ログインทั้งสองพูดคุยปรับความเข้าใจพักใหญ่ จนถึงเวลากินข้าวเย็นพากันเดินลงมา พูดคุยกันอย่างชื่นมื่น จนแม่เฟิ่งที่นั่งอยู่โต๊ะอาหารต้องแปลกใจจู่ ๆ หลี่เหมยทำไมถึงเปลี่ยนความคิดแถมทั้งสองยังดูเหมือนรักกันมากกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ ครั้นนั้นเธอก็คิดขึ้นมาได้ว่าทั้งหมดล้วนแต่เป็นแผนการของหลี่เหมยแน่ ๆ ที่เรียกร้องความสนใจ
‘น่าเจ็บใจนักที่ฉันเสียรู้นังหลี่เหมยเข้าจนได้ แผนการหนีออกจากบ้านต้องเป็นแผนของมันแน่ ๆ ที่ทำให้เจี้ยนเฉินเกลียดฉัน ต่อจากนี้ฉันจะไม่โง่เชื่อเธออีกเด็ดขาด จะทำทุกทางเพื่อเปิดหน้ากากของแกให้เจี้ยนเฉินได้เห็นว่าแกมันร้ายแค่ไหน’
“ฮึ ฮึ มารยาเยอะจริงๆ นะแสร้งทำเป็นอยากหนีออกไปเพื่อให้ลูกชายของฉันตามกลับมา เรียกร้องความสนใจช่างน่าสมเพชจริง ๆ”
“คุณแม่ครับ ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าพูดจาแบบนี้กับหลี่เหมยเรื่องที่คุณแม่ทำอะไรไว้กับเธอผมรู้หมดทุกอย่างแล้ว อีกไม่นานผมจะแยกออกไปอยู่ที่อื่น ผมไม่รู้หรอกนะครับทำไมคุณแม่ถึงไม่ชอบหลี่เหมย เธอแสนดีและเป็นคนช่วยชีวิตของลูกชายคุณแม่เอาไว้ แทนที่คุณแม่จะดีกับเธอแต่กลับรังแกหลี่เหมยตลอดมา ตอนนี้ผมจะอดทนอยู่ที่นี่จนกว่าจะหาบ้านได้เมื่อไหร่เราสองคนจะย้ายออกทันที”
“เจี้ยนเฉิน นี่ลูกเลือกมันมากกว่าแม่หรือ ? แม่ไม่เคยทำอะไรหลี่เหมยสักนิดหรือว่าลูกหลงคำพูดของมัน มันเป่าหูเพื่อให้ลูกเกลียดแม่ แม่จะไปทำอย่างนั้นกับมันได้อย่างไร ลูกต้องเชื่อแม่นะเจี้ยนเฉิน”
“ไม่จริงค่ะ คุณแม่รังแกกลั่นแกล้งฉันอยู่เสมอ ไม่ให้ฉันได้กินข้าวดี ๆ สักวันงานในบ้านทุกอย่างมอบให้ฉันทำทั้ง ๆ ที่มีสาวใช้มากมาย เรื่องนี้ฉันไม่เคยบอกกับเจี้ยนเฉินเลย เขารู้มาเองต่างหาก ทำไมคุณแม่ถึงได้จงเกลียดจงชังฉันได้ขนาดนี้คะ หรือเพราะฉันมาจากชนบทคุณแม่เลยไม่ชอบใจไม่เหมือนเสี่ยวลี่” หลี่เหมยบีบน้ำตากระซิก ๆ ต่อหน้าเจี้ยนเฉินทำให้แม่เฟิ่งใบหน้าซีดเผือด รีบพูดแย้งขึ้นมา
“ไม่จริง ! นังหลี่เหมยมันจะเกินไปแล้วนะ เห็นลูกชายของฉันเข้าข้างหน่อยทำเป็นบีบน้ำตาโกหกหน้าด้าน ๆ”
ปัง !! มือหนาตบลงบนโต๊ะอาหารเสียงดังทำให้ทุกคนหยุดเงียบไม่มีใครกล้าจะพูดต่อ
“หยุดเถอะครับยิ่งคุณแม่เป็นอย่างนี้ผมยิ่งจะพาหลี่เหมยออกไปจากที่นี่ในเร็ววัน คำพูดคำจาของคุณแม่ที่เรียกเธอก็แทบจะไม่ให้เกียรติแล้ว อย่างนี้คุณแม่จะบอกว่าไม่เคยรังแกหลี่เหมยหรือครับ ผมไม่ใช่คนโง่ที่มองไม่ออกนะครับ ”
“เจี้ยนเฉินไม่ใช่นะ ไม่ใช่อย่างนั้น”
