บทที่ 3 เมียอีกคนของใต้เท้าโจ
เมื่อฝังร่างเสร็จสิ้นใต้เท้าโจก็ได้พาซินหยางไปพักที่โรงเตี้ยม ซินหยางเองก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะพานางมาที่นี่อีก
“ท่านพาข้ามาที่โรงเตี้ยมทำไมกันเจ้าคะ”
“จะให้ข้าทิ้งเจ้าไว้กระท่อมที่จะพังทลายอย่างนั้นได้อย่างไร อีกอย่างเจ้าก็เป็นสตรี ข้าเกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเจ้า วันนี้เจ้าพักอยู่ที่นี่ก่อนวันพรุ้งนี้ข้าจะพาเจ้าไปฝากทำงานอยู่ที่เรือนคนที่ข้ารู้จัก” ใต้เท้าโจพูดจบก็ได้เดินออกไปจากห้องที่เขาพานางมาส่ง
ซินหยางมองตามแผ่นหลังของใต้เท้าอย่างหลงใหล
หลังจากนั้นใต้เท้าโจได้เป็นผู้พาซินหยางไปอยู่ที่เรือนของสหายของเขา เพื่อให้นางได้มีงานทำได้เลี้ยงตนเองได้
หลายเดือนผ่านไปใต้เท้าโจได้เทียวไปมาหาสู่นางด้วยความเป็นห่วงและก่อเกิดความสนิทสนม วันหนึ่งที่วังหลวงจัดงานเฉลิมฉลองใต้เท้าโจได้ดื่มไปมากจึงทำให้เขาเมามายและหวนคิดถึงรอยยิ้มของซินหยางเขาจึงไปหานางที่เรือนของสหาย เมื่อถูกความเมาครอบงำและเสน่ห์ของซินหยางทำให้เขาและนางได้หลับนอนด้วยกัน เมื่อตื่นเช้ามาใต้เท้าโจได้รู้สึกตัวว่าตนเองทำผิดต่อนาง แต่ซินหยางนางไม่ได้ถือโทษโกรธเขาแม้แต่น้อย นางเองก็ยอมที่จะอยู่เช่นนี้แม้ไม่ได้เปิดเผยเป็นเมียอีกคนของเขาก็ตาม ใต้เท้าโจจึงได้พานางไปอยู่เรือนอีกหลังเป็นเรือนของเขาเองที่ซื้อไว้แต่ไม่มีคนมาอยู่ จึงให้ซินหยางอยู่ที่เรือนแห่งนี้และไม่ให้นางได้ทำงานอีก เขาเลี้ยงดูนางรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น จนกระทั่งฮูหยินได้คลอดหนิงฮวาออกมาทำให้ใต้เท้าโจเหินห่างนางออกไปไม่ค่อยมีเวลามาหา และนางก็ได้รู้ข่าวว่าตอนนี้ฮูหยินได้คลอดบุตรสาวออกมา ทำให้นางรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมาก วันเวลาผ่านไปได้สักพัก นางก็เริ่มมีอาการไม่สู้ดีนัก พักนี้มักจะมีอาการอาเจียนเวียนหัว นางจึงเข้าไปหาหมอที่ตลาดจึงได้รู้ว่าตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ นางดีใจเป็นอย่างมากที่ตั้งครรภ์กับใต้เท้าโจ นางกลับไปที่เรือนอย่างดีใจวันนี้ใต้เท้าโจก็ได้มาหานางเช่นกันและได้รู้ข่าวดี เขาเองก็หวังเป็นอย่างมากอยากให้บุตรในท้องของซินหยางเป็นผู้ชาย เพื่อที่จะได้สืบทอดตระกูลต่อไป ซินหยางเมื่อนางท้องก็เกิดความคิดที่ไม่เหมือนเช่นเคย นางอยากให้บุตรของนางได้มีชีวิตที่ดี มิใช่หลบซ้อนอยู่เช่นนี้ แต่ใต้เท้าก็ยังไม่พานางเข้าไปอยู่ที่เรือนหลังใหญ่ ยังให้นางอยู่ที่เรือนเล็กเช่นนี้ จนกระทั่งวันที่นางคลอดนางก็ต้องคลอดโดยที่ไม่มีใต้เท้าอยู่เคียงข้าง