Share

บทที่ 5

Author: กวนอวิ๋นเจี้ยน
บัดนี้ ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสามคนที่เข้าสำนักกระบี่เสวียนเทียนต่างก็ถูกจัดสรรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

รวมจี้ฝูเหยาแล้ว มีเพียงสี่คนที่มีอาจารย์ อีกหกสิบเก้าคนที่เหลือถูกแบ่งไปตามยอดเขาต่าง ๆ เริ่มจากเป็นศิษย์ชั้นนอก

“ศิษย์ทั้งหลายจงตามข้าไปที่ตำหนักเจี้ยนอิง เพื่อคารวะวิญญาณของปรมาจารย์กระบี่ทุกท่าน!”

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ลุกขึ้นเป็นคนแรก โบกแขนเสื้อพาทุกคนไปยังยอดเขาหลักด้านหลัง อันเป็นที่ตั้งของตำหนักเจี้ยนอิงที่อยู่ไม่ไกลจากห้องโถงใหญ่หารือ

ตำหนักแห่งนี้จะเปิดทุกห้าปี จะเปิดในยามที่มีศิษย์ใหม่เข้ามาในสำนัก เพื่อแจ้งให้บรรดาบรรพชนทราบถึงศิษย์รุ่นหลัง

แต่ไม่ใช่ศิษย์ใหม่ทุกคนที่จะมีโอกาสเข้าไปในตำหนัก คนส่วนใหญ่จะได้แค่ยืนอยู่นอกประตู มีเพียงศิษย์ที่มีอาจารย์เท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์เข้าไปในตำหนัก หากโชคดีก็จะได้พรจากบรรพชนระหว่างที่ทำการสักการะ

เมื่อห้าปีก่อน เนื่องจากปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเข้าฌาน สถานะศิษย์อาจารย์ยังไม่ชัดเจน อวี้หลานชิงจึงต้องยืนอยู่นอกตำหนักร่วมกับคนอื่น ๆ

ในวันนี้เมื่อชาติก่อน นางได้กลายเป็นศิษย์คนโตของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน ตามหลักแล้วมีสิทธิ์เข้าไปในตำหนัก

ทว่า ตอนนั้นปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนกลับพูดว่า ยอดเขาแต่ละแห่งสามารถส่งศิษย์เข้าไปได้แค่คนเดียว ตัวนางมาอยู่สำนักกระบี่เสวียนเทียนได้ห้าปีแล้ว ไม่ถือว่าเป็นศิษย์ใหม่ ควรมอบโอกาสนี้ให้ศิษย์น้องหญิงจี้ฝูเหยา

นางเข้าสำนักกระบี่เสวียนเทียนเมื่อตอนอายุสิบขวบ ตอนนั้นยังไม่ถึงวัยปักปิ่น กำลังไร้เดียงสา เชื่อคำพูดของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน ยอมยืนอยู่นอกตำหนักเจี้ยนอิงตามที่เขาบอก

เฝ้ามองจี้ฝูเหยาเข้าไปในตำหนักเจี้ยนอิง จากนั้นได้อันเชิญป้ายวิญญาณของปรมาจารย์กระบี่ชางหวนและประทานพร

แม้จะไม่ทราบสาเหตุว่าเหตุใดแสงแห่งพรจึงดูอ่อนแรงและหยุดกลางคัน แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบสองร้อยกว่าปีที่ป้ายวิญญาณของปรมาจารย์กระบี่ชางหวนมีปฏิกิริยา

ทั่วทั้งสำนักต่างตกตะลึง

ผู้อาวุโสที่ตอนแรกวิจารณ์ว่าความสามารถของจี้ฝูเหยาต่ำต้อย เมื่อเห็นว่าจี้ฝูเหยาสามารถเรียกแสงแห่งพร พวกเขาก็ไม่สงสัยอะไรอีกต่อไป

พากันชมว่าปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนมีสายตาเฉียบแหลม บอกว่าจี้ฝูเหยาได้รับการอวยพรจากปรมาจารย์กระบี่ชางหวน ถึงแม้คุณสมบัติจะค่อนข้างต่ำไปบ้าง กระนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ใด

“ศิษย์ อวิ๋นไห่ พร้อมด้วยศิษย์ใหม่ประจำปีนี้ ขอคำนับผู้อาวุโสทุกท่าน!”

