Share

บทที่ 7

Author: กวนอวิ๋นเจี้ยน
ห้องรับแขกและห้องหลอมโอสถถูกจัดไว้ที่ชั้นล่าง ส่วนด้านบนแบ่งเป็นห้องนอนและห้องฝึกตน

ภายในใจอวี้หลานชิงยังคงครุ่นคิดถึงเจตจำนงกระบี่ที่สัมผัสได้ในตำหนักเจี้ยนอิงเมื่อครู่ นางไม่ทันได้สนใจจะมาดูเครื่องเรือนแต่ละชิ้นโดยละเอียด รีบขึ้นไปยังห้องฝึกตนที่อยู่ชั้นบน

อีกด้านหนึ่ง เสิ่นหวยจั๋วกลับไปถึงสวนไผ่เขียวแล้วกินโอสถ หลังจากตื่นนอนจากการงีบไปครู่หนึ่งก็เพิ่งนึกได้ว่า ตัวเองลืมมอบป้ายคำสั่งสำหรับเข้าออกยอดเขาชิงจู๋ให้กับศิษย์ตัวน้อย

ครั้นส่งกระแสจิตไปตรวจสอบที่อาคารสองชั้นริมลำธาร กลับไม่พบเงาร่างของศิษย์ตัวน้อยแต่อย่างใด

หรือว่าจะไปเดินเล่นที่อื่นแล้ว?

จังหวะที่เสิ่นหวยจั๋วจะไปหาตามแนวลำธาร เขาก็สัมผัสได้ว่าอาคมที่อยู่บนชั้นสองได้ถูกเปิดใช้งาน

เมื่อเพ่งตา “มอง” อีกครั้ง ศิษย์ที่หายตัวไปเมื่อครู่ก็กำลังหลับตานั่งสมาธิอยู่ในห้องมิใช่หรือ?

สุดยอด!

นี่เขาได้ลูกศิษย์ที่ขยันขันแข็งขนาดนี้เชียวหรือ!

บุรุษชุดขาวที่นอนอยู่บนเก้าอี้เอนใต้ต้นไม้ใหญ่ลุกขึ้นนั่งหลังตรงโดยไม่รู้ตัว

แต่ชั่วพริบตาต่อมาก็กลับไปนอนเหมือนเดิม ใช้ปลายนิ้วปัดกิ่งไม้เหนือศีรษะไปด้านข้าง ให้แสงแดดอบอุ่นสาดลงบนกาย

ในเมื่อลูกศิษย์สำนึกดีขนาดนี้ ตัวเขาผู้เป็นอาจารย์ก็ยิ่งไม่ต้องเร่งเร้า!

สามารถนอนพักได้อย่างสบายใจ

เสิ่นหวยจั๋วคิดไปคิดมาแล้วก็นำป้ายคำสั่ง ศิลาวิญญาณระดับสูงหนึ่งร้อยก้อน ยันต์กระบี่ที่บอกไว้ก่อนหน้านี้หนึ่งชุด รวมถึงโอสถตรึงวิญญาณชั้นเลิศหนึ่งขวด จากนั้นยัดทั้งหมดลงในถุงเก็บของ

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากให้แหวนเก็บของและกำไลเก็บของที่ดีกว่านี้ แต่เป็นเพราะของที่เขามีอยู่ตอนนี้เป็นของสำหรับบุรุษทั้งหมด ลูกศิษย์ตัวน้อยรูปร่างผอมบาง แขนขาและนิ้วมือเล็กนิดเดียว หากมอบให้ใส่ก็คงดูไม่เข้าท่า

รออีกสักสองวันให้ร้านเซิ่งเป่ามีสินค้าใหม่เข้ามาค่อยไปเลือกให้จะดีกว่า

ศิษย์ตัวน้อยจะได้ไม่รู้สึกว่าเขาเอาของเก่ามาให้ด้วย

เสิ่นหวยจั๋วขาดแคลนทุกอย่าง สิ่งเดียวที่ไม่ขาดคือหินวิญญาณ

ลูกศิษย์ของเขาก็ต้องได้ใช้ของที่ดีที่สุดเช่นกัน!

