เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง

เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง

By:  กวนอวิ๋นเจี้ยนUpdated just now
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
62Chapters
2views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

[ลูกศิษย์จอมขยันxท่านอาจารย์สายเฉื่อยชา คู่หูศิษย์อาจารย์ที่ต่างขั้ว] หลังจากที่ฝึกวิชาจนสำเร็จ อวี้หลานชิงก็รีบร้อนไปแจ้งข่าวดีกับท่านอาจารย์ด้วยความดีใจ แต่แล้วกลับเห็นท่านอาจารย์กำลังฝึกวิชาขี่กระบี่อยู่กับศิษย์น้องหญิง ครั้นทราบว่าอวี้หลานชิงฝึกวิชาสำเร็จ ท่านอาจารย์กลับหันไปปลอบประโลมศิษย์น้องหญิง “ไม่ต้องไปสนใจนาง นางสู้เจ้าไม่ได้หรอก” ในการประลองครั้งใหญ่ของสำนัก อวี้หลานชิงไม่ออมมือแม้แต่น้อย เพียงหนึ่งกระบี่ก็ทำให้ศิษย์น้องหญิงถอยไปถึงขอบเวที อวี้หลานชิงกำลังแปลกใจอยู่ว่า เหตุใดศิษย์น้องหญิงที่ท่านอาจารย์บอกว่ามีพรสวรรค์ถึงได้อ่อนแอขนาดนี้? แต่ชั่วพริบตาต่อมา กระบี่วิญญาณประจำกายของท่านอาจารย์กลับเสียบทะลุหัวใจนาง นางเพิ่งเข้าใจก็ตอนนี้ว่าไม่ใช่ตัวเองด้อยกว่าศิษย์น้องหญิง แต่เพราะความลำเอียงของท่านอาจารย์ล้วน ๆ ที่แท้ท่านอาจารย์กับศิษย์น้องหญิงก็ทำพันธสัญญาชีวิตร่วมกันและกลายเป็นคู่บำเพ็ญ เมื่อได้ย้อนกลับไปยังวันพิธีคำนับอาจารย์ อวี้หลานชิงก็ขยี้ป้ายหยกศิษย์เอกต่อหน้าอาจารย์ จากนั้นคุกเข่าลง “ข้าขอฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์เสิ่น” ท่ามกลางเสียงฮือฮากึงก้องภูเขา ท่านอาจารย์เสิ่นผู้ได้ชื่อว่า ‘ผู้ไร้ประโยชน์อันดับหนึ่งแห่งเสวียนเทียน’ ก็ได้เลิกผ้าคลุมหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามคมคายยิ่งกว่ากระบี่ “ในเมื่อเจ้ากล้าเสี่ยงชีวิตกระโดดลงกองไฟนี้ ข้าก็จะให้พวกเขาได้เห็น—” “ว่าอะไรคือเจตจำนงกระบี่ผลาญสวรรค์ที่แท้จริง” เมื่ออวี้หลานชิงทำให้ศิษย์น้องหญิงจนมุมบนแท่นประลองแห่งชีวิตอีกครั้ง อดีตอาจารย์ก็ตะโกน “ศิษย์อกตัญญู บังอาจนัก” แต่แล้วกลับถูกปราณกระบี่ของเสิ่นหวยจั๋วกดให้ต้องคุกเข่าลง “ลูกศิษย์ของข้า ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอน!” อดีตอาจารย์โอบศิษย์น้องหญิงที่จิตแห่งเต๋าแตกสลาย ในที่สุดก็เห็นความจริง— ไข่มุกที่เขาเคยทอดทิ้งอย่างไม่ใยดีได้กลายเป็นแสงจันทร์ที่เฉียบคมที่สุดในฝักกระบี่ของผู้อื่นไปนานแล้ว

View More

Chapter 1

บทที่ 1

สำนักกระบี่เสวียนเทียน บนแท่นประลองครั้งใหญ่ของสำนัก

อวี้หลานชิงสวมชุดสีเขียว คิ้วกระบี่ยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่ไม่แต่งแต้มเครื่องประทินโฉมใด ๆ เรียบนิ่งไร้ความรู้สึก

นางออกกระบวนท่าอย่างพริ้วไหว ใช้เคล็ดวิชากระบี่อีกครั้ง

ผลักให้ผู้ฝึกตนหญิงหน้าตาน่ารักในชุดสีเหลืองไข่ห่านที่อยู่ตรงข้าม ต้องถอยร่นจากกลางแท่นประลองไปที่ขอบ

วันนี้นางไม่ออมมืออีกต่อไปแล้ว ทุกกระบวนท่าล้วนเฉียบคมและเด็ดขาด ทำให้ผู้ฝึกตนหญิงไม่มีโอกาสจะโต้กลับและกำลังจะร่วงจากแท่นในอีกไม่ช้า

ผลแพ้ชนะปรากฏชัดเจน

แต่ในตอนนี้เอง ลำแสงกระบี่สายหนึ่งพุ่งผ่านอากาศมาจากที่นั่งชมของเหล่าผู้อาวุโส

ตัดผ่านอาคมที่ปกคลุมอยู่เหนือแท่นประลองและตรงเข้าสู่อกของอวี้หลานชิง

แทงทะลุหัวใจ!

เสียงฮือฮาดังกึกก้องไปทั่วสำนัก

อวี้หลานชิงก้มมองอกอย่างไม่เชื่อสายตา

กระบี่เล่มนี้ นางคุ้นเคยเป็นอย่างดี

มันคือกระบี่วิญญาณประจำตัวของท่านอาจารย์ฉางยวน กระบี่หลิงเทียน!

