บทที่ 2 ชิวิตของซินหยาง
โชคชะตาช่างเข้าข้างนางเมื่อนางกำลังเดินออกมาขายผักที่ตลาดก็เกิดอาการเวียนหัวและวูบไปเพราะอากาศร้อน เป็นจังหวะเดียวกันที่ใต้เท้าโจได้เดินทางผ่านมาพอดีจึงได้รับตัวนางไว้ทันก่อนที่จะล้มลงกับพื้น เขาอุ้มนางไปพักที่โรงเตี้ยมใกล้ๆเพื่อให้นางฟื้นและจะพานางไปส่งที่เรือน ครั้งแรกที่ใต้เท้าโจเห็นใบหน้าที่งดงามของซินหยางเขาเองก็เกิดอาการใจสั่นแต่ก็พยายามที่จะห้ามใจตนเองเพราะเขายังมีฮูหยินที่แสนดีอยู่เคียงข้าง แม้รู้ดีว่าหากเขาเอ่ยปากขอมีฮูหยินรองนางเองก็ไม่ขัด แต่เขาเองก็มิอาจจะทำเช่นนั้น เขาจึงนั่งรอให้นางฟื้น
ซินหยางเมื่อฟื้นขึ้นมานางก็ต้องตกใจเพราะจู่ๆ นางมาอยู่ใตโรงเตี้ยมแถมยังมาอยู่ในห้องที่มีบุรุษอีกต่างหาก เมื่อนางได้สติก็ร้องลั่นออกมาหาว่าใต้เท้าโจไปล่วงเกินตนเอง
“ท่านเป็นใคร ใครก็ได้ช่วยข้าทีข้าถูกชายผู้นี้ลวนลามทำมิดีมิร้ายข้า” นางพยายามตะโกนร้องขอความช่วยเหลือใต้เท้าโจเห็นดังนั้นจึงรีบใช้มือปิดปากให้นางเงียบลง
“ชู่ แม่นางเจ้าเงียบก่อนข้าไม่มีเจตนาทำอันใดมิดีกับแม่นางแม้แต่น้อย แต่ที่มาอยู่ในโรงเตี้ยมแห่งนี้เพราะแม่นางเกิดเป็นลมในตลาดข้าผ่านทางมาพอดีเห็นเข้าจึงช่วยเอาไว้ หากแม่นางไม่เชื่อข้าก็ถามกับลูกน้องของข้าได้” ใต้เท้าโจเมื่อสมัยยังหนุ่มๆ เขาเองก็มีใบหน้าที่หล่อเหลาไม่น้อย ทำให้ซินหยางเห็นก็เกิดตกหลุมรัก นางมองสำรวจทั่วร่างกายของนางเสื้อผ้าอาภรณ์ยังอยู่ครบ นางก็เลยพยักหน้าเพื่อส่งสัญญาณให้ใต้เท้าโจได้รู้ว่านางนั้นจะไม่ส่งเสียงร้องออกมา ใต้เท้าโจจึงได้ค่อยๆ ปล่อยมือออกจากปากของนาง และถอยหลังให้ห่างนางออกมา ซินหยางมองดูใต้เท้าโจตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ก็รู้ในทันทีว่าบุรุษผู้นี้มิใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน นางจึงคิดจะจับเขามาเป็นสามีเพื่อความสุขสบายที่นางตามหา
“ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ท่านอุตส่าช่วยข้าแท้ๆ แต่ข้าเกือบทำให้ท่านเดือดร้อน ข้ามีนามว่าซินหยางเป็นบุตรของชาวบ้านธรรมดาชีวิตของข้าช่างน่าสงสารที่วันนี้ที่ข้าเป็นลมหมดสติเพราะข้าไม่มีอาหารตกถึงท้องมาหลายวัน วันนี้หวังเพียงขายผักได้จะซื้อของอร่อยไปให้ท่านพ่อท่านแม่ได้กินข้าก็ต้องมาเป็นลมเสียก่อน ข้าต้องไปแล้วปานนี้ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าคงจะรอนาน” ซินหยางอยากลองใจดูว่าบุรุษผู้นี้จะสนใจนางหรือไม่ นางจึงรีบลุกขึ้นกำลังจะเดินลงจากเตียงก็เซล้มลงอีกครั้งโชคดีที่ใต้เท้าโจเห็นก่อนและประคองนางไว้ในอ้อมกอด