สายลมอ่อน ๆ พัดให้ถุงเก็บของลอยไปอยู่หน้าห้องฝึกตน เสิ่นหวยจั๋วถอนกระแสจิตกลับแล้วเริ่มจัดการกับแผ่นค่ายกลที่หอพันกลส่งมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน

ว่ากันว่าค่ายกลนี้สามารถดึงก้อนเมฆบนท้องนภาลงมา

พอดีกับเขามีความคิดว่าจะดึงลงมาสักสองสามก้อน ตกแต่งสวนไผ่เขียวของเขาเพิ่มเติม

เจตจำนงกระบี่ที่บรรพชนแต่ละรุ่นค้นพบนี่ไม่ธรรมดาเลย อวี้หลานชิงนั่งสมาธิติดต่อถึงสิบชั่วยามเต็ม ๆ

ไม่รู้ว่าเพราะพลังวิญญาณของยอดเขาชิงจู๋เต็มเปี่ยม หรือว่าเพราะเบาะที่นั่งช่วยให้จิตใจสงบ การนั่งสมาธิสิบชั่วยามนี้ได้ผลดียิ่งกว่าการฝึกสิบวันในอดีตเสียอีก

ระดับพลังยุทธ์ที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นสร้างฐานปราณเพิ่มขึ้นเยอะมาก อีกนิดเดียวก็จะถึงขั้นสร้างฐานปราณระดับที่สอง!

เมื่อชาติก่อน หลังจากที่เข้าสู่ขั้นสร้างฐานปราณแล้ว นางต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีกว่าจะฝึกถึงระดับที่สอง

สมัยที่เป็นลูกศิษย์ของฉางยวน ที่พักของนางยังตั้งอยู่บนเนินเขา ใกล้กับที่พักของบรรดาลูกศิษย์ชั้นนอกของยอดเขาหลิงเซียว นางเคยถามฉางยวนว่าควรย้ายที่พักหรือไม่ แต่ฉางยวนตอบว่า ในเมื่อนางอยู่นั่นจนชินแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องย้าย

ในทางกลับกัน กลับจัดที่พักของศิษย์น้องหญิงอยู่บนยอดเขา ซึ่งเป็นที่ที่พลังวิญญาณเข้มข้นเป็นรองแค่ที่พักของเขา

ไม่กลัวว่าจะน้อย กลัวก็แต่ว่าจะไม่เท่าเทียม อวี้หลานชิงไม่เคยคิดว่ามีอาจารย์แล้วตัวเองจะต้องได้รับอะไร

แต่เมื่อได้เปรียบเทียบกันแล้ว ฝ่ายที่ไม่ได้รับอะไรเลยย่อมรู้สึกน้อยใจเป็นธรรมดา

อย่างไรก็ตาม การที่พลังยุทธ์ของนางเพิ่มขึ้นช้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด ปัจจัยสำคัญเป็นเพราะ หลังจากที่นางเป็นศิษย์ของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนอย่างเป็นทางการแล้ว ช่วงกลางวันมักจะมีศิษย์ร่วมสำนักมาขอคำชี้แนะเกี่ยวกับเคล็ดวิชากระบี่ ส่วนช่วงกลางคืนก็ต้องดูแลหญ้าวิญญาณเยือกแข็งจำนวนครึ่งไร่ในทุ่งวิญญาณ

นั่นเป็นหน้าที่แรกที่ฉางยวนมอบให้นาง หญ้าวิญญาณล้ำค่ามาก อีกทั้งก็มีเพียงนางที่สามารถใช้อาคมในทุ่งวิญญาณได้ อวี้หลานชิงไม่กล้าให้ผู้ใดช่วยเหลือ ได้แต่ยอมเจียดเวลาของตัวเองมาดูแล