และที่ฝั่งตรงข้าม ผู้ฝึกตนหญิงหน้าตาน่ารักผู้เรียกกระบี่เล่มนี้มาก็คือศิษย์ลำดับที่สองของท่านอาจารย์ ศิษย์น้องหญิงของนาง จี้ฝูเหยา

กระบี่วิญญาณประจำกาย มีเพียงเจ้าของกระบี่กับผู้ที่ผูกพันทางจิตและร่วมเป็นร่วมตายกันเท่านั้นที่จะควบคุมได้ หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ นอกเหนือจากเจ้าของกระบี่แล้ว มีเพียงคู่บำเพ็ญของเจ้าของกระบี่เท่านั้นที่จะทำให้กระบี่วิญญาณเชื่อฟัง

ท่านอาจารย์กับศิษย์น้องหญิง?

อวี้หลานชิงมองโลหิตที่ไหลออกจากอกไม่หยุด รู้สึกไม่เชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ

ท่านอาจารย์กับศิษย์น้องหญิงได้ทำพันธสัญญาชีวิตและกลายเป็นคู่บำเพ็ญกันแล้ว

ชายอาภรณ์สีดำปัดผ่าน

เงาร่างหนึ่งร่อนลงสู่แท่นประลองอย่างสง่างาม ทว่ากลับไม่แม้แต่จะชายตามองผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ แต่หันไปโอบฝ่ายที่ตื่นตกใจอยู่ข้างแท่นประลองอย่างอ่อนโยน

“ท่านอาจารย์ ฝูเหยาไม่ได้ตั้งใจ ฝูเหยาไม่ได้คิดว่าจะทำร้ายศิษย์พี่หญิง…”

“ศิษย์พี่หญิงเอาแต่ต้อนข้าไม่หยุด ข้าคิดเพียงว่าห้ามตกจากแท่นประลอง ห้ามให้ท่านอาจารย์ผิดหวัง ไม่คิดเลยว่าในยามคับขันจะเผลอไปเรียกกระบี่หลิงเทียนของท่านอาจารย์ให้มาสู้เพื่อข้าแทน และพลั้งทำร้ายศิษย์พี่หญิง”

“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดเจ้า กระบี่หลิงเทียนมีหน้าที่ต้องปกป้องเจ้าอยู่แล้ว ศิษย์พี่หญิงเจ้าลงมือหนักเกินไปเอง”

“ท่านอาจารย์อย่าโทษศิษย์พี่หญิงเลยเจ้าค่ะ นางเพียงอยากเอาชนะมากเกินไป ท่านก็รู้ว่านางเป็นพวกชอบเอาชนะมาตั้งแต่ไหนแต่ไร…”

ม่านพลังเหนือศีรษะได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อบุรุษตรงข้ามก้าวขึ้นมาบนแท่นประลอง บดบังสายตาจากรอบข้าง

คนสองคนที่ยืนกอดกัน ไม่มีแม้สักคนที่คิดจะช่วยศิษย์และศิษย์พี่หญิงที่ถูกกระบี่แทง

ความเจ็บปวดรวดร้าวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย อวี้หลานชิงเจ็บจนชา ภายในใจรู้สึกเหลวไหลและน่าขัน

ที่เหลวไหลคือพวกเขา ส่วนที่น่าขันคือตัวนางเอง

แท้จริงแล้วทุกอย่างในวันนี้มีเค้าลางมานานแล้ว!

ย้อนกลับไปตอนที่นางเข้าสำนักได้ห้าปี นางคอยดูแลยอดเขาหลิงเซียวอย่างขยันขันแข็งมาห้าปี กว่าท่านอาจารย์จะออกฌานและได้ทำพิธีคำนับอาจารย์อย่างเป็นทางการ

แต่แล้วในวันเดียวกันนั้น ท่านอาจารย์กลับไปถูกใจศิษย์น้องหญิงที่เข้าร่วมการทดสอบของสำนัก รับเข้าเป็นศิษย์แบบกรณีพิเศษ ทำให้พิธีคำนับอาจารย์ซึ่งควรเป็นของนางต้องแบ่งให้อีกคนด้วยครึ่งหนึ่ง

ต่อมานางพากเพียรฝึกฝน แต่ท่านอาจารย์กลับให้คำชี้แนะเพียงน้อยนิด ไม่เคยชื่นชมที่นางทุ่มเทแรงกายแรงกายจัดการกับปัญหาที่ศิษย์บนยอดเขาเซียวหลิงพบเจอ กระนั้นทุกครั้งที่กลับมาจากนอกสำนัก กลับมีของขวัญให้ศิษย์น้องหญิงเสมอ

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านอาจารย์นำสมบัติกลับมาสิบกว่าอย่าง ในนั้นมีพู่ห้อยกระบี่ฝังอักขระป้องกันที่นางชอบมาก แต่ท่านอาจารย์กลับบอกว่าของทั้งหมดเป็นของศิษย์น้องหญิง ไม่มีของนาง

ศิษย์น้องหญิงปลอบนางว่า ระดับพลังยุทธ์ของนางสูงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งปัจจัยภายนอก ที่ท่านอาจารย์มอบสมบัติต่าง ๆ ให้นางก็เพราะพลังยุทธ์นางต่ำและปกป้องตัวเองไม่ได้ อวี้หลานซิงเชื่อคำพูดนั้น

