Mag-log inดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่ได้ยินมาเนินนานกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาที่หน้าบ้าน หลี่เหมยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด คนที่มาที่นี่จะเป็นใครไม่ได้นอกจากท่านนายพลเฟิ่งเจี้ยนเฉิน
ตึก ตึก หัวใจของเธอเต้นแรงระรัว ร่างเล็กใช้มือทาบลงบนอกพร้อมพูดเตือนสติตนเองก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้อง
“ตั้งสติหน่อยสิหลี่เหมย จำไม่ได้หรือไงว่าผู้ชายคนนี้เขาไม่เชื่อคำพูดของเธอเลยสักนิด ทั้งระแวงและเชื่อคำพูดของแม่ไม่ยอมตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นถึงท่านนายพลเสียเปล่า ถ้าเธอใจอ่อนให้กับคนเช่นนี้ชะตาชีวิตของเธออาจจะเป็นเหมือนเดิม และสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องอีกแน่ ๆ เอาล่ะไปจบเรื่องนี้กันเถอะ” หลี่เหมยก้าวเท้าออกไปด้วยความแน่วแน่ พร้อมถือกระเป๋าใบน้อยของเธอออกไปด้วย
ฝั่งด้านเฟิ่งเจี้ยนเฉินเขากลับบ้านมาครั้งนี้ด้วยความคิดถึงภรรยาสุดหัวใจ เขามอบหัวใจที่มีให้เธอเพียงคนเดียวและจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่จงรักภักดีตอบแทนที่เธอช่วยเหลือเขา เธอจึงเป็นเจ้าของชีวิตของเขา ในมือใหญ่ถือกำไรข้อมือที่เขาซื้อมาเป็นของฝากใบหน้ายิ้มแย้มมาตลอดทางเมื่อนึกภาพที่เธอเห็นกำไรข้อมือนี้จะดีใจแค่ไหน
“ท่านนายพลครับตอนนี้ถึงบ้านของท่านแล้วครับ พวกผมจะคอยเฝ้าดูแลความปลอดภัยอยู่ด้านนอกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” หม่าถงลูกน้อยคนสนิทของเขาเอ่ยขึ้นเมื่อรถดับเครื่องยนต์มีหทารเดินทางมาคุ้มครองเขาที่บ้านมากกว่าสิบคน เพราะกลัวจะถูกศัตรูหรือคนที่ปองร้ายดักลอบทำร้ายอีก
“สลับเปลี่ยนเวรให้เฝ้าเพียงแค่หน้าประตูพอเพราะบ้านของฉันไม่มีประตูหลังบ้าน ส่วนทหารที่เฝ้าตอนกลางคืนก็ไปพักผ่อนก่อนฉันจะให้ป้าหลินจัดที่นอนให้ที่เรือนแยก”
“ได้ครับท่าน” หม่าถงรับคำสั่งเดินลงมาจากรถเพื่อเปิดประตูให้เจ้านายได้เดินลงมา เวลานี้เฟิ่งซินหนานไม่อยู่ไปตลาดด้วยตนเองเพื่อทำอาหารเย็นรอลูกชาย เสี่ยวลี่จึงอาสาไปด้วยเพราะเธออยากเจอหน้าเฟิ่งเจี้ยนเฉิน มีหรือที่เฟิ่งซินหนานจะไม่เห็นด้วย วันนี้เธอจะใส่ร้ายและให้หนูเสี่ยวลี่เอาอกเอาใจลูกชายของเธอแทน เฟิ่งเจี้ยนเฉินเดินเข้ามาในบ้านด้วยความตื่นเต้นเห็นป้าหลินยืนรอต้อนรับเพียงลำพังคิ้วของเขาเริ่มขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
“คุณเจี้ยนเฉินกลับมาแล้วหรือคะ ป้าช่วยยกของขึ้นไปเก็บที่ห้องให้นะคะ”
“ไม่ต้องเดี๋ยวกระเป๋ามันหนักเพราะครั้งนี้ฉันจะกลับมาอยู่ที่บ้านนานกว่าทุกรอบ ป้าหลินช่วยจัดการเก็บกวาดห้องรับรองเรือนแยกให้ฉันที ว่าแต่นี่ทุกคนไปไหนกันหมดทำไมบ้านถึงเงียบแบบนี้”