เมื่อบุตรของนางออกมาก็เป็นสตรีทำให้นางรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ใต้เท้าเองก็ไม่ค่อยมาหานางสักเท่าไหร่อ้างว่ามีงานที่วังหลวงเสมอ นางเฝ้าเลี้ยงบุตรของนางอยู่อย่างลำพัง จนวันหนึ่งนางพาบุตรสาวไปที่ตลาดและพบเข้ากับใต้เท้าโจแต่ทว่าเขาไม่ได้มาเพียงผู้เดียว เขามากับฮูหยินพร้อมอุ้มหนิงฮวายิ้มแย้มอย่างมีความสุข ซินหยางรู้สึกเจ็บใจเขาโกหกนางว่าเขานั้นไม่มีเวลามาหาแต่มีเวลาพาฮูหยินมาเที่ยวเล่นที่ตลาด เหมยอิงบุตรสาวของเธอเมื่อเห็นท่านพ่อนางก็รีบวิ่งไปหาใต้เท้าโจอย่างดีใจ
“ท่านพ่อ ท่านพ่อเจ้าคะข้าคิดถึงท่านพ่อเหลือเกิน” เหมยอิงเด็กน้อยที่ยังไม่รู้ความำเข้าไปกอดขาของใต้เท้าโจ ซินหยางรีบวิ่งตามบุตรของนางไปเพื่อจับนางออกมา เมื่อใต้เท้าโจเห็นก็หน้าซีดทันที ทำให้ฮูหยินข้องใจเป็นอย่างมากจึงได้เอ่ยถามออกไป
“ท่านพี่เด็กผู้นี้เป็นใครกันเจ้าคะ” ฮูหยินรีบถามเมื่อเห็นเหมยอิงมากอดที่ขาของสามีตนเอง
“ข้าต้องขอโทษด้วยเจ้าค่ะ ลูกสาวของข้ากำพร้าบิดาตั้งแต่เด็ก เมื่อนางเห็นชายใดก็มักจะหาว่าเป็นบิดาของตน” ซินหยางรีบเข้าไปดึงบุตรสาวของตนเองออกมา ใต้เท้าโจรีบหันไปหาฮูหยินเพราะเขาเองไม่รู้ว่าฮูหยินจะเชื่อคำที่ซินหยางพูดหรือไม่
“ช่างน่าสงสารเสียจริง” ใต้เท้าโจเมื่อได้ยืนก็รู้สึกเบาใจยิ่งนักที่ฮูหยินมิได้สงสัยอันใด
“ไม่นะ ข้าพูดจริงๆ นี่คือท่านพ่อของข้า ท่านแม่นี่ท่านพ่ออย่างไรล่ะเจ้าคะ” เด็กตัวเล็กยังคงยืนยันว่าใต้เท้าโจเป็นบิดาของตน
“เด็กน้อยเอ๋ยข้ามิใช่บิดาเจ้าหรอกนะ เจ้าหลีกทางให้ข้าหน่อย ข้าจะรีบพาบุตรสาวของข้าไปดูการแสดง หากเจ้ายังมาขวางทางข้าเช่นนี้จะไม่ทันการ” ใต้เท้าโจมิอาจจะบอกความจริงแก่ฮูหยินที่แสนดีของเขา เขาจึงได้พูดโกหกออกมา และหันไปมองหน้าของซินหยางให้พาเหมยอิงออกไปทางอื่น ซินหยางเจ็บราวไปทั่วทรวงอก นางดึงบุตรสาวของนางออกมาและกัดฟันพูดด้วยความเจ็บแค้น
“ลูกเรากลับเรือนเรากันเถอะ อย่าทำให้ใต้เท้าผู้นี้รำคาญใจเลย เขามิใช่ท่านพ่อของเจ้าหรอกนะ” เมื่อพูดจบซินหยางก็ได้อุ้มเหมยอิงกลับ นางก็เอาแต่ร้องไห้จะหาบิดา ตั้งแต่นั้นมาซินหยางเก็บใจแค้นมาตลอด เหมยอิงเองก็เป็นบุตรสาวของเขา แต่เขาไม่เคยเหลียวแลนางเลย จนกระทั่งวันหนึ่งฟ้าเป็นใจเมื่อเหมยอิงเติบโตมาฮูหยินของใต้เท้าโจก็ได้จากไป ใต้เท้าโจจึงได้สั่งให้ซินหยางเข้าไปอยู่ที่เรือนใหญ่ในฐานะฮูหยินคนใหม่ และนั้นเองที่ซินหยางจะเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่นางเคยเสียไปกลับคืน นางจะทำทุกอย่างให้บุตรของนางได้รับเพื่อทดแทนตอนเด็กที่นางเสียไป ไม่ว่านางอยากได้อะไรนางก็ต้องได้แม้ของสิ่งนั้นจะเป็นของหนิงฮวาเองก็ช่าง