ต่อมานางฝึกแก่นกระบี่ครั้งแรกได้สำเร็จ นางรีบไปหาอาจารย์เพื่อบอกข่าวดี แต่แล้วกลับพบภาพที่ท่านอาจารย์กำลังสอนศิษย์น้องหญิงขี่กระบี่ สีหน้าแววตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม

ศิษย์น้องหญิงตกใจรีบกระโดดลงจากกระบี่จนเกือบข้อเท้าพลิก

จากนั้นชี้มาที่นางว่า “ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่หญิงมองอยู่นะเจ้าคะ”

แต่ดวงตาท่านอาจารย์พลันแข็งกร้าวและประคองศิษย์น้องหญิงพูดว่า

“ไม่ต้องไปสนใจนาง นางสู้เจ้าไม่ได้”

นั่นเป็นครั้งแรกที่อวี้หลานชิงได้สัมผัสกับความผิดหวังโดยแท้จริง

เดิมทีนางคิดว่าท่านอาจารย์ห่างเหินเย็นชากับนางก็เพื่อฝึกฝนจิตใจกับความมุ่งมั่นของนาง และนางก็ใช้ความพยายามของตัวเองจนกลายเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาศิษย์รุ่นเดียวกัน

แต่คำที่ว่า “นางสู้เจ้าไม่ได้” ของเขามันช่างบาดลึกหัวใจเหลือเกิน

ราวกับว่าในสายตาท่านอาจารย์แล้ว ความทุ่มเทพยายามทั้งหมดของนางไม่ได้มีค่าอะไรเลย!

นางไม่ยอม

ด้วยเหตุนี้ ในการประลองครั้งใหญ่ นางจึงตั้งใจจะไม่ออมมือตามคำขอของศิษย์น้องเล็กอีกเช่นทุกครั้ง

ตั้งใจสู้สุดกำลัง

นางต้องการพิสูจน์ให้ท่านอาจารย์เห็นว่า นางไม่ได้ด้อยกว่าศิษย์น้องหญิง ไม่ด้อยกว่าผู้ใดทั้งนั้น!

ทว่าดูจากตอนนี้ …

ความคิดนี้ช่างเหลวไหลสิ้นดี น่าขันสิ้นดี

โลหิตไหลออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ วิสัยทัศน์ค่อย ๆ เลือนราง

อวี้หลานชิงราวกับรับรู้ได้ว่าชีวิตตัวเองกำลังดับสลาย

ในตอนนี้เอง คนสองคนซึ่งอยู่ตรงข้ามเสมือนเพิ่งนึกถึงนางได้ในที่สุด

นางได้ยินศิษย์น้องหญิงถามอย่างระมัดระวัง “ท่านอาจารย์ ยังมีทางช่วยศิษย์พี่หญิงหรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่มี”

เพียงคำสั้น ๆ ก็กลายเป็นการตัดสินประหารอวี้หลานชิงแล้ว

“เดิมทีแก่นกระบี่และรากวิญญาณของนางก็ควรถูกย้ายมาที่เจ้าอยู่แล้ว บัดนี้แค่ย้ายล่วงหน้าก็เท่านั้น”

“เมื่อเจ้ากลายเป็นเจ้าสำนักกระบี่เสวียนเทียน แก่นกระบี่และรากวิญญาณของนางจะได้ไม่สูญเปล่า นางตายได้เหมาะสมแล้ว!”

ชั่วพริบตาก่อนที่สติจะดับวูบ เสียงของท่านอาจารย์ได้ลอยเข้าสู่โสตประสาท

อวี้หลานชิงเข้าใจทุกอย่างในที่สุด

เหตุใดท่านอาจารย์จึงรับนางเป็นศิษย์ทั้งที่ไม่เคยสนใจและไม่มีความเป็นศิษย์อาจารย์กับนาง

ที่แท้ นางก็เป็นเพียง “สิ่งของ” ที่ท่านอาจารย์เตรียมไว้ให้คนรัก

ก็เหมือนกับที่เขาคอยหาของขวัญต่าง ๆ จากทั่วแดนบำเพ็ญเพียรมาให้ศิษย์น้องตลอดหลายปีมานี้

ไม่นึกเลยว่าท่านอาจารย์ที่นางเคยเห็นเป็นเป้าหมายของการฝึกวิชาจะเป็นคนไร้ยางอายเพียงนี้

ต่อให้นางต้องตายก็จะไม่ให้พวกเขาสมหวังเด็ดขาด!

อวี้หลานชิงรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายมาใช้พลังแก่นปราณ มีเสียงดัง “ปัง” เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นโอบร่างนางในทันใด

เปลวไฟนี้ไม่อาจดับได้ด้วยน้ำหรือลม

ครั้นเปลวไฟดับลง บนแท่นประลองก็เหลือเพียงความว่างเปล่า

ร่างของอวี้หลานชิงถูกเผาจนไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่าน

……

ดวงตะวันขึ้นทางทิศตะวันออก แสงสีทองปกคลุมทั่วฟ้า

วันนี้คือวันเปิดสำนักรับศิษย์ที่มีห้าปีครั้งของสำนักกระบี่เสวียนเทียน

แสงอาทิตย์สาดลงบนบันไดหมื่นขั้นหน้าตำหนักยอดเขาเวิ่นเต้า ทำให้บรรดาคนที่กำลังเดินขึ้นเขารู้สึกวิงเวียนและเซไปมา

นี่เป็นด่านสุดท้ายของการทดสอบคัดเลือกศิษย์

เจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสกำลังรออยู่ในตำหนักที่ปลายบันได แต่ศิษย์ชุดใหม่รอบนี้มีคุณสมบัติธรรมดา ไม่ได้โดดเด่นเท่ารุ่นก่อน

ขณะที่กำลังรู้สึกเบื่อหน่าย มีเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความยินดีดังขึ้น

“ยินดีด้วย!”

