Share

บทที่ 6

Author: กวนอวิ๋นเจี้ยน
“ฮ่า ๆ ๆ!”

มีเสียงปรบมือและหัวเราะดังมาจากด้านหลัง น้ำเสียงเจือด้วยความภูมิใจและโอ้อวด “สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ของข้า ดูเหมือนบรรพชนทุกท่านจะยินดีต้อนรับศิษย์ของข้าเข้าสู่สำนักกระบี่เสวียนเทียนมาก”

“ในฐานะผู้สืบทอดสายตรงของบรรพชนทุกท่าน ท่านทั้งหลายควรให้อะไรแทนอาจารย์ของพวกท่านหน่อยหรือไม่?”

“แม้ว่าศิษย์ของข้าจะเข้าสำนักมาแล้วห้าปี แต่ก็ยังคงสวมเสื้อผ้าเก่าขาด บ่งบอกว่าใช้ชีวิตในสำนักด้วยความยากลำบาก ทุกท่านอยากให้อะไรก็ได้ ลูกศิษย์ข้าแคลนทุกอย่าง ขอเพียงเป็นของจากทุกท่าน ลูกศิษย์ข้าย่อมไม่เลือกมากอยู่แล้ว!”

คำพูดไร้ยางอายจากด้านหลังทำให้อวี้หลานชิงอดหัวเราะไม่ได้ ภายในใจรู้สึกอบอุ่นมากขึ้นไปอีก

แต่ตอนนี้สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกสบายที่สุดคือ แสงที่กำลังส่งลงมายังร่าง

ท่ามกลางแสงที่เจิดจ้า ราวกับกำลังมีคนกระซิบเคล็ดวิชาอยู่ข้างหู และก็เหมือนมีคนร่ายรำกระบวนท่ากระบี่เพื่อสอนนาง

อวี้หลานชิงดื่มด่ำกับความรู้สึกนี้อย่างเพลิดเพลิน จวบจนกระทั่งแสงค่อย ๆ จางไป นางทิ้งเรื่องอื่นไว้เบื้องหลังไปชั่วขณะ อยากจะชักกระบี่ออกมาฝึกฝนทันที!

เพียงชั่วขณะเดียว นางก็เก็บเกี่ยวอะไรได้มากมาย พรจากบรรพชนช่างสมคำร่ำลือ

โชคดีที่ชาตินี้ไม่พลาดโอกาส

ขณะที่อวี้หลานชิงกำลังดื่มด่ำกับเจตจำนงกระบี่ที่ได้รับมา นางก็ได้ยินเสียงของอาจารย์ตัวเองอีกครั้ง

เหมือนว่าเมื่อครู่นี้จะมีผู้อาวุโสสักคนพูดระหว่างแสดงความยินดีว่า “หากเจ้าไม่อยากดูแลศิษย์ก็ส่งมาที่ยอดเขาของข้าได้”

ถ้อยคำนี้ทำให้เสิ่นหวยจั๋วที่ยิ้มหน้ารื่นกลายเป็นแมวที่ถูกเหยียบหางทันที รีบถอยห่างจากผู้อาวุโสคนเมื่อครู่

จากนั้นมาโผล่ที่ข้างกายอวี้หลานชิง

“คำนับบรรพชนเสร็จแล้ว ส่วนของขวัญพบหน้าจากเหล่าผู้อาวุโส อาจารย์ก็รับไว้ให้แล้ว ตามข้ากลับยอดเขาชิงจู๋เลยเถอะ!”

เขาว่าจบก็สะบัดแขนเสื้อ เกิดสายลมบริสุทธิ์พัดผ่าน พาให้อวี้หลานชิงหายไปจากตำหนักเจี้ยนอิง

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ที่ยืนอยู่ที่เดิมและอยากพูดอะไรสักหน่อยต้องส่ายหน้าอย่างจนใจ “ศิษย์ที่คุณสมบัติดีเลิศเช่นนี้ต้องไปอยู่กับผู้อาวุโสเสิ่น ไม่รู้ว่าจะดีหรือจะร้ายกันแน่”

“ยังต้องสงสัยอีกหรือ? ก็ต้องร้ายอยู่แล้ว น่าเสียดายพรสวรรค์จริง ๆ !” บรรดาผู้อาวุโสส่ายหน้าด้วยความเสียดาย

หลังจากทอดถอนใจกันเรียบร้อยถึงค่อยกลับไปสนใจจี้ฝูเหยาที่ถูกละเลย

“ศิษย์หลานจี้ได้รับพรจากปรมาจารย์กระบี่ชางหวนก็ถือว่ายอดเยี่ยมเช่นกัน”

“อีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าสำนักกระบี่เสวียนเทียนของเราจะมีปรมาจารย์กระบี่เพิ่มอีกสองคน!”