ตอนพิเศษยามค่ำคืนที่เงียบสงบเรือนหลังหนึ่งที่อยู่ล้อมรอบด้วยต้นไม้และทุ่งนา ครอบครัวของหนิงฮวาที่ย้ายมาอยู่ท่านกลางธรรมชาติกำลังชุลมุนวุ่นวาย เสียงฉู่ฉู่ที่คอยบอกสาวใช้ให้เตรียมนู้นเตรียมนี่ดังอยู่เรื่อยๆ ห่าวหรานเองก็เดินไปมาหน้าห้องอย่างเป็นกังวลไม่นานนักเสียงทารกแรกเกิดก็ได้ดังขึ้น ทำให้ห่าวหรานดีใจและเป็นห่วงหนิงฮวาจับใจ“แง้ ๆ ” เสียงแรกที่เปล่งออกมาก็มีเสียงจากหมอว่าตอนนี้เขาได้บุตร“ยินดีด้วยขอรับ ท่านได้บุตรชายที่แข็งแรงตอนนี้ฮูหยินเองก็ปลอดภัยดี ” เมื่อเสียงที่เอ่ยออกมาจากด้านในบอกว่าเขานั้นมีบุตรชาย ท่านพ่อกับท่านแม่เองก็ดีใจมิใช่น้อย พากันยิ้มอย่างระรื่น“ข้าเข้าไปด้านในได้หรือไม่” ห่าวหรานอยากจะอุ้มตัวเล็กซะเหลือเกิน แต่ทันใดนั้นเองเสียงหนิงฮวาก็เปล่งออกมาอีกรอบ“โอ๊ย! ท่านหมอข้าเจ็บท้องอีกแล้ว ” ท่านหมอเองก็ตกใจมิใช่น้อย“โอ๊ะ! หรือว่าฮูหยินมีบุตรสองคน ทำใจดีไว้นะขอรับ สูดลมเข้าไปให้ลึกๆ และเบ่งมาอีกรอบ ” คนที่ด้านนอกเมื่อได้ยินก็ต้องตะลึงเพราะคิดว่านางตั้งครรภ์แค่คนเดียวแต่ทว่าในท้องของหนิงฮวานั้นกลับมาบุตรอยู่ตั้งสองคน“ท่านแม่ ท่านได้ยินหรือไม่ว่าท่านมีหลานสองคน ข้าด
บทที่ 23 ตอนสุดท้ายหนิงฮวามาถึงก็ต้องพบร่างของท่านพ่อที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงที่ถูกบ่าวอุ้มขึ้นไปวางไว้ นางเริ่มก้าวเท้าไม่ออกเรี่ยวแรงที่เคยมีก็หายไป ท่านพ่อที่เป็นที่รักของนางได้จากไปทั้งที่ยังไม่ทันได้ร่ำลา เมื่อท่านหมอเห็นหนิงฮวาจึงเดินมาก้มโค้งลงและบอกอาการ“คุณหนูข้าช่วยท่านใต้เท้าสุดความสามารถแล้วก็ไม่อาจจะยื้อท่านใต้เท้าได้ เพราะเสียเลือดมากเกินไปมีดได้แทงไปโดนเส้นเลือดใหญ่ ข้าน้อยขอแสดงความเสียใจด้วยขอรับ” หนิงฮวาหูอื้อไม่รับรู้สิ่งใดนางเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ตรงร่างที่นอนแน่นิ่งกลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งไปทั่วห้องแต่นางก็มิได้รังเกียจนางโผล่เข้าโอบกอดร่างของใต้เท้าโจสะอึกสะอื้นอย่างปวดร้าว แม้แต่บ่าวในเรือนเองก็ต่างพากันร่ำไห้เสียใจในการสูญเสียในครั้งนี้ ห่าวหรานมาถึงก็ได้เข้าไปปลอบหนิงฮวาและคอยอยู่ข้างๆ กายนางตลอดเวลาจนกระทั่งได้ทำการฝังร่างของใต้เท้าโจเสร็จสิ้นมีใต้เท้ามากมายร่วมมาไว้อาลัย ห่าวหรานเองก็ไม่ห่างคอยช่วยเหลือหนิงฮวาอยู่ใกล้ๆ ส่วนเหมยอิงตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นคนเสียสติ เพราะรับไม่ได้ที่ท่านแม่ฆ่าท่านพ่อของตนเอง นางช็อคจนสติหลุดตอนนี้หนิงฮวาได้สั่งให้บ่