เพื่อดูแลงานต่าง ๆ บนยอดเขาหลิงเซียวแล้ว เวลาฝึกในแต่ละวันของนางจึงเหลือเพียงหนึ่งถึงสองชั่วยาม รวมทั้งไม่อาจสงบสมาธิได้เต็มที่

นางเคยขอฉางยวนว่าจะเข้าฌานสักพัก ไม่ให้คนนอกรบกวน แต่เขากลับตำหนินางว่าไม่รู้จักเห็นใจศิษย์ร่วมสำนัก จากนั้นเรื่องนี้ก็แพร่งพรายออกไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ ทำให้ชื่อเสียงของนางเริ่มเสียหาย

ในสายตาลูกศิษย์ชั้นนอกบนยอดเขาหลิงเซียวแล้ว การเพิ่มพลังยุทธ์หนึ่งระดับภายในระยะเวลาครึ่งปีถือว่าเร็วมาก นางเคยได้ยินพวกเขานินทาลับหลังว่า ที่นางขออนุญาตเข้าฌานก็เพื่อให้ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนย้ายนางไปยังที่พักที่ดีกว่านี้ เพื่อจะได้แข่งกับศิษย์น้องหญิงจี้ฝูเหยา

ส่วนยอดเขาแห่งอื่น ๆ ก็พูดกันว่า หลังจากที่นางเป็นศิษย์ของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนก็ไม่เห็นผู้ใดในสายตา ดูถูกดูแคลนลูกศิษย์ทั่วไป

ถึงแม้นางจะยังคงช่วยชี้แนะศิษย์ร่วมสำนักที่มาขอความรู้เรื่องเคล็ดวิชากระบี่ มันก็ไม่อาจกู้ชื่อเสียงแต่อย่างใด

อวี้หลานชิงเมื่อชาติก่อนต้องทนทุกข์กับเรื่องนี้มาโดยตลอด

ตัวนางที่ตายมาแล้วครั้งหนึ่งเข้าใจดี ผู้ใดจะพูดอะไรก็ช่าง นางไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเพราะความคิดของผู้ใด

ตัวนางไม่เคยทำผิด แต่เป็นความผิดของฉางยวนที่เอาแต่กดขี่นางเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและสร้างชื่อเสียงให้จี้ฝูเหยา!

ทันทีที่ความโกรธแค้นและเดือดดาลภายในใจพุ่งขึ้นสูง เบาะรองนั่งก็แผ่กลิ่นอายสงบและเยือกเย็นออกมา ทำให้อารมณ์ที่กระสับกระส่ายของอวี้หลานชิงสงบลงทันที

อวี้หลานชิงไม่รู้ว่าเบาะรองนี้ทำจากอะไร แต่ก็พอจะเดาได้ว่าต้องเป็นของที่ไม่ธรรมดาแน่นอน ชาติก่อนนางตายที่ขั้นหลอมแก่นปราณ พอจะเคยเห็นโลกกว้างมาบ้าง รู้ว่าเบาะรองที่มีสรรพคุณช่วยสงบจิตเช่นนี้ ต่อให้จะเป็นประเภทให้ผลลัพธ์เพียงน้อยนิดก็ต้องมูลค่านับพันหินวิญญาณ

ส่วนเบาะรองที่ให้ผลลัพธ์อย่างเห็นได้ชัดซึ่งนางใช้อยู่ตอนนี้ เกรงว่าต้องมีราคาหลายพันหินวิญญาณ!