“คุณนายออกไปซื้อของมาทำอาหารต้อนรับคุณชายด้วยตัวเอง ส่วนคุณหลี่เหมยน่าจะอยู่ข้างในห้องค่ะ”
“ฉันอยู่นี่และมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณพอดี” หลี่เหมยวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ตอบกลับเฟิ่งเจี้ยนเฉินเมื่อได้ยินเขาถามหาเธอ เขาดีใจที่เห็นใบหน้าของภรรยาสุดที่รีบเดินกึ่งวิ่งเข้ามาสวมกอดเธอด้วยความคิดถึง
“หลี่เหมยฉันคิดถึงเธอจังเลย รู้มั้ยในแต่ละคืนกว่าฉันจะผ่านพ้นไปได้ฉันต้องอดทนต่อความคิดถึงที่มีต่อเธอมากแค่ไหน”
“ปล่อยฉันก่อนเถอะ เพราะฉันก็คิดถึงคุณทุกวินาทีเช่นเดียวกัน” หลี่เหมยใจเต้นตึกตักหวั่นไหวต่ออ้อมแขนที่อบอุ่นของเขา ก่อนที่เธอจะคิดถึงใบหน้าของเขาที่ไม่เชื่อใจผิดหวังแถมยังรังเกียจเธอเมื่อครั้งก่อนเธอรีบผละเขาออกจากร่างกายทันที โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธอไม่ได้คิดถึงเขาด้วยความคิดเช่นเดียวกันกับตนเอง
“จริงสิฉันมีของฝากมาให้ด้วย ฉันว่ามันน่าจะเหมาะกับเธอมากเลยนะหลี่เหมย เธอชอบมันมั้ย”
“เราหย่ากันเถอะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป” ไม่ทันที่เจี้ยนเฉินจะพูดจบหลี่เหมยพูดแทรกขึ้นมาทำให้ร่างใหญ่ถือกำไรข้อมือชะงัดกลางอากาศใบหน้ายิ้มแย้มกลายเป็นตกใจ
“เธอพูดเรื่องอะไร คิดจะล้อฉันเล่นใช่มั้ย ไม่เอาน่ารู้มั้ยว่าคำนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีเลย หรือว่าเธอน้อยใจที่ไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ พาเธอมาอยู่มณฑลนี้แล้วทิ้งเธอเอาไว้กับคุณแม่ ”
“ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นฉันพูดความจริงฉันต้องการหย่าและออกไปจากที่นี่ ตอนนี้ฉันพร้อมแล้ว”
“ไม่เอาสิ เลิกพูดเรื่องนี้สักทีหลี่เหมยเธอต้องการอะไรบอกฉันมาสิ ฉันจะทำให้เธอทุกอย่างอย่างที่เธอต้องการ ไม่ว่าเธออยากได้อะไรฉันจะหามาให้เธอเอง หรือไม่ว่าเธออยากทำอะไรที่ทำให้เธอมีความสุขฉันเต็มใจทำให้เธอทุกอย่าง”
“หย่า !! นั่นคือความสุขของฉัน”
“เธอไม่รักฉันแล้วเหรอซูหลี่เหมย เราสองคนรักกันมากเคยผ่านเวลาทุกข์ยากมาด้วยกัน ทำไมเธอยังยืนยันว่าจะหย่ากับฉัน” เจี้ยนเฉินเห็นท่าทางจริงจังของหลี่เหมยเขารู้ทันทีว่าเธอไม่ได้ล้อเล่นอีกต่อไป แต่เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าทำอะไรให้เธอไม่พอใจจนเธอขอหย่าอย่างนี้
