เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง

เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง

에:  กวนอวิ๋นเจี้ยน연재 중
언어: Thai
goodnovel4goodnovel
10
7 평가. 7 리뷰
100챕터
5.2K조회수
읽기
서재에 추가

공유:  

보고서
개요
목록
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.

[ลูกศิษย์จอมขยันxท่านอาจารย์สายเฉื่อยชา คู่หูศิษย์อาจารย์ที่ต่างขั้ว] หลังจากที่ฝึกวิชาจนสำเร็จ อวี้หลานชิงก็รีบร้อนไปแจ้งข่าวดีกับท่านอาจารย์ด้วยความดีใจ แต่แล้วกลับเห็นท่านอาจารย์กำลังฝึกวิชาขี่กระบี่อยู่กับศิษย์น้องหญิง ครั้นทราบว่าอวี้หลานชิงฝึกวิชาสำเร็จ ท่านอาจารย์กลับหันไปปลอบประโลมศิษย์น้องหญิง “ไม่ต้องไปสนใจนาง นางสู้เจ้าไม่ได้หรอก” ในการประลองครั้งใหญ่ของสำนัก อวี้หลานชิงไม่ออมมือแม้แต่น้อย เพียงหนึ่งกระบี่ก็ทำให้ศิษย์น้องหญิงถอยไปถึงขอบเวที อวี้หลานชิงกำลังแปลกใจอยู่ว่า เหตุใดศิษย์น้องหญิงที่ท่านอาจารย์บอกว่ามีพรสวรรค์ถึงได้อ่อนแอขนาดนี้? แต่ชั่วพริบตาต่อมา กระบี่วิญญาณประจำกายของท่านอาจารย์กลับเสียบทะลุหัวใจนาง นางเพิ่งเข้าใจก็ตอนนี้ว่าไม่ใช่ตัวเองด้อยกว่าศิษย์น้องหญิง แต่เพราะความลำเอียงของท่านอาจารย์ล้วน ๆ ที่แท้ท่านอาจารย์กับศิษย์น้องหญิงก็ทำพันธสัญญาชีวิตร่วมกันและกลายเป็นคู่บำเพ็ญ เมื่อได้ย้อนกลับไปยังวันพิธีคำนับอาจารย์ อวี้หลานชิงก็ขยี้ป้ายหยกศิษย์เอกต่อหน้าอาจารย์ จากนั้นคุกเข่าลง “ข้าขอฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์เสิ่น” ท่ามกลางเสียงฮือฮากึงก้องภูเขา ท่านอาจารย์เสิ่นผู้ได้ชื่อว่า ‘ผู้ไร้ประโยชน์อันดับหนึ่งแห่งเสวียนเทียน’ ก็ได้เลิกผ้าคลุมหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามคมคายยิ่งกว่ากระบี่ “ในเมื่อเจ้ากล้าเสี่ยงชีวิตกระโดดลงกองไฟนี้ ข้าก็จะให้พวกเขาได้เห็น—” “ว่าอะไรคือเจตจำนงกระบี่ผลาญสวรรค์ที่แท้จริง” เมื่ออวี้หลานชิงทำให้ศิษย์น้องหญิงจนมุมบนแท่นประลองแห่งชีวิตอีกครั้ง อดีตอาจารย์ก็ตะโกน “ศิษย์อกตัญญู บังอาจนัก” แต่แล้วกลับถูกปราณกระบี่ของเสิ่นหวยจั๋วกดให้ต้องคุกเข่าลง “ลูกศิษย์ของข้า ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอน!” อดีตอาจารย์โอบศิษย์น้องหญิงที่จิตแห่งเต๋าแตกสลาย ในที่สุดก็เห็นความจริง— ไข่มุกที่เขาเคยทอดทิ้งอย่างไม่ใยดีได้กลายเป็นแสงจันทร์ที่เฉียบคมที่สุดในฝักกระบี่ของผู้อื่นไปนานแล้ว

더 보기

1화

บทที่ 1

桜峰市。

夜の八時。

水野グループの祝賀会は、グラスを合わせる音と笑い声、軽やかな会話で賑わっている。

人々に囲まれていた水野蒼司(みずの そうじ)は、かつて家が没落した後、ゼロから立ち上がり、水野グループを再上場へ導いた人物だった。今日の祝賀会は、その功績を称える場でもあった。

