Mag-log inหลี่เหมยเลือกที่จะเดินอ้อมมาอีกทางเพราะรู้ว่าตอนนี้เฟิ่งซินหนานกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกกลางบ้านเป็นที่ประจำของเธอ และวันนี้เสี่ยวลี่ผู้หญิงที่ต้องการสามีของเธอคงมาที่นี่ ก่อนจะสู้รบปรบมือกับใครหลี่เหมยจึงขอเลือกที่จะเติมพลังเสียก่อน
ป้าหลินแม่ครัวทำงานอยู่ในบ้านเฟิ่งมาหลายปีเห็นหลี่เหมยเดินเข้ามาเธอถอนหายใจเบา ๆ มองด้วยความสงสารเวทนา
“คุณหลี่เหมยวันนี้คุณนายสั่งให้มาทำอาหารอีกแล้วสินะ ทำไมคุณไม่ได้ใช้ชีวิตสุขสบายทั้ง ๆ ที่เป็นภรรยาของคุณเจี้ยนเฉินกัน คุณนายช่างใจร้ายกับคุณจริง ๆ ”
“ใครบอกละคะว่าวันนี้ฉันจะมาทำอาหาร ป้าหลินต่อจากนี้หน้าที่นั้นฉันจะไม่ทำมันอีกแล้ว ที่มาที่นี่เพราะฉันหิวค่ะมีอะไรให้กินบ้างคะ” ป้าหลินยิ้มบาง ๆ ดีใจที่หลี่เหมยรู้จักลุกขึ้นสู้ เธอหยิบชามมาตักข้าวใส่เต็มชามวางลงที่โต๊ะกินข้าวก่อนจะตักกับข้าวมาวางไว้ต่อหน้า
“วันนี้มีผัดผักกับน้ำแกงค่ะ” ป้าหลินพูดจบก็เดินไปทำงานของตัวเองต่อ หลี่เหมยไม่รอช้านั่งลงจับตะเกียบมาคีบอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เวลาผ่านไปครู่ใหญ่หลี่เหมยกินอิ่มเก็บถ้วยชามไปล้าง ตอนนั้นเองเสียงฝีเท้าได้ดังเข้ามาใกล้ ๆ หลี่เหมยคิดว่าแม่เฟิ่งจะเข้ามาหาอะไรกินเมื่อเธอหันหลังกลับมากลายเป็นเสี่ยวลี่แทน
“มาทำอะไรที่นี่!”
“ทำไมถึงพูดกับฉันแบบนั้นล่ะ พี่รู้มั้ยว่าคุณป้าเสียใจแค่ไหนที่พี่พูดจาไม่ดีกับคุณป้า "
“ไม่ต้องมาเสแสร้งหรอกนะเพียงแค่เธออ้าปากฉันก็เห็นลิ้นไก่ของเธอแล้วล่ะเสี่ยวลี่ เลิกทำเป็นคนดีอ่อนหวานเสียทีเห็นแล้วฉันจะอ้วก น่าสะอิดสะเอียด” หลี่เหมยวางจานลงในชั้นวางของ กำลังจะเดินหนีเสี่ยวลี่ที่ตอนนี้ร่างกายร้อนผ่าวด้วยความโมโห ยิ่งเห็นหลี่เหมยกำลังจะเดินหนีเธอจะไม่มีทางยอมให้คนบ้านนอกอย่างหลี่เหมยมาต่อว่าเธอฝ่ายเดียวแน่นอน เสี่ยวลี่คว้ามือไปจับแขนของหลี่เหมยให้หยุดเดิน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!! คิดว่าต่อว่าฉันแล้วจะเดินหนีได้หรือไง ใช่ฉันไม่ผู้หญิงที่อ่อนหวานแต่ฉันก็เป็นผู้หญิงที่ป้าเฟิ่งซินหนานต้องการให้เข้ามาเป็นสะใภ้ ไม่เหมือนเธอ แม่สามีไม่ต้องการทำทุกอย่างเพื่อขับไล่ยังหน้าด้านไม่ยอมออกไป แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะเธอมันมาจากบ้านนอกเห็นสมบัติเงินทองคงตาโตจนเนื้อตัวสั่นเพราะเกิดมาทั้งชีวิตคงไม่เห็นเงินมากมายขนาดนี้สินะที่บ้านของเธอเองก็คงไม่สั่งสอนหรือสอนแค่ให้จับสามีรวย ๆ ชีวิตจะได้สุขสบาย”