“ฉันเคยรักและรักมากด้วย แต่ต่อจากนี้ฉันขอรักตัวเองจะดีกว่า การที่คุณบอกรักฉันแต่ปิดบังตัวเองว่าเป็นใคร พาฉันมาอยู่ที่นี่ทั้งที่คุณแม่ไม่ได้ต้อนรับ ต่อหน้าแม่ของคุณดีทุกอย่างแต่ลับหลังคุณไม่รู้หรอกว่าฉันพบเจออะไรบ้าง เมื่อครู่คุณบอกยอมทำทุกอย่างที่เป็นความสุขของฉัน หย่าให้ฉันซ่ะท่านนายพล” หลี่เหมยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนคิดว่าตนเองจะไม่รู้สึกอะไรและมีแต่ความแค้น แต่ในใจของเธอกลับวูบไหวไปหมด ร่างใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าทำอะไรไม่ถูกทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแทบไม่มีเรี่ยวแรง กอดขาของเธอเอาไว้แน่นเพราะใจของเขามีแต่เธอเพียงคนเดียว
“เธอเป็นคนให้ชีวิตใหม่กับฉันตอนนี้ก็เป็นคนผลักไสฉันเหรอหลี่เหมยเธอใจร้ายกับฉันเกินไปแล้ว ฉันเคยบอกแล้วไงว่าฉันต้องปิดบังตัวเองเพื่อความปลอดภัยไม่ได้มีเจตนาโกหกเธอเลยสักนิด”
“พูดมาตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ ยังไงฉันก็ไม่เปลี่ยนใจพรุ่งนี้เช้าเจอกันที่อำเภอ” หลี่เหมยแกะมือของเขาออกจากขาของตนเองก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าเพื่อออกจากบ้านตระกูลเฟิ่ง ตอนนั้นเองเฟิ่งซินหนานกลับมาเห็นสภาพของลูกชายตัวเองเธอร้องออกมาเสียงหลง
“เจี้ยนเฉินลุกขึ้นเดี๋ยวนี้จะไปยอมก้มให้ผู้หญิงคนนี้ทำไมกัน หย่าไปก็ดีเหมือนกัน แค่ผู้หญิงชนบทเพียงคนเดียวไม่มีค่าให้เสียดายสักนิด รีบออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้เลยนะนังหลี่เหมย กลัวลูกชายของฉันรู้ธาตุแท้ของแกสินะถึงได้ชิงขอหย่าก่อน ร้ายจริง ๆ เจี้ยนเฉินลุกขึ้น”
“ฮึ ฮึ ฉันต่างหากที่ต้องเป็นคนพูด ฉันไม่เคยเสียดายเลยที่จะหย่ากับเฟิ่งเจี้ยนเฉิน และต้องเดินออกจากบ้านตระกูลเฟิ่งที่โหดเหี้ยมแบบนี้ อยู่ไปก็มีแต่ความตายรออยู่พรุ่งนี้ฉันจะหย่ากับเฟิ่งเจี้ยนเฉินวันถัดไปก็จัดงานแต่งให้เขากับสะใภ้ที่คุณแม่เลือกเอาไว้เลยฉันจะเฝ้ามองความพังพินาศของตระกูลเฟิ่ง” หลี่เหมยเดินออกจากบ้านโดยไม่หันหลังไปมองแม้แต่ตาเดียวส่วนเจี้ยนเฉินตกใจตกอยู่ในห้วงความคิดว่าตนเองทำสิ่งใดผิด และเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เขาไม่อยู่ที่นี่ ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ก็เห็นหญิงสาวที่รักกำลังจะเดินออกไป เขารีบลุกขึ้นจะวิ่งตามไปคว้าตัวของเธอเอาไว้ ทว่าตอนนั้นเองซินหหนานทำท่าเหมือนจะเป็นลมเพื่อเรียกร้องความสนใจจากลูกชายไม่ให้ตามไปง้อซูหลี่เหมย
“โอ๊ย!! ทำไมรู้สึกหน้ามืดบ้านหมุนแบบนี้ เจี้ยนเฉินอย่าไปจากแม่เลยนะ”
“คุณป้า เป็นอะไรคะพี่เจี้ยนเฉินรีบพาคุณป้าไปที่เก้าอี้ก่อนเถอะค่ะ อากาศข้างนอกค่อนข้างร้อนกลับมาเจอเรื่องสะเทือนใจแบบนี้เลยทำให้คุณป้าเป็นลมแน่ ๆ” เสี่ยวลี่รีบวางของเข้าไปประคองตัวซินหนานพูดยื้อเขาให้สนใจคุณแม่ และก็เป็นอย่างที่ซินหนานต้องการเพราะเธอรู้ว่าลูกชายรักเธอมากแค่ไหน
