตไปแล้ว และนางก็ไม่อาจจะบอกใครถึงเรื่องนี้ได้ เพราะแม้บอกไปแล้วใครจะเชื่อนางกัน แต่แล้วหลังจากบิดากลับไปทำงานที่จวนของแม่ทัพจางแล้ว วันหนึ่งก็มีคนมารับตัวของนางมาที่จวนใหม่แห่งนี้ และได้พบกับอดีตคนรักคือคุณชายจางหย่งเล่อ
และทันทีที่ได้รับรู้ว่ารองแม่ทัพต้วนที่เป็นบิดาของคุณหนูต้วนผู้นี้เสียชีวิตไปแล้ว นางก็เสียใจมาก เสียใจแทนพวกเขาพ่อลูก แต่ก็ไม่ถึงกับจะต้องร้องไห้จนหมดสติดังเช่นที่แสดงต่อหน้าชายคนรัก แต่ที่นางร้องไห้มากมายนั้นก็เพราะดีใจที่ได้พบหน้าชายคนรักของนางอีกครั้งและดีใจที่นางจะได้เข้ามาอยู่ในจวนของเขา ได้หวนคืนกลับมาอยู่ใกล้ๆเขาอีกครั้งอย่างแทบไม่เชื่อว่าจะมีวันที่เป็นไปได้อีก ตอนนี้อดีตคนรักของนางได้รับพระราชทานจวนใหม่หลังใหญ่มาก และได้เลื่อนยศขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคตะวันออกแล้ว
นางดีใจมากและต้องการใกล้ชิดกับอดีตคนรัก แต่ไม่รู้จะทำเช่นไร จะเข้าไปกอดเขาก็ไม่กล้า จึงได้แกล้งร้องไห้จนสลบไป และขอโทษขอโพยรองแม่ทัพต้วนกับคุณหนูต้วนอยู่ในใจที่นางทำเช่นนี้ เมื่อนางเป็นลมหมดสติลงตรงหน้าของเขา แม่ทัพจางก็จำต้องช้อนอุ้มตัวของนางขึ้นแนบอกแล้วพาเดินมายังเรือนหลังเล็กนี้ ระหว่างนี้อดีตท่านหญิงอวี้ชางก็ลอบสูดดมกลิ่นกายของชายคนรักและซุกหน้าของนางแนบอกแกร่งของเขาอย่างโหยหาเหลือเกิน พี่หย่งเล่อยอดรัก ข้ากลับมาแล้ว และข้าจะไม่จากท่านไปที่ใดอีก พี่หย่งเล่อยอดรักของอวี้ชาง นางรำพึงในใจขณะที่แนบร่างเข้ากับร่างแกร่งของอดีตคนรักให้มากที่สุด
“ ฟื้นแล้วหรือเยว่ชิง ต่อไปข้าจะรับอุปการะเจ้า แต่จะให้เรียกท่านพ่อก็คงจะไม่เหมาะนัก เพราะบิดาของเจ้านั้นมีวัยที่มากกว่าข้าเกือบสิบปี ถ้าเช่นนั้นให้เจ้าเรียกข้าว่าท่านอาก็แล้วกัน ต่อไปข้ารับเจ้าเป็นหลานสาว ให้เจ้าอาศัยอยู่กับข้าที่นี่ เจ้าอยู่ที่นี่ดังเช่นญาติคนหนึ่ง ไม่ใช่บ่าวไพร่นะ ริมฝีปากอวบอิ่มที่แดงระเรื่อนั้นบุ้ยขึ้นนิดๆ หลานสาวเช่นนั้นหรือ ” ขอบคุณท่านอามากนะเจ้าคะ ที่เมตตาเยว่เอ๋อ " แล้วนางก็เอนกายเข้ากอดรัดเอวเขา แล้วเอนกายพิงอกแกร่งของเขาเอาไว้ แล้วทำทีสะอื้นเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมา แต่ใบหน้าหวานกระจ่างนั้นไม่มีน้ำตาแม้สักหยด มีเพียงเสียงสะอื้นเท่านั้น
