ログインรุ่งเช้าวันต่อมา
ร่างบางขยับกายเล็กน้อยรู้สึกถึงแขนแกร่งที่อยู่บนตัวของเธอ เมื่อคืนกลับจากร้นนอาหารเขาและเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแม้ว่าจะไม่ได้อยากกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่นี่ก็เป็นแผนการหนึ่งของเธอที่ทำให้เขาไม่เอะใจ เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองใบหน้าที่นอนหลับอยู่ หากเขาไม่เป็นคนหูเบาและขับไล่เธอไปหาความตาย ตอนนี้จะเป็นอย่างไรนะ
"ตื่นแล้วหรือ? นอนต่ออีกหน่อยสิ"
"ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบตื่นสายเท่าไหร่ วันนี้อยากจะออกไปข้างนอกเสื้อผ้าที่มีอยู่ในตู้มันเก่าคร่ำครึ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ไม่เคยมีเสื้อผ้าชุดใหม่ใส่เลย อีกอย่างได้ยินคุณแม่พูดไม่กี่วันก่อนจะถึงงานไหว้บรรพบุรุษฉันอยากดูดีเคียงข้างคุณค่ะ"
เจี้ยนเฉินคิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะยันกายลุกขึ้นจากเตียงนอน
"ฉันทำผิดพลาดกับเธออีกแล้ว พาเธอมาที่นี่แต่ไม่เคยสนใจความเป็นอยู่เลย เอาอย่างนี้แล้วกันวันนี้เธอเอาบัตรของฉันไปเลือกซื้อเสื้อผ้านะไม่ต้องเกรงใจอยากได้เท่าไหร่หรือชอบชุดไหนเอามาได้หมดไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าหรือเครื่องสำอางฉันจะให้หม่าถงเป็นคนพาเธอไปเอง" หลี่เหมยลุกขึ้นดวงตาลุกวาว เมื่อเขายื่นบัตรให้แก่เธอ ก่อนจะสวมกอดเขาอย่างดีใจ
"ขอบคุณนะคะ "
"จะขอบคุณทำไมกันเงินสามีก็เหมือนเงินภรรยา วันนี้ฉันมีงานที่ต้องไปทำแต่เช้าเธอนอนต่ออีกสักหน่อยค่อยลุกเถอะนะ เมื่อคืนฉันทำเธอรันแรงไปหน่อยกว่าจะได้หลับเกือบเช้า ถือว่าเป็นการขอโทษแล้วกัน" เจี้ยนเฉินหอมแก้มร่างบางก่อนจะลักขึ้นหยิบผ้าไปอาบน้ำล้างตัว ส่วนหลี่เหมยนอนตามที่เขาบอกเธอคิดแผนการใช้เงินในครั้งนี้ พลางลูบหน้าท้องเบา ๆ
'ลูกน้อยต่อจากนี้แม่จะทำทุกอย่างให้เราสุขสบายจะเลือกซื้อของที่สามารถขายต่อได้ในอนาคตเมื่อไหร่ที่วันไหว้บรรพบุรุษมาถึง เราสองแม่ลูกจะหลุดพ้นจากบ้านหลังนี้เสียที'
ไม่นานเจี้ยนเฉินออกจากบ้านไปทำงานตามที่เขาบอกไว้กับเธอโดยขับรถส่วนตัวออกไป ส่วนรถราชการที่หม่าถงเอามาขับวันก่อนเขาสั่งการให้พาหลี่เหมยออกไปซื้อของในวันนี้และก็จับตามองกลัวว่าเธอจะหาทางหนีเขาไปอีก ไม่ใช่ไม่ไว้ใจแต่เขากันเอาไว้ก่อน
