หลินจืออี้ไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน สัญชาตญาณบอกให้เธอถอยหลัง แต่เธอกลับถูกขวางอยู่ตรงกําแพงริมฟุตบาทเปล่าทางถอยกลับแล้วเมื่อเห็นล้อรถกําลังจะทับออกมา เธอก็ยกมือขึ้นเพื่อปกป้องศีรษะของเธอวินาทีต่อมา หลินจืออี้ก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ล้มกลิ้งเธอวางมือลงอย่างตกใจ และเห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งเข้ามาเมื่อกี้กลิ้งเข้าไปในแปลงดอกไม้พร้อมกับคนและคนที่ชนผู้ชายเข้าไปในแปลงดอกไม้ก็คือ... รถของกงเฉินกงเฉินก้าวขาออกจากรถหรู เสื้อโค้ทสีดํายาวสะบัดเป็นมุมแหลมระหว่างเดินไม่กี่ก้าวเขาก็เดินไปหาผู้ชายคนนั้นและคว้าคอเสื้อของเขาผู้ชายคนนั้นอ้อนวอนขอร้อง "คุณชายสาม ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ รถของผมเบรกแตกอย่างกะทันหัน ดังนั้นผมถึงวิ่งไปหาผู้หญิงคนนี้ ผมเป็นแค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่ง ขอร้องเถอะครับ ปล่อยผมไปเถอะ”กงเฉินชําเลืองมองไม้กางเขนบนลูกกระเดือกของผู้ชาย คนธรรมดาๆ เหรอ?ดวงตาของเขาเย็นชาและยิ้มเยาะที่มุมปาก "ระวังหน่อย ไม่อย่างนั้นอาจตายได้"หัวใจของผู้ชายคนนั้นเต็มไปด้วยความกลัวและพยักหน้าซ้ำๆ "ครับๆ"กงเฉินสังเกตสายตาที่หลินจืออี้มองมา จึงปล่อยมือจากผู้ชายคนนั้นทันที "ไสหัวไป"
ยานี้เป็นยาที่กินเพื่อทำให้อารมณ์ของเธอคงที่หลังจากกลับมาจากนอร์เวย์เมื่อกำลังจะยัดมันเข้าไปในปาก เธอก็นึกถึงคําเตือนของหลี่ฮวนอีกครั้ง ยานี้กินยิ่งน้อยยิ่งดีสุดท้ายเธอก็วางยาลงและเล่นโทรศัพท์มือถือแทนนึกไม่ถึงว่าเมื่อเปิดโทรศัพท์ ข้อความแรกที่เห็นคือข้อความจากโมเม้นต์ของซางหรั่นเธอเกล้าผมอย่างลวกๆ ผมที่แตกของเธอห้อยลงมาอย่างเปียกๆ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จและสวมชุดนอนของกงเฉิน[เหมือนเด็กขโมยเสื้อผ้าของผู้ใหญ่ไหม? อิอิ]ซางหรั่นหัวเราะอย่างมีความสุขจริงๆแต่หลินจืออี้เห็นแล้วก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัว เพราะชุดนอนชุดนั้นเธอก็เคยใส่เหมือนกันเธอลุกขึ้นและถูผิวของเธออย่างแรงจนแขน คอและหน้าอกของเธอแดงจนถลอกเธอถึงได้หยุดลงเพราะความเจ็บปวดเธอมองมือทั้งสองอย่างงุนงง ในร่องนิ้วมีเลือดติดอยู่วินาทีต่อมาเธอก็กลืนยาลงไปอย่างไม่ลังเลและขดตัวอยู่ในผ้าห่มไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เธอถึงหลับไปภายใต้ฤทธิ์ยาวันรุ่งขึ้นหลังจากตื่นนอน หลินจืออี้ก็ตื่นขึ้นเพราะความเจ็บปวด เมื่อส่องกระจกถึงพบว่าจุดที่ข่วนเมื่อคืนไม่มีแววดีขึ้นเลยยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง กังวลมากว่าจะทิ้งรอยแ