คนหนึ่งคือจี้ฝูเหยาที่เป็นศิษย์ของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนและมีรูปโฉมงดงาม

ส่วนอีกคนคือผู้ใดน่ะหรือ ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้กันอยู่ ทุกคนที่ได้เห็นแสงเจิดจ้าเมื่อครู่ต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ

จี้ฝูเหยาที่ได้ยินคำชมจากเหล่าผู้อาวุโสถอยกลับไปยืนข้างปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน แอบกำมือเงียบ ๆ

นางก้มหน้าลงเหมือนเขินอาย ไม่ได้บอกผู้ใดทั้งนั้นว่าเมื่อครู่นี้ลำแสงจาง ๆ สายนั้นได้หยุดลงในเวลาเดียวกันกับที่ถูกแสงเจิดจ้าด้านข้างบดบัง

……

สำนักกระบี่เสวียนเทียนซึ่งเคยเป็นที่หนึ่งในบรรดาสี่สำนักใหญ่แห่งตงโจว มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล

ลำพังแค่ยอดเขาวิญญาณน้อยใหญ่ที่มีสายธารวิญญาณ ก็มีถึงเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าแห่ง

ยอดเขาแต่ละแห่งมีคนอยู่มากสุดที่พันคน และที่น้อยสุดก็มีแค่ร้อยคน

ในยุคที่พลังวิญญาณเริ่มเสื่อมถอย บรรดาสำนักใหญ่ทางเหนือและใต้ต่างย้ายมาที่ตงโจว การที่ผู้คนนับร้อยนับพันคนสามารถใช้สายธารวิญญาณเดียวกันถือเป็นสิทธิพิเศษอย่างหนึ่ง

ทว่าสำหรับเสิ่นหวยจั๋วแล้ว นี่ไม่ถือว่ามีอะไรพิเศษ

ยอดเขาชิงจู๋ของเขามีเขาอยู่แค่คนเดียว

มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ครอบครองสายธารวิญญาณทั้งสาย!

แต่บัดนี้เปลี่ยนจากหนึ่งคนเป็นสองคน

ยืนอยู่บนเบาะนั่งที่ถูกขยายขึ้นหลายเท่า เมื่อลอยเข้าสู่เขตอาคมที่เป็นหมอกขาว ทิวทัศน์สีเขียวขจีก็ปรากฏเบื้องหน้า

แตกต่างจากสำนักกระบี่เสวียนเทียนที่โอ่อ่ายิ่งใหญ่ ยอดเขาวิญญาณเบื้องหน้าได้รับการตกแต่งอย่างประณีต

ภายในสวนไผ่เขียวที่ตั้งอยู่บนยอดเขา สิ่งปลูกสร้างประณีตหลายหลังตั้งเรียงรายสลับกันอย่างลงตัว นอกจากดอกไม้สมุนไพรที่เพียงมองก็รู้แล้วว่ามีระดับสูง ภายในสวนยังมีประติมากรรมที่แกะสลักอย่างงดงามอีกหลายชิ้น ดูแล้ววัสดุที่ใช้คงไม่ธรรมดาเช่นกัน อวี้หลานชิงยังไม่ทันจะเข้าไปใกล้ก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณรุนแรงที่แผ่ออกมา

ด้านหลังสวนไผ่เขียวมีลำธารสายเล็กคดเคี้ยวลงไป และข้างลำธารก็มีเรือนไม้ไผ่หลังงามตั้งกระจัดกระจาย

เมื่อมาถึงบริเวณพื้นที่สองในสามของภูเขาก็มีไอน้ำลอยขึ้นมาจากลำธาร หากตามทางแยกของลำธารไปก็จะพบกับบ่อน้ำพุร้อนที่ถูกปูด้วยหยก

บริเวณรอบสระมีหมอกปกคลุมอยู่จาง ๆ นอกจากนี้ยังมองเห็นของตกแต่งสารพัดอย่างที่อยู่ริมสระ