ดวงตะวันเริ่มสาดส่องเข้ามาในห้อวนอน หลี่เหมยลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวทาลิปสติกสีแดงสดอย่างไม่เคยทามาก่อน เมื่อเสร็จแล้วเธอหยิบกระเป๋าถือเดินออกจากห้องไปห้องอาหาร
แม่เฟิ่งเองก็ตื่นแต่เช้าเพื่อรอต้อนรับหนูเสี่ยวลี่ เสี่ยวลี่มาทันเวลาอาหารเช้าพอดีได้นั่งร่วมโต๊ะกับเจี้ยนเฉิน แต่เธอยังไม่กล้าสบตาเขาเท่าไหร่นักตั้งแต่เรื่องคราวนั้น แถมยังแสร้งถามหาหลี่เหมยเมื่อไม่เห็นเธอมาร่วมโต๊ะอาหาร เจี้ยนเฉินจึงตอบไปอย่างไม่เกรงใจว่าเมื่อคืนนี้เขากับหลี่เหมยใช้เวลาร่วมกันทั้งคืนทำให้เธอลุกไม่ขึ้นและให้นอนต่ออีกหน่อย ที่เขาเอ่ยมาเช่นนั้นมิใช่ต้องการอวดโอ้ แค่อยากให้คุณแม่เข้าใจว่าเขากับหลี่เหมยรักกันดีไม่ต้องหาหญิงอื่นมาแทรกกลางระหว่างเขากับหลี่เหมย
จนเจี้ยนเฉินกินอิ่มออกเดินทางไปทำงาน แม่เฟิ่งพาเสี่ยวลี่ไปนั่งที่ห้องโถงของบ้านเพื่อหารือกันเรื่องแผนการ ตอนนั้นเองทั้งสองเห็นหลี่เหมยเดินมา แม่เฟิ่งจึงเอ่ยวาจาลอย ๆ ให้อีกฝ่ายได้ยิน
"แหม ๆ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ ตื่นสายจนตะวันส่องก้น แล้วนั่นจะออกไปที่ไหนอีกดูสิแต่งตัวเหมือนคนบ้านนอกจริง ๆ ปากแดงเสียจนน่าเกียจ" หลี่เหมยชะงักหยุดเดินก่อนจะหันมามองทั้งสอง พลางใช้นิ้วแคะหูคิ้วขมวดเข้าหากัน
"เสียงอะไรนะ แว่ว ๆ หรือเป็นเสียงนกเสียงกา ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่พึ่งจะได้ยิน โอ๊ะ!! ป้าหลินมาพอดีเลย วันนี้ฉันจะออกไปซื้อของ ป้าหลินอยากได้อะไรมั้ยคะ พอดีเจี้ยนเฉินให้บัตรนี้กับฉันมาบอกให้ฉันเลือกซื้อของตามใจชอบ เฮ้อไม่เสียแรงที่เมื่อคืนนี้ปรนนิบัติเขาทั้งคืน " หลี่เหมยล้วงบัตรออกมาโชว์ทำให้แม่เฟิ่งดวงตาลุกวาวด้วยความโมโห นั่นคือบัตรเงินไม่จำกัดวงเงิน เธอไม่คิดเลยว่าลูกชายจะหลงหลี่เหมยได้ขนาดนี้ และกำลังลุกขึ้นเดินมาแย่งแต่เสี่ยวลี่คว้ามือเอาไว้ก่อนพร้อมกระซิบข้างหู
"คุณป้าใจเย็น ๆ ก่อนนะคะอย่าทำอะไรวู่วามให้นังหลี่เหมยเสวยสุขไปก่อน คนบ้านนอกชนบทคงไม่เคยเห็นและเคยได้ใช้เงินตามใจชอบ ก็คงตื่นเต้นอีกไม่นานเธอก็จะตกต่ำ ให้หลงระเริงไปก่อน”
"นั่นสิ เพราะฉันคิดน้อยเองโชคดีที่มีหนูเสี่ยวลี่คอยเตือน ให้มันได้ใช้อย่างสบายใจไปก่อนขึ้นสูงเท่าไหร่ตกดินจะได้รู้สึกเจ็บปวดมาก ๆ เราไปนั่งคุยกันที่สวนหลังบ้านกันเถอะไม่ว่านังหลี่เหมยจะทำอะไรก็ปล่อยมันไป"
