พูดจบเธอก็เดินตรงไปที่ห้องรับแขกกงเฉินสูบบุหรี่และรินชาให้ตัวเองอย่างไม่สนใจอะไร จิบไปคําหนึ่งแล้วก็ขมวดคิ้วเขาหยิบกระป๋องใบชาที่อยู่บนโต๊ะข้างๆ ขึ้นมา เหมือนกําลังคิดอะไรอยู่……กลางดึกหลินจืออี้ถูกตัวเองไอจนตื่น คอทั้งแห้งทั้งคัน เมื่อลุกขึ้นยิ่งหมุนติ้วเธอทําได้แค่เกาะกําแพงเดินไปหาน้ำดื่มอึดอัดอยู่ครึ่งวัน ไม่ง่ายเลยที่จะดื่มน้ำได้ แต่กลับรู้สึกเวียนหัวมากขึ้นเธอเดินไปได้สองก้าว เท้าก็อ่อนปวกเปียก ล้มลงไปกับพื้นทั้งตัวยังดีที่ยังไม่ทันได้แตะพื้นก็ถูกคนอุ้มขึ้นมา“ทําไมร่างกายถึงแย่ขนาดนี้?”เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ร่างกายของหลินจืออี้ที่มีความทรงจําในชาติก่อนก็เริ่มสั่น“อย่า อย่าแตะต้องฉัน ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว อย่าแตะต้องฉัน...”เธอพึมพําและจับคอเสื้อของกงเฉินไว้แน่นกงเฉินได้ยินแม้กระทั่งเสียงกระดูกนิ้วของเธอที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเพราะแรง ราวกับว่าเธอสูญเสียการควบคุมอย่างกะทันหันในโรงพยาบาลเขาขมวดคิ้ว หันหลังพาหลินจืออี้เข้าไปในห้องนอนใหญ่หลังจากวางเธอลงบนเตียงแล้ว เธอยิ่งต่อต้านหนักขึ้น ฝืนข่วนหน้าอกของกงเฉินเป็นรอยสามรอย“จืออี้ จืออี้...”"อย่
หลินจืออี้ที่หายใจได้กลับเหงื่อแตกพลั่ก พูดอย่างขาดๆ หายๆ ว่า “ฉัน มือฉัน...”กงเฉินที่จู่ๆ ก็หยุดลง หอบหายใจอย่างหนักหน่วง เส้นเลือดดําที่ลําคอปูดโปนอยู่หลายครั้งถึงค่อยยันตัวขึ้นมาประคองมือของเธอขึ้นมาหลินจืออี้กลับพลิกตัวพันผ้าห่มให้แน่นเล่นเล่ห์เหลี่ยมเป็นแล้วกงเฉินหยุดชั่วคราวและไม่โกรธ เขานอนอยู่ข้าง'บ๊ะจ่าง'โดยตรงและเอื้อมมือออกไปเพื่อรัดคนและผ้าห่มให้แน่นเขานอนตะแคงลากศีรษะแนบชิดข้างหูเธอ เอ่ยเสียงแหบแห้งว่า “เธอจะหลบได้กี่ครั้งกัน?”หลินจืออี้อยากจะเถียงกลับมาก แต่ร่างกายของเธอไม่อนุญาตจริงๆ การกระทําเมื่อสักครู่ได้ใช้สติที่เหลืออยู่ของเธอไปแล้วในเวลานี้เธอรู้สึกว่าเสียงของกงเฉินดังไกลออกไปเรื่อยๆ และในที่สุดเธอก็ตกลงไปในความมืดดึกดื่นเที่ยงคืน ไข้ของหลินจืออี้ที่ลดไข้ลงก็กําเริบขึ้นอีกแล้ว ทั้งตัวเบลอไปหมดถ้ากงเฉินทําอะไรจริงๆ เธอไม่สามารถต่อต้านได้เลยแต่เขาไม่ได้ทําอะไรเลยกลับรู้สึกว่ามีคนจับหน้าผากเธออยู่ตลอดทั้งคืนเธอคิดว่าตนเองอาจจะป่วยจนเลอะเลือน หรืออาจจะเป็นเพราะชาติก่อนปรารถนาที่จะได้รับความรักมากเกินไป จึงเกิดอาการประสาทหลอนเมื่อตื่นขึ้นมาในวั
"นายท่านสาม? “นายท่านสาม?”นอกประตู เสียงของซ่งหว่านชิวใกล้เข้ามาเรื่อยๆหลินจืออี้ตัวแข็งทื่อ เหงื่อบางๆ ผุดออกมาจากหน้าผากพอคิดว่าซ่งหว่านชิวอาจจะเห็นพวกเธอสองคนเป็นแบบนี้ เธอก็ตื่นตระหนกซ่งหว่านชิวเป็นคนเจ้าแผนการและมีความสามารถในการแสดงละคร เธอจะไม่ปล่อยตัวเองไปอย่างง่ายดายแน่นอนแต่กงเฉินมักจะปกป้องซ่งหว่านชิวเสมอ เธอไม่มีโอกาสชนะเลยหลินจืออี้กดแขนที่ยุ่งเหยิงของกงเฉินและขอร้องว่า “อย่า