“โธ่ ชีวิตเจ้าน่าสงสารยิ่งนักแถมเจ้ายังกตัญญูต่อบิดามารดา ทั้งๆ ที่เจ้าเองก็แทบไม่มีแรง เจ้านั่งลงพักก่อนเถอะนะ เดี๋ยวข้าจะซื้อให้อาหารให้เจ้ากลับไปกินกับครอบครัว “ใต้เท้าโจจับกายนางให้นั่งลงบนที่นอนอีกครั้งและหันไปสั่งคนใช้ของตนเองไปหาซื้ออาหารมาให้นางได้กินเพื่อที่จะได้มีแรง ไม่นานอาหารมากมายก็มาวางต่อหน้านาง
แววตาของนางจับจ้องไปที่อาหารที่มีราคาแพงทั้งชีวิตของนางก็แทบไม่เคยได้ลิ้มลองด้วยซ้ำ
“ทั้งหมดนี่ข้าซื้อให้เจ้ากินมันสิเจ้าจะได้มีแรง ส่วนของพ่อกับแม่เจ้าข้าได้ให้คนของข้าเตรียมไว้ให้หมดแล้ว ส่วนถุงนี่ข้าให้เจ้าไว้เพื่อดำรงชีวิตอาจจะไม่มากแต่ก็พอช่วยให้เจ้าได้พักผ่อนหลายวัน เจ้านั่งกินไม่ต้องเกรงใจข้าและพักให้หายเหนื่อยค่อยออกโรงเตี้ยมแห่งนี้ ข้าต้องขอกลับเรือนก่อนนี่ก็ใกล้จะตะวันตกดินแล้ว” ใต้เท้าโจที่กำลังจะลุกเดินออกไป ซินหยางก็ได้จับมือของเขาพร้อมคุกเข่าลงเพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจ
“ซินหยางติดหนี้บุญคุณท่านแล้วหากวันใดซินหยางมีจะคืนให้ท่านทุกตำลึงไม่ทราบว่าผู้มีพระคุณของซินหยางนามว่ากระไร”
“ข้าเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยอยู่หมู่บ้านใกล้ๆ แถวนี้ ทุกคนต่างเรียกข้าว่าใต้เท้าโจ” พูดจบใต้เท้าโจก็ออกไปจากโรงเตี้ยมเพื่อกลับเรือน เมื่อซินหยางรู้ว่าบุรุษแสนดีผู้นี้เป็นใครใจนางก็แน่วแน่ว่าอย่างไรนางจะถวายตัวแก่เขาให้จงได้
หลายวันผ่านไปนางได้เดินทางมาที่หมู่บ้านใกล้ๆ และได้ถามชาวบ้านเกี่ยวกับใต้เท้าโจ ทุกคนต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าใต้เท้าโจเป็นคนดีมีเมตตา นางก็ยิ่งหลงรักเข้าไปใหญ่ นางได้ถามที่อยู่บ้านของใต้เท้าโจและเดินไปถึงเรือนหลังใหญ่ข้ารับใช้เต็มไปหมด นางยืนอยู่หน้าเรือนเช่นนนั้นเป็นเวลาเดียวกันกับฮูหยินของใต้เท้าโจกลับมาจากตลาดพอดี นางจึงถามด้วยความห่วงใย
“ไม่ทราบว่าเจ้ามาหาผู้ใด แล้วทำไมไม่เข้าไปด้านใน อากาศช่างร้อนนักเดี๋ยวก็เป็นลมเอาได้” ซินหยางหันกลับไปมองต้นเสียงก็ต้องพบกับสตรีที่งดงามและแต่งกายด้วยเนื้อผ้าที่หายาก ดูก็รู้ว่านางมิใช่คนธรรมดาแน่นอน
“เอ่อ ...เอ่อ ข้ามาพบใต้เท้าโจเจ้าค่ะ” ซินหยางพูดจาติดๆ ขัดๆ เพราะเกรงกลัว
“มาหาท่านพี่สินะ เข้ามารอด้านในก่อนสิท่านพี่ไปที่วังหลวงนี่ก็จวนจะกลับแล้ว” นางมองดูดวงอาทิตย์ก่อนจะชวนให้ซินหยางเข้าไปเมื่อซินหยางได้ยินที่นางเรียกว่าใต้เท้าโจว่าท่านพี่จิตใจของนางก็เจ็บแปร๊บขึ้นมาทันที ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีฮูหยินที่แสนดีอย่างนี้อยู่เคียงข้าง