“หลี่เหมยเราออกไปกินข้าวนอกบ้านกันเถอะ วันนี้ข้าวในบ้านไม่น่ากินสักนิด” เจี้ยนเฉินโมโหจับมือของหลี่เหมยเดินหนีคุณแม่ออกไปข้างนอก หลี่เหมยหันมองไปด้านหลังแสยะยิ้มอย่างนางมารร้ายให้แก่แม่เฟิ่งอย่างผู้ชนะ การแก้แค้นของเธอเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“กรี๊ด ๆ ๆ ๆ นังหลี่เหมย นังบ้า แกมันร้ายร้ายยิ่งกว่างูพิษเสียอีก ป้าหลินเห็นหรือไม่เมื่อครู่มันหันมายิ้มเยาะเย้ยฉัน มันเสแสร้งให้เจี้ยนเฉินเกลียดฉัน”
“ฉันไม่เห็นเลยค่ะคุณนาย จะกินต่อมั้ยคะหรือจะให้ฉันเก็บโต๊ะ”
“ฮึ่ย ! น่าโมโหนักอยากทำอะไรก็ทำฉันกินไม่ลงแล้ว คอยดูเถอะฉันจะเป็นคนจัดการให้เธอออกจากที่นี่อย่างไร้เกียรติเอง” แม่เฟิ่งลุกขึ้นเดินสะบัดอย่างโมโหไปที่ห้องของตนเองไปโทรศัพท์หาเสี่ยวลี่เพื่อวางแผนกำจัดหลี่เหมย
ฝั่งด้านหลี่เหมย เธอเดินตามหลังเขาออกมาด้านนอก ก่อนจะสวมกอดเขาจากด้านหลังพลางพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ขอบคุณนะคะที่ปกป้องฉัน ฉันคิดว่าคุณจะไม่กล้าปกป้องฉันจากแม่ของคุณเสียอีก” เจี้ยนเฉินจับมือของหลี่เหมยออกจากเอวของตนก่อนจะหันมาหาเธอ ยกมือขึ้นมาจับใบหน้านวลเช็ดน้ำตาให้เธอย่างเบามือ
“ฉันสัญญากับเธอแล้วอย่างไรว่าฉันจะไม่มีทางให้คุณแม่รังแกเธอได้อีก อย่าร้องและหวาดกลัวไปเลยต่อจากนี้จะมีฉันคอยเคียงข้างเธอเสมอ ” ร่างบางยกมือมาจับมือของเขาที่อยู่บนใบหน้าของเธอก่อนจะยิ้มหวานให้แก่เขา
“ต่อจากนี้ฉันจะเชื่อใจคุณ ขอบคุณนะคะที่รักฉันมากขนาดนี้” เพียงร่างเล็กยิ้มหวานส่งมาหัวใจของเจี้ยนเฉินเต้นตึกตักก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบเธออย่างดูดดื่ม อย่างห้ามอกห้ามใจไว้ไม่ได้ ความหอมหวานที่ไม่ได้เชยชมมาเนิ่นนานทำให้เขาแทบคลั่งไม่อยากจะถอนริมฝีปากออกจากเธอแม้แต่น้อย แต่ทว่าร่างบางกำลังหายใจติดขัด เขาค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง
“แฮ่ก ๆ ฉันเกือบขาดใจตายเพราะคุณเสียแล้ว”
“เพราะเธอนะสิยั่วยวนฉันจนฉันไม่อยากจะพาไปกินข้าวแต่อยากพากลับเข้าห้องแล้วล่ะ ฉันคิดถึงเธอมากนะหลี่เหมย เฝ้ารอวันเวลาที่จะกลับมาในแต่ละวันมันเนินนานเสียจริง เราออกไปกินข้าวที่ภัตตาคารใกล้ ๆ นี่กันเถอะ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจพาเธอกลับขึ้นห้องจริง ๆ”
“อื้ม ” หลี่เหมยพยักหน้าแสร้งทำเป็นเขินอาย ก่อนจะเดินตามเขาไปที่รถยนต์วันนี้เขาไม่ได้ให้หม่าถงพาออกไปเพราะไม่อยากรบกวนเวลาพัก เขาจึงเป็นขับรถพาเธอออกไปข้างนอกเพียงสองคนเท่านั้น
ฝั่งด้านเฟิ่งซินหนานเธอปรึกษากับเสี่ยวลี่ พรุ่งนี้เช้าเสี่ยวลี่จะเดินทางมาที่นี่เพื่อวางแผนจัดการกับหลี่เหมยเมื่อได้ปรึกษาและเห็นหนทางออกทำให้ซินหนานสบายใจขึ้นมาบ้าง
