เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จทุกคนในบ้านก็ลงไปทำงานที่ทุ่งนา ส่วนสะใภ้ใหญ่นั้นเมื่ออยู่กับแม่เฒ่าหยางสองคน เธอก็แสดงความคิดเห็นทันที คนอย่างเธอไม่มีวันถูกเอาเปรียบอย่างแน่นอน“คุณแม่คะ ฉันว่าตอนนี้บ้านเราก็มีครอบครัวของน้องรองมาอยู่ด้วยแล้ว ทำไมถึงไม่ให้สะใภ้สี่ลงมาช่วยงานที่ทุ่งนาละคะ เราจะได้แต้มค่าแรงเยอะๆ อีกอย่างน้องรองกับภรรยาก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วด้วย คนเมืองอย่างหล่อนจะให้มาทำงานที่ทุ่งนา ฉันว่าหล่อนคงไม่ยอมหรอกค่ะ” สะใภ้ใหญ่พูดกรอกหูแม่สามี“แล้วใครจะเลี้ยงเด็กล่ะ ไหนจะอาเหว่ยอีกเขายังเล็กอยู่เลยนะ” แม่เฒ่าหยางไม่เห็นด้วยกับความคิดของสะใภ้ใหญ่เท่าไหร่“คุณแม่คะ น้องรองกับภรรยาตั้งสองคน จะดูเด็ก ๆ ไม่ได้เลยหรือคะ คุณแม่จะให้หล่อนอยู่บ้านสบายๆเป็นคุณนายอย่างเดียวหรืออย่างไรกัน ฉันละเจ็บใจแทนคุณแม่ เรื่องที่หล่อนทำเป็นมองไม่เห็นว่าแม่สามีลงมาทำงานที่ทุ่งนา แต่ตัวเองกลับนอนอยู่บ้านเฉยๆ” สะใภ้ใหญ่ไม่มีทางโดนเอาเปรียบอย่างแน่นอน“พูดจาเหลวไหล อีกไม่นานเอาเฉิงก็ต้องไปทำงานแล้ว เพียงแค่ช่วงนี้เขาลากลับบ้านเท่านั้น อีกอย่
วันที่16 ธันวาคม1957เช้านี้หลี่เล่อเยียนอยากจะกินข้าวมันไก่ไหหลำ มาถึงไห่หนานทั้งทีก็ต้องกินของขึ้นชื่อในแถบนี้สิถึงจะถูก หลี่เล่อเยียนชวนสะใภ้สี่ไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่าวันนี้จะให้สะใภ้สี่สอนทำข้าวมันไก่สูตรไหหลำ เธอให้หยางหมิงเฉิงออกไปหาไก่มาให้ตั้งแต่เช้า เนื่องจากที่บ้านมีจำนวนสมาชิกที่ค่อนข้างมาก หลี่เล่อเยียนบอกให้สามีหาไก่มาให้2 ตัวพ่อเฒ่าหยางรับอาสาเป็นคนไปหาไก่มาให้ เนื่องจากว่าที่บ้านมีไก่ตัวเมียอยู่3 ตัวและตัวผู้เพียง1 ตัวเท่านั้น จึงไปถามซื้อกับเพื่อนบ้านที่มีไก่ตัวผู้อยู่ที่บ้าน ไก่ตัวเมียชาวบ้านไม่นิยมกินเพราะเอาไว้สำหรับออกไข่ในแต่ละวัน อีกอย่างคงไม่มีใครฆ่าไก่ทีเดียว2 ตัวหรอก เพราะถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองเป็นอย่างมาก แต่สำหรับหลี่เล่อเยียนแล้วไม่มีคำว่าเปลืองสำหรับการเป็นอยู่ที่ดีพ่อเฒ่าหยางซื้อไก่ตัวผู้มา2 ตัวเป็นเงินทั้งหมด5 หยวน เดิมทีเพื่อนบ้านจะขายตัวละ3 หยวน แต่พ่อหยางทำใจจ่ายราคานั้นไม่ได้จริง ๆ จึงได้ขอลดราคาลง หลี่เล่อเยียนจ่ายเงินคืนให้กับพ่อสามี เนื่องจากว่าเมนูนี้เธอเป็นคนคิดที่จะกิ