「おめでとうございます、蒼司さん。本当に若くして有能でいらっしゃいますね」

「これからもぜひ、お付き合いさせていただきたいですな」

「お仕事だけじゃなく、ご家庭も円満だとか。うちの奥さんなんて、いつも『良妻がいれば何も心配ない』って言ってますよ。あんな奥さんがいるなんて、本当にうらやましいです」

無理もない。若くして継母となり、二人の子どもを立派に育て上げた彩乃を妻に持ち、それを羨ましく思わない男はいないだろう。

その名が出た瞬間、人々に持ち上げられた蒼司は周囲をゆっくりと巡った。

黒のイブニングドレスをまとい、上品に来客と会話を交わす女性――それが蒼司の妻、高瀬彩乃(たかせ あやの)だった。

この祝賀会は、ひと月前から彩乃が自ら準備してきたものだった。それでも忙しい合間にも子どもたちの世話を欠かすことはなかった。

今、子どもたちは健やかに成長し、蒼司の仕事も安定している。その陰には間違いなく彩乃の貢献があった。

この点については、蒼司もはっきりと認めていた。

彩乃が子どもたちを連れて近づき、蒼司の腕にそっと手を絡めた。

人々はすかさず褒め言葉を贈った。「蒼司さんと奥さま、それにお子さんたち……まさに理想の家族ですね」

「本当にお幸せそうで」

彩乃は柔らかく微笑み、応えた。「皆さんのおかげで、これまで蒼司がやってこられました。これからも……」

その言葉を遮るように、会場入口で驚きの声が上がった。「真理?あなた、真理じゃない?」

警備員が怪訝そうに言った。「美佐さん、この人、ずっと入口付近をうろうろしてましてね。お知り合いですか?」

声は小さくなかった。瞬く間にその名は会場中に広がった。

彩乃は「真理」という名前を聞いた瞬間、心臓がぎくりと跳ねた。

反応する間もなく、腕から蒼司の温もりが消えた。

彼は早足で入口へ向かい、その表情には緊張と期待が入り混じっていた。

――真理?

この世に何人の真理がいるというのか?

ましてや、この場に現れるのは、ほかに誰がいるというのか?

入口では、警備員が一人の女の腕をつかんでいた。「どなたです?招待状は?」

「放せ!」その低く鋭い声は、蒼司の口から発せられた。

人々も慌ててその後を追った。

藤沢真理(ふじさわ まり)という名を知らない者はいなかった。

それは蒼司の幼なじみで、かつて婚約までしていた女性。そして彩乃が育ててきた、二人の子どもの実母でもあった。

「真理……本当に君なのか?」蒼司はその腕をつかみ、信じられない様子で見つめた。

その切迫した様子は、彩乃の胸にも鋭く響いた。

「蒼司……子どもたちがあまりにも恋しくて……どうしても会いたくて来ただけなの。邪魔するつもりはなかった……ごめん……」

質素な服をまとい、赤く潤んだ瞳の真理は、彩乃のそばにいる二人の子どもを名残惜しそうに見つめた。

蒼司の胸に痛みが走った。

昔の真理は明るく笑い、堂々としていた。今のように怯え、落ちぶれた姿ではなかった。

蒼司は彼女をじっと見つめ、まるでまた突然姿を消すのを、恐れているかのように問いかけた。「……この数年間、どこにいたんだ?」

会場の空気が一気に冷え込む。

「蒼司さんがつかんでいるあの人は誰?愛人か?」

「真理だよ。あの藤沢家のお嬢さん。昔、蒼司さんと婚約してたけど、金融危機で両家とも傾いたんだ。確か双子を産んだあと、行方をくらませて、結婚も果たせなかったはず」

「彼女があの双子の実の母親なのか?じゃあ……奥さまは?」

視線が一斉に彩乃へ注がれた。

彩乃は二人の子どもを連れ、夫が自分の目の前で他の女を気遣う様子を見ていた。

真理の目には深い悲しみ、そして懇願の色があふれていた。「産後すぐ病気になって……あの頃はお互いに苦しかったわ。これ以上、あなたの足を引っ張りたくなかったの。勝手にいなくなったのは私が悪かった。でも子どもたちは何も悪くない。あなたはもう出世したのね……でもどうか、子どもたちを大事にして……」

その言葉は他人にはまるで、彩乃が継母として子を粗末にしているかのように、聞こえてしまった。

蒼司は眉をひそめた。――産後に病を?