เสียงของเจ้าสำนักอวิ๋นไห่ดังก้องกังวาน ดึงอวี้หลานชิงให้ออกจากห้วงความทรงจำ

เห็นตราอาคมสายหนึ่งลอยออกจากมือเขา จากนั้นกระทบลงที่ประตูตำหนัก

ประตูบานใหญ่ที่ถูกปิดมานานค่อย ๆ เปิดออก เจ้าสำนักอวิ๋นไห่กำชับทั้งสี่คนที่คำนับอาจารย์วันนี้ “เข้าไปได้”

“ช้าก่อน!”

“เจ้าสำนัก”

มีเสียงสองเสียงดังขึ้นพร้อมกันและมาจากทิศเดียวกัน

อวี้หลานชิงหันไปทางด้านข้างด้วยความประหลาดใจ สบสายตากับเสิ่นหวยจั๋วและถูกอีกฝ่ายส่งสายตาตอบกลับมาว่า “เดี๋ยวอาจารย์จัดการให้เอง”

“ลูกศิษย์ข้าเพิ่งคำนับอาจารย์วันนี้เช่นกัน ในเมื่อมีอาจารย์ เช่นนั้นก็สมควรได้เข้าไปในตำหนักด้วย”

“อวี้หลานชิงไม่ใช่ศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในปีนี้…” ผู้อาวุโสคนหนึ่งขมวดคิ้ว

“แล้วอย่างไร?”

เสิ่นหวยจั๋วตัดบท “ป้ายวิญญาณของท่านอาจารย์ข้าวางอยู่ด้านใน ศิษย์ของข้าก็นับเป็นศิษย์หลานสายตรงของเขา ตามหลักแล้วสมควรได้เข้าไปคำนับเขาสิ!”

เมื่อยกชื่อของ “ปรมาจารย์กระบี่ชางหวน” ออกมาอ้าง ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้านอีก

เสิ่นหวยจั๋วแตกต่างจากพวกเขา เขาเป็นคนที่ไม่กลัวเสียหน้า หากมัวโต้เถียงกับเขาก็มีแต่จะอับอายต่อหน้าศิษย์ใหม่

เดิมทีจะมีคนเข้าไปในตำหนักกี่คนก็ได้อยู่แล้ว

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ไม่ถือสาที่จะเพิ่มจำนวนคนที่มีโอกาสได้รับพร นอกจากนี้ เสิ่นหวยจั๋วก็จะได้เลิกเอาเรื่องนี้มาโต้เถียงกับคนอื่นด้วย รีบกวักมือเรียกอวี้หลานชิงที่ยืนอยู่ข้างเสิ่นหวยจั๋ว

“ผู้อาวุโสเสิ่นพูดได้มีเหตุผล ถ้าเช่นนั้น นังหนูหลานชิง เจ้าก็เข้ามาเถิด”

“เจ้าค่ะ” อวี้หลานชิงขานรับเสียงดังฟังชัด

ภายในใจเหมือนจะร้องไห้ เหมือนกับแมวที่เดินอยู่ท่ามกลางสายฝน แต่แล้วจู่ ๆ กลับมีหลังคาช่วยกำบัง

จังหวะที่เดินผ่านข้างกายเสิ่นหวยจั๋ว นางชะงักฝีเท้าเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยเสียงเบา “ขอบคุณท่านอาจารย์”

เมื่อชาติก่อน นางถูกอาจารย์ในตอนนั้นยึดโอกาสที่จะเข้าไปในตำหนักเจี้ยนอิง

แต่ในชาตินี้ที่เดิม ท่านอาจารย์คนใหม่กลับไม่ทำให้นางต้องแย่งชิงด้วยซ้ำ มอบโอกาสที่นางเคยเสียไปกลับคืนมาให้นางอีกครั้ง

ท่านอาจารย์คนใหม่คืออาจารย์ที่ดีที่สุดในใต้หล้า หาจากที่ใดไม่ได้อีกแล้ว!