เพี้ยะ!!! เสียงนิ้วมือกระทบลงบนเนื้อบริเวณใบหน้าของเสี่ยวลี่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวและคิดไม่ถึงว่าหลี่เหมยจะกล้าลงมือตบเธอเช่นนี้ ทำให้ใบหน้าของเธอสะบัดตามแรงมือ รอยแดงเริ่มเป็นริ้ว ๆ ร้อนชาไปทั้งหน้า ร่างเล็กสั่วเทาด้วยความโมโหมากกว่าเดิม
“แก ..แกกล้าเอามือสกปรกมาตบฉันเหรอ? คิดว่าตัวเองเป็นใครกันห่ะวันนี้ฉันจะสั่งสอนแกเอง คอยดูว่าป้าเฟิ่งจะเชื่อใครมากกว่ากันอีกอย่างแกเป็นฝ่ายลงมือก่อนอย่ามากล่าวหาว่าฉันรังแกก็แล้วกัน” น้ำเสียงสั่นเทาง้างมือขึ้นหวังจะตบที่ใบหน้าของหลี่เหมยเพื่อเอาคืนทว่าอีกฝ่ายกลับหลบทัน จนร่างเล็กเซถลาล้มลงกับพื้น
“กรี๊ด! แก แกหลบทำไม”
“แล้วใครจะโง่ยืนให้โดนตบกันล่ะ เธอต่างหากกล้าดียังไงมาดูถูกคนอื่นคิดว่าฉันจะเป็นเหมือนเธอรึไง แม้ฉันจะมาจากชนบทแต่ฉันไม่เคยคิดจะแย่งสามีคนอื่น ไม่ยุ่งกับผู้ชายที่มีเจ้าของหรอกนะ นี่นะหรือผู้หญิงที่อยู่ในที่เจริญแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ขอเป็นผู้หญิงชนบทจะดีกว่า” หลี่เหมยเหลือบสายตามองเพียงปลายหางตาราวกับเหยียดหยามก่อนจะก้าวเท้าข้ามขาของเธออย่างตั้งใจ ทำให้ร่างเล็กที่นั่งอยู่กับพื้นกรี๊ดร้องเสียงดังลั่นบ้าน ป้าหลินรีบวิ่งเข้ามาดูพร้อมกับแม่เฟิ่ง
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมหนูเสี่ยวลี่ถึงได้นั่งอยู่กับพื้นแบบนั้น”
“จะเป็นอะไรได้ล่ะคะคุณแม่ เสี่ยวลี่นะสิไม่รู้จักระวังตัวลื่นล้มไม่เป็นท่า กระโดกกระเดกไม่มีมารยาทจริง ๆ ” หลี่เหมยหยุดเดินหันกลับมาตอบแม่เฟิ่งก่อนจะเดินจากไป
“ไม่จริงค่ะคุณป้า พี่หลี่เหมยรังแกฉัน คุณป้าดูนี่สิคะรอยนิ้วมือที่พี่หลี่เหมยลงมือทำร้ายฉัน เพียงแค่ฉันมาบอกให้พี่หลี่เหมยพูดจากับคุณป้าดี ๆ เท่านั้นไม่คิดเลยว่าพี่หลี่เหมยจะโมโหร้ายลงไม้ลงมือทำร้ายกันได้ลงคอ อึก อึก” เสี่ยวลี่รีบบีบน้ำตาเพื่อเรียกร้องความสงสารจากเฟิ่งซินหนานและมันก็ได้ผล
“ไม่ได้การฉันจะต้องจัดการให้นังหลี่เหมยให้มันรู้บ้างว่าไม่สมควรมาทำนิสัยเลวทรามต่ำช้าแบบนี้ใส่คนอื่น ป้าหลินพาหนูเสี่ยวลี่ไปใส่ยาที่ห้องรับแขกฉันจะไปจัดการกับนังตัวดีนั่นเสียหน่อย”
“อย่าเลยค่ะคุณป้า เพียงแค่นี้พี่หลี่เหมยก็เกลียดฉันมากพอแล้ว หากคุณป้าไปต่อว่าพี่หลี่เหมยคงไม่อยากจะมองหน้าฉันอีกต่อไป” เสี่ยวลี่รีบจับมือของป้าเฟิ่งเอาไว้แสดงให้เห็นว่าเธอจิตใจเมตตายอมให้อภัยคนที่ทำร้ายตัวเองอย่างนี้ป้าเฟิ่งจะเห็นว่าเธอเป็นคนดีมากขนาดไหน