แม่ทัพหนุ่มขยับตัวด้วยความอึดอัด เขาอยากจะดันร่างอวบของนางออกไป แต่แล้วก็อดสงสารนางขึ้นมาไม่ได้ นางคงจะเสียใจมาก ที่เพิ่งรู้ข่าวว่าบิดาที่พึ่งเพียงคนเดียวของนางนั้นจากไปแล้ว นางกำลังเสียใจ คงจะเคว้งคว้างเพราะอยู่ๆก็ทราบข่าวร้ายของบิดา แม่ทัพหนุ่่มจึงได้ปล่อยให้นางกอดเอวเขาและซุกใบหน้าแนบอกแกร่งของเขาเอาไว้ อวี้ชางในร่างของคุณหนูต้วนยกยิ้มนิดๆ อย่างสมใจ ขออภัยท่านรองแม่ทัพและคุณหนูต้วนด้วยจริงๆ ข้าเพียงแค่ดีใจที่ได้พบคนรักของข้าที่ไม่คาดว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีก นางบอกกับพวกเขาอยู่ในใจ
เมื่อร่างอวบอิ่มนั้นกอดรัดเอวเขาเอาไว้เหมือนหาหลักพักพิงอยู่ครู่ใหญ่มาแล้ว แม่ทัพหนุ่มจึงได้ยกมือหนาขึ้นแกะมือบางของนางออกจากเอวสอบของตนเอง เยว่ชิงจึงจำต้องผละออกมาจากอกแกร่งที่แสนจะอุ่นของอดีตคนรัก เขาดึงร่างอวบของนางออกห่างตัวเขา เพราะมันไม่เหมาะสมนักที่ทั้งสองจะโอบกอดกันเนิ่นนานเช่นนี้ เพราะตอนนี้หลานสาวบุญธรรมหมาดๆ ของเขานั้นไม่ใช่เด็กๆแล้ว นางเติบโตเข้าสู่วัยสาวสะพรั่ง แถมยังดูเติบโตจนเกินวัยอีกด้วย
ร่างกายของหลานสาวหมาดๆนั้น อวบอิ่มขาวผ่องและดูงดงามปานจะล่มเมืองนี่ยังขนาดไม่สาวสะพรั่งเต็มที่ยังงามปานนี้ อีกหน่อยจวนของเขาจะต้องมีแต่แม่สื่อเทียวเข้าเทียวออกอย่างแน่นอน ไม่ต้องเกรงเลยสักนิดว่าจะได้อุปการะนางไปตลอดชีวิต เพราะไม่แน่อาจจะแค่เพียงไม่กี่ปีนางก็คงจะออกเรือนไปแล้ว แต่เขาจะทำหน้าที่แทนบิดาของนางอย่างเต็มที่แน่นอน จนกว่านางจะออกเรือนพ้นอกของเขาไป แม่ทัพจางครุ่นคิดขณะที่จ้องมองใบหน้าหวานของหลานสาวที่นัยน์ของนางนั้นจ้องมองเขานิ่ง และดูมีความห่วงหาอาวรณ์ซ่อนในนั้น มัันดูแปลก ๆ แต่แม่ทัพหนุ่มคิดว่าเขาคงจะคิดมากเกินไป นางแค่เพียงยังเศร้าโศกเรื่องบิดาของนางเพียงเท่านั้น สติจึงยังไม่คงที่นัก
“ เอาละ อาจะออกไปก่อน เจ้าควรจะนอนพักผ่อนให้สบายกว่านี้สักนิด เจ้ามีสาวใช้คนสนิทมาด้วยแล้วใช่หรือไม่ ต้องการสาวใช้เพิ่มอีกไหม แต่ไม่ต้องห่วงนะ อาจะให้พ่อบ้านจัดการให้สาวใช้มาทำความสะอาดดูแลเรือนหลังนี้อีกคนหนึ่ง ส่วนสาวใช้ที่ติดตามเจ้ามาให้นางดูแลแค่เพียงเจ้าเท่านั้นก็พอแล้ว ส่วนอาหารก็ไปกินกับอาที่เรือนของอาหรือไม่จะให้สาวใช้ของเจ้าไปยกมาจากในโรงครัวก็ได้ แล้วแต่เจ้าเลย หากต้องการอะไรหรือขาดเหลือสิ่งใดบอกกับอาหรือพ่อบ้านจางได้ อาไปก่อนนะ เจ้าพักผ่อนเถิด " แล้วแม่ทัพหนุ่มก็ลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไปจากห้องนอนของเยว่ชิงทันที ทิ้งให้ดวงตาเรียวยาวที่เปี่ยมไปด้วยน้ำตาคลอตานั้นมองตามแผ่นหลังหนานั้นไป จนลับตา
ผ่านไปแค่เพียงสองปีกว่าๆที่นางไม่ได้พบเขา เขาดูสูงสง่าขึ้น ดูเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวมากขึ้น พี่หย่งเล่อ ท่านจะรู้ไหมอวี้ชางอยู่ใกล้ๆท่านเพียงแค่นี้ นางมองตามเขาไปจนลับตาแล้ว จึงได้เอนกายพิงพนักหัวเตียง แล้วยกมือบางขึ้นเช็ดน้ำตา นางยิ้มออกมาน้้อยๆ แต่อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว กลับมาทวงคนรักของข้าคืนแล้ว แต่ เอ….เขามีภรรยาแล้วหรือไม่ มีคนรักใหม่แล้วหรือไม่กัน เรื่องนี้นางต้องรู้ให้ได้
ส่วนแม่ทัพหนุ่มนั้นหลังจากเดินออกมาจากเรือนหลังเล็กของหลานสาวบุญธรรมหมาดๆแล้ว เขาก็รู้สึกว่านางนั้นดูเย้ายวนและมีเสน่ห์จนเกินไป เขาคงจะต้องรักษาระยะห่างจากนางให้มากแล้ว นางเป็นสตรีที่อยู่ในวัยสาวสะพรั่งแล้วไม่ใช่เด็กเล็กๆที่เขาจะใกล้ชิดได้โดยไม่มีผู้คนครหา เขาไม่อยากจะให้นางแปดเปื้อนด้วยเรื่องฉาวโฉ่อันใด อยากจะเตรียมตัวนางให้เพียบพร้อม เพื่อต่อไปจะได้มีบุรุษฐานะดี มีเกียรติมาสู่ขอนาง เขาต้องการส่งนางไปให้สามีที่ดูแลนางได้ และต้องการให้ชีวิตต่อไปของนางมั่นคงที่สุด เพื่อชดเชยให้กับรองแม่ทัพต้วนที่เป็นทั้งสหายผู้พี่และคนสนิทของเขา
สองปีผ่านไปเจ้าตัวน้อยๆ ก็เริ่มเติบใหญ่วิ่งวุ่นไปมาในจวนและเผลอเป็นมิได้ต้องวิ่งออกไปนอกสนามและคอยจะวิ่งออกไปที่ประตูจวนตลอดเหมือนอยากจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก แต่พี่เลี้ยงที่มีสองคนต้องคอยจับตาเอาไว้ มิเช่นนั้นคุณหนูตัวน้อยๆจะวิ่งเร็วจี๋ไปทันที และเขาชอบปีนต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจเหมือนได้พันธุกรรมของบิดามาไม่น้อย เขาทำดังเช่นผู้มีวรยุทธ์ที่สามารถปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้สูงๆ ได้ทั้งๆ ที่ตัวนิดเดียว มารดาต้องคอยห้ามปรามจนเหนื่อยอ่อน ต้องให้ชุ่ยเอ๋อคอยมองและให้พี่เลี้ยงจับตาดูไว้ให้ดี แม่ทัพตัวน้อยนั้นโปรดปรานการเล่นกับองครักษ์ของบิดามาก