บทที่ 22 เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากท่านหลังจากวันงานเลี้ยงฉลองใต้เท้าโจก็ไม่เอ่ยอันใดกับซินหยางอีกเลยแม้กระทั่งห้องนอนเขาก็ออกไปนอนที่ห้องเดิมของตนเองอาการของเหมยอิงก็เริ่มรุนแรงขึ้นทุกวันนาง จนซินหยางเริ่มทุกข์ใจหากเป็นเช่นนี้อีกไม่นานใต้เท้าโจต้องรู้เป็นแน่ ทั้งสองแม่ลูกจึงมาปรึกษากันที่ห้องโถงเพราะคิดว่าวันนี้ใต้เท้าโจไม่อยู่“ท่านแม่ไหนท่านแม่บอกจะช่วยข้าอย่างไรเจ้าคะ ท้องของข้าก็โตขึ้นทุกวัน หรือว่าข้าจะเอาเด็กออก ท่านแม่ช่วยไปหายาสมุนไพรที่รุนแรงมาต้มให้ข้าดื่มได้มั้ยเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นท้องของข้าจะโตขึ้นทุกวันอย่างนี้ข้าจะหน้าไปไว้ที่ใดสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนแต่กลับท้องโตทุกวัน” เหมยอิงวิตกเป็นอย่างมาก“เหมยอิงแม่ผู้นี้บอกแล้วอย่างไรเล่าหากจะจัดการให้เจ้าเองเจ้าช่วยรอข้าก่อนนะ”“รอหรือเจ้าคะ ต้องให้ข้ารอไปถึงเมื่อไหร่กัน หรือท่านแม่จะรอให้ข้าคลอดเด็กคนนี้ออกมาก่อนเจ้าคะ อย่างไรข้าก็จะเอาเด็กออกหากท่านแม่ไม่ทำข้าก็จะออกไปหายาสมุนไพรมาจัดการกับเด็กผู้นี้เอง” เหมยอิงเปิดประตูออกไปก็ต้องตกใจผงะถอยหลังใบหน้าซีเซียว จนซินหยางเองแปลกใจ“เจ้าท้อง ท้องกับผู้ใดเหตุใดเจ้าถึงทำตัวเช่นนี้ช่าง
บทที่ 21 อับอายฮูหยินพาหนิงฮวาเดินเข้ามาในงานเลี้ยงซินหยางพยายามขอร้องก็ไม่เกิดผล หนิงฮวาหันไปมองนางพร้อมแสยะยิ้มอย่างสะใจ“ฮูหยินท่านฟังข้าก่อนที่ข้าทำเช่นนั้นเพราะข้าแค่จะสั่งสอนนางเท่านั้น ข้าเป็นแม่ของนางสั่งสอนบุตรของตนเองมันผิดตรงไหนกัน”“แล้วเจ้าเคยสั่งสอนเหมยอิงบุตรสาวของเจ้าเช่นหนิงฮวาหรือไม่” ซินหยางนิ่งเถียงออกมาไม่ได้ในคำถามที่ฮูหยินได้เอ่ยถาม“ท่านแม่ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แค่นี้ข้าทนได้เมื่อก่อนช้าเจอมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ท่านแม่อย่านำเรื่องนี้ไปบอกท่านพ่อเลยข้าไม่อยากให้ท่านพ่อต้องดุด่าและต้องอับอาย”“โธ่ๆ หนิงฮวานี่เจ้าต้องเจอกับคนใจร้ายเช่นนี้มานานเท่าไหร่กันเหตุใดเจ้าไม่บอกกับท่านพ่อของเจ้า ว่าเจ้าถูกนางเมียเลี้ยงใจร้ายกลั่นแกล้งมาตลอด แต่ไม่เป็นไรนะต่อจากนี้ข้าจะไม่ให้ผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้อีก” หนิงฮวาได้เติมเชื้อไฟให้ปะทุมากกว่าเดิม จนซินหยางทนไม่ไหวตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ นางจับดึงหัวของหนิงฮวาต่อหน้าฮูหยินโดยไม่ได้เกรงกลัว“ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ เจ้ามันร้ายเอ่ยอันใดมามิใช่ความจริงแม้แต่น้อย หนอยหาว่าข้ารังแกเจ้านั้นหรือได้ข้าจะรังแกเจ้าตามที่เจ้าได้เอ่ยมาเมื่อครู่เอง” หนิงฮวา
