Share

บทที่ 6

Author: กวนอวิ๋นเจี้ยน
“ฮ่า ๆ ๆ!”

มีเสียงปรบมือและหัวเราะดังมาจากด้านหลัง น้ำเสียงเจือด้วยความภูมิใจและโอ้อวด “สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ของข้า ดูเหมือนบรรพชนทุกท่านจะยินดีต้อนรับศิษย์ของข้าเข้าสู่สำนักกระบี่เสวียนเทียนมาก”

“ในฐานะผู้สืบทอดสายตรงของบรรพชนทุกท่าน ท่านทั้งหลายควรให้อะไรแทนอาจารย์ของพวกท่านหน่อยหรือไม่?”

“แม้ว่าศิษย์ของข้าจะเข้าสำนักมาแล้วห้าปี แต่ก็ยังคงสวมเสื้อผ้าเก่าขาด บ่งบอกว่าใช้ชีวิตในสำนักด้วยความยากลำบาก ทุกท่านอยากให้อะไรก็ได้ ลูกศิษย์ข้าแคลนทุกอย่าง ขอเพียงเป็นของจากทุกท่าน ลูกศิษย์ข้าย่อมไม่เลือกมากอยู่แล้ว!”

คำพูดไร้ยางอายจากด้านหลังทำให้อวี้หลานชิงอดหัวเราะไม่ได้ ภายในใจรู้สึกอบอุ่นมากขึ้นไปอีก

แต่ตอนนี้สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกสบายที่สุดคือ แสงที่กำลังส่งลงมายังร่าง

ท่ามกลางแสงที่เจิดจ้า ราวกับกำลังมีคนกระซิบเคล็ดวิชาอยู่ข้างหู และก็เหมือนมีคนร่ายรำกระบวนท่ากระบี่เพื่อสอนนาง

อวี้หลานชิงดื่มด่ำกับความรู้สึกนี้อย่างเพลิดเพลิน จวบจนกระทั่งแสงค่อย ๆ จางไป นางทิ้งเรื่องอื่นไว้เบื้องหลังไปชั่วขณะ อยากจะชักกระบี่ออกมาฝึกฝนทันที!

เพียงชั่วขณะเดียว นางก็เก็บเกี่ยวอะไรได้มากมาย พรจากบรรพชนช่างสมคำร่ำลือ

โชคดีที่ชาตินี้ไม่พลาดโอกาส

ขณะที่อวี้หลานชิงกำลังดื่มด่ำกับเจตจำนงกระบี่ที่ได้รับมา นางก็ได้ยินเสียงของอาจารย์ตัวเองอีกครั้ง

เหมือนว่าเมื่อครู่นี้จะมีผู้อาวุโสสักคนพูดระหว่างแสดงความยินดีว่า “หากเจ้าไม่อยากดูแลศิษย์ก็ส่งมาที่ยอดเขาของข้าได้”

ถ้อยคำนี้ทำให้เสิ่นหวยจั๋วที่ยิ้มหน้ารื่นกลายเป็นแมวที่ถูกเหยียบหางทันที รีบถอยห่างจากผู้อาวุโสคนเมื่อครู่

จากนั้นมาโผล่ที่ข้างกายอวี้หลานชิง

“คำนับบรรพชนเสร็จแล้ว ส่วนของขวัญพบหน้าจากเหล่าผู้อาวุโส อาจารย์ก็รับไว้ให้แล้ว ตามข้ากลับยอดเขาชิงจู๋เลยเถอะ!”

เขาว่าจบก็สะบัดแขนเสื้อ เกิดสายลมบริสุทธิ์พัดผ่าน พาให้อวี้หลานชิงหายไปจากตำหนักเจี้ยนอิง

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ที่ยืนอยู่ที่เดิมและอยากพูดอะไรสักหน่อยต้องส่ายหน้าอย่างจนใจ “ศิษย์ที่คุณสมบัติดีเลิศเช่นนี้ต้องไปอยู่กับผู้อาวุโสเสิ่น ไม่รู้ว่าจะดีหรือจะร้ายกันแน่”

“ยังต้องสงสัยอีกหรือ? ก็ต้องร้ายอยู่แล้ว น่าเสียดายพรสวรรค์จริง ๆ !” บรรดาผู้อาวุโสส่ายหน้าด้วยความเสียดาย

หลังจากทอดถอนใจกันเรียบร้อยถึงค่อยกลับไปสนใจจี้ฝูเหยาที่ถูกละเลย

“ศิษย์หลานจี้ได้รับพรจากปรมาจารย์กระบี่ชางหวนก็ถือว่ายอดเยี่ยมเช่นกัน”

“อีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าสำนักกระบี่เสวียนเทียนของเราจะมีปรมาจารย์กระบี่เพิ่มอีกสองคน!”