“แม่คะ หนูหิวข้าวจังเลยค่ะ” หยางจินเยว่แม้จะยังหวาดกลัวแม่ตัวเองอยู่บ้าง แต่หล่อนก็ไม่กล้าที่จะออกไปพบปะผู้คนข้างนอกเพราะกลัวจะทำให้แม่ไม่พอใจอีก“แกจะออกไปทำไม คิดว่าออกไปแล้วพวกเขาจะแบ่งให้แกกินรึอย่างไรกัน เฮอะ!!! ฝันไปเถอะ กลิ่นหอมขนาดนี้อาสะใภ้สี่หล่อนคงไม่มีปัญญาทำได้หรอก ถ้าไม่ใช่ป้าสะใภ้รองที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเมื่อคืนนี้” น้องชายสามตื่นขึ้นมาก็ได้ยินคำพูดแย่ๆของภรรยาก็พาลให้เขานั้นอารมณ์เสีย เขานั้นคิดว่าเธอจะคิดได้ที่ทำสีหน้าสลดเมื่อคืน แต่ก็ต้องมารู้ทีหลังว่าตัวเองคิดผิด ไม้แก่ดัดยากแล้วคงจะเป็นเรื่องจริง“ถ้าลูกหิวก็ใส่เสื้อผ้าดีดี แล้วก็ออกไปข้างนอกพร้อมกับพ่อเถอะ” น้องชายสามไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีข้าวสำหรับลูกสาวของเขา“ถ้าแกกล้าออกไปก็ลองดู ฉันจะฟาดแกให้หลังลายเลยคอยดู" สะใภ้สามน้อยใจที่สามีไม่ยอมเข้าข้าง ซ้ำยังตวาดเธอต่อหน้าพี่น้อง ทำไมเขาถึงไม่เหมือนกับพี่รองที่พอภรรยาเรียกก็รีบเข้ามาดู พร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แต่สามีเธอเขากลับตวาดไม่ถามเหตุผลเธอเสียนี่ว่าตีลูกเพราะเหตุใด“
เช้าของอีกวันหยางหมิงเฉิงลุกขึ้นมาออกกำลังกายในตอนเช้า ปล่อยให้ภรรยาและลูกชายนอนในห้อง เนื่องจากอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทาง หยางหมิงเฉิงออกไปวิ่งกลับมา ก็เจอเข้ากับแม่เฒ่าหยางที่ตอนนี้นั่งอยู่หน้าบ้าน“ทำไมตื่นเช้าจังเลยล่ะครับ” หยางหมิงเฉิงเข้าไปทักผู้เป็นแม่่ที่ตอนนี้กำลังส่งยิ้มให้เขาอยู่“แม่นอนพอแล้วล่ะ บนรถไฟก็หลับตลอดทาง จะให้นอนอะไรกันอีกเยอะแยะ” หยางหมิงเฉิงยิ้มตอบกลับผู้เป็นแม่ จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ“เรื่องเมื่อวานอย่าถือสาเธอเลยครับ ดูท่าทางเธอก็คงจะตกใจเหมือนกันที่ทำลูกขนาดนั้น คงไม่ได้ตั้งใจหรอกครับ” หยางหมิงเฉิงพอจะเดาได้ว่าสาเหตุที่ทำให้แม่เฒ่าหยางนอนไม่หลับ จนทำให้ต้องตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพียงนี้ นั้นเพราะอะไรกันแน่“แม่รู้จ้ะ แต่ถ้าไม่ปรามเธอบ้าง ก็คงไม่รู้จักโตเสียที” หยางหมิงเฉิงพยักหน้าเห็นด้วย“ทำไมถึงให้มาแต่งกับน้องสามได้ละครับ ดูท่าเธอก็คงไม่ได้ชอบน้องสามสักเท่าไหร่” หยางหมิงเฉิงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวเลยสักนิด งานวันสำคัญต่าง ๆเขาก็ไม่เคยเข้าร่วมเลยส