“ยินดีด้วย!”

“ท่านปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนออกฌานแล้ว!”

ตำหนักที่เงียบเหงาพลันคึกคักขึ้นมาทันที

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ลุกพรวดขึ้น “ฉางยวนออกฌานแล้วหรือ?”

“ศิษย์เห็นเองกับตา! ท่านปรมาจารย์กระบี่ไม่เพียงออกฌานโดยราบรื่น แต่อาการบาดเจ็บยังหายดี ระดับพลังยุทธ์เพิ่มขึ้นอีกขั้น!”

“ท่านปรมาจารย์กระบี่บอกว่า หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วจะมาพบท่านเจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสที่นี่”

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ยกยิ้ม เก็บอาการไว้ไม่อยู่

“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม!”

“ตอนนี้อวี้หลานชิงอยู่ที่ใด?”

“รีบเรียกนางมาที่ตำหนัก นางยังไม่ได้คำนับฉางยวนอย่างเป็นทางการ”

เดิมทีแล้วหัวใจหลักของวันนี้คือพวกลูกศิษย์ใหม่ที่กำลังรับการทดสอบที่ขั้นบันได

ตามด้วยข่าวเรื่องการออกฌานของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนแพร่กระจายออกไป

สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปที่หญิงสาวหน้าตาเรียบนิ่งในชุดสีขาวปักปิ่นสีเงินที่อยู่หน้าตำหนัก!

นี่คือศิษย์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นที่สุดจากในกลุ่มศิษย์ที่เข้าสำนักเมื่อห้าปีก่อน อวี้หลานชิง

มีรากวิญญาณทองคำบริสุทธิ์ พรสวรรค์ของรากวิญญาณสูงถึงเก้าส่วนเก้า!

มีพรสวรรค์แบบเดียวกับปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดแห่งตงโจวเมื่อครั้งอดีต

ที่หายากกว่านั้นคือ นางผ่านการทดสอบบันไดหมื่นขั้นของยอดเขาเวิ่นเต้าเป็นคนแรก บ่งบอกว่าไม่เพียงมีพรสวรรค์ แต่จิตใจยังแข็งแกร่งไม่แพ้กัน

ตอนนั้นผู้อาวุโสหลายคนพากันแย่งนางเป็นศิษย์จนโต้เถียงกันในตำหนัก สุดท้ายต้องให้เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ตัดสินใจรับนางเป็นศิษย์ของยอดเขาหลิงเซียวแทนปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน

ครานี้บรรดาผู้อาวุโสไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ อีก เพราะปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนคือผู้เป็นหนึ่งแห่งวิถีกระบี่แห่งตงโจว โดยเฉพาะหลังจากที่ปรมาจารย์กระบี่จาก ทั่วทั้งดินแดนตงโจวก็มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้สมญานามว่า “ปรมาจารย์กระบี่”

น่าเสียดายที่เมื่อห้าสิบปีก่อน เขากับปรมาจารย์กระบี่เยวี่ยหวาได้ไปต่อต้านเผ่ามารที่หุบเขามารจนได้รับบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บทวีความรุนแรงมากขึ้นตามกาลเวลา เมื่อสิบปีก่อนจำเป็นต้องประกาศว่าจะเข้าฌานเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

สองปีมานี้ อวี้หลานชิงเริ่มโดดเด่นในสำนัก

ศิษย์บางคนเคยเย้ยหยันในใจ ท่านปรมาจารย์กระบี่เข้าฌานไม่ยอมออกมา แม้อวี้หลานชิงจะได้ชื่อว่าเป็น “ศิษย์ของปรมาจารย์กระบี่” แต่แท้จริงแล้วนางไม่เคยได้รับการชี้แนะจากเขาแม้แต่น้อย

แต่ตอนนี้ ความเย้ยหยันนั้นกลับต้องแปรเปลี่ยนเป็นความอิจฉา

“อวี้หลานชิงนี่โชคดีชะมัด!”

“หลังจากเข้าพิธีคำนับอาจารย์วันนี้ นางก็จะเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของท่านปรมาจารย์กระบี่ ต่อไปจะได้สืบทอดเคล็ดวิชาจากเขา อนาคตสดใสไร้ขีดจำกัด!”

“ดูนั่นสิ คนที่เพิ่งเหาะเข้าไปยังตำหนักก็คือท่านปรมาจารย์กระบี่…”

“ประเดี๋ยวก็คงเรียกอวี้หลานชิงเข้าไปแล้ว”

ศิษย์ด้านนอกตำหนักพูดคุยกระซิบกระซาบ

แล้วก็เป็นไปดังคาด มีเสียงเรียกชื่อ “อวี้หลานชิง” ดังมาจากด้านใน

หญิงสาวที่ถูกเรียกชื่อสะดุ้งเฮือกหนึ่งและยืนนิ่งอยู่กับที่

“ศิษย์น้องหลางชิน?” ศิษย์ที่เดินนำทางร้องเรียกเบา ๆ

อวี้หลานชิงราวกับไม่ได้ยิน

เปลวเพลิงที่เคยลุกโชนเบื้องหน้าได้หายไปแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยตำหนักคุ้นตาสูงใหญ่แสนคุ้นตา

ความคิดชัดเจนขึ้นทีละน้อย

ครั้นอวี้หลานชิงตั้งสติได้ ดวงตาพลันเป็นประกาย

นี่นางย้อนเวลากลับมางั้นหรือ!