ท่านอาจารย์ใจกว้างยิ่งนัก ของในห้องฝึกตนและอาคารไม้ไผ่ล้วนแล้วแต่เป็นของชั้นเลิศ

เดิมทีคิดว่ากราบอาจารย์นอกจากเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว ยังเพื่อตอบแทนอาจารย์ ช่วยให้เขารอดจากภัยพิบัติในภายภาคหน้า

นึกไม่ถึงว่าหลังจากฝากตัวเป็นศิษย์ มันกลับกลายเป็นว่านางเอาประโยชน์จากอาจารย์อยู่ฝ่ายเดียว…

เริ่มจากเครื่องรางจากปรมาจารย์กระบี่ชางหวน ตามด้วยอาคารหลังเล็กที่เงียบสงบ ตกแต่งอย่างประณีตงดงาม มีพลังวิญญาณล้มเปี่ยม แถมตอนนี้ก็ยังมีเบาะรองนั่งที่ช่วยเรื่องการฝึกยุทธ์อีก…

ไม่รู้ว่านางมีคุณธรรมหรือความสามารถอันใด ถึงได้มีอาจารย์ที่ดีขนาดนี้!

ตอนแรกนางก็รู้สึกดีใจที่ตัวเองสามารถเลื่อนขั้นพลังหนึ่งระดับได้ภายในวันเดียว แต่แล้วจู่ ๆ ก็เปลี่ยนมามีสีหน้าจริงจัง

ก็แค่เลื่อนขั้นพลังได้หนึ่งระดับ เลื่อนจากขั้นสร้างฐานปราณมาเป็นระดับที่สอง มันมีอันใดน่ายินดีกัน?

ท่านอาจารย์จัดสภาพแวดล้อมสำหรับการฝึกที่ดีขนาดนี้ให้กับนาง หากจะก้าวหน้ารวดเร็วก็ไม่มีอะไรแปลก

นางต้องห้ามหลงตัวเอง ฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง เช่นนี้จึงจะไม่ผิดต่อความตั้งใจของอาจารย์!

เมื่อมีพลังยุทธ์มากพอและแข็งแกร่งพอ นางจึงจะปกป้องท่านอาจารย์ที่ครอบครองสมบัตินับไม่ถ้วนได้ เพราะเมื่อชาติก่อน ท่านอาจารย์ถูกปองร้ายจนหายสูญ ป้ายวิญญาณแตกร้าวก็เพราะการครอบครองสมบัติ…

หัวใจที่ปรารถนาจะแข็งแกร่งขึ้น ยิ่งแน่วแน่กว่าเดิม

อวี้หลานชิงหลับตาลงอีกครั้ง โคจรกำลังภายใน อาศัยแรงใจนี้มาผลักดันตัวเองให้เข้าสู่ขั้นสร้างฐานปราณระดับที่สอง จากนั้นจึงค่อยเก็บกระบวนท่า ตามด้วยลุกขึ้นและผลักประตูห้องฝึกตน

