การรอคอยของแม่เฒ่าหยางสิ้นสุดลง เมื่อเห็นลูกชายเดินมาไกล ๆ เขาไม่ได้นำจักรยานไปทำงานด้วย เพราะทิ้งเอาไว้ให้ภรรยาใช้ เผื่อว่าเธอต้องการออกไปซื้อของข้างนอก
“สวัสดีครับแม่ มานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ เริ่มมืดแล้วยุงน่าจะเยอะนะครับ” วันนี้หยางหมิงเฉิงกลับบ้านช้ากว่าทุกวัน เพราะการประชุมที่ติดพันกันไม่ลงตัวเสียที เขานั้นคิดถึงลูกเมียอยากจะเข้าไปกอดเจ้าถั่วเขียวยักษ์แล้ว หยางหมิงเฉิงพอใจในการเลี้ยงลูกของภรรยามาก เพราะนอกจากลูกชายจะสะอาดสะอ้านแล้วเขายังเจ้าเนื้ออีกด้วย เวลาเลิกงานมาได้สูดดมกลิ่นหอมของลูกชาย ทำให้ความเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งไป เรื่องเครียดในที่ทำงานเขาทิ้งเอาไว้ตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในรั้วบ้าน เรื่องภายนอกบ้านก็สมควรทิ้งมันไว้ข้างนอก ไม่ควรนำมันเข้ามามีบทบาทภายในบ้าน จนคนที่บ้านต้องเป็นกังวลไปด้วย
“มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยน่ะจ้ะ ลูกนั่งตรงนี้สักครู่เป็นเพื่อนแม่สักหน่อยได้หรือไม่” แม่เฒ่าหยางตัดสินใจแล้วว่า ถึงอย่างไรวันนี้เธอก็ต้องคุยกับลูกชายให้เข้าใจ
“ช่วยเล่าที่มาที่ไปของที่ผืนนี้ ให้แม่ฟังอย่างละเอียดอีกสักรอบได้หรือไม่ลูก แม่ฟังเ
หลี่เล่อเยียนนอนไม่หลับทั้งคืนกลัวว่าสามีจะมีไข้ และสิ่งที่เธอกลัวก็เกิดขึ้นจริง ๆ เพราะตัวเขานั้นร้อนมาก เธอเช็ดตัวและปลุกให้เขาลุกมากินยาอีกรอบ เห็นทีคงจะต้องให้ลูกชายไปนอนกับแม่สามีเสียแล้ว เพราะเธอกลัวว่าลูกชายอาจจะติดไข้จากพ่อของเขาได้หลี่เล่อเยียนดูแลสามีจนถึงเช้า ตอนนี้เช้าแล้วและอาการไข้ของเขานั้นก็ลดลงอย่างมากจนแทบจะหายเป็นปกติแล้ว อาจจะเป็นเพราะยาที่เธอให้เขากินมีประสิทธิภาพดีมากทีเดียว เธอเลือกซื้อยาที่มีคุณภาพตามร้านขายยาชั้นนำ โชคดีที่เธอรอบคอบเรื่องยาสามัญ ไม่เคยคิดว่าจะได้เอามันออกมาใช้จนมาถึงวันนี้“เป็นไงบ้างคะ ดีขึ้นหรือไม่ คุณไข้ขึ้นฉันเช็ดตัวให้คุณทั้งคืนเลย” หยางหมิงเฉิงที่ลืมตาขึ้นมาก็เจอภรรยารัวคำถามใส่ แต่เขากลับคว้ามือของเธอมาจับพร้อมทั้งลูบเบาๆ“ผมไม่เป็นไรครับ คุณไม่ต้องกลัว คนอย่างผมไม่ตายง่ายๆ หรอกจะอยู่กับคุณไปอีก 100 ปีเลยครับ” หยางหมิงเฉิงปลอบใจภรรยา เขารู้ว่าเธอตกใจแต่ทำเป็นเข้มแข็ง“ฮึก คุณรู้ไหมคะว่าฉันตกใจมากแค่ไหน ถ้ามันอันตรายมากขนาดนั้นคุณก็ลาออกมาเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นแล้วก็ไ
เข้าสู่หน้าร้อนเต็มตัวอากาศก็เริ่มจะอบอ้าวขึ้นมาก หลี่เล่อเยียนต้มถั่วเขียวกินกับแม่สามีช่วงกลางวัน ส่วนหนิงหลงน้อยนั้นนอนอ้อแอ้ในคอกของเขาซึ่งหยางหมิงเฉิงเป็นคนจัดการทำให้ ช่วงนี้หยางหมิงเฉิงออกปฏิบัตินอกพื้นที่บ่อยพอสมควร แต่วันนี้น่าจะเป็นวันที่ครบกำหนดกลับตามที่เขานั้นได้บอกไว้“วันนี้พ่อหนิงหลงกลับมาบ้านใช่ไหม” แม่เฒ่าหยางที่กินถั่วเขียวต้มน้ำตาลคำสุดท้ายเอ่ยถามลูกสะใภ้“ถ้าเป็นไปตามที่เขาบอกไว้ก็น่าจะกลับมาวันนี้ค่ะ” หลี่เล่อเยียนพยักหน้ารับคำของแม่สามี“ช่วงนี้พี่เขยไม่ค่อยอยู่บ้านเลยครับ ถ้าพี่เขยมาพี่ต้องดูแลเขาให้ดีหน่อยนะครับ พี่ต้องคะ ขา กับพี่เขยให้มาก ๆ ไม่ใช่ทำหน้าบึ้งใส่ ถึงพี่จะสวยมาก แต่เวลาทำหน้าบึ้งมันก็ไม่ได้น่ามองนักหรอกนะครับ” หลี่หานเย้าแหย่พี่สาวเพราะช่วงนี้เธอดูไม่ร่าเริงเท่าไหร่“นายอยากตายเหรอถึงมาพูดจากวนประสาทพี่เนี่ย” หลี่หานหัวเราะลั่นแล้วก็วิ่งเอาถ้วยถั่วเขียวต้มไปเก็บ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาปิดเทอมใหญ่พอดีระยะเวลา 1 เดือนเต็มๆ เขาเลยค่อนข้างที่จะว่างมากวนประสาทพี่สาว&l
ช่วงนี้เธอมีหน้าที่แค่ให้นมลูกชายเท่านั้น ส่วนเรื่องเลี้ยงเขานั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่สามีไป เธอจึงมีเวลามาจัดการงานบ้าน และงีบหลับบ้างในช่วงกลางวัน ลูกชายเธอกินนมเป็นเวลามากขึ้น จากที่เมื่อก่อนตื่นมากินทุก ๆ 2-3 ชั่วโมงในช่วงกลางคืน ตอนนี้เขากินนมเพียงสองรอบคือช่วงหัวค่ำก่อนนอน ช่วงประมาณเที่ยงคืนและกินอีกทีคือประมาณ 05.00 น.“ไปเถอะ เดี๋ยวแม่ดูหลานๆ เอง” แม่เฒ่าหยางนั่งคุยเล่นกับหลานชายและหลานสาวโบกมือให้ลูกสะใภ้“อาสะใภ้ไม่ต้องห่วงค่ะ เจินเจินจะดูแลน้องหนิงหลงเอง” เจินเจินยืนยันให้มั่นใจอีกเสียงว่าไม่ต้องห่วงเธอจะดูแลน้องชายหลงเอง“แล้วฉันจะรีบกลับมาค่ะ ขอบใจเจินเจินมากนะจ๊ะ”หลี่เล่อเยียนปั่นจักรยานไปยังร้านที่เสี่ยวฮวาทำงาน ไม่ลืมนำเต้าหู้ที่เธอทำไปฝากด้วย เมื่อมาถึงหน้าร้านเธอจอดจักรยานในที่จอดไม่ต้องกลัวหาย เพราะในสมัยนี้ไม่มีใครกล้าอุกอาจเพียงนั้น หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งคือ คนที่จะมีจักรยานได้จะต้องเป็นคนมีฐานะดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว“สวัสดีค่ะพี่” หลี่เล่อเยียนเดินไปหาเสี่ยวฮว
กล่าวถึงแม่เฒ่าหยาง หลังจากที่เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างจากปากของลูกชาย และเหตุผลของลูกสะใภ้เธอก็ตระหนักได้ว่า คงไม่มีแม่คนไหนที่จะไม่หวังดีกับลูก ซึ่งเธอเองก็รับรู้มาตลอดว่า ลูกสะใภ้ใส่ใจหลานชายของเธอมาแค่ไหน สิ่งที่กินเข้าไปแต่ละอย่างมีประโยชน์ทั้งนั้น แม่กินอะไรลูกย่อมได้กินด้วย อันนี้เธอเห็นด้วยทุกประการ เธอไม่ใช่เจ้าชีวิตของทุกคน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้คงต้องปล่อยวางและเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ดีกว่า ไม่อยากจะให้ลูกชายรู้สึกอึดอัด แค่หน้าที่ความรับผิดชอบของเขาก็มากพออยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะเหตุผลของลูกสะใภ้รอง แต่เป็นเพราะเธอรักลูกชายของเธอมากต่างหากแม่เฒ่าหยางตื่นเช้าเพื่อที่จะไปพบน้องชายและเล่าเรื่องทุกอย่างให้น้องชายฟัง หยางซีฮันเมื่อได้ยินเรื่องจากปากของพี่สาว เขาก็โกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟ กล้าดีอย่างไรถึงมายุยงให้พี่น้องแตกคอกัน ภรรยาของเขานั้นคงเกินที่จะเยียวยาจริง ๆ แล้วสินะ" พี่ไม่ต้องคิดมากครับ หลานไม่ได้มาบังคับหรือขู่เอาที่ดินผืนนั้นจากผม เป็นผมเองต่างหากที่ยกให้หลานมันไปเอง ตามจดหมายที่ผมเขียนบอกพี่ทุกอย่างอาเฉิงดีกับครอบครัวผมมากครับ เขากตัญญูไม่เคยทิ้งขว้าง ไม่งั้