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้รีบร้อนวันข้างหน้าข้าจะมาหาท่านใต้เท้าใหม่อีกครั้ง ข้าขอตัวนะเจ้าคะ” ซินหยางพูดจบพร้อมเดินลากขากลับหมู่บ้านของตนอย่างเจ็บปวด แม้รู้ว่าใต้เท้าโจมีฮูหยินคอยอยู่เคียงข้างแต่ทว่านางกลับตัดใจจากใต้เท้าโจไม่ได้เลย
หลายวันต่อมาใต้เท้าโจก็ได้เดินทางผ่านมาที่หมู่บ้านแห่งนี้อีกครั้งเขาจึงเข้าไปถามกับชาวบ้านเพื่อถามหาซินหยาง ชาวบ้านเองก็รู้จักนางเป็นอย่างดี จึงชี้ให้ใต้เท้าไปที่เรือนของนางเพราะตอนนี้ดูเหมือนท่านพ่อท่านแม่ที่แก่เฒ่าของนางได้จากนางไปอย่างกะทันหัน เมื่อใต้เท้าโจได้ยินก็สงสารนางสุดหัวใจ เขาจึงเดินทางไปที่เรือนของ เมื่อมาถึงก็พบกับกระท่อมหลังน้อยซอมซ่อหากว่ามีพายุเข้ามาที่นี่คงพังเป็นแน่ เสียงสะอื้นไห้ที่ดังออกมาจากด้านในกระท่อมนั้นช่างบาดใจของใต้เท้าโจยิ่งนัก เขารีบเข้าไปด้านในก็พบกับซินหยางที่นั่งร้องไห้อยู่ข้างกายท่านพ่อกับท่านแม่ของนาง ด้วยความที่เขานั้นเป็นคนจิตใจดี ใต้เท้าโจเดินเข้าไปลูบหลังของนางพร้อมปลอบโยนนางอย่างอ่อนโยน
สำหรับใต้ซินหยางแล้วใต้เท้าโจเปรียบเสมือนแสงสว่างที่เข้ามาในชีวิตของนางเมื่อตอนที่นางรู้สึกโดดเดี่ยว เมื่อฝ่ามืออุ่นๆ ของใต้เท้าโจสัมผัสบนกายนาง นางก็หันมามองผู้มาเยือนเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดนางก็ร่ำไห้ออกมา
“ข้าเสียใจด้วยนะ ที่เจ้าต้องมาเสียทั้งท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้าในเวลาเดียวกัน”
“ใต้เท้าข้าไม่เหลือผู้ใดแล้ว ชีวิตของข้าตอนนี้ก็ไร้ความหมาย ข้าอยากตายเจ้าค่ะ อยากตายตามท่านพ่อกับท่านแม่ไป ฮื้อ” ซินหยางซบอกแกร่งของใต้เท้าโจ เขารู้ว่านางเสียใจจึงไม่ได้ว่าอันใดนางหากนางอยากซบเขาเองก็จะปล่อยให้นางซบอยู่เช่นนั้น
“ชีวิตของคนเราก็มีวันสิ้นสุดไม่มีผู้ใดที่อยู่เป็นอมตะได้หรอกนะ ไม่ข้าหรือเจ้าสักวันก็ต้องจากไปเช่นนี้ หากเจ้าไม่เหลือผู้ใดแต่เจ้าก็ยังคงเหลือข้าอยู่ ข้าจะเป็นคนจัดการกับร่างของท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าเอง “
“ข้าติดหนี้บุญคุณท่านอีกแล้ว”
“เจ้าไม่ได้ติดหนี้บุญคุณอันใดข้าเลย ที่ข้าทำเพราะข้าเต็มใจ เจ้าโปรดวางใจ” เมื่อพูดจบซินหยางก็ปาดน้ำตาและออกจากอกแกร่งอย่างเสียดาย ใต้เท้าโจก็ได้สั่งให้คนของเขาจัดการขุดหลุมเพื่อฝังร่างทั้งสอง ซินหยางซึ้งใจเป็นอย่างมาก นางจึงจะยอมถวายร่างกายของนางให้แก่ใต้เท้าโจ