คนหนึ่งคือจี้ฝูเหยาที่เป็นศิษย์ของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนและมีรูปโฉมงดงาม

ส่วนอีกคนคือผู้ใดน่ะหรือ ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้กันอยู่ ทุกคนที่ได้เห็นแสงเจิดจ้าเมื่อครู่ต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ

จี้ฝูเหยาที่ได้ยินคำชมจากเหล่าผู้อาวุโสถอยกลับไปยืนข้างปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน แอบกำมือเงียบ ๆ

นางก้มหน้าลงเหมือนเขินอาย ไม่ได้บอกผู้ใดทั้งนั้นว่าเมื่อครู่นี้ลำแสงจาง ๆ สายนั้นได้หยุดลงในเวลาเดียวกันกับที่ถูกแสงเจิดจ้าด้านข้างบดบัง

……

สำนักกระบี่เสวียนเทียนซึ่งเคยเป็นที่หนึ่งในบรรดาสี่สำนักใหญ่แห่งตงโจว มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล

ลำพังแค่ยอดเขาวิญญาณน้อยใหญ่ที่มีสายธารวิญญาณ ก็มีถึงเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าแห่ง

ยอดเขาแต่ละแห่งมีคนอยู่มากสุดที่พันคน และที่น้อยสุดก็มีแค่ร้อยคน

ในยุคที่พลังวิญญาณเริ่มเสื่อมถอย บรรดาสำนักใหญ่ทางเหนือและใต้ต่างย้ายมาที่ตงโจว การที่ผู้คนนับร้อยนับพันคนสามารถใช้สายธารวิญญาณเดียวกันถือเป็นสิทธิพิเศษอย่างหนึ่ง

ทว่าสำหรับเสิ่นหวยจั๋วแล้ว นี่ไม่ถือว่ามีอะไรพิเศษ

ยอดเขาชิงจู๋ของเขามีเขาอยู่แค่คนเดียว

มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ครอบครองสายธารวิญญาณทั้งสาย!

แต่บัดนี้เปลี่ยนจากหนึ่งคนเป็นสองคน

ยืนอยู่บนเบาะนั่งที่ถูกขยายขึ้นหลายเท่า เมื่อลอยเข้าสู่เขตอาคมที่เป็นหมอกขาว ทิวทัศน์สีเขียวขจีก็ปรากฏเบื้องหน้า

แตกต่างจากสำนักกระบี่เสวียนเทียนที่โอ่อ่ายิ่งใหญ่ ยอดเขาวิญญาณเบื้องหน้าได้รับการตกแต่งอย่างประณีต

ภายในสวนไผ่เขียวที่ตั้งอยู่บนยอดเขา สิ่งปลูกสร้างประณีตหลายหลังตั้งเรียงรายสลับกันอย่างลงตัว นอกจากดอกไม้สมุนไพรที่เพียงมองก็รู้แล้วว่ามีระดับสูง ภายในสวนยังมีประติมากรรมที่แกะสลักอย่างงดงามอีกหลายชิ้น ดูแล้ววัสดุที่ใช้คงไม่ธรรมดาเช่นกัน อวี้หลานชิงยังไม่ทันจะเข้าไปใกล้ก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณรุนแรงที่แผ่ออกมา

ด้านหลังสวนไผ่เขียวมีลำธารสายเล็กคดเคี้ยวลงไป และข้างลำธารก็มีเรือนไม้ไผ่หลังงามตั้งกระจัดกระจาย

เมื่อมาถึงบริเวณพื้นที่สองในสามของภูเขาก็มีไอน้ำลอยขึ้นมาจากลำธาร หากตามทางแยกของลำธารไปก็จะพบกับบ่อน้ำพุร้อนที่ถูกปูด้วยหยก

บริเวณรอบสระมีหมอกปกคลุมอยู่จาง ๆ นอกจากนี้ยังมองเห็นของตกแต่งสารพัดอย่างที่อยู่ริมสระ