だから自分から去ったのか?病気で迷惑をかけたくない一心で。

真理はもがきながら言った。「もう行くわ、蒼司。手を離して……」

それに対し蒼司は静かに「まだ行くな」と返した。

その言葉を聞いて、周囲の人々はそれぞれ思惑をめぐらせたが、ひときわ多くの視線が彩乃に向けられた。

しかし、彩乃にこの場の雰囲気を止めることなどできるはずもなかった。

真理が子どもたちの実母である事実は、誰にも覆せないのだから。

そのとき、双子の姉の水野若葉(みずの わかば)が顔を上げて彩乃に尋ねた。「ママ、パパが抱いてるあの人、誰?」

弟の水野陽翔(みずの はると)も無邪気に言った。「パパ、なんで他の人を抱っこしてるの?」

場はさらに静まり、幼い声がはっきりと響いた。

蒼司は一瞬はっとしたように周囲を見渡し、口を開いた。「皆さん、もう遅いですし、また改めてお招きします」

「では、蒼司さん、お先に失礼します」

人々が去り、静けさが戻った。

蒼司は真理の涙をそっとぬぐった。「泣くな。子どもに会いたいなら、今夜は泊まっていけ。好きなだけ一緒に過ごせ」

「……本当に?」怯えたような笑みを浮かべ、真理は彩乃に向き直った。

「彩乃さん、ごめんなさい。ただ子どもたちに会いたいだけなんです。気を悪くなさらないで」

ここまで言われて、「嫌です」とは言えなかった。

実母が子に会うのは、当然のことだった。

彩乃は目を伏せ、答えた。「もちろん、構いません」

彼女の了承を聞いた蒼司は、ほっとしたように執事へ指示を飛ばした。「ゲストルームを用意してくれ。埃ひとつないように。真理は潔癖だから」

潔癖症があるまで覚えていたことに、真理は感謝と喜びをにじませた。

彩乃は黙って視線を落とした。

真理は部屋に入ると、子どもたちの前に膝をつき、そっと頬に触れようとする。

だが、若葉も陽翔も本能的に数歩後ずさる。

真理の顔に絶望の色が浮かんだ。「……蒼司、あの子たち、私を嫌ってるの?」

蒼司はすぐに子どもたちに向かって言った。「若葉、陽翔。この人こそ、お前たちのたった一人の母親だ。ほら、『ママ』と呼びなさい」

――たった一人の母親?

彩乃の胸が締めつけられた。

それじゃ、自分は何なんだろう?

家の家政婦たちも眉をひそめた。

彩乃は実母ではなかったが、生まれて間もないころから、双子を育ててきた存在だった。

その言葉はあまりにも酷かった。

「やだ!」陽翔が怒って声を上げた。「この人、ママじゃない!ママはこっち!」

そう言って彩乃の腕にしがみつき、その背中に隠れた。

――ママが本当のママじゃないなんて嘘だ。

パパが嘘をついてるんだ!

蒼司は子どもたちに優しく説明した。「彩乃はお前たちの実の母じゃない。真理こそが……この世で一番、お前たちを愛している人だ。親に勝る存在なんていない。そんな態度をするな、礼儀がなってないぞ」

彩乃は顔を上げ、蒼司をまっすぐ見据えた。

母が子を愛することを否定はしない。だが、その言葉は自分の存在を完全に否定していた。

この数年間、二人をわが子のように育て、自分の子さえ持たなかったというのに。

若葉は鼻を鳴らし、きっぱりと言った。「そんなの知らない!一番優しい人はママよ!私たちを育ててくれたのもママ!彩乃だよ!他の女なんかじゃない!」
펼치기
다음 화 보기
다운로드