กลับมายังวันที่คำนับปรมาจารย์กระบี่เป็นอาจารย์!

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
62 Chapters
บทที่ 1
สำนักกระบี่เสวียนเทียน บนแท่นประลองครั้งใหญ่ของสำนักอวี้หลานชิงสวมชุดสีเขียว คิ้วกระบี่ยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่ไม่แต่งแต้มเครื่องประทินโฉมใด ๆ เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกนางออกกระบวนท่าอย่างพริ้วไหว ใช้เคล็ดวิชากระบี่อีกครั้งผลักให้ผู้ฝึกตนหญิงหน้าตาน่ารักในชุดสีเหลืองไข่ห่านที่อยู่ตรงข้าม ต้องถอยร่นจากกลางแท่นประลองไปที่ขอบวันนี้นางไม่ออมมืออีกต่อไปแล้ว ทุกกระบวนท่าล้วนเฉียบคมและเด็ดขาด ทำให้ผู้ฝึกตนหญิงไม่มีโอกาสจะโต้กลับและกำลังจะร่วงจากแท่นในอีกไม่ช้าผลแพ้ชนะปรากฏชัดเจน แต่ในตอนนี้เอง ลำแสงกระบี่สายหนึ่งพุ่งผ่านอากาศมาจากที่นั่งชมของเหล่าผู้อาวุโสตัดผ่านอาคมที่ปกคลุมอยู่เหนือแท่นประลองและตรงเข้าสู่อกของอวี้หลานชิงแทงทะลุหัวใจ!เสียงฮือฮาดังกึกก้องไปทั่วสำนักอวี้หลานชิงก้มมองอกอย่างไม่เชื่อสายตากระบี่เล่มนี้ นางคุ้นเคยเป็นอย่างดีมันคือกระบี่วิญญาณประจำตัวของท่านอาจารย์ฉางยวน กระบี่หลิงเทียน!และที่ฝั่งตรงข้าม ผู้ฝึกตนหญิงหน้าตาน่ารักผู้เรียกกระบี่เล่มนี้มาก็คือศิษย์ลำดับที่สองของท่านอาจารย์ ศิษย์น้องหญิงของนาง จี้ฝูเหยากระบี่วิญญาณประจำกาย มีเพียงเจ้าของกระบี่กั
Read more
บทที่ 2
อาจจะเป็นเพราะการออกฌานของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน ภายในตำหนักจึงมีคนมารวมตัวอย่างคับคั่งสำนักกระบี่เสวียนเทียนมียอดเขาทั้งหมดสิบแปดยอด หากไม่นับประมุขยอดเขาที่กำลังเข้าฌานแล้ว ประมุขยอดเขาทั้งหมดต่างมารวมตัวกันที่นี่ แม้แต่ประมุขยอดเขาชิงจู๋ที่มักจะหายตัวอย่างเสิ่นหวยจั๋วก็ยังโผล่มาและกำลังนั่งสัปหงกอยู่ที่มุมการทดสอบคัดเลือกศิษย์ใหม่เพียงอย่างเดียวไม่อาจเรียกคนมาได้มากขนาดนี้ทุกคนมาเพื่อให้เกียรติปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนหลังจากเข้าฌานมาสิบปี ท่าทีของเขาดูสุขุมมากขึ้น ส่วนพลังก็ยิ่งล้ำลึกยากจะหยั่งถึง บัดนี้ไม่มีผู้ใดในสำนักกระบี่เสวียนเทียนกล้าถือตัวต่อหน้าเขาอีกต่อไปอวี้หลานชิงก้าวเท้าเข้าสู่ตำหนัก ได้ยินเจ้าสำนักอวิ๋นไห่ชี้มาที่นางพลางกล่าวแนะนำ“ฉางยวน นี่คือคนที่คุณสมบัติโดดเด่นที่สุดจากการคัดสอบเมื่อห้าปีก่อน มีรากวิญญาณทองคำบริสุทธิ์เฉกเช่นเดียวกับเจ้า นอกจากนี้ยังคว้าอันดับหนึ่งจากการทดสอบบันไดสวรรค์”“ฉางเยี่ยและจวีหยางต่างหมายจะรับนางเป็นศิษย์ แต่ข้ามองว่า อย่างไรนางก็มีรากวิญญาณแบบเดียวกับเจ้า ทั้งยังมีจิตใจมุ่งมั่น เป็นต้นกล้าชั้นเลิศในการฝึกกระบี่ ให้เป็นศิษย์เจ้าจะ
Read more
บทที่ 3
นางปฏิเสธเขาเพื่อไปเลือกคนแบบนี้งั้นหรือ?หางตาปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนฉายแววเย็นเยียบ ยิ่งรู้สึกว่าศิษย์หญิงที่มีนามว่าอวี้หลานชิงคนนี้ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเจ้าสำนักอวิ๋นไห่มองอวี้หลานชิงและถามอีกครั้ง “เจ้าตัดสินใจดีแล้วหรือ?”อวี้หลานชิงพยักหน้าอย่างจริงจัง น้ำเสียงแน่วแน่ “ท่านผู้อาวุโสเสิ่นสง่างามห่างโลกีย์ วางตนอยู่เหนือโลกหล้า ศิษย์นับถือมานาน ยินดีเข้ารับการฝึกฝนภายใต้การสอนสั่งของเขา!”