ขณะที่เงาคนกําลังก้าวไปข้างหน้า ไฟเหนือศีรษะของหลินจืออี้ก็ดับลงอย่างกะทันหัน"กรี๊ด!"เธอกรีดร้องเสียงดัง ไม่นึกเลยว่าเงาร่างนั้นจะถูกเธอทำตกใจ จนเกือบจะตกบันไดไปในเวลานี้เอง ไฟก็สว่างขึ้นอีกครั้งหลังจากเห็นใบหน้าของกันและกัน ทั้งสองก็ตกตะลึงและปิดปากที่เปิดกว้างโดยไม่รู้ตัวในเวลาเดียวกัน"จืออี้!""พี่โจว! พี่ทำฉันตกใจหมดเลย!" หลินจืออี้ลูบอกตัวเองอย่างใจหายพี่โจวยันกําแพงไว้ "ฉันก็ตกใจแทบตายเพราะเธอเหมือนกัน ฉันนึกว่าเป็นเสียงสะท้อนของฝีเท้าฉันซะอีก"หลินจืออี้ยิ้มแล้วดึงเธอขึ้นไปชั้นบนด้วยกัน ตลอดทางได้ยินเธอบ่นว่าลิฟต์พังเวลาไหนไม่พัง ดันมาพังในเวลานี้ทั้งสองคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ไม่ได้สังเกตว่าประตูชั้นล่างสั่นเล็กน้อยเลยภายในประตูผู้ชายที่แกล้งทําเป็นผู้อยู่อาศัยได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ถึงหมัดถึงเนื้อ แม้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามจะเป็นกงเฉิน เขาก็ไม่ได้เกรงใจเลยแม้แต่น้อยผู้ชายคนนั้นเห็นว่าเอาชนะกงเฉินได้ จึงหยิบมีดสั้นออกมาจากด้านหลัง หมายจะลอบโจมตีฝ่ามือของกงเฉินถูกกรีดเป็นรอยหนึ่ง แต่เขากลับไม่รู้ถึงความเจ็บปวด หันหลังและบิดคอของผู้ชายคนนั้น เพียงวินาท
ซางหรั่นเข้ามาใกล้และดมกลิ่น "กลิ่นดอกมะลิที่ฉันซื้อหอมเกินไปใช่หรือเปล่า? เธอรีบวางลงไปเถอะ เดี๋ยวฉันเก็บเอง เดิมทีเธอก็เป็นแขกอยู่แล้ว ยังมาล้างชามให้ฉันอีก เกรงใจเธอจะแย่อยู่แล้ว"เธอไม่ได้ตั้งใจจะอวดฐานะของนายหญิง หลินจืออี้ฟังออกเมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของซางหรั่น ท้องของหลินจืออี้ก็ปั่นป่วนด้วยความรู้สึกผิด พลันใบหน้าของเธอก็ซีดลงซางหรั่นกังวล "เฮ้ย เธอแพ้ดอกมะลิหรือเปล่า? หน้าซีดไปหมดแล้ว เธอรีบไปนั่งเถอะ เดี๋ยวฉันจะชงชาให้เธอสักถ้วย”"ขอบคุณค่ะ"หลินจืออี้เดินตามซางลี่ออกไปด้านหลังซางหรั่นพูดอย่างงอนๆ ว่า "คุณชายสาม ทําไมคุณถึงดูจืออี้ล้างชามต่อหน้าต่อตาแบบนี้ล่ะ? เดี๋ยวฉันทําเองค่ะ"เธอกําลังจะยื่นมือออกมา กงเฉินก็ออกเสียงห้ามทันที"ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง"ได้ยินดังนั้น หลินจืออี้ก็ยิ้มเยาะในใจ เร่งฝีเท้าจากไปหลังจากรอให้คนจากไป กงเฉินก็เริ่มเก็บเศษชิ้นส่วน เขามองดูคราบเลือดบนนั้นด้วยแววตาที่ซับซ้อนและอดทน“กินยาเหรอยัง?”สีหน้าของซางหรั่นแข็งทื่อ "กินแล้วค่ะ ทําไมคุณถึงจู้จี้จุกจิกกว่าฉันพี่ฉันซะอีก"เมื่อสังเกตได้ว่าเขาจ้องมองเศษชิ้นส่วน เธอก็เปลี่