최신 챕터

더보기

댓글

user avatar
ปรมินทร์ นวลมณี
สนุกๆขอตอนต่อไปอย่างด่วนๆ
2025-10-07 06:04:23
0
user avatar
Suchada Chuawongse
เฮ้อ กำลังสนุกเลย
2025-09-21 18:42:07
2
user avatar
Ann Suchawadee
มาเพียงแค่ร้อยตอน จะอ่านต่อได้จากที่ไหน
2025-09-19 04:29:02
4
user avatar
Pute
สนุกมากมีช่วงให้ขำด้วย รออัพอยู่ค่ะไม่รุจะโดนเทมั้ย
2025-09-16 08:46:01
2
user avatar
Chinnapach Piyapornphant
เมื่อไรจะอัพตอนใหม่ค่ะ รออ่านอยู่ค่ะ
2025-09-13 18:34:11
2
default avatar
jjomjaij
นักเรียนดีเด่น และอาจารย์น่ารัก อาจารย์นอนไปเถอะ ฉันจะเก่งมาปกป้องจารย์เอง สนุกก
2025-09-12 20:51:02
3
user avatar
Wilaiporn Dangbuddee
สนุกมากค่ะ อย่าเทน้าา
2025-09-10 22:01:15
3
100 챕터
บทที่ 1
สำนักกระบี่เสวียนเทียน บนแท่นประลองครั้งใหญ่ของสำนักอวี้หลานชิงสวมชุดสีเขียว คิ้วกระบี่ยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่ไม่แต่งแต้มเครื่องประทินโฉมใด ๆ เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกนางออกกระบวนท่าอย่างพริ้วไหว ใช้เคล็ดวิชากระบี่อีกครั้งผลักให้ผู้ฝึกตนหญิงหน้าตาน่ารักในชุดสีเหลืองไข่ห่านที่อยู่ตรงข้าม ต้องถอยร่นจากกลางแท่นประลองไปที่ขอบวันนี้นางไม่ออมมืออีกต่อไปแล้ว ทุกกระบวนท่าล้วนเฉียบคมและเด็ดขาด ทำให้ผู้ฝึกตนหญิงไม่มีโอกาสจะโต้กลับและกำลังจะร่วงจากแท่นในอีกไม่ช้าผลแพ้ชนะปรากฏชัดเจน แต่ในตอนนี้เอง ลำแสงกระบี่สายหนึ่งพุ่งผ่านอากาศมาจากที่นั่งชมของเหล่าผู้อาวุโสตัดผ่านอาคมที่ปกคลุมอยู่เหนือแท่นประลองและตรงเข้าสู่อกของอวี้หลานชิงแทงทะลุหัวใจ!เสียงฮือฮาดังกึกก้องไปทั่วสำนักอวี้หลานชิงก้มมองอกอย่างไม่เชื่อสายตากระบี่เล่มนี้ นางคุ้นเคยเป็นอย่างดีมันคือกระบี่วิญญาณประจำตัวของท่านอาจารย์ฉางยวน กระบี่หลิงเทียน!และที่ฝั่งตรงข้าม ผู้ฝึกตนหญิงหน้าตาน่ารักผู้เรียกกระบี่เล่มนี้มาก็คือศิษย์ลำดับที่สองของท่านอาจารย์ ศิษย์น้องหญิงของนาง จี้ฝูเหยากระบี่วิญญาณประจำกาย มีเพียงเจ้าของกระบี่กั
더 보기
บทที่ 2
อาจจะเป็นเพราะการออกฌานของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน ภายในตำหนักจึงมีคนมารวมตัวอย่างคับคั่งสำนักกระบี่เสวียนเทียนมียอดเขาทั้งหมดสิบแปดยอด หากไม่นับประมุขยอดเขาที่กำลังเข้าฌานแล้ว ประมุขยอดเขาทั้งหมดต่างมารวมตัวกันที่นี่ แม้แต่ประมุขยอดเขาชิงจู๋ที่มักจะหายตัวอย่างเสิ่นหวยจั๋วก็ยังโผล่มาและกำลังนั่งสัปหงกอยู่ที่มุมการทดสอบคัดเลือกศิษย์ใหม่เพียงอย่างเดียวไม่อาจเรียกคนมาได้มากขนาดนี้ทุกคนมาเพื่อให้เกียรติปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนหลังจากเข้าฌานมาสิบปี ท่าทีของเขาดูสุขุมมากขึ้น ส่วนพลังก็ยิ่งล้ำลึกยากจะหยั่งถึง บัดนี้ไม่มีผู้ใดในสำนักกระบี่เสวียนเทียนกล้าถือตัวต่อหน้าเขาอีกต่อไปอวี้หลานชิงก้าวเท้าเข้าสู่ตำหนัก