ตอนที่ 6 ไม่มีทาง ที่อำเภอ เจี้ยนเฉินมาถึงก่อนหลี่เหมยเขาลงมารอที่หน้าอำเภอหวาดสายตามองไปรอบ ๆ จนเห็นคนรักกันลังเดินตรงมาทางนี้ในมือของเธอมีเอกสารใบหย่าเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีโดยไม่รู้เลยว่าวันนี้จะไม่มีการหย่าเกิดขึ้น “มาแล้วก็รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ เวลาของฉันมีค่าและคุณเองก็จะได้กลับไปดูแลคุณแม่ป่านนี้คงอาการทรุดลงกว่าเดิมแล้วล่ะ”มาถึงเธอก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชันจนทำให้ร่างใหญ่ที่ยืนอยู่สูดลมหายใจเข้าและเอ่ยถามเธอด้วยความแน่ใจอีกครั้ง“ซูหลี่เหมยฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะหมดรักฉันแล้ว เกิดอะไรขึ้นบอกฉันมาเถอะนะฉันจะจัดการให้เธอทุกอย่าง เรื่องที่เราจะหย่ากันมันคือความต้องการของเธอจริง ๆ นะหรือ? หรือว่าเธอถูกคุณแม่กลั่นแกล้งแต่คงไม่ใช่หรอกใช่มั้ย เพราะก่อนจะออกมาฉันถามคุณแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แถมมีป้าหลินยืนยันอีกคนว่าคุณแม่ดีกับเธอรักเธออย่างกับลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง บางอารมณ์คุณแม่อาจจะโมโหร้ายแต่คุณแม่ไม่ได้เป็นคนโหดร้ายหรอกนะ ” “จะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา ต่อให้คุณเอาทหารทั้งค่ายมายืนยันความใจดีของแม่เฟิ่งฉันก็ไม่กลับไปเด็ดขาด อย่ามาชักช้ารีบเข้าไปได้แล้ว” หลี่เหมยไม่ใจอ่อน
ตอนที่ 5 ไม่หย่าฝั่งด้านเจี้ยนเฉินจิตใจของเจี้ยนเฉินร้อนรุ่มเป็นห่วงภรรยารีบสั่งการให้หม่าถงตามไปเธอไปอย่างลับ ๆ จนเวลาผ่านไปพักใหญ่หม่าถงกลับมาที่บ้านตระกูลเฟิ่งพร้อมลูกน้อง“ท่านนายพลครับตอนนี้คุณนายไปที่หมู่บ้านหลิงหลานครับ ดูเหมือนจะเข้าพักที่อพาร์ทเม้นท์ใกล้ ๆ แถวที่มีโรงงานเปิดอยู่ผมให้ลูกน้องเฝ้าดูแลความปลอดภัยอยู่ใกล้ ๆ ตามที่นายพลสั่งแล้วครับ” เจี้ยนเฉินพ่นควันบุหรี่ออกจากปากใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เดิมทีหลี่เหมยไม่ใช่คนที่ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแบบนี้หรือว่าตอนที่เขาไม่อยู่จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอจริง ๆ เขาจะไม่เชื่อฟังความข้างใดข้างหนึ่งและจะสืบด้วยตนเอง ส่วนเรื่องหย่าเขาไม่มีทางยอมหย่าแน่นอน “นายไปพักเถอะ ต่อจากนี้ฉันจะจัดการเอง”“ครับ” หม่าถงทำความเคารพเจ้านายก่อนจะไปพักเรือนแยกที่ป้าหลินเตรียมไว้ให้“จะทำอย่างไรกับเธอดีนะหลี่เหมย ”เจี้ยนเฉินมองท้องฟ้าเฝ้าครุ่นคิดจะทำอย่างไรให้หลี่เหมยกลับมาเป็นคนเดิม“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าหลี่เหมยจะหมดรักฉัน เอาไว้พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่อำเภอฉันจะขอร้องอ้อนวอนไม่ให้เธอจากไปเอง” พูดจบเจี้ยนเฉินดินเข้าไปในบ้านเฝ้ารอเวลาพรุ่งนี้เช้ามาเยือน