จูบที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทําให้หลินจืออี้ตกใจจนลืมต่อต้านจนกระทั่งเมื่อเขาจูบลึกเข้าไป เธอถึงได้สติสัมปชัญญะกลับคืนมา ไม่สนว่ามือจะเปื้อนฟองสบู่ผงซักฟอก ยกมือขึ้นแล้วหมายจะฟาดลงไปแต่ที่น่าแค้นใจคือกงเฉินมักเร็วกว่าเธอก้าวหนึ่งเสมอ มือยังไม่ทันได้ฟาดลงไป ก็ถูกนิ้วทั้งห้าของเขากดไว้ข้างหลังเธอแล้วนั่นทําให้เธอต้องยืดตัวขึ้นแนบชิดกับอกของเขาเธอเงยหน้าขึ้นและสบตากับผู้ชายคนนั้นเปลือกตาของเขาลดลงเล็กน้อย ดวงตาลึกล่ำและหมองคล้ำ ริมฝีปากของเขาโหดเหี้ยมแต่เต็มไปด้วยความปรารถนาหลินจืออี้ดึงมือตัวเองกลับมาด้วยความโกรธแค้น ออกแรงแกะมือเขาออก เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างเธอและเขาเธอรู้สึกแสบจมูก สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วจึงค่อยระงับความแสบในลําคอลงไป“ทําไมอาถึงทําตามอําเภอใจแบบนี้เสมอ?”"ใครกันแน่ที่ทําตามใจตัวเอง? ยั่วข้าเสร็จแล้วก็คิดจะไปยั่วคนอื่นเหรอ?”กงเฉินหมุนแหวนวงนั้นอย่างเย็นชา ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความเย็นชาและความมืดมนหลินจืออี้สู้เขาไม่ได้ เธอเอ่ยน้ำเสียงขมขื่น "แล้วแต่อาเล็กจะพูด"พูดจบเธอก็หันหลังเตรียมออกจากครัวทันใดนั้น มือใหญ่ที่มีพละกําลังมหาศาลก็บีบหลังคอของเธ
พวกเธอสองคนช่วยกันนำอาหารใส่ชามและยกอาหารขึ้นโต๊ะทีละชามหลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสี่คนก็นั่งลงซางหรั่นคีบหมูตุ๋นน้ำมันแดงชิ้นหนึ่งอย่างสนิทสนมแล้วยื่นไปที่ริมฝีปากของกงเฉิน"คุณชายสาม คุณลองชิมดูสิว่าอร่อยไหมคะ"กงเฉินหลุบตาลงต่ำ ยกมือขึ้นหมุนตะเกียบของซางหรั่นไปทางเธอแทน"เธอเหนื่อยแบบนี้ กินก่อนเถอะ"แก้มของซางหรั่นแดงพลันยิ้มหวาน "ค่ะ"เมื่อเห็นดังนั้น หลินจืออี้ก็ก้มหน้าก้มตากินข้าว กินแต่ผักตรงหน้าตัวเองตามความเคยชินนี่เป็นนิสัยที่เธอถูกปลูกฝังในตระกูลกงแม้ว่าทุกครั้งที่ตระกูลกงกินจะมีอาหารอร่อยมากมาย แต่มีเพียงผู้มีอํานาจที่สามารถหมุนโต๊ะได้คนอย่างเธอ แค่กินเยอะหน่อยก็เรียกว่าไม่มีระเบียบแล้วเมื่อเธอคีบผักอีกครั้ง ชามหมุนบนโต๊ะก็เคลื่อนไหว และหมูตุ๋นก็มาถึงตรงหน้าเธอเธออึ้งไปชั่วขณะ เงยหน้าขึ้นมอง เห็นซางลี่หมุนวงล้อ แล้วหันกุ้งอบน้ำมันมาตรงหน้าเธอ"ครั้งที่แล้วดูเหมือนคุณชอบมากนะ กินเยอะๆ ไม่ต้องเกรงใจน้องฉันหรอก""ขอบคุณค่ะ"หลินจืออี้มองซางลี่อย่างประหลาดใจ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะจํารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆแบบนี้ได้แต่ว่า... ถ้าหมูตุ๋นเมื่อกี้หยุดได้นานกว่านี