ได้ยินเจ้าสำนักอวิ๋นไห่ชี้มาที่นางพลางกล่าวแนะนำ“ฉางยวน นี่คือคนที่คุณสมบัติโดดเด่นที่สุดจากการคัดสอบเมื่อห้าปีก่อน มีรากวิญญาณทองคำบริสุทธิ์เฉกเช่นเดียวกับเจ้า นอกจากนี้ยังคว้าอันดับหนึ่งจากการทดสอบบันไดสวรรค์”“ฉางเยี่ยและจวีหยางต่างหมายจะรับนางเป็นศิษย์ แต่ข้ามองว่า อย่างไรนางก็มีรากวิญญาณแบบเดียวกับเจ้า ทั้งยังมีจิตใจมุ่งมั่น เป็นต้นกล้าชั้นเลิศในการฝึกกระบี่ ให้เป็นศิษย์เจ้าจะ
더 보기
บทที่ 3
นางปฏิเสธเขาเพื่อไปเลือกคนแบบนี้งั้นหรือ?หางตาปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนฉายแววเย็นเยียบ ยิ่งรู้สึกว่าศิษย์หญิงที่มีนามว่าอวี้หลานชิงคนนี้ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเจ้าสำนักอวิ๋นไห่มองอวี้หลานชิงและถามอีกครั้ง “เจ้าตัดสินใจดีแล้วหรือ?”อวี้หลานชิงพยักหน้าอย่างจริงจัง น้ำเสียงแน่วแน่ “ท่านผู้อาวุโสเสิ่นสง่างามห่างโลกีย์ วางตนอยู่เหนือโลกหล้า ศิษย์นับถือมานาน ยินดีเข้ารับการฝึกฝนภายใต้การสอนสั่งของเขา!”บรรดาผู้อาวุโสในตำหนักหันไปมองบุรุษที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ[1]ตามสายตาเคารพชื่นชมของอวี้หลานชิง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เห็นถึงความ “สง่างาม” และ “อยู่เหนือโลก” อวี้หลานชิงคงถูกปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนยั่วโมโหจนเสียสติไปแล้วกระมัง!ดูสิว่ากำลังพูดเหลวไหลอะไรอยู่?แต่ถึงแม้จะโมโหอย่างไร ที่นี่ก็คือตำหนักใหญ่ของสำนักกระบี่เสวียนเทียน ผู้ที่นั่งอยู่ด้านบนล้วนแต่มีตำแหน่งในสำนักคำพูดใดที่เอื้อนเอ่ยออกไปแล้ว ไม่อาจกลับคำได้อีกดวงตาของเจ้าสำนักอวิ๋นไห่ฉายแววเสียดายแวบหนึ่ง โบกมือว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นก็ก้าวออกมาคำนับท่านอาจารย์ของเจ้าเถอะ”“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก”
더 보기
บทที่ 4
ภาพที่ศิษย์อาจารย์ทางฟากโน้นสนทนากันอย่างรื่นรมย์และเข้ากันได้ดีอย่างยิ่ง มองแล้วบาดตายิ่งนักปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนยิ้มเยาะแล้วหันหน้าไปทางอื่นเหลวไหลสิ้นดี!ต่อให้พรสวรรค์จะดีพร้อมเพียงใด หากเลือกอาจารย์ที่ชี้แนะผิดคน วันหน้าก็จะไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาตอนแรกผู้อาวุโสจวีหยางที่นั่งอยู่ข้างเจ้าสำนักอวิ๋นไห่ก็เตรียมพร้อมที่จะ “ขโมยศิษย์” แล้ว ไหนเลยจะไปคิดว่าศิษย์อาจารย์คู่นั้นจะตกลงกันง่ายขนาดนี้!