ตอนที่ 4 หาที่อยู่หลี่เหมยเดินออกจากบ้านตระกูลเฟิ่งสูดลมหายใจสายตามองไปด้านหน้า การเดินทางของเธอได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าไม่เคยจะไปที่ไหนตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอก็ไม่เคยกลัวว่าจะลำบาก สองเท้าเดินบนถนนด้วยความตั้งใจมือเรียวลูบที่หน้าท้องพูดกับลูกน้อยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"ต่อจากนี้แม่จะเป็นแม่ที่ดีที่สุดและจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีชีวิตที่สุขสบายไม่ให้พบคนตระกูลเฟิ่งอีก เธอเดินมาจนถึงป้ายรถประจำทางไม่นานรถประจำทางเที่ยวสุดท้ายของวันนี้ก็มาถึง ซูหลี่เหมยเคยได้ยินมาจากป้าหลินว่าหมู่บ้านหลิงหลานอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่มีโรงงานมากมายที่เปิดรับสมัครคนงาน มีงานมากมายให้ผู้คนไปสมัครและเลือกทำ ซูหลี่เหมยจึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปอยู่หมู่บ้านหลิงหลานหางานทำเพื่อดำรงชีวิตต่อจากนี้มาถึงหมู่บ้านหลิงหลานท้องฟ้าก็มืดสลัว เธอถือกระเป๋าใบน้อยเดินหาที่พักสำหรับวันนี้เอาไว้รุ่งเช้าเธอจะหาที่พักรายเดือน ระหว่างที่หาที่พักอยู่นั้นท้องของเธอก็เกิดร้องประท้วงด้วยความหิวสายตาเหลือบไปเห็นร้านอาหารเล็ก ๆ ข้างทางจึงเลือกที่จะเข้าไปกินข้าวเสียก่อน“หิวแล้วสินะตั้งแต่มีตัวน้อยอยู่ในท้องทำให้หิวมากกว่าเดิม
ตอนที่ 3 หย่ากันเถอะดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่ได้ยินมาเนินนานกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาที่หน้าบ้าน หลี่เหมยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด คนที่มาที่นี่จะเป็นใครไม่ได้นอกจากท่านนายพลเฟิ่งเจี้ยนเฉินตึก ตึก หัวใจของเธอเต้นแรงระรัว ร่างเล็กใช้มือทาบลงบนอกพร้อมพูดเตือนสติตนเองก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้อง“ตั้งสติหน่อยสิหลี่เหมย จำไม่ได้หรือไงว่าผู้ชายคนนี้เขาไม่เชื่อคำพูดของเธอเลยสักนิด ทั้งระแวงและเชื่อคำพูดของแม่ไม่ยอมตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นถึงท่านนายพลเสียเปล่า ถ้าเธอใจอ่อนให้กับคนเช่นนี้ชะตาชีวิตของเธออาจจะเป็นเหมือนเดิม และสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องอีกแน่ ๆ เอาล่ะไปจบเรื่องนี้กันเถอะ” หลี่เหมยก้าวเท้าออกไปด้วยความแน่วแน่ พร้อมถือกระเป๋าใบน้อยของเธอออกไปด้วย ฝั่งด้านเฟิ่งเจี้ยนเฉินเขากลับบ้านมาครั้งนี้ด้วยความคิดถึงภรรยาสุดหัวใจ เขามอบหัวใจที่มีให้เธอเพียงคนเดียวและจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่จงรักภักดีตอบแทนที่เธอช่วยเหลือเขา เธอจึงเป็นเจ้าของชีวิตของเขา ในมือใหญ่ถือกำไรข้อมือที่เขาซื้อมาเป็นของฝากใบหน้ายิ้มแย้มมาตลอดทางเมื่อนึกภาพที่เธอเห็นกำไรข้อมือนี้จะดีใจแค่ไหน“ท่านนายพ