อย่าทําแบบนี้! คนที่คุณรักคือซ่งหว่านชิว”เธอเตือนกงเฉินเดิมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนสามารถปลุกกงเฉินให้ตื่นขึ้นมาได้แต่สิ่งที่ทําให้เธอคาดไม่ถึงก็คือ กงเฉินไม่เพียงแต่ไม่หยุดมือ กลับเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อผ้า ปลายนิ้วเลื่อนไปมา ทุกที่ที่ไปถึง ล้วนทําให้เธอตัวสั่นเทาเขาแนบชิดกับใบหน้าของเธอ พูดเสียงแหบแห้งว่า “ตอนนี้เรียกฉันว่าอาเล็กก็มีความรู้สึกที่แตกต่างดีนะ”“……”หลินจืออี้ทั้งอายทั้งโกรธด้วยความสิ้นหวังเธอจึงตัดสินใจทุบประตูด้วยเท้าของเธอเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วห้องซ่งหว่านชิวหยุดอยู่ที่ประตูและเคาะ "นายท่านสาม? คุณอยู่ข้างในหรือเปล่า?”หลินจืออี้ไม่เช
เธอเม้มปาก ไม่รอให้เขาโน้มจูบลงมา ตัวเองชิงเขย่งเท้างับตามไป กัดตรงรอยฟันเดิมทีหนึ่งกงเฉินไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด ทำเสียงจิ๊ในลำคอเบาๆ จากการถูกรบกวนต่อให้บาดแผลที่หายสนิทเลือดซึมออกอีกครั้ง เขาก็ไม่เป็นไรกระทั่งหลินจืออี้เลิกกัดแต่กลับดูดเบา ๆ ดวงตาของเขาก็ลึกขึ้นอีกสองระดับเป็นแบบนี้นี่เองหลินจืออี้ปล่อยคอเขา เอ่ยเสียงต่ำด้วยความคุกครุ่น “อาเล็กคิดเอาแล้วกันว่าจะอธิบายกับซ่งหว่านชิวยังไง”กงเฉินหันข้างส่องกระจกครู่หนึ่ง มองรอยฟันบนรอยจูบ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย“เธอเป็นหมาหรือไง?”“……”หลินจืออี้เบือนหน้าหนี ท่ามกลางไอน้ำ ขนตาเธอเต็มไปด้วยหยดน้ำเกาะ ดวงตาฉายแววฉ่ำวาวน่าดึงดูดจนใครไม่อยากปล่อยไปเขาเช็ดคออย่างลวก ๆ พลางเอ่ยเตือนเสียงต่ำ “อยู่ให้ห่างจากกงเยี่ยนหน่อย”หลินจืออี้ไม่พูดจามือประดับแหวนหยกของกงเฉินลูบไล้หน้าอกเธอ แทบรุกล้ำเกินเลยแล้ว......“หืม?”“ฉันรู้แล้ว”เดิมทีเธอก็ไม่คิดจะพัวพันกับกงเยี่ยนอยู่แล้วกงเฉินถอยหลังหนึ่งก้าว ชี้ไปยังอ่างอาบน้ำ “ไปแช่น้ำ”หลินจืออี้ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด แต่กลับพบว่าในอ่างน้ำเติมเต็มไปด้วยน้ำอุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เธอแทบกลั้นความโกรธไม่อยู่ “คุณชายสาม คอคุณ......”เมื่อได้ยิน หลินจืออี้เริ่มรู้สึกสนใจ เธอเองก็อยากเห็นท่าทางกงเฉินตอนโดนคนรักจิกถามเหมือนกันเธอแอบมองออกไป กลับตกเข้าสู่สายตาดำสนิทคู่นั้นอย่างจัง ทำเอาเธอรู้สึกถึงการรุกรานและความอันตรายกงเฉินมองเธอ พลางลูบไล้รอยนั้นเบามือ “โดนชน”หลินจืออี้เสียวสันหลังวูบ รีบปิดประตูทันที พิงผนังหายใจไม่ทั่วท้องนอกประตูซ่งหว่านชิงตะลึงงัน นี่เป็นครั้งแรกที่กงเฉินทำกับเธออย่างขอไปที“มีอะไรเหรอ?” กงเฉินผลุบสายตามอง ปอยผมยุ่งเหยิงปรกลงตามแนวหน้าผาก เสริมความเจ้าเล่ห์มาดร้ายยิ่งขึ้นไปอีก“เปล่าค่ะ”ซ่งหว่านชิวยิ้มอ่อนอย่างว่าง่าย ก่อนหันตัวออกจากห้องนอนแต่ฝีเท้าที่รีบเร่งกลับแสดงให้เห็นถึงความร้อนรนไม่สงบของเธอ เธอมั่นใจว่าความเคลื่อนไหวที่ได้ยินหลังประตูเมื่อกี้ไม่ได้เกิดจากคนคนเดียวแน่นอนผู้หญิงคนนั้นอยู่ในห้องน้ำ!แต่กงเฉินกลับปกป้องมัน!เป็นใครกันแน่?ดวงตาซ่งหว่านชิวฉายแววเหี้ยมทันใด ปราดหางตามองไปยังบางอย่างที่โผล่ออกจากมุมหลังโซฟาเธอปรี่เข้าไป มองให้ชัดว่าคืออะไรกระเป๋าผู้หญิงของหลินจืออี้!มันอีกแล้ว!ซ่งหว่านชิวโกรธจ