"ใช่ค่ะคุณป้า อีกไม่นานเธอก็ต้องออกจากบ้านหลังนี้ไปแต่ตัว คนบ้านนอกคงไม่มีความรู้ เพียงแค่ขับไล่โยนเงินให้ไปตั้งตัวนิด ๆ หน่อย ๆ ก็คงจะยอมไป ฉันเองก็เฝ้ารอเวลานั้นมาถึงเช่นเดียวกันค่ะ" เสี่ยวลี่อิจฉาริษยาไม่น้อยที่เห็นบัตรในมือของหลี่เหมย บัตรนั้นใครมีครอบครองนับว่าเป็นมหาเศรษฐีระดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ อีกไม่นานบัตรใบนั้นจะตกเป็นของเธอ ทั้งสองจึงพากันไปนั่งคุยอยู่สวนหลังบ้าน
ส่วนหลี่เหมยเมื่อเห็นสองคนเงียบผิดปกติเลยหันไปมองเล็กน้อย เห็นว่าทั้งสองเดินออกไปด้านนอกเธอจึงเก็บบัตรใส่กระเป๋ากระซิบเบา ๆ ข้างหูของป้าหลิน
"ป้าหลินฉันพอรู้นะคะว่าเจี้ยนเฉินรู้เรื่องมาจากป้า ฉันมีเรื่องรบกวนให้ป้าช่วยฉันหน่อย ช่วยแอบฟังทั้งสองคุยกันได้มั้ยคะว่าคุยกันเรื่องอะไร ฉันจะให้ค่าตอบแทนค่ะ"
"คุณหลี่เหมยไม่ต้องให้ค่าตอบแทนหรอกค่ะ ฉันจะช่วยฟังให้นะคะว่าทั้งสองคนกำลังวางแผนอะไรกัน แค่คุณหลี่เหมยมีความสุขมีรอยยิ้มป้าก็ดีใจด้วยมาก ๆ แล้วค่ะ"
"ขอบคุณป้าหลินนะคะ" หลี่เหมยยื่นมือไปจับมือของป้าหลินด้วยความขอบคุณ หากรู้ว่าทั้งสองกำลังทำอะไรเคลื่อนไหวตอนไหนเธอจะได้รับมือทันและเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวก่อน
ตอนที่ 26 ตะวันขึ้นใหม่ในทุก ๆ เช้าบ้านตระกูลเฟิ่ง หลังจากหย่ากับหลี่เหมยสามวัน เขาก็ได้เขาพิธีแต่งงานกับเสี่ยวลี่อย่างเรียบง่าย ตอนนี้เสี่ยวลี่เผยธาตุแท้ให้ทุกคนในบ้านได้เห็น จนแม่เฟิ่งเอือมระอาสาวใช้พากันลาออกกันทีละคน จนตอนนี้ในบ้านเปลี่ยนสาวใช้หลายสิบคนภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน ในแต่ละวันมีแต่เรื่องวุ่นวายทำให้แม่เฟิ่งแทบไม่มีความสุขไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเมื่อก่อน ทุกข์ระทมจนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ เจี้ยนเฉินลาออกจากตำแหน่งนายพลวัน ๆ เอาแต่คลุกตัวอยู่ในห้อง ดื่มเหล้าจนกลายเป็นคนติดเหล้าและพร่ำเพ้อคิดถึงแต่หลี่เหมยทุก ๆ วัน“นี่คงเป็นเวรกรรมที่ฉันได้ทำกับหลี่เหมยสินะ บ้านตระกูลเฟิ่งที่เคยร่ำรวยรุ่งเรือง กลายเป็นบ้านที่มีเรื่องวุ่นวายไม่มีความสุข มีเงินมากเท่าไหร่ก็ถูกเสี่ยวลี่ผลาญไปจนเกือบจะหมด