วิ่งเล่นไล่กันสนุกสนาน และองครักษ์ก็สอนวรยุทธ์ให้แม่ทัพน้อยไปด้วย มารดาที่ตอนนี้จะวิ่งตามเจ้าตัวน้อยก็ไม่ไหวเพราะนางก็ท้องโย้ใหญ่มากใกล้้คลอดอีกคนแล้ว ท่านแม่ทัพจางลุ้นกันอย่างมาก เขาอยากจะได้บุตรสาวตัวอ้วนๆ ที่ผูกผมแกละสองข้าง มาวิ่งเล่นกับพี่ชายของนาง ส่วนพระชายาจาง พาบุตรฝาแฝดสองคนที่โตกว่า และมักจะพามาวิ่งเล่นกันน้องชายที่จวมแม่ทัพจางหลายๆครั้ง เพื่อให้เด็ก ๆ ได้สนิทสนมกันไว้หลังๆ มานี้พระชายากับเยว่ชิงสนิทสนมกันมากขึ้น มักจะนั่งคุยถึงอดีตแ
คุณหนูสาวที่เบื้องหน้าเป็นสตรีในชนชั้นสูง ฐานะร่ำรวย เป็นบุตรสาวของคหบดีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง เป็นที่หมายปองของบุรุษในวงสังคมชั้นสูงหลายๆคน นางเป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อมคนหนึ่งที่ชายหลายคนไม่อาจจะมองข้ามไปได้ง่ายๆ แต่เบื้องหลังไม่ใช่สาวไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ผุดผ่อง นางผ่านชายมาหลายคนแล้ว และยังใช้ความสาวความสวยของนางในการต่อรองผลประโยชน์ทางการค้ามานับครั้งไม่ถ้วน และครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่นางก็อดจะยอมรับไม่ได้ว่าครั้งนี้มันช่างสุขสมเหลือเกิน เหลียนซิงซิงพบว่านางหลงรักคุณชายหนุ่มที่แสนจะมีชั้นเชิงชายที่แพรวพราวกว่าบุรุษที่นางเคยผ่านมาไปเสียแล้ว ตอนแรกนางเพียงจะมายั่วเย้าเขาเล่นๆ เห็นเขาคลั่งไคล้อยากได้สตรีผู้นั้นนัก เพราะนางฟังเขารำพันถึงสตรีที่งามปานจะล่มเมืองผู้นั้นจนเบื่อหน่าย ครั้งนี้นางจึงอยากทดสอบเสน่ห์ของตนเองว่าจะสู้สาวน้อยผู้นั้นได้หรือไม่แต่มันกลับกลายเป็นว่านางชักจะหลงรักเสือร้ายอย่างเขาเข้าแล้ว ลีลารักของเขาทำเอานางติดใจเหลือเกิน คุณหนูสาวสวย ผลักคุณชายหนุ่มใหญ่ที่ตอนนี้กลายเป็นสามีหมาดๆ ของนางอีกคน ลงไปใต้ร่างของนางแล้วขึ้นโยกขย่มเขาอย่างเร่าร้อน ทั้งสอ
เมื่อทั้งสองก้าวเข้าไปในห้องที่กว้างขวางไม่น้อย ใหม่เอี่ยมและดูหรูหรามาก ในห้องนี้มีโต๊ะกลมตัวใหญ่และมีเก้าอี้ล้อมรอบประมาณห้าตัว คงจะเอาไว้นั่งทานอาหารและสังสรรค์กันยามที่มีสหายมาเยี่ยมเยือน ชุดโต๊ะกลมนี้ตั้งอยู่ตรงหน้าพวกเขาเมื่อเดินเข้าไป ส่วนลึกเข้าไปเป็นโต๊ะบัญชีที่อยู่ริมหน้าต่างบานหนึ่ง