บรรดาผู้อาวุโสในตำหนักหันไปมองบุรุษที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ[1]ตามสายตาเคารพชื่นชมของอวี้หลานชิง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เห็นถึงความ “สง่างาม” และ “อยู่เหนือโลก” อวี้หลานชิงคงถูกปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนยั่วโมโหจนเสียสติไปแล้วกระมัง!ดูสิว่ากำลังพูดเหลวไหลอะไรอยู่?แต่ถึงแม้จะโมโหอย่างไร ที่นี่ก็คือตำหนักใหญ่ของสำนักกระบี่เสวียนเทียน ผู้ที่นั่งอยู่ด้านบนล้วนแต่มีตำแหน่งในสำนักคำพูดใดที่เอื้อนเอ่ยออกไปแล้ว ไม่อาจกลับคำได้อีกดวงตาของเจ้าสำนักอวิ๋นไห่ฉายแววเสียดายแวบหนึ่ง โบกมือว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นก็ก้าวออกมาคำนับท่านอาจารย์ของเจ้าเถอะ”“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก”
Read more
บทที่ 4
ภาพที่ศิษย์อาจารย์ทางฟากโน้นสนทนากันอย่างรื่นรมย์และเข้ากันได้ดีอย่างยิ่ง มองแล้วบาดตายิ่งนักปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนยิ้มเยาะแล้วหันหน้าไปทางอื่นเหลวไหลสิ้นดี!ต่อให้พรสวรรค์จะดีพร้อมเพียงใด หากเลือกอาจารย์ที่ชี้แนะผิดคน วันหน้าก็จะไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาตอนแรกผู้อาวุโสจวีหยางที่นั่งอยู่ข้างเจ้าสำนักอวิ๋นไห่ก็เตรียมพร้อมที่จะ “ขโมยศิษย์” แล้ว ไหนเลยจะไปคิดว่าศิษย์อาจารย์คู่นั้นจะตกลงกันง่ายขนาดนี้!ไม่รู้จะบอกว่าเสิ่นหวยจั๋วโชคดี หรือจะบอกว่าอวี้หลานชิงตาบอดดีแต่ในเมื่อเป็นอันตกลงกันแล้ว คนนอกก็ยุ่งอะไรไม่ได้อีกที่บันไดสวรรค์ด้านนอก บรรดาศิษย์ใหม่ยังคงรับการทดสอบในสภาพเหงื่อไหลโชกมีคนขึ้นปีนบันไดครบหนึ่งหมื่นขั้นและเข้ามายังตำหนักอย่างต่อเนื่องหากเทียบกับอวี้หลานชิงที่เข้ามาเมื่อห้าปีก่อนแล้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไร ศิษย์ใหม่ชุดนี้ก็ยังดูห่างไกลไม่ได้ถึงขั้นที่จะบ่มเพาะไม่ได้ เพียงแต่ไม่มีผู้โดดเด่นจนเหล่าผู้อาวุโสต้องแย่งชิงกัน…เมื่อคิดเช่นนี้ ผู้อาวุโสหลายคนก็รู้สึกนึกย้อนเสียใจ เมื่อครู่น่าจะเกลี้ยกล่อมให้มากกว่านี้ศิษย์ที่ทั้งเก่งทั้งไม่เป็นภาระมันหาง่ายที่ใดกัน?เสิ่
Read more
บทที่ 5
บัดนี้ ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสามคนที่เข้าสำนักกระบี่เสวียนเทียนต่างก็ถูกจัดสรรเป็นที่เรียบร้อยแล้วรวมจี้ฝูเหยาแล้ว มีเพียงสี่คนที่มีอาจารย์ อีกหกสิบเก้าคนที่เหลือถูกแบ่งไปตามยอดเขาต่าง ๆ เริ่มจากเป็นศิษย์ชั้นนอก“ศิษย์ทั้งหลายจงตามข้าไปที่ตำหนักเจี้ยนอิง เพื่อคารวะวิญญาณของปรมาจารย์กระบี่ทุกท่าน!”เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ลุกขึ้นเป็นคนแรก โบกแขนเสื้อพาทุกคนไปยังยอดเขาหลักด้านหลัง อันเป็นที่ตั้งของตำหนักเจี้ยนอิงที่อยู่ไม่ไกลจากห้องโถงใหญ่หารือตำหนักแห่งนี้จะเปิดทุกห้าปี จะเปิดในยามที่มีศิษย์ใหม่เข้ามาในสำนัก เพื่อแจ้งให้บรรดาบรรพชนทราบถึงศิษย์รุ่นหลังแต่ไม่ใช่ศิษย์ใหม่ทุกคนที่จะมีโอกาสเข้าไปในตำหนัก คนส่วนใหญ่จะได้แค่ยืนอยู่นอกประตู มีเพียงศิษย์ที่มีอาจารย์เท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์เข้าไปในตำหนัก หากโชคดีก็จะได้พรจากบรรพชนระหว่างที่ทำการสักการะเมื่อห้าปีก่อน เนื่องจากปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเข้าฌาน สถานะศิษย์อาจารย์ยังไม่ชัดเจน อวี้หลานชิงจึงต้องยืนอยู่นอกตำหนักร่วมกับคนอื่น ๆ ในวันนี้เมื่อชาติก่อน นางได้กลายเป็นศิษย์คนโตของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน ตามหลักแล้วมีสิทธิ์เข้าไปในตำหนักทว่า ตอนนั้นปรม