ตอนที่ 2 ไม่ยอมคนหลี่เหมยเลือกที่จะเดินอ้อมมาอีกทางเพราะรู้ว่าตอนนี้เฟิ่งซินหนานกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกกลางบ้านเป็นที่ประจำของเธอ และวันนี้เสี่ยวลี่ผู้หญิงที่ต้องการสามีของเธอคงมาที่นี่ ก่อนจะสู้รบปรบมือกับใครหลี่เหมยจึงขอเลือกที่จะเติมพลังเสียก่อนป้าหลินแม่ครัวทำงานอยู่ในบ้านเฟิ่งมาหลายปีเห็นหลี่เหมยเดินเข้ามาเธอถอนหายใจเบา ๆ มองด้วยความสงสารเวทนา“คุณหลี่เหมยวันนี้คุณนายสั่งให้มาทำอาหารอีกแล้วสินะ ทำไมคุณไม่ได้ใช้ชีวิตสุขสบายทั้ง ๆ ที่เป็นภรรยาของคุณเจี้ยนเฉินกัน คุณนายช่างใจร้ายกับคุณจริง ๆ ” “ใครบอกละคะว่าวันนี้ฉันจะมาทำอาหาร ป้าหลินต่อจากนี้หน้าที่นั้นฉันจะไม่ทำมันอีกแล้ว ที่มาที่นี่เพราะฉันหิวค่ะมีอะไรให้กินบ้างคะ” ป้าหลินยิ้มบาง ๆ ดีใจที่หลี่เหมยรู้จักลุกขึ้นสู้ เธอหยิบชามมาตักข้าวใส่เต็มชามวางลงที่โต๊ะกินข้าวก่อนจะตักกับข้าวมาวางไว้ต่อหน้า“วันนี้มีผัดผักกับน้ำแกงค่ะ” ป้าหลินพูดจบก็เดินไปทำงานของตัวเองต่อ หลี่เหมยไม่รอช้านั่งลงจับตะเกียบมาคีบอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เวลาผ่านไปครู่ใหญ่หลี่เหมยกินอิ่มเก็บถ้วยชามไปล้าง ตอนนั้นเองเสียงฝีเท้าได้ดังเข้ามาใกล้ ๆ หลี่เหมยคิดว
บทนำซูหลี่เหมยหญิงสาวจากชนบท เมื่อสามเดือนก่อนเกิดการปฏิวัติเธอได้ช่วยเหลือชายคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บมาที่บ้าน รักษาจนร่างกายของเขาแข็งแรง เขามีชื่อว่าเฟิ่งเจี้ยนเฉินร่างกายบึกบึนแข็งแรง เขารู้สึกขอบคุณซูหลี่เหมยที่ช่วยชีวิตของเขา ทั้งสองก่อเกิดความรักซูหลี่เหมยสวยทั้งใบหน้าและจิตใจทำให้เฟิ่งเจี้ยนเฉินตกหลุกรักเธอ เขาบอกเธอว่าเขาเป็นทหารที่ต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บเธอเหมือนแสงสว่างที่มอบชีวิตใหม่ให้แก่เขา เขาจึงขอเธอแต่งงาน หลี่เหมยหญิงสาวอ่อนต่อโลกยอมแต่งงานกับเขา วันหนึ่งเขาได้กลับค่ายทหารมีรถยนต์คันใหญ่มารับ หลี่เหมยเศร้าใจคิดว่าเขาทิ้งเธอเสียแล้ว แต่เมื่อผ่านไปไม่นานเขาได้กลับมาหาเธออีกครั้งพร้อมการเปลี่ยนแปลงที่เธอไม่คาดคิด เจี้ยนเฉินพาหลี่เหมยกลับมณฑลของเขาทั้งสองตกลงจะใช้ชีวิตเป็นคู่สามีภรรยา ทางครอบครัวของหลี่เหมยไม่ได้ขัดขวางคิดว่าลูกสาวของตัวเองไปอยู่ที่มณฑลเจริญจะได้มีชีวิตที่ดีแถมสามียังเป็นทหารมีเงินเดือนไม่ทำให้เธอต้องทุกข์ยากแน่ ๆ ครั้นเมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวมาถึงบ้านหลังใหญ่หลี่เหมยพึ่งรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วสามีของเธอคือท่านนายพลใหญ่ เธอมีความสุขมาก ๆ คิดว่าน