มีหลายอย่างที่อวี้หลานชิงไม่เคยเห็นมาก่อน

หากเดินลงไปอีกก็จะถึงบริเวณกลางภูเขา ที่นี่มีสัตว์วิญญาณอาศัยอยู่ ไม่มีตัวใดเลยที่พลังยุทธ์จะต่ำหรือหน้าตาอัปลักษณ์

เสิ่นหวยจั๋วพาอวี้หลานชิงเดินชมรอบ ๆ เขาชี้เรือนไม้ไผ่ที่กระจัดกระจายอยู่ริมลำธาร “ทั้งหมดนี้เพิ่งสร้างขึ้นใหม่และตั้งอยู่บนสายธารวิญญาณทั้งหมด ไม่เคยมีผู้ใดเข้าอยู่ เจ้าเลือกหลังที่ถูกใจได้เลย”

อวี้หลานชิงไม่ใช่คนโลเล นางกวาดตามองแล้วเลือกอาคารไม้ไผ่สองชั้นที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างสวนไผ่เขียวกับน้ำพุร้อน

อาคารหลังนี้ไม่ได้โอ่อ่าหรูหราเท่ากับหลังที่ติดกับน้ำพุร้อน และก็ไม่งดงามเท่าหลังที่ติดกับสวนไผ่เขียว

นางมีเหตุผลของตัวเองที่เลือกหลังนี้

หนึ่งคือไม่อยู่ใกล้ท่านอาจารย์เกินไป ท่านอาจารย์คุ้นชินกับการอยู่คนเดียว หากอยู่ใกล้เกินไปก็อาจจะเป็นการรบกวน

สองคือไม่ได้อยู่ไกลเกินไป ถึงแม้ตอนนี้นางจะอยู่เพียงขั้นสร้างฐานปราณ หากอาจารย์เรียกหา นางก็จะได้ไปถึงภายในเวลาครึ่งถ้วยชา

สามคืออาคารหลังนี้มีทิวทัศน์พิเศษ สามารถมองเห็นทุ่งวิญญาณสองแปลงที่อยู่ใกล้น้ำพุร้อน รวมถึงมองเห็นเส้นทางที่ใช้ขึ้นยอดเขาชิงจู๋ สะดวกต่อการช่วยดูแลทุ่งวิญญาณและเฝ้าประตู เรียกได้ว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว

เสิ่นหวยจั๋วไม่ได้สังเกตว่าศิษย์ของตัวเองคิดอะไรมากมายขนาดนี้ภายในเวลาแค่ชั่วพริบตา คิดว่านางเลือกเพราะถูกใจ

เขาสะบัดแขนเสื้อ ควบคุมให้เบาะใต้เท้าบินไปยังบ้านหลังที่นางเลือก

เพียงแค่ยกนิ้วขึ้นชี้ ภายในเรือนที่ว่างเปล่าก็มีข้าวของหลายอย่างปรากฏขึ้นทันที

ทั้งเตียง โต๊ะ เก้าอี้ ตะเกียง เบาะรองนั่ง

ทุกชิ้นล้วนแต่ประณีตวิจิตร ไม่ธรรมดาสักชิ้น

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เสิ่นหวยจั๋วก็พูดทิ้งท้าย “อยากได้อะไรก็บอกอาจารย์” จากนั้นทะยานออกจากที่นี่

ได้เห็นเงาร่างของเขาหายเข้าไปในป่าไผ่บนยอดเขา

อวี้หลานชิงจึงค่อยถอนสายตากลับ ผลักประตูเข้าไปด้านใน

แม้จะบอกว่าเป็นอาคารหลังเล็ก แต่เมื่อรวมทั้งสองชั้นเข้าด้วยกันแล้ว ที่นี่ก็มีทั้งหมดสี่ห้อง ห้องรับรองหนึ่งห้อง ห้องพักหนึ่งห้อง ห้องฝึกวิชาหนึ่งห้อง แล้วก็มีห้องสำหรับหลอมโอสถหรือไม่ก็อาวุธอีกหนึ่งห้อง

เพียงดูจากเครื่องเรือนที่อาจารย์จัดไว้ให้ก็จะรู้ทันทีว่าแต่ละห้องมีไว้ทำอะไร

เมื่อมองดูอาคารหลังน้อยที่เต็มไปด้วยข้าวของ อวี้หลานชิงก็รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก

แต่เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ความซาบซึ้งใจกลับต้องแปรเปลี่ยนเป็นตะลึงงัน

นี่มันโต๊ะที่ทำจากไม้หนานมู่ไหมทอง

ท่านอาจารย์ของนางนี่ช่างร่ำรวยจนน่าเหลือเชื่อ!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 100

    บรรดาสำนักที่เมื่อครู่นี้ลอยเด่นอยู่กลางอากาศ เวลานี้ได้ยึดครองตำแหน่งที่ดีที่สุดบนอัฒจันทร์แล้ว ส่วนสำนักขนาดกลางและขนาดเล็กที่เหลือก็แทรกตัวเข้าไปในช่องว่างที่สำนักใหญ่เหลือไว้ อวี้หลานชิงนั่งอยู่บนที่นั่งของศิษย์สายตรงชั้นใน นางกวาดตามองไปรอบ ๆ ทอดสายตามองไปยังเบื้องล่างที่มีศีรษะผู้คนอยู่อย่างเนืองแน่นผู้ฝึกตนในงานชุมนุมใหญ่ของสำนักเซียนมีเกือบหนึ่งแสนคนเลยทีเดียวเมื่อรอให้ทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว แสงที่เปล่งออกมาจากเสาค้ำฟ้าโดยรอบก็รวมตัวเข้าด้วยกันชายชราผมขาวโพลนดุจหิมะคนหนึ่ง ถือไม้เท้าหัวมังกร ดูสง่างามดั่งเซียนมากกว่าอวี้ชิงจื่อจากสำนักอวี้ซวีก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศทุกก้าวที่เดิน ร่างก็เข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้นราวกับว่าเดินมาจากท่ามกลางความว่างเปล่า ท้ายที่สุดก็หยุดอยู่ตรงใจกลางสนามเมื่อเขาปรากฏตัว เจ้าสำนักต่าง ๆ ที่อยู่บนที่นั่งสูงสุดของอัฒจันทร์โดยรอบก็พากันลุกขึ้น ประสานมือคารวะชายชราผู้นั้นแล้วร้องเรียกว่า “ผู้อาวุโสเช่อ” “ผู้อาวุโสเช่อผู้นี้เป็นใครกัน?” จิตวิญญาณของอวี้หลานชิงอยู่แค่ระดับหลอมแก่นปราณเท่านั้น ไม่อาจมองทะลุระดับพลังยุทธ์ของชายชราได้ คนท

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 99

    เวลานี้เอง ฉากที่อยู่ด้านนอกเสาค้ำฟ้าแทบจะเป็นภาพจำลองของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรทั้งหมด เมืองที่รองรับผู้คนได้หลายแสนคนแห่งนี้ ทุกคนในเมืองล้วนเฝ้าติดตามสถานการณ์ของทางเสาค้ำฟ้าตรงใจกลางเมือง ศิษย์สำนักใหญ่ที่นำโดยอาจารย์จากสำนัก ต่างก็ยืนอยู่บนอาวุธวิเศษเหาะเหินขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงแวววาวของสำนักต่าง ๆ ส่วนลูกศิษย์ของสำนักขนาดกลางและขนาดเล็กก็ยืนอยู่บนพื้นดิน รออยู่รอบ ๆ เสาค้ำฟ้าอย่างเงียบเชียบถัดออกไปด้านนอก ยังมีผู้ฝึกตนอิสระนับไม่ถ้วนที่ไม่มีสิทธิ์เข้างานชุมนุมใหญ่ของสำนักเซียนกำลังชะเง้อคอมองสถานการณ์ในนี้ แววตาแฝงไปด้วยความชื่นชมและความหลงใหลใฝ่ฝันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก่อนที่หมอกจาง ๆ ที่ปกคลุมเสาค้ำฟ้าจะสลายหายไป สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปยังบรรดาเจ้าสำนักและผู้อาวุโสของสำนักใหญ่ที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศอัดฉีดพลังวิญญาณเข้าไปในเสาค้ำฟ้า ผู้ที่ยืนตระหง่านกลางอากาศปลดปล่อยพลังอันมหาศาลเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ส่วนมากก้าวเข้าสู่ระดับทารกวิญญาณช่วงปลายแล้ว ยังมีบางส่วนที่ครอบครองพลังของระดับเทพจุติด้วยผู้ทรงพลังที่มีคว