คุณเชื่อหรือไม่ล่ะว่า ถ้าพรุ่งนี้ฉันออกไปทำงานแล้วฉันจะได้เงินมามากกว่าเงินเดือนของคุณทำมาทั้งเดือนอีกค่ะ ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวหรอกนะคะที่เหนื่อย ฉันก็เหนื่อยจะแย่ วันๆ หนึ่ง ฉันได้นอนไม่กี่ชั่วโมง ลูกหลับฉันก็ต้องรีบไปทำงานบ้าน ซักผ้า ทำกับข้าว ลูกตื่นก็ต้องดูแลลูก ใครมันเหนื่อยกว่ากันละคะ" หลี่เล่อเยียนเคยเห็นบทความภาวะเครียดหรือซึมเศร้าขณะที่คลอดบุตร วันนี้เธอเพิ่งเข้าใจก็เมื่อได้เจอกับตัวเอง“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นครับ คือวันนี้ผมเจอเรื่องเครียดมาทั้งวันจริง ๆ” หยางหมิงเฉิงน้ำเสียงดูอ่อนลง เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยจริง ๆ นั่นแหละ"ฉันไม่สนหรอกค่ะว่าคุณหมายความว่าเช่นไร แต่ฉันฟังตามที่คุณพูดมันออกมา และฉันก็หมายความตามที่ฉันพูดออกมาเช่นเดียวกันค่ะ เรื่องของอาหลงฉันบอกกับคุณแม่แล้ว ว่าเขาได้รับอนุญาตให้กินอย่างอื่นได้ ก็ต้องรอให้ครบ 6 เดือนไปแล้วเท่านั้นนี่มันลูกของฉันค่ะ ฉันมีเขาแค่คนเดียวฉันทนอุ้มท้องเขามาทำไมฉันจะไม่รู้ละคะ ว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก แม่ของคุณรักอาหลงเป็นคนเดียวหรือไงกันละคะ นี่ลูกฉันนะคะ ลูกของเรา ฮึก"
การรอคอยของแม่เฒ่าหยางสิ้นสุดลง เมื่อเห็นลูกชายเดินมาไกล ๆ เขาไม่ได้นำจักรยานไปทำงานด้วย เพราะทิ้งเอาไว้ให้ภรรยาใช้ เผื่อว่าเธอต้องการออกไปซื้อของข้างนอก“สวัสดีครับแม่ มานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ เริ่มมืดแล้วยุงน่าจะเยอะนะครับ” วันนี้หยางหมิงเฉิงกลับบ้านช้ากว่าทุกวัน เพราะการประชุมที่ติดพันกันไม่ลงตัวเสียที เขานั้นคิดถึงลูกเมียอยากจะเข้าไปกอดเจ้าถั่วเขียวยักษ์แล้ว หยางหมิงเฉิงพอใจในการเลี้ยงลูกของภรรยามาก เพราะนอกจากลูกชายจะสะอาดสะอ้านแล้วเขายังเจ้าเนื้ออีกด้วย เวลาเลิกงานมาได้สูดดมกลิ่นหอมของลูกชาย ทำให้ความเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งไป เรื่องเครียดในที่ทำงานเขาทิ้งเอาไว้ตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในรั้วบ้าน เรื่องภายนอกบ้านก็สมควรทิ้งมันไว้ข้างนอก ไม่ควรนำมันเข้ามามีบทบาทภายในบ้าน จนคนที่บ้านต้องเป็นกังวลไปด้วย“มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยน่ะจ้ะ ลูกนั่งตรงนี้สักครู่เป็นเพื่อนแม่สักหน่อยได้หรือไม่” แม่เฒ่าหยางตัดสินใจแล้วว่า ถึงอย่างไรวันนี้เธอก็ต้องคุยกับลูกชายให้เข้าใจ“ช่วยเล่าที่มาที่ไปของที่ผืนนี้ ให้แม่ฟังอย่างละเอียดอีกสักรอบได้หรือไม่ลูก แม่ฟังเ