ขณะที่อีกสี่คนก้าวเข้ามายังตำหนักเจี้ยนอิงอันโอ่อ่า ภายในใจอวี้หลานชิงกลับหวนนึกถึงความอบอุ่นที่ได้จากอาจารย์

ชั่วพริบตาที่ก้าวพ้นธรณีประตู กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้โกงกางก็ลอยปะทะจมูก ป้ายวิญญาณหยกขาวที่จารึกชื่อจัดวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบอยู่บนแท่นสูง

ป้ายหยกแต่ละแผ่นเป็นตัวแทนของปรมาจารย์กระบี่แห่งสำนักกระบี่เสวียนเทียน ที่บัดนี้ล่วงลับไปแล้ว

ป้ายเหล่านี้แผ่รัศมีอันน่าเกรงขามออกมา ยืนอยู่เบื้องหน้าพวกมันแล้ว ราวกับยืนอยู่ต่อหน้าผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน รู้สึกกดดันอย่างยิ่ง

เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ศิษย์ทั้งห้าคนที่ก้าวเข้ามายังตำหนักก็มีเหงื่อออกเต็มหลัง

อวี้หลานชิงเองก็เช่นกัน

จิตสัมผัสของนางแข็งแกร่งกว่า “ศิษย์ใหม่” ขนานแท้อีกสี่คนด้านข้าง ย่อมสัมผัสอะไรได้มากกว่า

ป้ายวิญญาณที่ตั้งอยู่ในตำหนักเจี้ยนอิงเหล่านี้ เปรียบเสมือนกระบี่ที่ออกจากฝัก แผ่กระจายเจตจำนงกระบี่ไปทั่วทั้งตำหนักเจี้ยนอิง นี่เองที่เป็นที่มาของความรู้สึกกดดัน

เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจด้านนอกถูกเจตจำนงกระบี่ขวางกั้น ภายในตำหนักเจี้ยนอิงเงียบสงัด

ทั้งห้าคนคุกเข่าลงบนเบาะตามคำบอกกล่าวของเจ้าสำนักอวิ๋นไห่

อวี้หลานชิงเข้ามาเป็นคนสุดท้าย นางเห็นว่าเบาะตรงกลางยังว่างอยู่จึงคุกเข่าลงที่นั่น ฝั่งซ้ายเป็นศิษย์สองคนที่ผู้อาวุโสจวีหยางแห่งยอดเขาวั่งเฉิน รับเป็นศิษย์หลานแทนลูกศิษย์ของตัวเองอีกที ส่วนฝั่งขวาคือจี้ฝูเหยากับศิษย์อีกคนที่มีอาจารย์เช่นกัน

เมื่อคำนับศีรษะลง เจตจำนงกระบี่ที่กดทับร่างกายก็ราวกับทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

อวี้หลานชิงคุกเข่าหลังตรง สองคนที่อยู่ด้านซ้ายส่ายโงนเงนไปมาเพราะรับแรงกดดันจากป้ายวิญญาณไม่ไหว

ส่วนทางด้านขวา จี้ฝูเหยากำวัตถุในมือไว้แน่น ยังคงคุกเข่าได้อย่างสง่างาม

หลังจากคำนับศีรษะสองครั้งแรก ภายในตำหนักดำเนินไปด้วยความเงียบเชียบ

ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าครั้งนี้ก็คงเหมือนทุกครั้ง ไม่น่าจะมีการประทานพรจากบรรพชน

ทันใดนั้น ป้ายวิญญาณตรงกลางด้านหน้าพลังเปล่งแสงจาง ๆ ออกมา

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ที่เฝ้าอยู่หน้าทางเข้าตำหนัก สังเกตเห็นเป็นคนแรก

ตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่แล้วเมื่อเห็นว่าแสงนี้มาจากป้ายวิญญาณแผ่นใด เขากลับต้องเบิกตาโพลงโดยพลัน “ป้ายวิญญาณของปรมาจารย์กระบี่ชางหวนมีปฏิกิริยา!”