“เฮ้อ …หนูเสี่ยวลี่ทำไมต้องยอมผู้หญิงคนนั้นด้วยคอยดูเถอะเมื่อไหร่ที่เฟิ่งเจี้ยนเฉินกลับมาฉันจะบอกความชั่วช้าทั้งหมดของหลี่เหมยให้เฟิ่งเจี้ยนเฉินได้รับรู้ว่าธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างไร” เฟิ่งซินหนานยอมทำตามคำขอของเสี่ยวลี่พาเธอไปทายาที่ห้องรับแขก นั่งพูดคุยกันเกี่ยวกับนิสัยของหลี่เหมย ป้าหลินยืนเงียบ ๆ ไม่ได้ออกความคิดเห็นเรื่องนี้เพราะรู้ดีว่าใครกันแน่ที่ร้ายมากกว่ากัน หนำซ้ำยังสะใจที่หลี่เหมยกล้าลงมือตอบโต้เสี่ยวลี่อีกด้วย
ฝั่งด้านหลี่เหมย
หลังจากเดินกลับมาจากห้องครัวเธอมาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบเล็กเพื่อเตรียมตัวออกไปจากบ้านหลังนี้ทันทีที่เฟิ่งเจี้ยนเฉินกลับมา ไม่ว่าเขาจะยอมหย่าหรือไม่เธอก็จะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จไม่ลืมที่จะเก็บสินเดิมของตนเองไปด้วยและเงินที่เฟิ่งเจี้ยนเฉินมอบให้เธอเอาไว้ใช้
“เพียงอีกไม่นานเฟิ่งเจี้ยนเฉินจะกลับมาแล้วสินะ รีบมาเถอะฉันจะได้ออกไปจากที่นี่เร็ว ๆ เมื่อคราวก่อนเป็นเขาที่ขับไล่ไม่สนใจว่าร่างกายของฉันเป็นอย่างไรรอบนี้ฉันจะไม่รอให้เขาทำร้ายจิตใจของฉันอีก แต่จะเป็นฉันเองที่เลือกจะเดินจากไป” หลี่เหมยกอดอกจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างเฝ้ารอเวลาที่สามีของเธอจะกลับมาถึงบ้าน
ตอนที่ 6 ไม่มีทาง ที่อำเภอ เจี้ยนเฉินมาถึงก่อนหลี่เหมยเขาลงมารอที่หน้าอำเภอหวาดสายตามองไปรอบ ๆ จนเห็นคนรักกันลังเดินตรงมาทางนี้ในมือของเธอมีเอกสารใบหย่าเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีโดยไม่รู้เลยว่าวันนี้จะไม่มีการหย่าเกิดขึ้น “มาแล้วก็รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ เวลาของฉันมีค่าและคุณเองก็จะได้กลับไปดูแลคุณแม่ป่านนี้คงอาการทรุดลงกว่าเดิมแล้วล่ะ”มาถึงเธอก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชันจนทำให้ร่างใหญ่ที่ยืนอยู่สูดลมหายใจเข้าและเอ่ยถามเธอด้วยความแน่ใจอีกครั้ง“ซูหลี่เหมยฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะหมดรักฉันแล้ว เกิดอะไรขึ้นบอกฉันมาเถอะนะฉันจะจัดการให้เธอทุกอย่าง เรื่องที่เราจะหย่ากันมันคือความต้องการของเธอจริง ๆ นะหรือ? หรือว่าเธอถูกคุณแม่กลั่นแกล้งแต่คงไม่ใช่หรอกใช่มั้ย