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 98

    บางทีอาจเป็นเพราะตอนนี้จี้ฝูเหยายังเยาว์วัย ยังไม่เข้าใจการเก็บงำอารมณ์โดยสมบูรณ์ หรืออาจเป็นเพราะประสบการณ์ที่สั่งสมมาสองชาติ ทำให้อวี้หลานชิงเข้าใจนางดีเกินไป เมื่อจิตสัมผัสรู้สึกได้ถึงสายตาของจี้ฝูเหยาที่มองตามหลังอีกฝ่ายไป อวี้หลานชิงก็คาดเดาการกระทำต่อไปของนางได้แล้ว นางทำเช่นนี้เป็นประจำใช้ท่าทางบริสุทธิ์ไร้เดียงสา คำนึงถึงผู้อื่นมาดึงดูดทุกคนที่มีประโยชน์ต่อนาง ชาติที่แล้ว หากไม่ใช่เพราะกระบี่ที่ทะลวงหัวใจในตอนสุดท้าย อวี้หลานชิงก็คงถูกรูปลักษณ์ภายนอกของนางหลอกไปแล้ว ในฐานะผู้หญิงเหมือนกัน อวี้หลานชิงไม่อยากใช้คำพูดที่ร้ายกาจมาบรรยายจี้ฝูเหยา แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนที่แสดงออกมาเลย สายตาของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนน่าเป็นห่วงยิ่งนักความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมาในใจ อวี้หลานชิงก็อดไม่ได้ที่จะ “ถุย” อีกครั้ง ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน ศิษย์อาจารย์คู่นั้นชอบพอกันและกัน มีความรักต้องห้าม เรียกได้ว่าเหมือนเต่ามองถั่วเขียว รับสืบทอดสายตาที่ย่ำแย่มา“ไปกันเถิด” อวี้หลานชิงหันหน้ากลับมามอง เจ้าของแผงลอยที่ยังกำถุงเก็บของไว้แน่นเพราะกล

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 97

    อวี้หลานชิงไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง และไม่อยากอธิบายอะไร เดิมทีนางก็ไม่ได้คิดจะสังหารสัตว์วิญญาณตัวนี้เลย ในเมื่อจี้ฝูเหยายินดีเข้ามายุ่งเรื่องผู้อื่น ก็ปล่อยให้นางดูแลต่อไปก็พอ “ศิษย์หลานกล่าวมีเหตุผล เช่นนั้นหน้าที่สำคัญอย่างตามหาเจ้าของสัตว์วิญญาณตัวนี้ก็ยกให้ศิษย์หลานจัดการแล้วกัน” “แต่ว่าสัตว์วิญญาณตัวนี้มีนิสัยซุกซน ศิษย์หลานต้องคอยจับตาดูหน่อย อย่าให้มันทำร้ายผู้คนอีกเป็นอันขาด” อวี้หลานชิงพูดจบก็เก็บกระบี่ยาว เจ้าของแผงลอยที่อาศัยช่วงเวลาชุลมุนเก็บกล่องบรรจุหญ้าเย็นกระจ่างกลับคืนสู่อ้อมอกอีกครั้ง ก็ฉวยโอกาสที่จี้ฝูเหยาพูดเมื่อครู่นี้เก็บข้าวของบนแผงลอยจนเสร็จเรียบร้อยนานแล้วอวี้หลานชิงส่งสายตา เขาก็เดินตามหลังนางออกจากฝูงชนทันทีจิ้งจอกแดงเพลิงที่ก่อความวุ่นวายไปครึ่งถนนตัวนั้น เมื่อครู่กำลังทำตากลมสุกใสนิ่งอยู่กับที่ มองอวี้หลานชิงกับจี้ฝูเหยาเหมือนชมละครสนุก ๆ ก็ไม่ปานปากยังคงเคี้ยว “หนวดหัวไชเท้า” ที่มันโยนทิ้งไว้บนพื้นลวก ๆ ก่อนหน้านี้อย่างไม่เร่งรีบเมื่อเห็นอวี้หลานชิงและเจ้าของแผงลอยนำสมุนไพรวิญญาณที่มันหมายตาจากไป มันก็อดร้อนใจไม่ได้มันคายหนวดหัว