อวี้หลานชิงยังคงอยู่ในท่าคุกเข่าคำนับศีรษะเหมือนเดิม

นางชำเลืองมองไปทางขวามือเมื่อได้ยินเสียง ตอนนี้จี้ฝูเหยากำลังเงยหน้ามองไปด้านบน แววตามีแต่ความตื่นเต้นและมั่นใจอย่างแรงกล้า

แล้วก็เป็นไปดังคาด ป้ายวิญญาณของปรมาจารย์กระบี่ชางหวนยังคงมอบแสงแห่งพรให้นางเหมือนเมื่อชาติก่อน

ข้างหูได้ยินเสียงคนพูดแสดงความยินดีกับปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนที่ได้รับศิษย์ดี นอกจากนี้ยังมีผู้อาวุโสท่านหนึ่งถึงขั้นพูดว่า ความสามารถที่ด้อยไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อได้รับพรจากปรมาจารย์กระบี่ชางหวนและได้รับการชี้แนะจากอาจารย์แบบฉางยวน เช่นนั้นจี้ฝูเหยาจะต้องมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่แน่นอน ไม่ด้อยไปกว่าผู้ที่มีจุดเริ่มต้นสูงกว่า

ถ้อยคำนี้เหมือนชมว่าจี้ฝูเหยาโชคดี และปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเป็นอาจารย์ที่ดี แต่โดยนัยแล้วกลับเป็นการดูถูกอวี้หลานชิงกับอาจารย์คนใหม่ของนาง

หากดูถูกนางเพียงผู้เดียวก็คงไม่เป็นไร แต่นางยอมให้ท่านอาจารย์คนใหม่ถูกดูแคลนไม่ได้

เมื่อนำฉางยวนกับอาจารย์คนใหม่มาเทียบกัน

น้ำหน้าแบบฉางยวนน่ะหรือที่คู่ควร?

ความชิงชังและไม่ยอมรับเอ่อล้นเข้ามาในใจ ชั่วพริบตานี้ พลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจตจำนงกระบี่ใด ๆ ในตำหนักก็ได้ปะทุออกจากร่างของอวี้หลานชิง

และในเวลาเดียวกัน ป้ายวิญญาณที่วางเรียงรายเบื้องหน้าในตำหนักก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาพร้อมกัน

แสงเหล่านี้รวมเข้าด้วยกันและส่องลงมายังศีรษะของอวี้หลานชิง

แสงอ่อน ๆ ที่ส่องไปยังจี้ฝูเหยาเป็นอันหมองลงทันทีเมื่อเทียบกับแสงที่สว่างราวกับเป็นเวลากลางวันนี้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 62