เพราะก่อนจะออกมาฉันถามคุณแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แถมมีป้าหลินยืนยันอีกคนว่าคุณแม่ดีกับเธอรักเธออย่างกับลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง บางอารมณ์คุณแม่อาจจะโมโหร้ายแต่คุณแม่ไม่ได้เป็นคนโหดร้ายหรอกนะ ” “จะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา ต่อให้คุณเอาทหารทั้งค่ายมายืนยันความใจดีของแม่เฟิ่งฉันก็ไม่กลับไปเด็ดขาด อย่ามาชักช้ารีบเข้าไปได้แล้ว” หลี่เหมยไม่ใจอ่อน
ตอนที่ 5 ไม่หย่าฝั่งด้านเจี้ยนเฉินจิตใจของเจี้ยนเฉินร้อนรุ่มเป็นห่วงภรรยารีบสั่งการให้หม่าถงตามไปเธอไปอย่างลับ ๆ จนเวลาผ่านไปพักใหญ่หม่าถงกลับมาที่บ้านตระกูลเฟิ่งพร้อมลูกน้อง“ท่านนายพลครับตอนนี้คุณนายไปที่หมู่บ้านหลิงหลานครับ ดูเหมือนจะเข้าพักที่อพาร์ทเม้นท์ใกล้ ๆ แถวที่มีโรงงานเปิดอยู่ผมให้ลูกน้องเฝ้าดูแลความปลอดภัยอยู่ใกล้ ๆ ตามที่นายพลสั่งแล้วครับ” เจี้ยนเฉินพ่นควันบุหรี่ออกจากปากใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เดิมทีหลี่เหมยไม่ใช่คนที่ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแบบนี้หรือว่าตอนที่เขาไม่อยู่จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอจริง ๆ เขาจะไม่เชื่อฟังความข้างใดข้างหนึ่งและจะสืบด้วยตนเอง ส่วนเรื่องหย่าเขาไม่มีทางยอมหย่าแน่นอน “นายไปพักเถอะ ต่อจากนี้ฉันจะจัดการเอง”“ครับ” หม่าถงทำความเคารพเจ้านายก่อนจะไปพักเรือนแยกที่ป้าหลินเตรียมไว้ให้“จะทำอย่างไรกับเธอดีนะหลี่เหมย ”เจี้ยนเฉินมองท้องฟ้าเฝ้าครุ่นคิดจะทำอย่างไรให้หลี่เหมยกลับมาเป็นคนเดิม“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าหลี่เหมยจะหมดรักฉัน เอาไว้พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่อำเภอฉันจะขอร้องอ้อนวอนไม่ให้เธอจากไปเอง” พูดจบเจี้ยนเฉินดินเข้าไปในบ้านเฝ้ารอเวลาพรุ่งนี้เช้ามาเยือน
ตอนที่ 4 หาที่อยู่หลี่เหมยเดินออกจากบ้านตระกูลเฟิ่งสูดลมหายใจสายตามองไปด้านหน้า การเดินทางของเธอได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าไม่เคยจะไปที่ไหนตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอก็ไม่เคยกลัวว่าจะลำบาก สองเท้าเดินบนถนนด้วยความตั้งใจมือเรียวลูบที่หน้าท้องพูดกับลูกน้อยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"ต่อจากนี้แม่จะเป็นแม่ที่ดีที่สุดและจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีชีวิตที่สุขสบายไม่ให้พบคนตระกูลเฟิ่งอีก