ตอนพิเศษยามค่ำคืนที่เงียบสงบเรือนหลังหนึ่งที่อยู่ล้อมรอบด้วยต้นไม้และทุ่งนา ครอบครัวของหนิงฮวาที่ย้ายมาอยู่ท่านกลางธรรมชาติกำลังชุลมุนวุ่นวาย เสียงฉู่ฉู่ที่คอยบอกสาวใช้ให้เตรียมนู้นเตรียมนี่ดังอยู่เรื่อยๆ ห่าวหรานเองก็เดินไปมาหน้าห้องอย่างเป็นกังวลไม่นานนักเสียงทารกแรกเกิดก็ได้ดังขึ้น ทำให้ห่าวหรานดีใจและเป็นห่วงหนิงฮวาจับใจ“แง้ ๆ ” เสียงแรกที่เปล่งออกมาก็มีเสียงจากหมอว่าตอนนี้เขาได้บุตร“ยินดีด้วยขอรับ ท่านได้บุตรชายที่แข็งแรงตอนนี้ฮูหยินเองก็ปลอดภัยดี ” เมื่อเสียงที่เอ่ยออกมาจากด้านในบอกว่าเขานั้นมีบุตรชาย ท่านพ่อกับท่านแม่เองก็ดีใจมิใช่น้อย พากันยิ้มอย่างระรื่น“ข้าเข้าไปด้านในได้หรือไม่” ห่าวหรานอยากจะอุ้มตัวเล็กซะเหลือเกิน แต่ทันใดนั้นเองเสียงหนิงฮวาก็เปล่งออกมาอีกรอบ“โอ๊ย! ท่านหมอข้าเจ็บท้องอีกแล้ว ” ท่านหมอเองก็ตกใจมิใช่น้อย“โอ๊ะ! หรือว่าฮูหยินมีบุตรสองคน ทำใจดีไว้นะขอรับ สูดลมเข้าไปให้ลึกๆ และเบ่งมาอีกรอบ ” คนที่ด้านนอกเมื่อได้ยินก็ต้องตะลึงเพราะคิดว่านางตั้งครรภ์แค่คนเดียวแต่ทว่าในท้องของหนิงฮวานั้นกลับมาบุตรอยู่ตั้งสองคน“ท่านแม่ ท่านได้ยินหรือไม่ว่าท่านมีหลานสองคน ข้าด
บทที่ 23 ตอนสุดท้ายหนิงฮวามาถึงก็ต้องพบร่างของท่านพ่อที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงที่ถูกบ่าวอุ้มขึ้นไปวางไว้ นางเริ่มก้าวเท้าไม่ออกเรี่ยวแรงที่เคยมีก็หายไป ท่านพ่อที่เป็นที่รักของนางได้จากไปทั้งที่ยังไม่ทันได้ร่ำลา เมื่อท่านหมอเห็นหนิงฮวาจึงเดินมาก้มโค้งลงและบอกอาการ“คุณหนูข้าช่วยท่านใต้เท้าสุดความสามารถแล้วก็ไม่อาจจะยื้อท่านใต้เท้าได้ เพราะเสียเลือดมากเกินไปมีดได้แทงไปโดนเส้นเลือดใหญ่ ข้าน้อยขอแสดงความเสียใจด้วยขอรับ” หนิงฮวาหูอื้อไม่รับรู้สิ่งใดนางเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ตรงร่างที่นอนแน่นิ่งกลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งไปทั่วห้องแต่นางก็มิได้รังเกียจนางโผล่เข้าโอบกอดร่างของใต้เท้าโจสะอึกสะอื้นอย่างปวดร้าว แม้แต่บ่าวในเรือนเองก็ต่างพากันร่ำไห้เสียใจในการสูญเสียในครั้งนี้ ห่าวหรานมาถึงก็ได้เข้าไปปลอบหนิงฮวาและคอยอยู่ข้างๆ กายนางตลอดเวลาจนกระทั่งได้ทำการฝังร่างของใต้เท้าโจเสร็จสิ้นมีใต้เท้ามากมายร่วมมาไว้อาลัย ห่าวหรานเองก็ไม่ห่างคอยช่วยเหลือหนิงฮวาอยู่ใกล้ๆ ส่วนเหมยอิงตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นคนเสียสติ เพราะรับไม่ได้ที่ท่านแม่ฆ่าท่านพ่อของตนเอง นางช็อคจนสติหลุดตอนนี้หนิงฮวาได้สั่งให้บ่