ด้านหลังโต๊ะบัญชีเป็นชั้นวางของที่ดูแล้วน่าจะเป็นของที่ล้ำค่าราคาแพงที่น่าจะเป็นของสะสมของคุณชายเสิ่นวางเรียงกันเอาไว้บนชั้น ส่วนด้านขวามืออีกด้านมีม่านสีเงินยาวหนาหนักที่ยาวจากเพดานจรดพื้นกั้นเอาไว้ เป็นสัดส่วนน่าจะเป็นห้องนอนของคุณชายเสิ่น ส่วนอีกด้านเป็นตั่งไม้ตัวใหญ่ที่วางเกือบจะชิดผนังและมีหมอนใบใหญ่ปักลวดลายดอกไม้วางเรียงรายอยู่บนตั่งนั่น ข้างตั่งไม้มีโต๊ะเล็กที่วางชุดป้านน้ำชาและแจกันดอกไม้“ ข้ามีสุราชั้นดีติดมาด้วย เจ้ามาลองชิมดูสักหน่อยว่าใช้ได้หรือไม่ หากรสดี ข้าจะสั่งให้เขานำเข้ามาขายที่เมืองนี้ ” คุณชายเสิ่นเดินนำคุณหนููเหลียนตรงไปที่โต๊ะกลมตัวใหญ่ที่มีกาสุราและถ้วยหลายใบวางเอาไว้ในถาดใบเล็กใกล้ๆกัน คุณหนูเหลียนทรุดตัวลงนั่ง ที่เก้าอี้ข้างๆคุณชายเสิ่นแล้วยกกาสุรานั้นเทลงในถ
ทั้งสองร้องครวญครางผสานกันดังก้องในห้องนั้น “ อวี้ชาง เมียรักของผัว พี่รักเจ้าเหลือเกิน เมียรัก อ๊าก อ๊าก อ๊าาก ” แม่ทัพหนุ่มสารภาพความในใจของเขาที่มันอัดแน่นอยู่ในนี้ตลอดมาออกไป ให้นางได้รับรู้นับครั้งไม่ถ้วนมาแล้วในค่ำคืนนี้ ขณะนีี้สตรีใต้ร่างของเขานี้คือเมียรักของเขาเพียงผู้เดียว ในที่สุดเขาและนางก็ได้แต่งงานกันอย่างถูกต้อง นางคือฮูหยินหนึ่งเดียวของเขา เขารักนาง และสุขสมยิ่งนักเมื่อได้สมรักกับนางเพียงผู้เดียวเท่านั้น ทั้งสองต่างหลงลืมเรื่องอื่นๆ ไปสิ้นโลกของพวกเขา มีเพียงกันและกัน ต่างโยกสะโพกเข้าหากันเป็นจังหวะเดียวกัน เพราะพบคู่ที่ตามหากันมานาน ในที่สุดก็ได้สมรักกัน เสียงเตียงกระแทกผนังดังสนั่น และมันโยกไหวใต้ร่างของทั้งสอง เสียงครวญครางผสานกันเสียงดังอย่างมิสนใจสิ่งใดแล้ว เพราะตอนนี้โลกของพวกเขามีเพียงกันและกันเพียงเท่านั้น ทั้งสองต่างก็ปลดปล่อยตัวตนออกมาอย่างเต็มที่เพราะบัดนี้รู้แล้วว่าทั้งสองคือสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดต้องค้างคาใจกันอีกแล้ว ทั้งเขาและนางต่างก็เป็นของกันและกัน ไม่มีผู้ใดมากั้นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองอีกแล้ว เสียงแห่งความสุขสมทั้งหมดดังออก