เธอเดินมาจนถึงป้ายรถประจำทางไม่นานรถประจำทางเที่ยวสุดท้ายของวันนี้ก็มาถึง ซูหลี่เหมยเคยได้ยินมาจากป้าหลินว่าหมู่บ้านหลิงหลานอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่มีโรงงานมากมายที่เปิดรับสมัครคนงาน มีงานมากมายให้ผู้คนไปสมัครและเลือกทำ ซูหลี่เหมยจึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปอยู่หมู่บ้านหลิงหลานหางานทำเพื่อดำรงชีวิตต่อจากนี้มาถึงหมู่บ้านหลิงหลานท้องฟ้าก็มืดสลัว เธอถือกระเป๋าใบน้อยเดินหาที่พักสำหรับวันนี้เอาไว้รุ่งเช้าเธอจะหาที่พักรายเดือน ระหว่างที่หาที่พักอยู่นั้นท้องของเธอก็เกิดร้องประท้วงด้วยความหิวสายตาเหลือบไปเห็นร้านอาหารเล็ก ๆ ข้างทางจึงเลือกที่จะเข้าไปกินข้าวเสียก่อน“หิวแล้วสินะตั้งแต่มีตัวน้อยอยู่ในท้องทำให้หิวมากกว่าเดิม
ตอนที่ 3 หย่ากันเถอะดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่ได้ยินมาเนินนานกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาที่หน้าบ้าน หลี่เหมยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด คนที่มาที่นี่จะเป็นใครไม่ได้นอกจากท่านนายพลเฟิ่งเจี้ยนเฉินตึก ตึก หัวใจของเธอเต้นแรงระรัว ร่างเล็กใช้มือทาบลงบนอกพร้อมพูดเตือนสติตนเองก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้อง“ตั้งสติหน่อยสิหลี่เหมย จำไม่ได้หรือไงว่าผู้ชายคนนี้เขาไม่เชื่อคำพูดของเธอเลยสักนิด ทั้งระแวงและเชื่อคำพูดของแม่ไม่ยอมตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นถึงท่านนายพลเสียเปล่า ถ้าเธอใจอ่อนให้กับคนเช่นนี้ชะตาชีวิตของเธออาจจะเป็นเหมือนเดิม และสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องอีกแน่ ๆ เอาล่ะไปจบเรื่องนี้กันเถอะ” หลี่เหมยก้าวเท้าออกไปด้วยความแน่วแน่ พร้อมถือกระเป๋าใบน้อยของเธอออกไปด้วย ฝั่งด้านเฟิ่งเจี้ยนเฉินเขากลับบ้านมาครั้งนี้ด้วยความคิดถึงภรรยาสุดหัวใจ เขามอบหัวใจที่มีให้เธอเพียงคนเดียวและจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่จงรักภักดีตอบแทนที่เธอช่วยเหลือเขา เธอจึงเป็นเจ้าของชีวิตของเขา ในมือใหญ่ถือกำไรข้อมือที่เขาซื้อมาเป็นของฝากใบหน้ายิ้มแย้มมาตลอดทางเมื่อนึกภาพที่เธอเห็นกำไรข้อมือนี้จะดีใจแค่ไหน“ท่านนายพ