Read more
บทที่ 6
“ฮ่า ๆ ๆ!”มีเสียงปรบมือและหัวเราะดังมาจากด้านหลัง น้ำเสียงเจือด้วยความภูมิใจและโอ้อวด “สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ของข้า ดูเหมือนบรรพชนทุกท่านจะยินดีต้อนรับศิษย์ของข้าเข้าสู่สำนักกระบี่เสวียนเทียนมาก”“ในฐานะผู้สืบทอดสายตรงของบรรพชนทุกท่าน ท่านทั้งหลายควรให้อะไรแทนอาจารย์ของพวกท่านหน่อยหรือไม่?”“แม้ว่าศิษย์ของข้าจะเข้าสำนักมาแล้วห้าปี แต่ก็ยังคงสวมเสื้อผ้าเก่าขาด บ่งบอกว่าใช้ชีวิตในสำนักด้วยความยากลำบาก ทุกท่านอยากให้อะไรก็ได้ ลูกศิษย์ข้าแคลนทุกอย่าง ขอเพียงเป็นของจากทุกท่าน ลูกศิษย์ข้าย่อมไม่เลือกมากอยู่แล้ว!”คำพูดไร้ยางอายจากด้านหลังทำให้อวี้หลานชิงอดหัวเราะไม่ได้ ภายในใจรู้สึกอบอุ่นมากขึ้นไปอีกแต่ตอนนี้สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกสบายที่สุดคือ แสงที่กำลังส่งลงมายังร่างท่ามกลางแสงที่เจิดจ้า ราวกับกำลังมีคนกระซิบเคล็ดวิชาอยู่ข้างหู และก็เหมือนมีคนร่ายรำกระบวนท่ากระบี่เพื่อสอนนางอวี้หลานชิงดื่มด่ำกับความรู้สึกนี้อย่างเพลิดเพลิน จวบจนกระทั่งแสงค่อย ๆ จางไป นางทิ้งเรื่องอื่นไว้เบื้องหลังไปชั่วขณะ อยากจะชักกระบี่ออกมาฝึกฝนทันที!เพียงชั่วขณะเดียว นางก็เก็บเกี่ยวอะไรได้มากมาย พรจากบรรพชนช
Read more
บทที่ 7
ห้องรับแขกและห้องหลอมโอสถถูกจัดไว้ที่ชั้นล่าง ส่วนด้านบนแบ่งเป็นห้องนอนและห้องฝึกตนภายในใจอวี้หลานชิงยังคงครุ่นคิดถึงเจตจำนงกระบี่ที่สัมผัสได้ในตำหนักเจี้ยนอิงเมื่อครู่ นางไม่ทันได้สนใจจะมาดูเครื่องเรือนแต่ละชิ้นโดยละเอียด รีบขึ้นไปยังห้องฝึกตนที่อยู่ชั้นบนอีกด้านหนึ่ง เสิ่นหวยจั๋วกลับไปถึงสวนไผ่เขียวแล้วกินโอสถ หลังจากตื่นนอนจากการงีบไปครู่หนึ่งก็เพิ่งนึกได้ว่า ตัวเองลืมมอบป้ายคำสั่งสำหรับเข้าออกยอดเขาชิงจู๋ให้กับศิษย์ตัวน้อยครั้นส่งกระแสจิตไปตรวจสอบที่อาคารสองชั้นริมลำธาร กลับไม่พบเงาร่างของศิษย์ตัวน้อยแต่อย่างใดหรือว่าจะไปเดินเล่นที่อื่นแล้ว?จังหวะที่เสิ่นหวยจั๋วจะไปหาตามแนวลำธาร เขาก็สัมผัสได้ว่าอาคมที่อยู่บนชั้นสองได้ถูกเปิดใช้งานเมื่อเพ่งตา “มอง” อีกครั้ง ศิษย์ที่หายตัวไปเมื่อครู่ก็กำลังหลับตานั่งสมาธิอยู่ในห้องมิใช่หรือ?สุดยอด!นี่เขาได้ลูกศิษย์ที่ขยันขันแข็งขนาดนี้เชียวหรือ!บุรุษชุดขาวที่นอนอยู่บนเก้าอี้เอนใต้ต้นไม้ใหญ่ลุกขึ้นนั่งหลังตรงโดยไม่รู้ตัวแต่ชั่วพริบตาต่อมาก็กลับไปนอนเหมือนเดิม ใช้ปลายนิ้วปัดกิ่งไม้เหนือศีรษะไปด้านข้าง ให้แสงแดดอบอุ่นสาดลงบนกายในเ
Read more
บทที่ 8
อวี้หลานชิงประหลาดใจ นางเดาได้ทันทีว่าอาจารย์เป็นคนเอามาวางไว้ รีบโน้มตัวลงหยิบนางเปิดถุงออก กำลังจะเพ่งกระแสจิตสำรวจด้านใน แสงระยิบระยับของหินวิญญาณด้านในก็แยงจนตาพร่ามัวหินวิญญาณระดับสูงหนึ่งก้อนมีค่าเทียบได้กับหินวิญญาณธรรมดาร้อยก้อนโดยทั่วไปแล้วยังหาที่แลกเปลี่ยนได้ยากมาก เพียงแค่ก้อนเดียวก็แลกเปลี่ยนได้ถึงร้อยกว่าก้อนภายในถุง หินวิญญาณระดับสูงที่วางกองกันอย่างไม่เป็นระเบียบมีมากถึงหนึ่งร้อยก้อนตีเป็นมูลค่าเท่ากับหินวิญญาณธรรมดาได้เป็นหมื่นก้อน!แม้จะรู้แล้วว่าอาจารย์เป็นคนใจป้ำ อวี้หลานชิงก็ยังตกใจกับความใจป้ำนี้อยู่ดีอวี้หลานชิงเพ่งกระแสจิตสำรวจของในถุงต่อ มีทั้งยันต์กระบี่ โอสถ และก็มีป้ายคำสั่งที่สลักคำว่า “ชิงจู๋” อยู่หนึ่งชิ้น คิดว่าน่าจะเป็นของสำหรับเปิดใช้งานอาคมเข้าออกยอดเขาชิงจู๋นางนำป้ายคำสั่งออกมาแล้วใช้พลังวิญญาณผูกมัดให้เรียบร้อยจากนั้นถือถุงเก็บของออกจากอาคารหลังน้อย มุ่งหน้าขึ้นไปยังยอดเขานางตั้งใจจะไปคำนับท่านอาจารย์ พร้อมทั้งรายงานความก้าวหน้าจากการฝึกช่วงสองวันนี้ จะได้นำหินวิญญาณระดับสูงพวกนั้นไปคืนให้กับท่านอาจารย์ด้วยหินวิญญาณระดับสูงล้ำค่