บทที่ 20 รู้ทันเมื่อหนิงฮวากระซิบบอกเหมยอิงเสร็จนางก็เอาจอกสุรายื่นให้เหมยอิงเช่นเดิม นางยังคงตกใจยืนอยู่กับที่ จนหนิงฮวาเดินห่างออกจากนางไปนางก็โยกจอกสุรานั้นทิ้งพร้อมกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บแค้น“กรี๊ด!!!” หนิงฮวาที่เดินออกมาได้ไม่ไกลเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดของเหมยอิงนางก็ยิ้มออกมาอย่างสะใจ วันนี้นางออกไปที่ตลาดและไปบังเอิญไปพบเจอทั้งสองแม่ลูกที่ตลาดนางจึงแอบเดินตามไปที่โรงหมอ ก็ได้รู้ความลับของเหมยอิงที่นางได้ตั้งครรภ์ และนางเองก็รู้จักสองแม่รู้นี้ดีว่าไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยได้ไม่ว่าวันเวลาจะผลันเปลี่ยนคำพูดที่ทำให้เหมยอิงกรีดร้องออกมานั้นเป็นคำที่แทงใจของนาง“อย่าคิดว่าข้าจะรู้ไม่ทันเจ้า และเจ้าเองก็อย่าคิดว่าข้าจะยอมให้เจ้ากับท่านแม่ของเจ้ารังแกได้อีก ต่อไปนี้เจ้าต้องระวังข้าเสียมากกว่าที่จะเอาความลับของเจ้าไปแพร่งพราย ตอนนี้ตัวของเจ้าก็ไม่ได้มีเจ้าเพียงผู้เดียว จงอย่าทำอันใดที่มันเกินขอบเขตไม่เช่นนั้นเรื่องนี้จะถึงหูท่านพ่อเป็นแน่ และอีกอย่างอย่าคิดมาจับสามีของข้าให้รับเป็นพ่อของเด็กในท้องของเจ้า เพราะข้าจะไม่อยู่นิ่งเป็นแน่”หนิงฮวาเดินกลับเข้ามานั่งที่เก้าอี้ห่าวหรานเองก็หันมามองแ
บทที่ 19 เหมยอิงท้องฝั่งด้านเหมยอิงช่วงนี้นางรู้สึกแปลกๆ ในร่างกาย นางเริ่มไม่อยากอาหารและไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเมื่อได้กลิ่นอาหารที่มีกลิ่นฉุนก็มักจะคลื้นไส้อ้วกตลอดเวลา นางเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่บอกผู้ใดจนวันนี้ที่ต้องมานั่งกินอาหารร่วมกับท่านพ่อและท่านแม่“วันนี้ท่านพี่มีเวลา ช่างดีเสียจริงเราไม่ได้นั่งกินอาหารด้วยกันมานานมากแล้ว” ซินหยางเอ่ยพร้อมพยักหน้าให้บ่าวตักข้าวใส่ถ้วยให้ทุกคน“ที่ข้ามีเวลามานั่งกินข้าวกับพวกเจ้าเพราะมีเรื่องน่ายินดีจะมาบอก วันนี้ในช่วงค่ำบ้านใต้เท้าหวังอี้เป่าจะจัดงานฉลองที่ลูกเขยห่าวหรานได้รับตำแหน่งผู้ตรวจการพวกเจ้าเองก็เตรียมตัวรอเมื่อถึงเวลาข้าจะให้เกี้ยวมารับพวกเจ้าเพราะข้าเองต้องเข้าไปที่วังหลวงในช่วงสายๆ” ใต้เท้าโจนั่งคีบอาหารใส่ถ้วยข้าวของตนและคีบเข้าที่ปากของเขาต่อ เหมยอิงที่มาทีหลังก็รีบนั่งลงด้านหน้าของท่านพ่อ“มาแล้วงั้นรึนั่งลงสิ” ใต้เท้าโจบอกเหมยอิง“เจ้าคะท่านพ่อ” เหมยอิงนั่งลงบ่าวก็ได้ตักข้าวใส่ถ้วยของนางกลิ่นอาหารที่คละคลุ้งอยู่บนอากาศได้เตะจมูกของนางทำให้นางรู้สึกพะอืดพะอมจนเก็บอาการไว้ไม่ไหวอีกต่อไป“อั๊วะ” เหมยอิงลุกขึ้นออกไปอ้วกใต้เท้าโจก็มองต