มีถุงเก็บของปักด้วยดิ้นทองใบหนึ่งวางนิ่งอยู่หน้าประตู

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 62

    สายตาของผู้คนล้วนติดตามผีเสื้อที่กลายร่างจากแสงวิญญาณ ไปหยุดอยู่ที่อวี้หลานชิงลั่วอู๋ซางพลันนึกขึ้นได้ว่า ก่อนที่ตนจะลงมือเป็นครั้งที่สอง ศิษย์หญิงผู้นี้เองที่แอบ “ปลดปล่อย” ศิษย์สำนักกระบี่หลายคนซึ่งถูกแรงกดดันกดทับไว้ต่อหน้าต่อตาเขาก็จริงอยู่ เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนหญิงกระโปรงชมพูที่อาจเกี่ยวพันกับการตายของศิษย์ตน เอะอะก็ตาแดง แสร้งทำเป็นน่าสงสาร นางยังชวนให้พึงใจยิ่งกว่า“เอาเถิด ข้าจะเห็นแก่สำนักกระบี่เสวียนเทียน คนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหลายถอยออกไปได้”มือที่ลั่วอู๋ซางยกขึ้นยังคงชี้ไปที่จี้ฝูเหยา น้ำเสียงเย็นชาไร้ปรานี “ข้าจะไต่สวนเพียงนางผู้เดียว”ร่างของจี้ฝูเหยาสั่นเทาเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ อย่างไร้ที่พึ่งศิษย์ร่วมสำนักที่นางมองไปหา ต่างพากันหลบสายตาแม้แต่เจินเหรินระดับแก่นปราณหลายคนที่ก่อนหน้านี้ยังคอยปกป้องนาง เวลานี้กลับพากันนิ่งเงียบ ไม่มีผู้ใดลุกขึ้นมาพูดแทนนางอีกจี้ฝูเหยากำฝ่ามือแน่น ตัดใจเด็ดขาดหันไปทางเสิ่นหวยจั๋ว “ผู้อาวุโสเสิ่น อาจารย์ปู่…ท่านอาจารย์ของศิษย์ยังมาไม่ถึง ท่านจะทอดทิ้งศิษย์มิได้!”เสิ่นหวยจั๋วชิงชังที่สุดในชีวิตก็คือการมีผู้ใดมาข่มขู่ตนเองสายตาท

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 61

    ต่อหน้าธารกำนัล เขานั่งลงบนเก้าอี้เมฆาตัวหนึ่งในนั้นอย่างไม่ลังเลจากนั้นก็ผลักเก้าอี้อีกตัวไปข้างหน้า โอบล้อมด้วยสายลมบริสุทธิ์ ส่งตรงไปยังด้านหลังของลั่วอู๋ซางศิษย์จากสี่สำนักที่อยู่ด้านล่าง ต่างก็มองจนตะลึงงันผู้อาวุโสแห่งสำนักกระบี่เสวียนเทียนท่านนี้ กำลังคิดจะทำสิ่งใดกัน?นี่มันยามใดแล้ว ยังจะมีกะจิตกะใจนั่งลงสนทนากันอีก!เหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียน ยิ่งร้อนใจหนัก พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าผู้อาวุโสเสิ่นคิดจะงัดกลอุบายอันใดออกมาเกรงว่าการกระทำของผู้อาวุโสเสิ่นอาจยิ่งยั่วโทสะลั่วอู๋ซาง ทำให้ทุกคนต้องพลอยรับเคราะห์หนักหนาสาหัสกว่าเดิมท่ามกลางแววตาสงสัยของผู้คนมากมาย เสิ่นหวยจั๋วเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวกับลั่วอู๋ซางว่า “สหายโปรดนั่ง เรื่องราวในวันนี้ ข้าพอจะเข้าใจคร่าว ๆ แล้ว ข้ามิได้โน้มน้าวให้ท่านคลายโทสะ เพียงแต่อยากพูดคุยด้วยเหตุผลกับท่านเท่านั้น”เขาไม่เคยคิดจะประมือกับลั่วอู๋ซางเลยสักครั้ง เสิ่นหวยจั๋วผู้นี้ เป็นคนที่ยึดถือเหตุผลเสมอมาเป็นครั้งแรกที่ลั่วอู๋ซางต้องเผชิญกับคนที่เล่นนอกกติกาเช่นนี้อย่างไรเสียสองสำนักก็ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีงามอยู่ อีกทั้ง