บทที่ 22 เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากท่านหลังจากวันงานเลี้ยงฉลองใต้เท้าโจก็ไม่เอ่ยอันใดกับซินหยางอีกเลยแม้กระทั่งห้องนอนเขาก็ออกไปนอนที่ห้องเดิมของตนเองอาการของเหมยอิงก็เริ่มรุนแรงขึ้นทุกวันนาง จนซินหยางเริ่มทุกข์ใจหากเป็นเช่นนี้อีกไม่นานใต้เท้าโจต้องรู้เป็นแน่ ทั้งสองแม่ลูกจึงมาปรึกษากันที่ห้องโถงเพราะคิดว่าวันนี้ใต้เท้าโจไม่อยู่“ท่านแม่ไหนท่านแม่บอกจะช่วยข้าอย่างไรเจ้าคะ ท้องของข้าก็โตขึ้นทุกวัน หรือว่าข้าจะเอาเด็กออก ท่านแม่ช่วยไปหายาสมุนไพรที่รุนแรงมาต้มให้ข้าดื่มได้มั้ยเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นท้องของข้าจะโตขึ้นทุกวันอย่างนี้ข้าจะหน้าไปไว้ที่ใดสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนแต่กลับท้องโตทุกวัน” เหมยอิงวิตกเป็นอย่างมาก“เหมยอิงแม่ผู้นี้บอกแล้วอย่างไรเล่าหากจะจัดการให้เจ้าเองเจ้าช่วยรอข้าก่อนนะ”“รอหรือเจ้าคะ ต้องให้ข้ารอไปถึงเมื่อไหร่กัน หรือท่านแม่จะรอให้ข้าคลอดเด็กคนนี้ออกมาก่อนเจ้าคะ อย่างไรข้าก็จะเอาเด็กออกหากท่านแม่ไม่ทำข้าก็จะออกไปหายาสมุนไพรมาจัดการกับเด็กผู้นี้เอง” เหมยอิงเปิดประตูออกไปก็ต้องตกใจผงะถอยหลังใบหน้าซีเซียว จนซินหยางเองแปลกใจ“เจ้าท้อง ท้องกับผู้ใดเหตุใดเจ้าถึงทำตัวเช่นนี้ช่าง
บทที่ 21 อับอายฮูหยินพาหนิงฮวาเดินเข้ามาในงานเลี้ยงซินหยางพยายามขอร้องก็ไม่เกิดผล หนิงฮวาหันไปมองนางพร้อมแสยะยิ้มอย่างสะใจ“ฮูหยินท่านฟังข้าก่อนที่ข้าทำเช่นนั้นเพราะข้าแค่จะสั่งสอนนางเท่านั้น ข้าเป็นแม่ของนางสั่งสอนบุตรของตนเองมันผิดตรงไหนกัน”“แล้วเจ้าเคยสั่งสอนเหมยอิงบุตรสาวของเจ้าเช่นหนิงฮวาหรือไม่” ซินหยางนิ่งเถียงออกมาไม่ได้ในคำถามที่ฮูหยินได้เอ่ยถาม“ท่านแม่ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แค่นี้ข้าทนได้เมื่อก่อนช้าเจอมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ท่านแม่อย่านำเรื่องนี้ไปบอกท่านพ่อเลยข้าไม่อยากให้ท่านพ่อต้องดุด่าและต้องอับอาย”“โธ่ๆ หนิงฮวานี่เจ้าต้องเจอกับคนใจร้ายเช่นนี้มานานเท่าไหร่กันเหตุใดเจ้าไม่บอกกับท่านพ่อของเจ้า ว่าเจ้าถูกนางเมียเลี้ยงใจร้ายกลั่นแกล้งมาตลอด แต่ไม่เป็นไรนะต่อจากนี้ข้าจะไม่ให้ผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้อีก” หนิงฮวาได้เติมเชื้อไฟให้ปะทุมากกว่าเดิม จนซินหยางทนไม่ไหวตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ นางจับดึงหัวของหนิงฮวาต่อหน้าฮูหยินโดยไม่ได้เกรงกลัว“ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ เจ้ามันร้ายเอ่ยอันใดมามิใช่ความจริงแม้แต่น้อย หนอยหาว่าข้ารังแกเจ้านั้นหรือได้ข้าจะรังแกเจ้าตามที่เจ้าได้เอ่ยมาเมื่อครู่เอง” หนิงฮวา