    สายตาของผู้คนล้วนติดตามผีเสื้อที่กลายร่างจากแสงวิญญาณ ไปหยุดอยู่ที่อวี้หลานชิงลั่วอู๋ซางพลันนึกขึ้นได้ว่า ก่อนที่ตนจะลงมือเป็นครั้งที่สอง ศิษย์หญิงผู้นี้เองที่แอบ “ปลดปล่อย” ศิษย์สำนักกระบี่หลายคนซึ่งถูกแรงกดดันกดทับไว้ต่อหน้าต่อตาเขาก็จริงอยู่ เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนหญิงกระโปรงชมพูที่อาจเกี่ยวพันกับการตายของศิษย์ตน เอะอะก็ตาแดง แสร้งทำเป็นน่าสงสาร นางยังชวนให้พึงใจยิ่งกว่า“เอาเถิด ข้าจะเห็นแก่สำนักกระบี่เสวียนเทียน คนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหลายถอยออกไปได้”มือที่ลั่วอู๋ซางยกขึ้นยังคงชี้ไปที่จี้ฝูเหยา น้ำเสียงเย็นชาไร้ปรานี “ข้าจะไต่สวนเพียงนางผู้เดียว”ร่างของจี้ฝูเหยาสั่นเทาเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ อย่างไร้ที่พึ่งศิษย์ร่วมสำนักที่นางมองไปหา ต่างพากันหลบสายตาแม้แต่เจินเหรินระดับแก่นปราณหลายคนที่ก่อนหน้านี้ยังคอยปกป้องนาง เวลานี้กลับพากันนิ่งเงียบ ไม่มีผู้ใดลุกขึ้นมาพูดแทนนางอีกจี้ฝูเหยากำฝ่ามือแน่น ตัดใจเด็ดขาดหันไปทางเสิ่นหวยจั๋ว “ผู้อาวุโสเสิ่น อาจารย์ปู่…ท่านอาจารย์ของศิษย์ยังมาไม่ถึง ท่านจะทอดทิ้งศิษย์มิได้!”เสิ่นหวยจั๋วชิงชังที่สุดในชีวิตก็คือการมีผู้ใดมาข่มขู่ตนเองสายตาท

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 61

    ต่อหน้าธารกำนัล เขานั่งลงบนเก้าอี้เมฆาตัวหนึ่งในนั้นอย่างไม่ลังเลจากนั้นก็ผลักเก้าอี้อีกตัวไปข้างหน้า โอบล้อมด้วยสายลมบริสุทธิ์ ส่งตรงไปยังด้านหลังของลั่วอู๋ซางศิษย์จากสี่สำนักที่อยู่ด้านล่าง ต่างก็มองจนตะลึงงันผู้อาวุโสแห่งสำนักกระบี่เสวียนเทียนท่านนี้ กำลังคิดจะทำสิ่งใดกัน?นี่มันยามใดแล้ว ยังจะมีกะจิตกะใจนั่งลงสนทนากันอีก!เหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียน ยิ่งร้อนใจหนัก พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าผู้อาวุโสเสิ่นคิดจะงัดกลอุบายอันใดออกมาเกรงว่าการกระทำของผู้อาวุโสเสิ่นอาจยิ่งยั่วโทสะลั่วอู๋ซาง ทำให้ทุกคนต้องพลอยรับเคราะห์หนักหนาสาหัสกว่าเดิมท่ามกลางแววตาสงสัยของผู้คนมากมาย เสิ่นหวยจั๋วเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวกับลั่วอู๋ซางว่า “สหายโปรดนั่ง เรื่องราวในวันนี้ ข้าพอจะเข้าใจคร่าว ๆ แล้ว ข้ามิได้โน้มน้าวให้ท่านคลายโทสะ เพียงแต่อยากพูดคุยด้วยเหตุผลกับท่านเท่านั้น”เขาไม่เคยคิดจะประมือกับลั่วอู๋ซางเลยสักครั้ง เสิ่นหวยจั๋วผู้นี้ เป็นคนที่ยึดถือเหตุผลเสมอมาเป็นครั้งแรกที่ลั่วอู๋ซางต้องเผชิญกับคนที่เล่นนอกกติกาเช่นนี้อย่างไรเสียสองสำนักก็ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีงามอยู่ อีกทั้ง