มีหลายอย่างที่อวี้หลานชิงไม่เคยเห็นมาก่อน

หากเดินลงไปอีกก็จะถึงบริเวณกลางภูเขา ที่นี่มีสัตว์วิญญาณอาศัยอยู่ ไม่มีตัวใดเลยที่พลังยุทธ์จะต่ำหรือหน้าตาอัปลักษณ์

เสิ่นหวยจั๋วพาอวี้หลานชิงเดินชมรอบ ๆ เขาชี้เรือนไม้ไผ่ที่กระจัดกระจายอยู่ริมลำธาร “ทั้งหมดนี้เพิ่งสร้างขึ้นใหม่และตั้งอยู่บนสายธารวิญญาณทั้งหมด ไม่เคยมีผู้ใดเข้าอยู่ เจ้าเลือกหลังที่ถูกใจได้เลย”

อวี้หลานชิงไม่ใช่คนโลเล นางกวาดตามองแล้วเลือกอาคารไม้ไผ่สองชั้นที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างสวนไผ่เขียวกับน้ำพุร้อน

อาคารหลังนี้ไม่ได้โอ่อ่าหรูหราเท่ากับหลังที่ติดกับน้ำพุร้อน และก็ไม่งดงามเท่าหลังที่ติดกับสวนไผ่เขียว

นางมีเหตุผลของตัวเองที่เลือกหลังนี้

หนึ่งคือไม่อยู่ใกล้ท่านอาจารย์เกินไป ท่านอาจารย์คุ้นชินกับการอยู่คนเดียว หากอยู่ใกล้เกินไปก็อาจจะเป็นการรบกวน

สองคือไม่ได้อยู่ไกลเกินไป ถึงแม้ตอนนี้นางจะอยู่เพียงขั้นสร้างฐานปราณ หากอาจารย์เรียกหา นางก็จะได้ไปถึงภายในเวลาครึ่งถ้วยชา

สามคืออาคารหลังนี้มีทิวทัศน์พิเศษ สามารถมองเห็นทุ่งวิญญาณสองแปลงที่อยู่ใกล้น้ำพุร้อน รวมถึงมองเห็นเส้นทางที่ใช้ขึ้นยอดเขาชิงจู๋ สะดวกต่อการช่วยดูแลทุ่งวิญญาณและเฝ้าประตู เรียกได้ว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว

เสิ่นหวยจั๋วไม่ได้สังเกตว่าศิษย์ของตัวเองคิดอะไรมากมายขนาดนี้ภายในเวลาแค่ชั่วพริบตา คิดว่านางเลือกเพราะถูกใจ

เขาสะบัดแขนเสื้อ ควบคุมให้เบาะใต้เท้าบินไปยังบ้านหลังที่นางเลือก

เพียงแค่ยกนิ้วขึ้นชี้ ภายในเรือนที่ว่างเปล่าก็มีข้าวของหลายอย่างปรากฏขึ้นทันที

ทั้งเตียง โต๊ะ เก้าอี้ ตะเกียง เบาะรองนั่ง

ทุกชิ้นล้วนแต่ประณีตวิจิตร ไม่ธรรมดาสักชิ้น

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เสิ่นหวยจั๋วก็พูดทิ้งท้าย “อยากได้อะไรก็บอกอาจารย์” จากนั้นทะยานออกจากที่นี่

ได้เห็นเงาร่างของเขาหายเข้าไปในป่าไผ่บนยอดเขา

อวี้หลานชิงจึงค่อยถอนสายตากลับ ผลักประตูเข้าไปด้านใน

แม้จะบอกว่าเป็นอาคารหลังเล็ก แต่เมื่อรวมทั้งสองชั้นเข้าด้วยกันแล้ว ที่นี่ก็มีทั้งหมดสี่ห้อง ห้องรับรองหนึ่งห้อง ห้องพักหนึ่งห้อง ห้องฝึกวิชาหนึ่งห้อง แล้วก็มีห้องสำหรับหลอมโอสถหรือไม่ก็อาวุธอีกหนึ่งห้อง

เพียงดูจากเครื่องเรือนที่อาจารย์จัดไว้ให้ก็จะรู้ทันทีว่าแต่ละห้องมีไว้ทำอะไร

เมื่อมองดูอาคารหลังน้อยที่เต็มไปด้วยข้าวของ อวี้หลานชิงก็รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก

แต่เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ความซาบซึ้งใจกลับต้องแปรเปลี่ยนเป็นตะลึงงัน

นี่มันโต๊ะที่ทำจากไม้หนานมู่ไหมทอง

ท่านอาจารย์ของนางนี่ช่างร่ำรวยจนน่าเหลือเชื่อ!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 62

    สายตาของผู้คนล้วนติดตามผีเสื้อที่กลายร่างจากแสงวิญญาณ ไปหยุดอยู่ที่อวี้หลานชิงลั่วอู๋ซางพลันนึกขึ้นได้ว่า ก่อนที่ตนจะลงมือเป็นครั้งที่สอง ศิษย์หญิงผู้นี้เองที่แอบ “ปลดปล่อย” ศิษย์สำนักกระบี่หลายคนซึ่งถูกแรงกดดันกดทับไว้ต่อหน้าต่อตาเขาก็จริงอยู่ เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนหญิงกระโปรงชมพูที่อาจเกี่ยวพันกับการตายของศิษย์ตน เอะอะก็ตาแดง แสร้งทำเป็นน่าสงสาร นางยังชวนให้พึงใจยิ่งกว่า“เอาเถิด ข้าจะเห็นแก่สำนักกระบี่เสวียนเทียน คนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหลายถอยออกไปได้”มือที่ลั่วอู๋ซางยกขึ้นยังคงชี้ไปที่จี้ฝูเหยา น้ำเสียงเย็นชาไร้ปรานี “ข้าจะไต่สวนเพียงนางผู้เดียว”ร่างของจี้ฝูเหยาสั่นเทาเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ อย่างไร้ที่พึ่งศิษย์ร่วมสำนักที่นางมองไปหา ต่างพากันหลบสายตาแม้แต่เจินเหรินระดับแก่นปราณหลายคนที่ก่อนหน้านี้ยังคอยปกป้องนาง เวลานี้กลับพากันนิ่งเงียบ ไม่มีผู้ใดลุกขึ้นมาพูดแทนนางอีกจี้ฝูเหยากำฝ่ามือแน่น ตัดใจเด็ดขาดหันไปทางเสิ่นหวยจั๋ว “ผู้อาวุโสเสิ่น อาจารย์ปู่…ท่านอาจารย์ของศิษย์ยังมาไม่ถึง ท่านจะทอดทิ้งศิษย์มิได้!”เสิ่นหวยจั๋วชิงชังที่สุดในชีวิตก็คือการมีผู้ใดมาข่มขู่ตนเองสายตาท

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 61

    ต่อหน้าธารกำนัล เขานั่งลงบนเก้าอี้เมฆาตัวหนึ่งในนั้นอย่างไม่ลังเลจากนั้นก็ผลักเก้าอี้อีกตัวไปข้างหน้า โอบล้อมด้วยสายลมบริสุทธิ์ ส่งตรงไปยังด้านหลังของลั่วอู๋ซางศิษย์จากสี่สำนักที่อยู่ด้านล่าง ต่างก็มองจนตะลึงงันผู้อาวุโสแห่งสำนักกระบี่เสวียนเทียนท่านนี้ กำลังคิดจะทำสิ่งใดกัน?นี่มันยามใดแล้ว ยังจะมีกะจิตกะใจนั่งลงสนทนากันอีก!เหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียน ยิ่งร้อนใจหนัก พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าผู้อาวุโสเสิ่นคิดจะงัดกลอุบายอันใดออกมาเกรงว่าการกระทำของผู้อาวุโสเสิ่นอาจยิ่งยั่วโทสะลั่วอู๋ซาง ทำให้ทุกคนต้องพลอยรับเคราะห์หนักหนาสาหัสกว่าเดิมท่ามกลางแววตาสงสัยของผู้คนมากมาย เสิ่นหวยจั๋วเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวกับลั่วอู๋ซางว่า “สหายโปรดนั่ง เรื่องราวในวันนี้ ข้าพอจะเข้าใจคร่าว ๆ แล้ว ข้ามิได้โน้มน้าวให้ท่านคลายโทสะ เพียงแต่อยากพูดคุยด้วยเหตุผลกับท่านเท่านั้น”เขาไม่เคยคิดจะประมือกับลั่วอู๋ซางเลยสักครั้ง เสิ่นหวยจั๋วผู้นี้ เป็นคนที่ยึดถือเหตุผลเสมอมาเป็นครั้งแรกที่ลั่วอู๋ซางต้องเผชิญกับคนที่เล่นนอกกติกาเช่นนี้อย่างไรเสียสองสำนักก็ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีงามอยู่ อีกทั้ง