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 60

    “ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนห่วงใยความปลอดภัยของศิษย์น้องหญิงจี้จริงดังคาด เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นาน ก็รีบมาด้วยตัวเองแล้ว”ส่วนลั่วอู๋ซางแห่งสำนักอู๋จี๋เตี้ยน มาเร็วก็จริง แต่ก็เป็นเพียงร่างแยกเท่านั้นแต่ดูจากแสงสีขาววาบเดียวเมื่อครู่นั้น เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำลายแรงกดดันของลั่วอู๋ซางได้ พลังนั้นชัดเจนว่าย่อมมีได้เมื่อร่างจริงมาถึงเท่านั้นต่างเป็นระดับเทพจุติเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงร่างแยก ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งปรากฏกายมาด้วยร่างจริง...ใครแพ้ใครชนะ มองปราดเดียวก็รู้แล้วเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียนต่างถอนหายใจโล่งอกในที่สุดเหล่าเจินเหรินที่เมื่อครู่ยังรู้สึกไม่พอใจที่จี้ฝูเหยายั่วโมโหลั่วอู๋ซาง บัดนี้ต่างก็สงบความขุ่นเคืองใจลงแล้วอย่างไรเสีย จี้ฝูเหยาก็เป็นศิษย์สายตรงของปรมาจารย์กระบี่ ไม่เห็นหรือว่าแค่นางเกิดปัญหาเล็กน้อย ปรมาจารย์กระบี่ก็รีบรุดมาด้วยตัวเอง?เพียงเท่านี้ ก็มากพอให้นางมีทุนที่จะเอาแต่ใจแล้วเช่นเดียวกับทุกคน จี้ฝูเหยาก็กำลังแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าตามทิศทางที่แสงสีขาวพุ่งมา บนหมู่เมฆที่ขอบฟ้าอันไกลโพ้น ปรากฏร่างหนึ่งยืนอยู่จี้ฝูเหยากำยันต์หยกไว้ในฝ่ามื

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 59

    ทั้งสองคนนี้อวี้หลานชิงไม่รู้จักเลย พียงเลือกคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดเท่านั้นขณะที่นางยื่นมือช่วยเหลือศิษย์ร่วมสำนักใกล้ตัวต้านแรงกดดัน ทางด้านนั้น ลั่วอู๋ซางก็ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าพวกจี้ฝูเหยาทั้งสี่แล้วมองปราดเดียวก็รู้ว่า จี้ฝูเหยาต่างหากที่เป็นผู้ตัดสินใจได้ในบรรดาทั้งสี่คนและไม่สนใจว่าคนอื่นจะกล่าวว่าเขารังแกคนอ่อนแอกว่า สายตาจ้องเขม็งไปที่จี้ฝูเหยา มองจากที่สูงลงมาอย่างดูถูก ก่อนเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “พูดมา หลังจากเจ้าพบเฉินถงแล้วไปที่ไหน แยกจากกันเมื่อใด หลังจากนั้นเจ้าพบเขาอีกหรือไม่?”ใบหน้าจี้ฝูเหยาซีดเผือดภายใต้สายตาอำมหิตของยอดฝีมือระดับเทพจุติ นางตัวสั่นระริก จนไม่อาจเอ่ยวาจาใดออกมาแต่หาใช่เพราะแรงกดดันไม่ นางมีของวิเศษที่ท่านอาจารย์มอบไว้ติดตัว จึงไม่รู้สึกถึงแรงกดดันของลั่วอู๋ซางที่ปกคลุมเหนือหัวของเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียนเพียงแต่นางมีระดับพลังยุทธ์เพียงขั้นหลอมปราณช่วงกลางเท่านั้น การถูกยอดฝีมือระดับเทพจุติจ้องด้วยสายตาอำมหิต ความกดดันเช่นนี้เพียงพอจะทำลายแนวป้องกันในจิตใจของนางได้นางหลับตาลงเบา ๆ กำยันต์หยกที่ท่านอาจารย์มอบให้ตนเอง สัมผัสถึงความอบอุ่นจา