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 60

    “ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนห่วงใยความปลอดภัยของศิษย์น้องหญิงจี้จริงดังคาด เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นาน ก็รีบมาด้วยตัวเองแล้ว”ส่วนลั่วอู๋ซางแห่งสำนักอู๋จี๋เตี้ยน มาเร็วก็จริง แต่ก็เป็นเพียงร่างแยกเท่านั้นแต่ดูจากแสงสีขาววาบเดียวเมื่อครู่นั้น เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำลายแรงกดดันของลั่วอู๋ซางได้ พลังนั้นชัดเจนว่าย่อมมีได้เมื่อร่างจริงมาถึงเท่านั้นต่างเป็นระดับเทพจุติเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงร่างแยก ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งปรากฏกายมาด้วยร่างจริง...ใครแพ้ใครชนะ มองปราดเดียวก็รู้แล้วเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียนต่างถอนหายใจโล่งอกในที่สุดเหล่าเจินเหรินที่เมื่อครู่ยังรู้สึกไม่พอใจที่จี้ฝูเหยายั่วโมโหลั่วอู๋ซาง บัดนี้ต่างก็สงบความขุ่นเคืองใจลงแล้วอย่างไรเสีย จี้ฝูเหยาก็เป็นศิษย์สายตรงของปรมาจารย์กระบี่ ไม่เห็นหรือว่าแค่นางเกิดปัญหาเล็กน้อย ปรมาจารย์กระบี่ก็รีบรุดมาด้วยตัวเอง?เพียงเท่านี้ ก็มากพอให้นางมีทุนที่จะเอาแต่ใจแล้วเช่นเดียวกับทุกคน จี้ฝูเหยาก็กำลังแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าตามทิศทางที่แสงสีขาวพุ่งมา บนหมู่เมฆที่ขอบฟ้าอันไกลโพ้น ปรากฏร่างหนึ่งยืนอยู่จี้ฝูเหยากำยันต์หยกไว้ในฝ่ามื

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 59

    ทั้งสองคนนี้อวี้หลานชิงไม่รู้จักเลย พียงเลือกคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดเท่านั้นขณะที่นางยื่นมือช่วยเหลือศิษย์ร่วมสำนักใกล้ตัวต้านแรงกดดัน ทางด้านนั้น ลั่วอู๋ซางก็ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าพวกจี้ฝูเหยาทั้งสี่แล้วมองปราดเดียวก็รู้ว่า จี้ฝูเหยาต่างหากที่เป็นผู้ตัดสินใจได้ในบรรดาทั้งสี่คนและไม่สนใจว่าคนอื่นจะกล่าวว่าเขารังแกคนอ่อนแอกว่า สายตาจ้องเขม็งไปที่จี้ฝูเหยา มองจากที่สูงลงมาอย่างดูถูก ก่อนเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “พูดมา หลังจากเจ้าพบเฉินถงแล้วไปที่ไหน แยกจากกันเมื่อใด หลังจากนั้นเจ้าพบเขาอีกหรือไม่?”ใบหน้าจี้ฝูเหยาซีดเผือดภายใต้สายตาอำมหิตของยอดฝีมือระดับเทพจุติ นางตัวสั่นระริก จนไม่อาจเอ่ยวาจาใดออกมาแต่หาใช่เพราะแรงกดดันไม่ นางมีของวิเศษที่ท่านอาจารย์มอบไว้ติดตัว จึงไม่รู้สึกถึงแรงกดดันของลั่วอู๋ซางที่ปกคลุมเหนือหัวของเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียนเพียงแต่นางมีระดับพลังยุทธ์เพียงขั้นหลอมปราณช่วงกลางเท่านั้น การถูกยอดฝีมือระดับเทพจุติจ้องด้วยสายตาอำมหิต ความกดดันเช่นนี้เพียงพอจะทำลายแนวป้องกันในจิตใจของนางได้นางหลับตาลงเบา ๆ กำยันต์หยกที่ท่านอาจารย์มอบให้ตนเอง สัมผัสถึงความอบอุ่นจา