แม่ทัพหนุ่มทั้งดูดดื่มทั้งไล้เลียผลอิงเถาของนาง เขาฟอนเฟ้นอกอวบใหญ่ของนางจนพอใจ จึงได้ไล้เลียลงไปจนทั่วร่างอวบของนาง ไม่มีส่วนไหนในร่างกายขาวผ่องนี้ที่เขายังไม่ได้สัมผัส โม่โฉวจดจำได้ทุกรายละเอียดบนเรือนร่างขาวผ่องของเมียรัก ที่ตอนนี้เขายอมรับอย่างเต็มปากแล้วว่านางคือเมียของเขา เมื่อไล้เลียร่างอวบจนพอใจแล้ว จึงได้เลื่อนตัวลงไปที่เนินอวบของนาง เขาขย้ำมันอย่างมันมือ มันอวบใหญ่จนล้นมือของเขา แม่ทัพหนุ่มฟอนเฟ้นมันจนพอใจแล้วจึงได้สอดนิ้วแกร่งของเขาเข้าไปทีละนิด เขาหยอกเย้านางด้วยการสอดนิ้วถูไถที่ปากทางเข้าและครูดผ่านเมล็ดดอกไม้ของนางไปมา ส่งผลให้ร่างอวบดิ้นพล่านด้วยความเสียวซ่าน นางทั้งดิ้นพล่านไปมาและโยกสะโพกอวบเข้าหานิ้วแกร่งของเขาเพราะนางเองก็เสียวจนเกินจะทนแล้ว แม่ทัพหนุ่มชักนิ้วแกร่งของเขาเข้าออกช้าๆแต่ไม่ยอมเร่งจังหวะเสียทีจนเยว่ซินโยกสะโพกอวบเข้าหานิ้วแกร่งของเขาอย่างบ้าคลั่งเพราะนางเสียวเหลือเกิน เสียวจนเกินจะทนแล้ว“ อ๊า อ๊าา ท่านพี่ ได้โปรด ข้าเสียว เสียวเหลือเกินอ๊ายย อ๊าา อ๊า ท่านพี่ รักข้า เดี๋ยวนี้ รักข้า ได้โปรด อ๊าา อ๊าา อ๊าย อ๊าาย ” นางตัดสินใจอ้อนวอนเขาเพราะนางเส
ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอแม่สื่อก็ประคองเจ้าสาวหมาดๆ เดินไปส่งถึงที่ห้องหอแล้วก็ให้นางนั่งรอเจ้าบ่าวอยู่บนเตียงวิวาห์เพียงผู้เดียว ชุ่ยเอ๋อเข้ามาพร้อมกับถาดไม้ที่มีขนมสองสามชิ้นกับน้ำชา เพื่อให้เจ้าสาวหมาดๆรองท้องก่อนที่เจ้าบ่าวจะมาเข้าหอ “ ตอนนี้ เจ้าบ่าวคงยังไม่มาเข้าหอหรอกเจ้าค่ะ ข้างนอกยังครึกครื้นกันอยู่เลย ”ชุ่ยเอ๋อบอกกับคุณหนูของนางที่ดูเหม่ยลอยเซื่อมซึม นางไม่ได้สดใสดังเช่นคนที่กำลังเป็นเจ้าสาวเลย เพราะนางไม่ได้รักเจ้าบ่าว นางให้พี่ชายของนางคือท่านอ๋องรุ่ยหยางเป็นคนตัดสินใจเลือกเจ้าบ่าวให้นาง หากเขาเห็นว่าดีนางก็ตกลง และยอมแต่งงานอย่างง่ายดายดังเช่นตอนนี้นางไม่มีหัวใจ ชุ่ยเอ๋อจ้องมองใบหน้างามที่เหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด แล้วถอนใจออกมา “ คุณหนูเจ้าค่ะ ในเมื่อตัดสินใจแต่งงานแล้ว วันนี้คือวันดีนะเจ้าค่ะ วันเริ่มชีวิตใหม่ ชุ่ยเอ๋ออยากให้คุณหนูมีความสุข ชุ่ยเอ๋อรับรองว่าเจ้าบ่าวหล่อเหลามาก ร่ำรวยมาก และเป็นชายที่แสนดีเจ้าค่ะ คุณหนูจะต้องรักเขาอย่างแน่นอน ” ชุ่ยเอ๋อนั้นได้รับคำสั่งจากพระชายาจางไม่ให้บอกกับคุณหนูของตนเรื่องเจ้าบ่าวที่แต่งงานกับนางในวันนี้ ปล่อยให้ทั้งสองปรับความเข้าใจกั