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 58

    ภายในเตาหลอมใหญ่พลันปรากฏเงาร่างขึ้นมา แรกเห็นยังคงเลือนราง แต่เพียงพริบตาก็แน่ชัดเป็นรูปเป็นร่างอาภรณ์ดำ ผมสีเพลิง ปกเสื้อหลวมโครก เสื้อคลุมยับย่น ดูไม่งามตา แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนเห็นเขาก้าวย่างอันองอาจ ก้าวข้ามออกมาจากเตาหลอมผมยาวสีเพลิงนั้น ถูกรวบไว้ด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจด้วยผ้าคาดผมสีขาว ในจังหวะที่เขาขยับกาย ผ้าคาดผมที่หลวมโครกนั้นก็ขาดสะบั้น ผมยาวสีเพลิงปลิวสยายออก พลิ้วไหวโดยไร้ลม ราวกับเพลิงโทสะที่ลุกโชนในดวงตาของเขา เพียงสบมองก็ทำให้ผู้คนพลันเกิดความหวาดหวั่นจากก้นบึ้งหัวใจนี่แหละความน่าเกรงขามของยอดฝีมือระดับเทพจุติแม้เป็นเพียงร่างแยกสายเดียว ก็สามารถทำให้คนนับร้อยตรึงอยู่กับที่พร้อมกัน อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“ผู้ใดบังอาจลงมือทำร้ายศิษย์ของข้า?” ลั่วอู๋ซางมองไปรอบทิศด้วยแววตาอันดุดันสายตาทอดไปที่ใด ก็ไม่มีผู้ใดหาญกล้าสบตาหลิงสวินเฟิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ท่านอาจารย์ ท่านมาถึงเร็วเกินไป ตอนนี้ยังตรวจสอบไม่พบสาเหตุที่ศิษย์น้องหายตัวไปขอรับ”“แล้วเหตุใดไม่รีบตรวจสอบต่อไปเล่า!”ลั่วอู๋ซางตวาดก้อง พูดจบแล้วก็ยกมือขึ้น พลังจิตวิญญาณสายหนึ่งพุ่งห่อหุ้มเ

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 57

    ก่อนที่ผู้อาวุโสจะมาถึง เจินเหรินหลายท่านของสำนักอู๋จี๋เตี้ยนยังคงสอบถามสำนักต่าง ๆ ว่ามีใครเคยพบศิษย์สองคนนั้นอีกบ้าง“สำนักอู๋จี๋เตี้ยนก็เหลือเกิน ตอนมาก็ให้คนรอ ตอนกลับก็ยังต้องรออีก ทำตัวใหญ่โตเสียจริง!”“แล้วคนเมื่อครู่นั้นก็ด้วย ท่าทีอย่างไรกัน กล้าพูดกับศิษย์น้องหญิงจี้แบบนี้ได้อย่างไร”ผู้คนที่อยู่รอบตัวจี้ฝูเหยา พากันเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนางสายตาของอวี้หลานชิงก็จับอยู่ที่จี้ฝูเหยาเช่นกันนางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในแดนลับ ตอนที่ขัดขวางจี้ฝูเหยาไม่ให้ใช้ค่ายกลเข็มทิศสอดส่องเข้าไปยังแดนลับใหญ่ ข้างกายจี้ฝูเหยามีผู้ติดตามอยู่หลายคนนอกจากลูกศิษย์ชั้นนอกสามคนของยอดเขาหลิงเซียวที่ยังยืนเคียงข้างจี้ฝูเหยาแล้ว ยังมีผู้ฝึกตนตัวสูงคนหนึ่งตัวเตี้ยคนหนึ่ง ทั้งสองแต่งกายหรูหรา สีหน้าหยิ่งยโส สองคนนั้นน่าจะเป็นเฉินถงและหนานกงที่สำนักอู๋จี๋เตี้ยนกำลังตามหาในตอนนั้นแดนลับเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงห้าวัน ระดับพลังยุทธ์ของจี้ฝูเหยายังคงหยุดอยู่ที่ขั้นดึงลมปราณเข้าร่างสัญชาตญาณบอกนางว่า จี้ฝูเหยาดูไม่ชอบมาพากลแต่ ณ เวลานั้นนางไม่อาจบอกได้ว่า ไม่ชอบมาพากลตรงไหนกันแน่“อาจารย์อาอวี้”เมื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status