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 58

    ภายในเตาหลอมใหญ่พลันปรากฏเงาร่างขึ้นมา แรกเห็นยังคงเลือนราง แต่เพียงพริบตาก็แน่ชัดเป็นรูปเป็นร่างอาภรณ์ดำ ผมสีเพลิง ปกเสื้อหลวมโครก เสื้อคลุมยับย่น ดูไม่งามตา แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนเห็นเขาก้าวย่างอันองอาจ ก้าวข้ามออกมาจากเตาหลอมผมยาวสีเพลิงนั้น ถูกรวบไว้ด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจด้วยผ้าคาดผมสีขาว ในจังหวะที่เขาขยับกาย ผ้าคาดผมที่หลวมโครกนั้นก็ขาดสะบั้น ผมยาวสีเพลิงปลิวสยายออก พลิ้วไหวโดยไร้ลม ราวกับเพลิงโทสะที่ลุกโชนในดวงตาของเขา เพียงสบมองก็ทำให้ผู้คนพลันเกิดความหวาดหวั่นจากก้นบึ้งหัวใจนี่แหละความน่าเกรงขามของยอดฝีมือระดับเทพจุติแม้เป็นเพียงร่างแยกสายเดียว ก็สามารถทำให้คนนับร้อยตรึงอยู่กับที่พร้อมกัน อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“ผู้ใดบังอาจลงมือทำร้ายศิษย์ของข้า?” ลั่วอู๋ซางมองไปรอบทิศด้วยแววตาอันดุดันสายตาทอดไปที่ใด ก็ไม่มีผู้ใดหาญกล้าสบตาหลิงสวินเฟิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ท่านอาจารย์ ท่านมาถึงเร็วเกินไป ตอนนี้ยังตรวจสอบไม่พบสาเหตุที่ศิษย์น้องหายตัวไปขอรับ”“แล้วเหตุใดไม่รีบตรวจสอบต่อไปเล่า!”ลั่วอู๋ซางตวาดก้อง พูดจบแล้วก็ยกมือขึ้น พลังจิตวิญญาณสายหนึ่งพุ่งห่อหุ้มเ

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 57

    ก่อนที่ผู้อาวุโสจะมาถึง เจินเหรินหลายท่านของสำนักอู๋จี๋เตี้ยนยังคงสอบถามสำนักต่าง ๆ ว่ามีใครเคยพบศิษย์สองคนนั้นอีกบ้าง“สำนักอู๋จี๋เตี้ยนก็เหลือเกิน ตอนมาก็ให้คนรอ ตอนกลับก็ยังต้องรออีก ทำตัวใหญ่โตเสียจริง!”“แล้วคนเมื่อครู่นั้นก็ด้วย ท่าทีอย่างไรกัน กล้าพูดกับศิษย์น้องหญิงจี้แบบนี้ได้อย่างไร”ผู้คนที่อยู่รอบตัวจี้ฝูเหยา พากันเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนางสายตาของอวี้หลานชิงก็จับอยู่ที่จี้ฝูเหยาเช่นกันนางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในแดนลับ ตอนที่ขัดขวางจี้ฝูเหยาไม่ให้ใช้ค่ายกลเข็มทิศสอดส่องเข้าไปยังแดนลับใหญ่ ข้างกายจี้ฝูเหยามีผู้ติดตามอยู่หลายคนนอกจากลูกศิษย์ชั้นนอกสามคนของยอดเขาหลิงเซียวที่ยังยืนเคียงข้างจี้ฝูเหยาแล้ว ยังมีผู้ฝึกตนตัวสูงคนหนึ่งตัวเตี้ยคนหนึ่ง ทั้งสองแต่งกายหรูหรา สีหน้าหยิ่งยโส สองคนนั้นน่าจะเป็นเฉินถงและหนานกงที่สำนักอู๋จี๋เตี้ยนกำลังตามหาในตอนนั้นแดนลับเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงห้าวัน ระดับพลังยุทธ์ของจี้ฝูเหยายังคงหยุดอยู่ที่ขั้นดึงลมปราณเข้าร่างสัญชาตญาณบอกนางว่า จี้ฝูเหยาดูไม่ชอบมาพากลแต่ ณ เวลานั้นนางไม่อาจบอกได้ว่า ไม่ชอบมาพากลตรงไหนกันแน่“อาจารย์อาอวี้”เมื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status