เป็นเพราะฉันแท้ ๆ คำพูดของหลี่เหมยที่บอกฉันไม่มีสิ่งไหนเลยที่เธอพูดผิด ตอนนี้ฉันสำนึกแล้ว ฉันไม่น่าเลย ไม่น่าละทิ้งเพชรเพื่อคว้าก้อนกรวดเข้าบ้านเลย”“บ่นอะไรอยู่คนเดียวคะ คุณแม่ฉันสั่งโต๊ะกินข้าวมาใหม่ไม่นานคงเข้ามาส่ง คุณแม่จัดการจ่ายให้ด้วยนะคะ ตัวเก่ามันโบราณเกินไปไม่เข้ายุคสมัย ฉันเอาออ
ตอนที่ 25 ชีวิตใหม่หัวใจของหลี่เหมยเต้นแรงระรัว สองเท้าก้าวเข้ามาในศาลกว้างใหญ่ พร้อมกับทนายคนเมื่อวานวันนี้มีป้าหลินมาคอยยืนเคียงข้างเธอเพื่อเป็นพยานฟ้องหย่าในครั้งนี้ด้วย ไม่นานคนตระกูลเฟิ่งก็เดินเข้ามาด้านใน หลี่เหมยไม่มองแม้เพียงหางตา เมื่อทุกฝ่ายมาครบผู้พิพากษาก็เดินเข้ามาในห้องโถงขนาดใหญ่ เอ่ยคำเปิดศาลและฟังทนายของแต่ละฝั่ง โดยให้ฝ่ายหลี่เหมยเป็นคนร้องทุกข์ก่อน และให้ฝ่ายของเจี้ยนเฉินแย้งคำพูดของทนายทว่าฝ่ายของเจี้ยนเฉินน้อมรับทุกคำขอของหลี่เหมยทุกอย่างไม่ว่าเธอต้องการเรียกร้องอะไร จนกระทั่งทนายเอ่ยฟ้องชู้ของสามี เสี่ยวลี่ร้อนรนด้วยความตกใจ เพราะไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ ที่หลี่เหมยเป็นคนเรียกร้อง“ศาลที่เคารพฉันขอแย้งค่ะ เรื่องการฟ้องหย่าใช่ว่าฉันจะเต็มใจเรื่องที่ฉันนอนกับเฟิ่งเจี้ยนเฉินและเราพึ่งจะพลาดนอนด้วยกันเพียงแค่ครั้งเดียว ทำไมถึงได้เรียกร้องมากมายขนาดนี้ อีกอย่างฉันเองก็เป็นผู้ถูกกระทำ เพราะเฟิ่งเจี้ยนเฉินนะคะ”“เสี่ยวลี่เธอพูดเรื่องอะไร ต้องการอับอายไปถึงเมื่อไหร่แค่นี้ยังอายไม่พอหรือไง” แม่เฟิ่งกุมขมับปวดหัวกับสิ่งที่เสี่ยวลี่พูดออกไปต่อหน้าทุกคนอย่างไม่อายปากแม้
ตอนที่ 24 ฟ้องหย่า บ้านตระกูลเฟิ่ง ตั้งแต่เกิดเรื่องแม่เฟิ่งก็เปลี่ยนไปจากเดิม เธอไปหาหลี่เหมยที่โรงพยาบาลแต่ไม่กล้าเข้าไปเยี่ยมเพียงแค่ถามอาการจากพยาบาลเท่านั้น ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายเธอจัดการจ่ายให้หลี่เหมยทั้งหมดและฝากให้พยาบาลดูแลเธอเป็นอย่างดี ใบหน้าของแม่เฟิ่งหม่นหมองจนเห็นได้ชัด เธอกำลังกลับบ้านหลังจากจ่ายเงินค่ารักษาตัวของหลี่เหมย เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลังต้องหยุดเท้าชะงักหันไปมอง“คุณนายมาทำอะไรที่นี่คะ หรือว่ามาเยี่ยมคุณหลี่เหมย”ป้าหลินกำลังเดินกลับจากซื้อของใช้ให้หลี่เหมยเห็นด้านหลังคุ้นๆ เหมือนคุณผู้หญิงคิดว่าตัวเองตาฝาดจึงรีบสาวเท้าเดินเร็วกว่าเดิมจึงได้รู้ว่าเป็นคุณนายจริง ๆ “ฉันไม่ได้มาเยี่ยมหลี่เหมยหรอก จะเอาหน้าที่ไหนเข้าไปหาเธอกันแล้วนี่เธอก็มาเยี่ยมหลี่เหมยสินะ”“ใช่ค่ะ อย่างนั้นฉันขอตัวนะคะ” ป้าหลินไม่ได้ถามอะไรต่อเห็นใบหน้าซูมโทรมของนายหญิงเธอคงมีเรื่องให้คิดมากมาย แต่อย่างไรก็ไม่มากเท่าคุณหลี่เหมยที่พบเจอตอนนี้แน่นอน เธอไม่มีความสงสัยและเห็นใจสักนิดเพราะทุกอย่างเป็นผลจากการกระทำของตัวคุณนายเอง แอ้ด ! เสียงประตูเปิดเข้ามาด้านใน หมี่เหมยเปลี่ยน
ตอนที่ 23 ไม่อาจรักษาไว้เวลาผ่านไปพักใหญ่ในห้องฉุกเฉินวุ่นวายพยาบาลเดินไปเดินมา ใจของเจี้ยนเฉินเองไม่สงบสุขกระวนกระวายเป็นห่วงหลี่เหมยจับใจ จนกระทั่งคุณหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินเข้ารีบเข้าไปถามทันที“คุณหมอครับภรรยาของผมเป็นอย่างไรบ้าง ลูกของผมยังปลอดภัยดีใช่มั้ยครับ”“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ทางเราไม่สามารถช่วยเหลือเด็กได้ เพราะร่างกายได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงอีกทั้งจิตใจของคุณหลี่เหมยก็ได้รับการกระทบกระเทือน เราทำเต็มที่แล้วตอนนี้คุณหลี่เหมยพ้นขีดอันตรายต้องนอนให้เลือดและดูอาการอีกสักระยะครับ” สิ้นคำพูดของหมอเหมือนแสงสว่างที่เคยเจิดจ้ามืดสนิท หูของเจี้ยนเฉินอื้ออึงไปหมด ร่างกายไร้เรี่ยวแรงจนหม่าถงยืนอยู่ใกล้ ๆ ต้องมาประคองให้นั่งลงที่เก้าอี้“หม่าถงฉันได้ยินผิดไปใช่มั้ย? บอกฉันทีว่าฉันได้ยินผิดไป หรือว่านี่คือความฝัน มันเป็นฝันร้ายช่วยปลุกฉันให้ตื่นเสียที”“ผมเสียใจด้วยนะครับ” หม่าถงตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาย้ำให้เจี้ยนเฉินรู้สิ่งที่เขาได้ยินมันคือความจริงมิใช่ฝันร้าย ป้าหลินเดินทางมาที่โรงพยาบาลรู้อาการของหลี่เหมยตอนนี้จึงอาสาที่จะอยู่เฝ้าหลี่เหมยเอง อย่างไรต้องมีคนคอยดูแลยิ่
ตอนที่ 22 จบสิ้นทุกอย่าง“เจี้ยนเฉินแม่ขอโทษ แม่ขอโทษ” แม่เฟิ่งทรุดตัวลงกับพื้นน้ำตาไหลอาบแก้ม เจี้ยนเฉินหันไปถามหลี่เหมยด้วยความเป็นห่วง“หลี่เหมยเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”“ฉันไม่เจ็บนักหรอก ในเมื่อคุณมาแล้วก็ดีฉันจะออกไปอยู่ที่อื่น คุณจัดการเรื่องที่บ้านเสร็จแล้วอีก 2 วันมาพบกันที่อำเภอ” เจี้ยนเฉินไม่อยากเธอจากเขาไปทั้งแบบนี้ เขาทรุดตัวลงกับพื้นกอดขาของเธอเอาไว้แน่นอ้อนวอนเธอด้วยความรักที่เขามีต่อเธอทั้งหมด“หลี่เหมยขอร้องล่ะ อย่าไปจากฉันเลยนะ ฉันคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ ฉันยอมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหรือหน้าตาทางสังคมขอเพียงแค่เธอยอมให้อภัยยกโทษให้ฉัน ฉันจะละทิ้งทุกอย่างไปใช้ชีวิตอย่างที่เราเคยคาดหวังเอาไว้ ได้โปรดคิดทบทวนอีกครั้งได้มั้ย” หลี่เหมยเคล้นหัวเราะออกมาอย่างขบขันนี่นะหรือเจี้ยนเฉินนายพลผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้กำลังอ้อนวอนขอให้เธอให้อภัย ไม่ต่างจากเธอชาติที่แล้วเธออ้อนวอนแทบก้มลงแนบเท้าของเขาให้เขาฟังเธออธิบายแต่เขาให้เธอเพียงความเย็นชาและคำพูดตัดขาดเยื่อใย ครั้งนี้เธอจะทำให้ได้เหมือนเขาบ้างแม้จะรักเขามากเพียงใด แต่ตอนนี้เธอขอรักตัวเองและลูกจะดีกว่า“หยุดเถอะ เอามือออกจากขาของฉั
ตอนที่ 21 ไม่สมควรเป็นแม่คนฝั่งด้านเจี้ยนเฉิน หลังจากที่หม่าถงพาตัวออกมาเขาก็นั่งดื่มเฝ้าคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในใจคิดว่ามันเป็นความผิดของเขาเองและเป็นความผิดของคุณแม่ เขาไม่อยากจะปล่อยมือจากหลี่เหมยไปเลย แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่ทีหนทางที่จะยื้อเธอเอาไว้ ความผิดครั้งนี้ยิ่งใหญ่จริง ๆ “หม่าถงเอามาอีก ฉันอยากกินจนเมาหลับไปเลยไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้น”“ท่านนายพลจะให้ผมตรวจสอบมั้ยครับว่าเกิดเรื่องนั้นขึ้นได้อย่างไร อาจจะพออธิบายกับคุณหลี่เหมยได้ ”“ไม่ ! ต่อให้ตรวจสอบและรู้ว่าเป็นแผนของคุณแม่กับเสี่ยวลี่ทุกอย่างก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพราะฉันนอนกับเสี่ยวลี่ไปแล้วจริง ๆ เอาเหล้ามาอีก เอามาจนกว่าฉันจะเมาจนสลบไป หากฉันไม่ตื่นมาเลยคงจะดีไม่น้อย ฉันไม่อยากจะเผชิญหน้ากับหลี่เหมยเลย กลัวกลัวว่าฉันจะไม่อยากปล่อยเธอไป กลัวจะดึงรั้นเธอเอาไว้ในอ้อมกอด หรือฉันจะพาเธอหนีไปอยู่ที่อื่นกักขังเธอเอาไว้ให้อยู่ข้างกายฉันตลอดไป ”“นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีครับ อย่าทำร้ายจิตใจคุณหลี่เหมยไปมากกว่านี้อีกเลย หากคุณรักเธอผมว่าปล่อยเธอไปอย่างที่เธอต้องการจะดีกว่า” พูดจบหม่าถงเดินออกไปจากบ้านพักที่ป้าห