“แผนที่หนูเสี่ยวลี่พูดมาก็เข้าท่าดี ฮึ ฮึ อีกไม่นานแล้วฉันจะได้ลูกสะใภ้คนที่ฉันอยากได้เมื่อนั้นนังหลี่เหมยต้องออกไปจากบ้านเฟิ่ง แค่คิดฉันก็มีความสุขแล้วเมื่อไหร่วันนั้นจะมาถึงนะ ตอนนี้ฉันมีความสุขรีบเข้านอนดีกว่าจะได้ตื่นแต่เช้ารอหนูเสี่ยวลี่มาหา” แม่เฟิ่งยืนกอดอกหัวเราะออกมาอย่างชอบใจก่อนจะเดินไปปิดไฟเข้านอนรอฟ้าสว่าง
ตอนที่ 26 ตะวันขึ้นใหม่ในทุก ๆ เช้าบ้านตระกูลเฟิ่ง หลังจากหย่ากับหลี่เหมยสามวัน เขาก็ได้เขาพิธีแต่งงานกับเสี่ยวลี่อย่างเรียบง่าย ตอนนี้เสี่ยวลี่เผยธาตุแท้ให้ทุกคนในบ้านได้เห็น จนแม่เฟิ่งเอือมระอาสาวใช้พากันลาออกกันทีละคน จนตอนนี้ในบ้านเปลี่ยนสาวใช้หลายสิบคนภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน ในแต่ละวันมีแต่เรื่องวุ่นวายทำให้แม่เฟิ่งแทบไม่มีความสุขไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเมื่อก่อน ทุกข์ระทมจนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ เจี้ยนเฉินลาออกจากตำแหน่งนายพลวัน ๆ เอาแต่คลุกตัวอยู่ในห้อง ดื่มเหล้าจนกลายเป็นคนติดเหล้าและพร่ำเพ้อคิดถึงแต่หลี่เหมยทุก ๆ วัน“นี่คงเป็นเวรกรรมที่ฉันได้ทำกับหลี่เหมยสินะ บ้านตระกูลเฟิ่งที่เคยร่ำรวยรุ่งเรือง กลายเป็นบ้านที่มีเรื่องวุ่นวายไม่มีความสุข มีเงินมากเท่าไหร่ก็ถูกเสี่ยวลี่ผลาญไปจนเกือบจะหมด เป็นเพราะฉันแท้ ๆ คำพูดของหลี่เหมยที่บอกฉันไม่มีสิ่งไหนเลยที่เธอพูดผิด ตอนนี้ฉันสำนึกแล้ว ฉันไม่น่าเลย ไม่น่าละทิ้งเพชรเพื่อคว้าก้อนกรวดเข้าบ้านเลย”“บ่นอะไรอยู่คนเดียวคะ คุณแม่ฉันสั่งโต๊ะกินข้าวมาใหม่ไม่นานคงเข้ามาส่ง คุณแม่จัดการจ่ายให้ด้วยนะคะ ตัวเก่ามันโบราณเกินไปไม่เข้ายุคสมัย ฉันเอาออ
ตอนที่ 25 ชีวิตใหม่หัวใจของหลี่เหมยเต้นแรงระรัว สองเท้าก้าวเข้ามาในศาลกว้างใหญ่ พร้อมกับทนายคนเมื่อวานวันนี้มีป้าหลินมาคอยยืนเคียงข้างเธอเพื่อเป็นพยานฟ้องหย่าในครั้งนี้ด้วย ไม่นานคนตระกูลเฟิ่งก็เดินเข้ามาด้านใน หลี่เหมยไม่มองแม้เพียงหางตา เมื่อทุกฝ่ายมาครบผู้พิพากษาก็เดินเข้ามาในห้องโถงขนาดใหญ่ เอ่ยคำเปิดศาลและฟังทนายของแต่ละฝั่ง โดยให้ฝ่ายหลี่เหมยเป็นคนร้องทุกข์ก่อน และให้ฝ่ายของเจี้ยนเฉินแย้งคำพูดของทนายทว่าฝ่ายของเจี้ยนเฉินน้อมรับทุกคำขอของหลี่เหมยทุกอย่างไม่ว่าเธอต้องการเรียกร้องอะไร จนกระทั่งทนายเอ่ยฟ้องชู้ของสามี เสี่ยวลี่ร้อนรนด้วยความตกใจ เพราะไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ ที่หลี่เหมยเป็นคนเรียกร้อง“ศาลที่เคารพฉันขอแย้งค่ะ เรื่องการฟ้องหย่าใช่ว่าฉันจะเต็มใจเรื่องที่ฉันนอนกับเฟิ่งเจี้ยนเฉินและเราพึ่งจะพลาดนอนด้วยกันเพียงแค่ครั้งเดียว ทำไมถึงได้เรียกร้องมากมายขนาดนี้ อีกอย่างฉันเองก็เป็นผู้ถูกกระทำ เพราะเฟิ่งเจี้ยนเฉินนะคะ”“เสี่ยวลี่เธอพูดเรื่องอะไร ต้องการอับอายไปถึงเมื่อไหร่แค่นี้ยังอายไม่พอหรือไง” แม่เฟิ่งกุมขมับปวดหัวกับสิ่งที่เสี่ยวลี่พูดออกไปต่อหน้าทุกคนอย่างไม่อายปากแม้