ไม่รู้จะบอกว่าเสิ่นหวยจั๋วโชคดี หรือจะบอกว่าอวี้หลานชิงตาบอดดีแต่ในเมื่อเป็นอันตกลงกันแล้ว คนนอกก็ยุ่งอะไรไม่ได้อีกที่บันไดสวรรค์ด้านนอก บรรดาศิษย์ใหม่ยังคงรับการทดสอบในสภาพเหงื่อไหลโชกมีคนขึ้นปีนบันไดครบหนึ่งหมื่นขั้นและเข้ามายังตำหนักอย่างต่อเนื่องหากเทียบกับอวี้หลานชิงที่เข้ามาเมื่อห้าปีก่อนแล้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไร ศิษย์ใหม่ชุดนี้ก็ยังดูห่างไกลไม่ได้ถึงขั้นที่จะบ่มเพาะไม่ได้ เพียงแต่ไม่มีผู้โดดเด่นจนเหล่าผู้อาวุโสต้องแย่งชิงกัน…เมื่อคิดเช่นนี้ ผู้อาวุโสหลายคนก็รู้สึกนึกย้อนเสียใจ เมื่อครู่น่าจะเกลี้ยกล่อมให้มากกว่านี้ศิษย์ที่ทั้งเก่งทั้งไม่เป็นภาระมันหาง่ายที่ใดกัน?เสิ่
더 보기
บทที่ 5
บัดนี้ ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสามคนที่เข้าสำนักกระบี่เสวียนเทียนต่างก็ถูกจัดสรรเป็นที่เรียบร้อยแล้วรวมจี้ฝูเหยาแล้ว มีเพียงสี่คนที่มีอาจารย์ อีกหกสิบเก้าคนที่เหลือถูกแบ่งไปตามยอดเขาต่าง ๆ เริ่มจากเป็นศิษย์ชั้นนอก“ศิษย์ทั้งหลายจงตามข้าไปที่ตำหนักเจี้ยนอิง เพื่อคารวะวิญญาณของปรมาจารย์กระบี่ทุกท่าน!”เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ลุกขึ้นเป็นคนแรก โบกแขนเสื้อพาทุกคนไปยังยอดเขาหลักด้านหลัง อันเป็นที่ตั้งของตำหนักเจี้ยนอิงที่อยู่ไม่ไกลจากห้องโถงใหญ่หารือตำหนักแห่งนี้จะเปิดทุกห้าปี จะเปิดในยามที่มีศิษย์ใหม่เข้ามาในสำนัก เพื่อแจ้งให้บรรดาบรรพชนทราบถึงศิษย์รุ่นหลังแต่ไม่ใช่ศิษย์ใหม่ทุกคนที่จะมีโอกาสเข้าไปในตำหนัก คนส่วนใหญ่จะได้แค่ยืนอยู่นอกประตู มีเพียงศิษย์ที่มีอาจารย์เท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์เข้าไปในตำหนัก หากโชคดีก็จะได้พรจากบรรพชนระหว่างที่ทำการสักการะเมื่อห้าปีก่อน เนื่องจากปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเข้าฌาน สถานะศิษย์อาจารย์ยังไม่ชัดเจน อวี้หลานชิงจึงต้องยืนอยู่นอกตำหนักร่วมกับคนอื่น ๆ ในวันนี้เมื่อชาติก่อน นางได้กลายเป็นศิษย์คนโตของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน ตามหลักแล้วมีสิทธิ์เข้าไปในตำหนักทว่า ตอนนั้นปรม
더 보기
บทที่ 6
“ฮ่า ๆ ๆ!”มีเสียงปรบมือและหัวเราะดังมาจากด้านหลัง น้ำเสียงเจือด้วยความภูมิใจและโอ้อวด “สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ของข้า ดูเหมือนบรรพชนทุกท่านจะยินดีต้อนรับศิษย์ของข้าเข้าสู่สำนักกระบี่เสวียนเทียนมาก”“ในฐานะผู้สืบทอดสายตรงของบรรพชนทุกท่าน ท่านทั้งหลายควรให้อะไรแทนอาจารย์ของพวกท่านหน่อยหรือไม่?”“แม้ว่าศิษย์ของข้าจะเข้าสำนักมาแล้วห้าปี แต่ก็ยังคงสวมเสื้อผ้าเก่าขาด บ่งบอกว่าใช้ชีวิตในสำนักด้วยความยากลำบาก ทุกท่านอยากให้อะไรก็ได้ ลูกศิษย์ข้าแคลนทุกอย่าง ขอเพียงเป็นของจากทุกท่าน ลูกศิษย์ข้าย่อมไม่เลือกมากอยู่แล้ว!”คำพูดไร้ยางอายจากด้านหลังทำให้อวี้หลานชิงอดหัวเราะไม่ได้ ภายในใจรู้สึกอบอุ่นมากขึ้นไปอีกแต่ตอนนี้สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกสบายที่สุดคือ แสงที่กำลังส่งลงมายังร่างท่ามกลางแสงที่เจิดจ้า ราวกับกำลังมีคนกระซิบเคล็ดวิชาอยู่ข้างหู และก็เหมือนมีคนร่ายรำกระบวนท่ากระบี่เพื่อสอนนางอวี้หลานชิงดื่มด่ำกับความรู้สึกนี้อย่างเพลิดเพลิน จวบจนกระทั่งแสงค่อย ๆ จางไป นางทิ้งเรื่องอื่นไว้เบื้องหลังไปชั่วขณะ อยากจะชักกระบี่ออกมาฝึกฝนทันที!เพียงชั่วขณะเดียว นางก็เก็บเกี่ยวอะไรได้มากมาย พรจากบรรพชนช