Read more
บทที่ 9
ศิษย์พี่ฉางมีชื่อเต็มว่าจางเม่าฉวน เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ชั้นนอกที่เหลืออยู่ที่ถูกเจ้าสำนักส่งมาดูแลงานจิปาถะ หลังจากปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนประกาศเข้าฌานและเปิดใช้ม่านพลังที่ปกคลุมครึ่งบนของยอดเขานอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในคนที่พลังยุทธ์สูงสุดในกลุ่มนั้น อยู่ระดับหลอมปราณช่วงปลายตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนเมื่อห้าปีก่อน อวี้หลานชิงย้ายมาอยู่ยอดเขาหลิงเซียว ศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักที่พานางมาส่งได้เลือกที่พักที่อยู่ใกล้ม่านพลังมากที่สุดให้กับนางพร้อมทั้งให้ลูกศิษย์ชั้นนอกแปดคนที่พักอยู่ไม่ไกลช่วยดูแลนางในฐานะที่จางเม่าฉวนเป็นคนที่พลังยุทธ์สูงที่สุดและมีประวัติยาวนานที่สุดในนั้น เขาได้อาสาที่จะช่วยอวี้หลานชิงเขาไม่เพียงช่วยเล่าประวัติของสำนัก ช่วยแนะนำบุคคลสำคัญ พานางไปยังหอคัมภีร์และห้องเรียน แต่ยังส่งอาหารมื้อเช้าและเย็นมายังเรือนพักของนางทุกวันแม้ว่าผ่านไปไม่นานก็ไม่จำเป็นอีกแล้ว เพราะกินโอสถงดอาหาร แต่อวี้หลานชิงก็ยังจดจำน้ำใจนี้ได้อยู่ต่อมาเมื่อพลังยุทธ์เพิ่มขึ้นจะได้รับคะแนนจากการทำภารกิจของสำนัก นางก็มักจะนำโอสถเม็ดที่ตัวเองใช้คะแนนแลกมาไปมอบให้จางเม่าฉวนกับคนที่อยู่ร่วมเรือนกับเขาแม้
Read more
บทที่ 10
“เจ้าคือ…”ทุกคนหันไปมองหญิงสาวที่จู่ ๆ ก็เข้ามา พอจะเข้าใจสถานะของนางทันทีตั้งแต่ที่ผู้ฝึกตนบนยอดเขาครึ่งบนย้ายออกไปและปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเริ่มเข้าฌาน ภายในม่านพลังที่ปกคลุมอยู่ด้านบนยอดเขาหลิงเซียวก็มีปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนอาศัยอยู่แค่คนเดียวเมื่อบัดนี้มีอีกคนเพิ่มเข้ามา คนเดียวที่เป็นไปได้ก็คือศิษย์ที่ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนรับเข้ามาเมื่อวานนี้หญิงสาวตรงหน้ามีใบหน้ากลมกับดวงตาเมล็ดซิ่ง หน้าตาน่ารัก นอกจากนี้ยังไม่เข้าสู่ระดับดึงลมปราณเข้าร่าง ตรงกับข่าวลือในสำนักที่ได้ยินมา“ข้ามีนามว่าจี้ฝูเหยา เป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน พวกท่านทุกคนมีพลังยุทธ์สูงกว่าข้า เรียกข้าว่าศิษย์น้องหญิงจี้ก็พอเจ้าค่ะ!” หญิงสาวพูดอย่างร่าเริงสดใส มีความใสซื่อไร้เดียงสาอวี้หลานชิงจรดสายตามองที่นางเมื่อวันนี้ได้พบกันอีกครั้ง จี้ฝูเหยาดูต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิงชุดผ้าฝ้ายขาดรุ่งริ่งเมื่อวานถูกถอดออก แทนที่ด้วยชุดกระโปรงสีเหลืองไข่ห่านทำจากผ้าไหมและผ้าโปร่ง ส่องประกายระยิบระยับระหว่างก้าวเดิน ทั้งยังมีลวดลายของยันต์ให้มองเห็นลาง ๆ มันเป็นอาภรณ์พิเศษที่ช่วยป้องกันอย่างเห็นได้ชัดเครื่อง
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status