บทที่ 20 รู้ทันเมื่อหนิงฮวากระซิบบอกเหมยอิงเสร็จนางก็เอาจอกสุรายื่นให้เหมยอิงเช่นเดิม นางยังคงตกใจยืนอยู่กับที่ จนหนิงฮวาเดินห่างออกจากนางไปนางก็โยกจอกสุรานั้นทิ้งพร้อมกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บแค้น“กรี๊ด!!!” หนิงฮวาที่เดินออกมาได้ไม่ไกลเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดของเหมยอิงนางก็ยิ้มออกมาอย่างสะใจ วันนี้นางออกไปที่ตลาดและไปบังเอิญไปพบเจอทั้งสองแม่ลูกที่ตลาดนางจึงแอบเดินตามไปที่โรงหมอ ก็ได้รู้ความลับของเหมยอิงที่นางได้ตั้งครรภ์ และนางเองก็รู้จักสองแม่รู้นี้ดีว่าไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยได้ไม่ว่าวันเวลาจะผลันเปลี่ยนคำพูดที่ทำให้เหมยอิงกรีดร้องออกมานั้นเป็นคำที่แทงใจของนาง“อย่าคิดว่าข้าจะรู้ไม่ทันเจ้า และเจ้าเองก็อย่าคิดว่าข้าจะยอมให้เจ้ากับท่านแม่ของเจ้ารังแกได้อีก ต่อไปนี้เจ้าต้องระวังข้าเสียมากกว่าที่จะเอาความลับของเจ้าไปแพร่งพราย ตอนนี้ตัวของเจ้าก็ไม่ได้มีเจ้าเพียงผู้เดียว จงอย่าทำอันใดที่มันเกินขอบเขตไม่เช่นนั้นเรื่องนี้จะถึงหูท่านพ่อเป็นแน่ และอีกอย่างอย่าคิดมาจับสามีของข้าให้รับเป็นพ่อของเด็กในท้องของเจ้า เพราะข้าจะไม่อยู่นิ่งเป็นแน่”หนิงฮวาเดินกลับเข้ามานั่งที่เก้าอี้ห่าวหรานเองก็หันมามองแ
บทที่ 19 เหมยอิงท้องฝั่งด้านเหมยอิงช่วงนี้นางรู้สึกแปลกๆ ในร่างกาย นางเริ่มไม่อยากอาหารและไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเมื่อได้กลิ่นอาหารที่มีกลิ่นฉุนก็มักจะคลื้นไส้อ้วกตลอดเวลา นางเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่บอกผู้ใดจนวันนี้ที่ต้องมานั่งกินอาหารร่วมกับท่านพ่อและท่านแม่“วันนี้ท่านพี่มีเวลา ช่างดีเสียจริงเราไม่ได้นั่งกินอาหารด้วยกันมานานมากแล้ว” ซินหยางเอ่ยพร้อมพยักหน้าให้บ่าวตักข้าวใส่ถ้วยให้ทุกคน“ที่ข้ามีเวลามานั่งกินข้าวกับพวกเจ้าเพราะมีเรื่องน่ายินดีจะมาบอก วันนี้ในช่วงค่ำบ้านใต้เท้าหวังอี้เป่าจะจัดงานฉลองที่ลูกเขยห่าวหรานได้รับตำแหน่งผู้ตรวจการพวกเจ้าเองก็เตรียมตัวรอเมื่อถึงเวลาข้าจะให้เกี้ยวมารับพวกเจ้าเพราะข้าเองต้องเข้าไปที่วังหลวงในช่วงสายๆ” ใต้เท้าโจนั่งคีบอาหารใส่ถ้วยข้าวของตนและคีบเข้าที่ปากของเขาต่อ เหมยอิงที่มาทีหลังก็รีบนั่งลงด้านหน้าของท่านพ่อ“มาแล้วงั้นรึนั่งลงสิ” ใต้เท้าโจบอกเหมยอิง“เจ้าคะท่านพ่อ” เหมยอิงนั่งลงบ่าวก็ได้ตักข้าวใส่ถ้วยของนางกลิ่นอาหารที่คละคลุ้งอยู่บนอากาศได้เตะจมูกของนางทำให้นางรู้สึกพะอืดพะอมจนเก็บอาการไว้ไม่ไหวอีกต่อไป“อั๊วะ” เหมยอิงลุกขึ้นออกไปอ้วกใต้เท้าโจก็มองต