คนเรื่องมากอะไรกันจะกินข้าวกับน้ำพริกทั้ง ๆ ที่เธอทำอาหารจานเนื้อตั้ง 4-5 อย่าง หล่อนกินเพียงน้ำพริกและปลาย่างที่จับได้ในทุ่งนาเท่านั้น คำพูดของสะใภ้สามเชื่อได้มากน้อยแค่ไหนกัน พวกเธอเหล่าบรรดาสะใภ้รู้ดีที่สุด“ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ พวกคุณกินอะไรฉันก็กินได้ทั้งนั้นแหละ ครั้งต่อไปก็ทำอาหารที่กินกันทุกวันเถอะนะคะ ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก” หลี่เล่อเยียนเข้าใจทันทีว่าทำไมสะใภ้สี่ถึงดูเกร็งๆเวลาที่คุยกับเธอ ที่แท้หล่อนก็กลัวว่าเธอจะเรื่องมากนี่เอง“ไม่เอาค่ะ จินเยว่ชอบกับข้าวมื้อนี้ที่สุด เรากินแบบนี้ทุกวันได้ไหมคะ ลุงรองกลับมาแล้ว บ้านลุงรองที่ปักกิ่งรวยมากค่ะ ต่อไปเราก็จะได้กินอาหารจานเนื้อแบบนี้ทุกวันเลยใช่ไหมคะแม่” หยางจินเยว่ชอบอาหารมื้อนี้มาก มันเหมือนกับว่าเธอได้ย้อนกลับไปอยู่ที่ปักกิ่งอีกครั้ง หยางจินเยว่รู้แล้วว่าไม่จำเป็นต้องไปปักกิ่งก็มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีได้ ขอเพียงแค่มีลุงรองและป้าสะใภ้อยู่ด้วยต่างหาก เธอถึงจะมีอาหารดีดีกิน“เรากินแบบนี้ทุกมื้อไม่ได้หรอกจ้ะ แม้แต่ลุงรองและป้าสะใภ้เองก็ไม่ได้กินอาหารจานเนื้อทุกวัน จะมีเพียงบางคร
หลี่เล่อเยียนแจกจ่ายขนมให้เด็ก ๆ แต่ละบ้าน โดยที่เธอเอาลูกอมกระต่ายให้บ้านละ 1 ถุง นมผงรสมอลต์อีกบ้านละ 1กระป๋อง ในมิติตอนนี้เธอยังเหลือนมผงรสมอลต์อยู่ 10 กระป๋อง เพราะเตรียมมาไว้สำหรับลูกชายด้วย แต่เมื่อเธอเห็นว่าที่บ้านของพี่ชายใหญ่มีเด็กถึง 2 คน เพราะตอนนี้นั้นหยางลี่จินได้กลับจากโรงเรียนแล้วเรียบร้อย“เลี่ยงจินจ๊ะ มาหาป้าหน่อยสิจ๊ะ” เธอรู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยขี้อายคนนี้ เพราะหล่อนไม่แสดงท่าทีว่าอยากได้ หรืออิจฉาใครยามที่พี่น้องได้ของ ต่างจากหยางจินเยว่ที่แสดงท่าทีไม่พอใจ ที่บ้านของตัวเองไม่ได้ของที่พิเศษไปจากบ้านอื่นเลยสักนิด“อันนี้อาสะใภ้ให้เลี่ยงจินจ้ะ แต่กินแค่วันละเม็ดก็พอนะเดี๋ยวฟันจะผุเอาได้” เรื่องสุขอนามัยภายในช่องปากเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งตอนนี้ลูกชายของเธอฟันขึ้นมาได้ 4 ซี่แล้ว เธอต้องใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดทุกเช้า-เย็น เพื่อรักษาความสะอาดของช่องปาก“ขอบคุณค่ะอาสะใภ้” หยางเลี่ยงจินกล่าวขอบคุณพร้อมกับยื่นถุงลูกอมให้กับผู้เป็นแม่เก็บไว้“ทำไมบ้านของเลี่ยงจินได้เยอะกว่าละคะ ป้าสะใภ้ลำเอียงชัดๆ” เ