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 96

    วิญญาณร้ายยังไม่สลายไปสักที ในสมองของอวี้หลานชิงผุดขึ้นมาแปดคำทันที จี้ฝูเหยาที่อยู่ตรงหน้าถือกระบี่ใบหลิวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ปลายกระบี่เรียวเล็ก ตรงด้ามกระบี่เคลือบทอง บนนั้นยังฝังอำพันที่ส่องประกายแวววาวสามก้อนตอนที่กระบี่ทั้งสองปะทะกันเมื่อครู่นี้ อวี้หลานชิงรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณธาตุไฟที่บริสุทธิ์สายหนึ่งปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่เล่มนั้น เป็นลมปราณสายนี้เองที่ต้านทานปราณกระบี่ของนาง ดูเหมือนว่านี่จะเป็นกระบี่เล่มใหม่ที่ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนมอบให้จี้ฝูเหยา แม้จะเทียบไม่ได้กับกระบี่ที่หล่อหลอมปราณกระบี่ของปรมาจารย์กระบี่เยวี่ยหวาเล่มนั้นในชาติก่อน ซึ่งเข้ากับวิชาที่จี้ฝูเหยาฝึกฝนแต่ก็เป็นกระบี่ดีที่หาได้ยากเล่มหนึ่งจริง ๆ อย่างน้อยในแง่ของระดับก็ถือว่าหายากมากนี่ไม่ใช่อาวุธวิเศษ แต่เป็นอาวุธวิญญาณ แตกต่างกันเพียงคำเดียว แต่ราคาและความล้ำค่าระหว่างทั้งสองนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว อาวุธวิญญาณทั่วไปมีราคาแค่หินวิญญาณไม่กี่ร้อยก้อน แพงอีกแค่ไหนก็แค่พันกว่า แต่อาวุธวิญญาณเป็นสิ่งที่มีราคาแต่ไม่มีในตลาดมาโดยตลอด อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนระดับหลอมปราณเลย ตลอดชีวิตของผู้ฝึกตนระดับห

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 95

    เจ้าของแผลลอยกล่าวจบก็แอบเชยตามองปฏิกิริยาของอวี้หลานชิง จากนั้นก็เห็นนางทำสีหน้าเคร่งขรึม ไม่เอ่ยสักคำเดียวในใจอด “กระตุก” ขึ้นมาไม่ได้ผู้ฝึกตนหญิงผู้นี้คงไม่ให้เขาคืนหินวิญญาณหรอกนะ?ศิษย์ของสำนักใหญ่ ปกติแล้วจะไม่ยอมเสียหน้ากระมัง?แต่ว่าไม่มีเรื่องอะไรที่แน่นอน เขาตัดสินใจแล้วว่าหากผู้ฝึกตนหญิงตรงหน้าให้เขาคืนหินวิญญาณละก็ เขาจะเก็บแผงหนีไปทันที จากนั้นก็เปลี่ยนที่แล้วค่อยตั้งแผงใหม่ เจ้าของแผงลอยถึงค่อยเอ่ยปากพูดอย่างระมัดระวังว่า “สหายน้อย?” สิ่งที่อวี้หลานชิงคิดไม่ใช่เรื่องขอหินวิญญาณคืน “เมื่อครู่ท่านบอกว่าสมุนไพรวิญญาณที่ใช้ระงับพิษเพลิงชื่อว่าอะไรนะ?”“หญ้าเย็นกระจ่าง สมุนไพรวิญญาณชั้นสูง หนึ่งต้นสามารถระงับพิษเพลิงได้สามเดือน” ความคิดที่จะหนีไปของเจ้าของแผงลอยถูกโยนทิ้งไว้ที่ด้านหลังสมองทันที ก่อนจะถามด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นว่า “สหายน้อยถามถึงสมุนไพรนี้ แสดงว่า?”“ข้ามีอยู่ต้นหนึ่ง” อวี้หลานชิงก็เพิ่งนึกขึ้นได้เช่นกันว่ามีสมุนไพรวิญญาณเช่นนี้อยู่ในแหวนเก็บของของตนเป็นของที่ผู้อาวุโสจวีหยางจากสำนักมอบให้ในพิธีกราบอาจารย์ก่อนหน้านี้ สมุนไพรวิญญาณที่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status