ตอนที่ 24 ฟ้องหย่า บ้านตระกูลเฟิ่ง ตั้งแต่เกิดเรื่องแม่เฟิ่งก็เปลี่ยนไปจากเดิม เธอไปหาหลี่เหมยที่โรงพยาบาลแต่ไม่กล้าเข้าไปเยี่ยมเพียงแค่ถามอาการจากพยาบาลเท่านั้น ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเธอจัดการจ่ายให้หลี่เหมยทั้งหมดและฝากให้พยาบาลดูแลเธอเป็นอย่างดี ใบหน้าของแม่เฟิ่งหม่นหมองจนเห็นได้ชัด เธอกำลังกลับบ้านหลังจากจ่ายเงินค่ารักษาตัวของหลี่เหมย เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลังต้องหยุดเท้าชะงักหันไปมอง“คุณนายมาทำอะไรที่นี่คะ หรือว่ามาเยี่ยมคุณหลี่เหมย”ป้าหลินกำลังเดินกลับจากซื้อของใช้ให้หลี่เหมยเห็นด้านหลังคุ้นๆ เหมือนคุณผู้หญิงคิดว่าตัวเองตาฝาดจึงรีบสาวเท้าเดินเร็วกว่าเดิมจึงได้รู้ว่าเป็นคุณนายจริง ๆ “ฉันไม่ได้มาเยี่ยมหลี่เหมยหรอก จะเอาหน้าที่ไหนเข้าไปหาเธอกันแล้วนี่เธอก็มาเยี่ยมหลี่เหมยสินะ”“ใช่ค่ะ อย่างนั้นฉันขอตัวนะคะ” ป้าหลินไม่ได้ถามอะไรต่อเห็นใบหน้าซูมโทรมของนายหญิงเธอคงมีเรื่องให้คิดมากมาย แต่อย่างไรก็ไม่มากเท่าคุณหลี่เหมยที่พบเจอตอนนี้แน่นอน เธอไม่มีความสงสัยและเห็นใจสักนิดเพราะทุกอย่างเป็นผลจากการกระทำของตัวคุณนายเอง แอ้ด ! เสียงประตูเปิดเข้ามาด้านใน หมี่เหมยเปลี่ยน
ตอนที่ 23 ไม่อาจรักษาไว้เวลาผ่านไปพักใหญ่ในห้องฉุกเฉินวุ่นวายพยาบาลเดินไปเดินมา ใจของเจี้ยนเฉินเองไม่สงบสุขกระวนกระวายเป็นห่วงหลี่เหมยจับใจ จนกระทั่งคุณหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินเข้ารีบเข้าไปถามทันที“คุณหมอครับภรรยาของผมเป็นอย่างไรบ้าง ลูกของผมยังปลอดภัยดีใช่มั้ยครับ”“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ทางเราไม่สามารถช่วยเหลือเด็กได้ เพราะร่างกายได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงอีกทั้งจิตใจของคุณหลี่เหมยก็ได้รับการกระทบกระเทือน เราทำเต็มที่แล้วตอนนี้คุณหลี่เหมยพ้นขีดอันตรายต้องนอนให้เลือดและดูอาการอีกสักระยะครับ” สิ้นคำพูดของหมอเหมือนแสงสว่างที่เคยเจิดจ้ามืดสนิท หูของเจี้ยนเฉินอื้ออึงไปหมด ร่างกายไร้เรี่ยวแรงจนหม่าถงยืนอยู่ใกล้ ๆ ต้องมาประคองให้นั่งลงที่เก้าอี้“หม่าถงฉันได้ยินผิดไปใช่มั้ย? บอกฉันทีว่าฉันได้ยินผิดไป หรือว่านี่คือความฝัน มันเป็นฝันร้ายช่วยปลุกฉันให้ตื่นเสียที”“ผมเสียใจด้วยนะครับ” หม่าถงตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาย้ำให้เจี้ยนเฉินรู้สิ่งที่เขาได้ยินมันคือความจริงมิใช่ฝันร้าย ป้าหลินเดินทางมาที่โรงพยาบาลรู้อาการของหลี่เหมยตอนนี้จึงอาสาที่จะอยู่เฝ้าหลี่เหมยเอง อย่างไรต้องมีคนคอยดูแลยิ่