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 60

    “ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนห่วงใยความปลอดภัยของศิษย์น้องหญิงจี้จริงดังคาด เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นาน ก็รีบมาด้วยตัวเองแล้ว”ส่วนลั่วอู๋ซางแห่งสำนักอู๋จี๋เตี้ยน มาเร็วก็จริง แต่ก็เป็นเพียงร่างแยกเท่านั้นแต่ดูจากแสงสีขาววาบเดียวเมื่อครู่นั้น เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำลายแรงกดดันของลั่วอู๋ซางได้ พลังนั้นชัดเจนว่าย่อมมีได้เมื่อร่างจริงมาถึงเท่านั้นต่างเป็นระดับเทพจุติเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงร่างแยก ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งปรากฏกายมาด้วยร่างจริง...ใครแพ้ใครชนะ มองปราดเดียวก็รู้แล้วเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียนต่างถอนหายใจโล่งอกในที่สุดเหล่าเจินเหรินที่เมื่อครู่ยังรู้สึกไม่พอใจที่จี้ฝูเหยายั่วโมโหลั่วอู๋ซาง บัดนี้ต่างก็สงบความขุ่นเคืองใจลงแล้วอย่างไรเสีย จี้ฝูเหยาก็เป็นศิษย์สายตรงของปรมาจารย์กระบี่ ไม่เห็นหรือว่าแค่นางเกิดปัญหาเล็กน้อย ปรมาจารย์กระบี่ก็รีบรุดมาด้วยตัวเอง?เพียงเท่านี้ ก็มากพอให้นางมีทุนที่จะเอาแต่ใจแล้วเช่นเดียวกับทุกคน จี้ฝูเหยาก็กำลังแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าตามทิศทางที่แสงสีขาวพุ่งมา บนหมู่เมฆที่ขอบฟ้าอันไกลโพ้น ปรากฏร่างหนึ่งยืนอยู่จี้ฝูเหยากำยันต์หยกไว้ในฝ่ามื

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 59

    ทั้งสองคนนี้อวี้หลานชิงไม่รู้จักเลย พียงเลือกคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดเท่านั้นขณะที่นางยื่นมือช่วยเหลือศิษย์ร่วมสำนักใกล้ตัวต้านแรงกดดัน ทางด้านนั้น ลั่วอู๋ซางก็ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าพวกจี้ฝูเหยาทั้งสี่แล้วมองปราดเดียวก็รู้ว่า จี้ฝูเหยาต่างหากที่เป็นผู้ตัดสินใจได้ในบรรดาทั้งสี่คนและไม่สนใจว่าคนอื่นจะกล่าวว่าเขารังแกคนอ่อนแอกว่า สายตาจ้องเขม็งไปที่จี้ฝูเหยา มองจากที่สูงลงมาอย่างดูถูก ก่อนเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “พูดมา หลังจากเจ้าพบเฉินถงแล้วไปที่ไหน แยกจากกันเมื่อใด หลังจากนั้นเจ้าพบเขาอีกหรือไม่?”ใบหน้าจี้ฝูเหยาซีดเผือดภายใต้สายตาอำมหิตของยอดฝีมือระดับเทพจุติ นางตัวสั่นระริก จนไม่อาจเอ่ยวาจาใดออกมาแต่หาใช่เพราะแรงกดดันไม่ นางมีของวิเศษที่ท่านอาจารย์มอบไว้ติดตัว จึงไม่รู้สึกถึงแรงกดดันของลั่วอู๋ซางที่ปกคลุมเหนือหัวของเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียนเพียงแต่นางมีระดับพลังยุทธ์เพียงขั้นหลอมปราณช่วงกลางเท่านั้น การถูกยอดฝีมือระดับเทพจุติจ้องด้วยสายตาอำมหิต ความกดดันเช่นนี้เพียงพอจะทำลายแนวป้องกันในจิตใจของนางได้นางหลับตาลงเบา ๆ กำยันต์หยกที่ท่านอาจารย์มอบให้ตนเอง สัมผัสถึงความอบอุ่นจา