더 보기
บทที่ 7
ห้องรับแขกและห้องหลอมโอสถถูกจัดไว้ที่ชั้นล่าง ส่วนด้านบนแบ่งเป็นห้องนอนและห้องฝึกตนภายในใจอวี้หลานชิงยังคงครุ่นคิดถึงเจตจำนงกระบี่ที่สัมผัสได้ในตำหนักเจี้ยนอิงเมื่อครู่ นางไม่ทันได้สนใจจะมาดูเครื่องเรือนแต่ละชิ้นโดยละเอียด รีบขึ้นไปยังห้องฝึกตนที่อยู่ชั้นบนอีกด้านหนึ่ง เสิ่นหวยจั๋วกลับไปถึงสวนไผ่เขียวแล้วกินโอสถ หลังจากตื่นนอนจากการงีบไปครู่หนึ่งก็เพิ่งนึกได้ว่า ตัวเองลืมมอบป้ายคำสั่งสำหรับเข้าออกยอดเขาชิงจู๋ให้กับศิษย์ตัวน้อยครั้นส่งกระแสจิตไปตรวจสอบที่อาคารสองชั้นริมลำธาร กลับไม่พบเงาร่างของศิษย์ตัวน้อยแต่อย่างใดหรือว่าจะไปเดินเล่นที่อื่นแล้ว?จังหวะที่เสิ่นหวยจั๋วจะไปหาตามแนวลำธาร เขาก็สัมผัสได้ว่าอาคมที่อยู่บนชั้นสองได้ถูกเปิดใช้งานเมื่อเพ่งตา “มอง” อีกครั้ง ศิษย์ที่หายตัวไปเมื่อครู่ก็กำลังหลับตานั่งสมาธิอยู่ในห้องมิใช่หรือ?สุดยอด!นี่เขาได้ลูกศิษย์ที่ขยันขันแข็งขนาดนี้เชียวหรือ!บุรุษชุดขาวที่นอนอยู่บนเก้าอี้เอนใต้ต้นไม้ใหญ่ลุกขึ้นนั่งหลังตรงโดยไม่รู้ตัวแต่ชั่วพริบตาต่อมาก็กลับไปนอนเหมือนเดิม ใช้ปลายนิ้วปัดกิ่งไม้เหนือศีรษะไปด้านข้าง ให้แสงแดดอบอุ่นสาดลงบนกายในเ
더 보기
บทที่ 8
อวี้หลานชิงประหลาดใจ นางเดาได้ทันทีว่าอาจารย์เป็นคนเอามาวางไว้ รีบโน้มตัวลงหยิบนางเปิดถุงออก กำลังจะเพ่งกระแสจิตสำรวจด้านใน แสงระยิบระยับของหินวิญญาณด้านในก็แยงจนตาพร่ามัวหินวิญญาณระดับสูงหนึ่งก้อนมีค่าเทียบได้กับหินวิญญาณธรรมดาร้อยก้อนโดยทั่วไปแล้วยังหาที่แลกเปลี่ยนได้ยากมาก เพียงแค่ก้อนเดียวก็แลกเปลี่ยนได้ถึงร้อยกว่าก้อนภายในถุง หินวิญญาณระดับสูงที่วางกองกันอย่างไม่เป็นระเบียบมีมากถึงหนึ่งร้อยก้อนตีเป็นมูลค่าเท่ากับหินวิญญาณธรรมดาได้เป็นหมื่นก้อน!แม้จะรู้แล้วว่าอาจารย์เป็นคนใจป้ำ อวี้หลานชิงก็ยังตกใจกับความใจป้ำนี้อยู่ดีอวี้หลานชิงเพ่งกระแสจิตสำรวจของในถุงต่อ มีทั้งยันต์กระบี่ โอสถ และก็มีป้ายคำสั่งที่สลักคำว่า “ชิงจู๋” อยู่หนึ่งชิ้น คิดว่าน่าจะเป็นของสำหรับเปิดใช้งานอาคมเข้าออกยอดเขาชิงจู๋นางนำป้ายคำสั่งออกมาแล้วใช้พลังวิญญาณผูกมัดให้เรียบร้อยจากนั้นถือถุงเก็บของออกจากอาคารหลังน้อย มุ่งหน้าขึ้นไปยังยอดเขานางตั้งใจจะไปคำนับท่านอาจารย์ พร้อมทั้งรายงานความก้าวหน้าจากการฝึกช่วงสองวันนี้ จะได้นำหินวิญญาณระดับสูงพวกนั้นไปคืนให้กับท่านอาจารย์ด้วยหินวิญญาณระดับสูงล้ำค่
더 보기
บทที่ 9