ตอนที่ 2 ไม่ยอมคนหลี่เหมยเลือกที่จะเดินอ้อมมาอีกทางเพราะรู้ว่าตอนนี้เฟิ่งซินหนานกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกกลางบ้านเป็นที่ประจำของเธอ และวันนี้เสี่ยวลี่ผู้หญิงที่ต้องการสามีของเธอคงมาที่นี่ ก่อนจะสู้รบปรบมือกับใครหลี่เหมยจึงขอเลือกที่จะเติมพลังเสียก่อนป้าหลินแม่ครัวทำงานอยู่ในบ้านเฟิ่งมาหลายปีเห็นหลี่เหมยเดินเข้ามาเธอถอนหายใจเบา ๆ มองด้วยความสงสารเวทนา“คุณหลี่เหมยวันนี้คุณนายสั่งให้มาทำอาหารอีกแล้วสินะ ทำไมคุณไม่ได้ใช้ชีวิตสุขสบายทั้ง ๆ ที่เป็นภรรยาของคุณเจี้ยนเฉินกัน คุณนายช่างใจร้ายกับคุณจริง ๆ ” “ใครบอกละคะว่าวันนี้ฉันจะมาทำอาหาร ป้าหลินต่อจากนี้หน้าที่นั้นฉันจะไม่ทำมันอีกแล้ว ที่มาที่นี่เพราะฉันหิวค่ะมีอะไรให้กินบ้างคะ” ป้าหลินยิ้มบาง ๆ ดีใจที่หลี่เหมยรู้จักลุกขึ้นสู้ เธอหยิบชามมาตักข้าวใส่เต็มชามวางลงที่โต๊ะกินข้าวก่อนจะตักกับข้าวมาวางไว้ต่อหน้า“วันนี้มีผัดผักกับน้ำแกงค่ะ” ป้าหลินพูดจบก็เดินไปทำงานของตัวเองต่อ หลี่เหมยไม่รอช้านั่งลงจับตะเกียบมาคีบอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เวลาผ่านไปครู่ใหญ่หลี่เหมยกินอิ่มเก็บถ้วยชามไปล้าง ตอนนั้นเองเสียงฝีเท้าได้ดังเข้ามาใกล้ ๆ หลี่เหมยคิดว
บทนำซูหลี่เหมยหญิงสาวจากชนบท เมื่อสามเดือนก่อนเกิดการปฏิวัติเธอได้ช่วยเหลือชายคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บมาที่บ้าน รักษาจนร่างกายของเขาแข็งแรง เขามีชื่อว่าเฟิ่งเจี้ยนเฉินร่างกายบึกบึนแข็งแรง เขารู้สึกขอบคุณซูหลี่เหมยที่ช่วยชีวิตของเขา ทั้งสองก่อเกิดความรักซูหลี่เหมยสวยทั้งใบหน้าและจิตใจทำให้เฟิ่งเจี้ยนเฉินตกหลุกรักเธอ เขาบอกเธอว่าเขาเป็นทหารที่ต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บเธอเหมือนแสงสว่างที่มอบชีวิตใหม่ให้แก่เขา เขาจึงขอเธอแต่งงาน หลี่เหมยหญิงสาวอ่อนต่อโลกยอมแต่งงานกับเขา วันหนึ่งเขาได้กลับค่ายทหารมีรถยนต์คันใหญ่มารับ หลี่เหมยเศร้าใจคิดว่าเขาทิ้งเธอเสียแล้ว แต่เมื่อผ่านไปไม่นานเขาได้กลับมาหาเธออีกครั้งพร้อมการเปลี่ยนแปลงที่เธอไม่คาดคิด เจี้ยนเฉินพาหลี่เหมยกลับมณฑลของเขาทั้งสองตกลงจะใช้ชีวิตเป็นคู่สามีภรรยา ทางครอบครัวของหลี่เหมยไม่ได้ขัดขวางคิดว่าลูกสาวของตัวเองไปอยู่ที่มณฑลเจริญจะได้มีชีวิตที่ดีแถมสามียังเป็นทหารมีเงินเดือนไม่ทำให้เธอต้องทุกข์ยากแน่ ๆ ครั้นเมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวมาถึงบ้านหลังใหญ่หลี่เหมยพึ่งรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วสามีของเธอคือท่านนายพลใหญ่ เธอมีความสุขมาก ๆ คิดว่าน