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 58

    ภายในเตาหลอมใหญ่พลันปรากฏเงาร่างขึ้นมา แรกเห็นยังคงเลือนราง แต่เพียงพริบตาก็แน่ชัดเป็นรูปเป็นร่างอาภรณ์ดำ ผมสีเพลิง ปกเสื้อหลวมโครก เสื้อคลุมยับย่น ดูไม่งามตา แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนเห็นเขาก้าวย่างอันองอาจ ก้าวข้ามออกมาจากเตาหลอมผมยาวสีเพลิงนั้น ถูกรวบไว้ด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจด้วยผ้าคาดผมสีขาว ในจังหวะที่เขาขยับกาย ผ้าคาดผมที่หลวมโครกนั้นก็ขาดสะบั้น ผมยาวสีเพลิงปลิวสยายออก พลิ้วไหวโดยไร้ลม ราวกับเพลิงโทสะที่ลุกโชนในดวงตาของเขา เพียงสบมองก็ทำให้ผู้คนพลันเกิดความหวาดหวั่นจากก้นบึ้งหัวใจนี่แหละความน่าเกรงขามของยอดฝีมือระดับเทพจุติแม้เป็นเพียงร่างแยกสายเดียว ก็สามารถทำให้คนนับร้อยตรึงอยู่กับที่พร้อมกัน อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“ผู้ใดบังอาจลงมือทำร้ายศิษย์ของข้า?” ลั่วอู๋ซางมองไปรอบทิศด้วยแววตาอันดุดันสายตาทอดไปที่ใด ก็ไม่มีผู้ใดหาญกล้าสบตาหลิงสวินเฟิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ท่านอาจารย์ ท่านมาถึงเร็วเกินไป ตอนนี้ยังตรวจสอบไม่พบสาเหตุที่ศิษย์น้องหายตัวไปขอรับ”“แล้วเหตุใดไม่รีบตรวจสอบต่อไปเล่า!”ลั่วอู๋ซางตวาดก้อง พูดจบแล้วก็ยกมือขึ้น พลังจิตวิญญาณสายหนึ่งพุ่งห่อหุ้มเ

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 57

    ก่อนที่ผู้อาวุโสจะมาถึง เจินเหรินหลายท่านของสำนักอู๋จี๋เตี้ยนยังคงสอบถามสำนักต่าง ๆ ว่ามีใครเคยพบศิษย์สองคนนั้นอีกบ้าง“สำนักอู๋จี๋เตี้ยนก็เหลือเกิน ตอนมาก็ให้คนรอ ตอนกลับก็ยังต้องรออีก ทำตัวใหญ่โตเสียจริง!”“แล้วคนเมื่อครู่นั้นก็ด้วย ท่าทีอย่างไรกัน กล้าพูดกับศิษย์น้องหญิงจี้แบบนี้ได้อย่างไร”ผู้คนที่อยู่รอบตัวจี้ฝูเหยา พากันเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนางสายตาของอวี้หลานชิงก็จับอยู่ที่จี้ฝูเหยาเช่นกันนางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในแดนลับ ตอนที่ขัดขวางจี้ฝูเหยาไม่ให้ใช้ค่ายกลเข็มทิศสอดส่องเข้าไปยังแดนลับใหญ่ ข้างกายจี้ฝูเหยามีผู้ติดตามอยู่หลายคนนอกจากลูกศิษย์ชั้นนอกสามคนของยอดเขาหลิงเซียวที่ยังยืนเคียงข้างจี้ฝูเหยาแล้ว ยังมีผู้ฝึกตนตัวสูงคนหนึ่งตัวเตี้ยคนหนึ่ง ทั้งสองแต่งกายหรูหรา สีหน้าหยิ่งยโส สองคนนั้นน่าจะเป็นเฉินถงและหนานกงที่สำนักอู๋จี๋เตี้ยนกำลังตามหาในตอนนั้นแดนลับเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงห้าวัน ระดับพลังยุทธ์ของจี้ฝูเหยายังคงหยุดอยู่ที่ขั้นดึงลมปราณเข้าร่างสัญชาตญาณบอกนางว่า จี้ฝูเหยาดูไม่ชอบมาพากลแต่ ณ เวลานั้นนางไม่อาจบอกได้ว่า ไม่ชอบมาพากลตรงไหนกันแน่“อาจารย์อาอวี้”เมื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status