ตอนที่ 22 จบสิ้นทุกอย่าง“เจี้ยนเฉินแม่ขอโทษ แม่ขอโทษ” แม่เฟิ่งทรุดตัวลงกับพื้นน้ำตาไหลอาบแก้ม เจี้ยนเฉินหันไปถามหลี่เหมยด้วยความเป็นห่วง“หลี่เหมยเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”“ฉันไม่เจ็บนักหรอก ในเมื่อคุณมาแล้วก็ดีฉันจะออกไปอยู่ที่อื่น คุณจัดการเรื่องที่บ้านเสร็จแล้วอีก 2 วันมาพบกันที่อำเภอ” เจี้ยนเฉินไม่อยากเธอจากเขาไปทั้งแบบนี้ เขาทรุดตัวลงกับพื้นกอดขาของเธอเอาไว้แน่นอ้อนวอนเธอด้วยความรักที่เขามีต่อเธอทั้งหมด“หลี่เหมยขอร้องล่ะ อย่าไปจากฉันเลยนะ ฉันคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ ฉันยอมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหรือหน้าตาทางสังคมขอเพียงแค่เธอยอมให้อภัยยกโทษให้ฉัน ฉันจะละทิ้งทุกอย่างไปใช้ชีวิตอย่างที่เราเคยคาดหวังเอาไว้ ได้โปรดคิดทบทวนอีกครั้งได้มั้ย” หลี่เหมยเคล้นหัวเราะออกมาอย่างขบขันนี่นะหรือเจี้ยนเฉินนายพลผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้กำลังอ้อนวอนขอให้เธอให้อภัย ไม่ต่างจากเธอชาติที่แล้วเธออ้อนวอนแทบก้มลงแนบเท้าของเขาให้เขาฟังเธออธิบายแต่เขาให้เธอเพียงความเย็นชาและคำพูดตัดขาดเยื่อใย ครั้งนี้เธอจะทำให้ได้เหมือนเขาบ้างแม้จะรักเขามากเพียงใด แต่ตอนนี้เธอขอรักตัวเองและลูกจะดีกว่า“หยุดเถอะ เอามือออกจากขาของฉั
ตอนที่ 21 ไม่สมควรเป็นแม่คนฝั่งด้านเจี้ยนเฉิน หลังจากที่หม่าถงพาตัวออกมาเขาก็นั่งดื่มเฝ้าคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในใจคิดว่ามันเป็นความผิดของเขาเองและเป็นความผิดของคุณแม่ เขาไม่อยากจะปล่อยมือจากหลี่เหมยไปเลย แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่ทีหนทางที่จะยื้อเธอเอาไว้ ความผิดครั้งนี้ยิ่งใหญ่จริง ๆ “หม่าถงเอามาอีก ฉันอยากกินจนเมาหลับไปเลยไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้น”“ท่านนายพลจะให้ผมตรวจสอบมั้ยครับว่าเกิดเรื่องนั้นขึ้นได้อย่างไร อาจจะพออธิบายกับคุณหลี่เหมยได้ ”“ไม่ ! ต่อให้ตรวจสอบและรู้ว่าเป็นแผนของคุณแม่กับเสี่ยวลี่ทุกอย่างก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพราะฉันนอนกับเสี่ยวลี่ไปแล้วจริง ๆ เอาเหล้ามาอีก เอามาจนกว่าฉันจะเมาจนสลบไป หากฉันไม่ตื่นมาเลยคงจะดีไม่น้อย ฉันไม่อยากจะเผชิญหน้ากับหลี่เหมยเลย กลัวกลัวว่าฉันจะไม่อยากปล่อยเธอไป กลัวจะดึงรั้นเธอเอาไว้ในอ้อมกอด หรือฉันจะพาเธอหนีไปอยู่ที่อื่นกักขังเธอเอาไว้ให้อยู่ข้างกายฉันตลอดไป ”“นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีครับ อย่าทำร้ายจิตใจคุณหลี่เหมยไปมากกว่านี้อีกเลย หากคุณรักเธอผมว่าปล่อยเธอไปอย่างที่เธอต้องการจะดีกว่า” พูดจบหม่าถงเดินออกไปจากบ้านพักที่ป้าห