ศิษย์พี่ฉางมีชื่อเต็มว่าจางเม่าฉวน เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ชั้นนอกที่เหลืออยู่ที่ถูกเจ้าสำนักส่งมาดูแลงานจิปาถะ หลังจากปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนประกาศเข้าฌานและเปิดใช้ม่านพลังที่ปกคลุมครึ่งบนของยอดเขานอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในคนที่พลังยุทธ์สูงสุดในกลุ่มนั้น อยู่ระดับหลอมปราณช่วงปลายตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนเมื่อห้าปีก่อน อวี้หลานชิงย้ายมาอยู่ยอดเขาหลิงเซียว ศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักที่พานางมาส่งได้เลือกที่พักที่อยู่ใกล้ม่านพลังมากที่สุดให้กับนางพร้อมทั้งให้ลูกศิษย์ชั้นนอกแปดคนที่พักอยู่ไม่ไกลช่วยดูแลนางในฐานะที่จางเม่าฉวนเป็นคนที่พลังยุทธ์สูงที่สุดและมีประวัติยาวนานที่สุดในนั้น เขาได้อาสาที่จะช่วยอวี้หลานชิงเขาไม่เพียงช่วยเล่าประวัติของสำนัก ช่วยแนะนำบุคคลสำคัญ พานางไปยังหอคัมภีร์และห้องเรียน แต่ยังส่งอาหารมื้อเช้าและเย็นมายังเรือนพักของนางทุกวันแม้ว่าผ่านไปไม่นานก็ไม่จำเป็นอีกแล้ว เพราะกินโอสถงดอาหาร แต่อวี้หลานชิงก็ยังจดจำน้ำใจนี้ได้อยู่ต่อมาเมื่อพลังยุทธ์เพิ่มขึ้นจะได้รับคะแนนจากการทำภารกิจของสำนัก นางก็มักจะนำโอสถเม็ดที่ตัวเองใช้คะแนนแลกมาไปมอบให้จางเม่าฉวนกับคนที่อยู่ร่วมเรือนกับเขาแม้
더 보기
บทที่ 10
“เจ้าคือ…”ทุกคนหันไปมองหญิงสาวที่จู่ ๆ ก็เข้ามา พอจะเข้าใจสถานะของนางทันทีตั้งแต่ที่ผู้ฝึกตนบนยอดเขาครึ่งบนย้ายออกไปและปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเริ่มเข้าฌาน ภายในม่านพลังที่ปกคลุมอยู่ด้านบนยอดเขาหลิงเซียวก็มีปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนอาศัยอยู่แค่คนเดียวเมื่อบัดนี้มีอีกคนเพิ่มเข้ามา คนเดียวที่เป็นไปได้ก็คือศิษย์ที่ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนรับเข้ามาเมื่อวานนี้หญิงสาวตรงหน้ามีใบหน้ากลมกับดวงตาเมล็ดซิ่ง หน้าตาน่ารัก นอกจากนี้ยังไม่เข้าสู่ระดับดึงลมปราณเข้าร่าง ตรงกับข่าวลือในสำนักที่ได้ยินมา“ข้ามีนามว่าจี้ฝูเหยา เป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน พวกท่านทุกคนมีพลังยุทธ์สูงกว่าข้า เรียกข้าว่าศิษย์น้องหญิงจี้ก็พอเจ้าค่ะ!” หญิงสาวพูดอย่างร่าเริงสดใส มีความใสซื่อไร้เดียงสาอวี้หลานชิงจรดสายตามองที่นางเมื่อวันนี้ได้พบกันอีกครั้ง จี้ฝูเหยาดูต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิงชุดผ้าฝ้ายขาดรุ่งริ่งเมื่อวานถูกถอดออก แทนที่ด้วยชุดกระโปรงสีเหลืองไข่ห่านทำจากผ้าไหมและผ้าโปร่ง ส่องประกายระยิบระยับระหว่างก้าวเดิน ทั้งยังมีลวดลายของยันต์ให้มองเห็นลาง ๆ มันเป็นอาภรณ์พิเศษที่ช่วยป้องกันอย่างเห็นได้ชัดเครื่อง
더 보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status