หลินจืออี้เพิ่งกลับถึงมหาวิทยาลัย ก็ได้รับข้อความจากผู้อำนวยการเรื่องการส่งต้นฉบับเธอจึงตรงดิ่งไปยังออฟฟิศผู้อำนวยการนอกจากผู้เข้าแข่งขันระดับชั้นอื่นแล้ว คาดไม่ถึงว่าซ่งหว่านชิวจะอยู่ด้วยเช่นกันเดิมทีแต่ละระดับชั้นจะเลือกผู้เข้าแข่งขันหนึ่งคน มีเพียงนักเรียนที่กำลังจะจบในรุ่นนี้อย่างพวกเธอเท่านั้น ที่มีโควต้าถึงสองคนใครใช้ให้กงเฉินมีอิทธิพลเยอะล่ะ?หลินจืออี้เดินไป ยังไม่ทันปริปาก ผู้อำนวยการพลันตำหนิทันที“หลินจืออี้ เหลือแค่เธอที่ไม่ได้ส่งต้นฉบับแล้ว มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำสิ คุณหนูซ่งเขาส่งต้นฉบับคนแรกด้วยซ้ำ”ซ่งหว่านชิวยิ้มอย่างถ่อมตนหลินจืออี้รู้ดีว่านี่เป็นฝีมือซ่งหว่านชิว หากเธอโต้เถียงกลับ ซ่งหว่านชิวจะเริ่มแสดงตบตาทันทีเธอไม่อยากมาแสดงละครกับซ่งหว่านชิวให้คนอื่นดูที่นี่หลินจืออี้ตอบเสียงเรียบ “ขอโทษค่ะ หนูจะดูให้ตอนนี้เลย”เธอเปิดกระเป๋าตัวเอง หลังจากเอากระดานวาดภาพออกมา ทว่าเมื่อเปิดออกกลับพบว่าข้างในว่างเปล่า!ภาพต้นฉบับที่เธอหนีบไว้หายไปแล้ว!ซ่งหว่านชิวฉวยโอกาสตอนเธอตื่นตกใจ แย่งกระดานวาดรูปของมา กางต่อหน้าทุกคนทันทีทุกคนมองกระดานวาดภาพว่างเปล่า ส
ระหว่างทางที่หลินจืออี้กลับหอพัก ก็ถูกใครบางคนขวางไว้เฉินจิ่นมองเธอ พลางเอ่ยอย่างมีมารยาท “คุณหนูหลิน คุณชายสามรอคุณอยู่บนรถ คุณต้องไปตรวจมืออีกรอบครับ”หลินจืออี้ยิ้มเย็น “มือฉันเสียไปก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอคะ อาเล็กจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงมากมาย ก็ทำให้ฉันถอนตัวจากการแข่งได้”เฉินจิ่นไม่เข้าใจ จึงเอ่ยอย่างมีมารยาทอีกครั้ง “คุณหนูหลินครับ คุณชายสาม......”“อาเล็กว่างมากก็เอาเวลาไปอยู่กับแฟนเถอะค่ะ จะได้ไม่กระทบความรู้สึกของพวกเขา ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องทำอีกค่ะ”หลินจืออี้เดินอ้อมแยกตัวจากเฉินจิ่น แต่ยังคงถูกเขาตามขวางทางไว้อย่างรวดเร็วอยู่ดี“คุณหนูหลิน คุณชายสามรอคุณอยู่ครับ”คำพูดไม่มาก แต่น้ำเสียงเน้นถึงการเตือนอย่างเต็มเปี่ยมหลินจืออี้เข้าใจแล้ว หากเธอไม่ไป เฉินจิ่นจะคอยตามเตือนเธอไม่หยุดเธอสูดหายใจลึก “ไปเถอะค่ะ”เฉินจิ่นพยักหน้าพลางผายมือเชิญหลินจืออี้เดินตามเขาขึ้นรถ ไม่ทันได้สังเกตว่าไม่ไกลตามีร่างใครคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้น ทว่าเมื่อเห็นหลินจืออี้ เจ้าตัวเป็นอันชะงักหยุดนิ่งทันใดซ่งหว่านชิว เธอเขม็งจ้องเงารถที่เคลื่อนไกลออกไป กัดปากแน่น ดวงตาฉายแววเหี้ยม
กงเฉินเดินไปข้างหน้าต่าง เปิดบานหน้าต่าง โยนบุหรี่มวนหนึ่งให้เพื่อนตัวเอง ก่อนจุดไฟด้วยมือข้างเดียวผู้เป็นเพื่อนรับบุหรี่ไป แต่ไม่ได้สูบเขามองกงเฉินท่ามกลางควันขาว เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่? ถึงขั้นให้นายมาส่งด้วยตัวเองเลยเหรอ? ทีซ่งหว่านชิวบาดเจ็บ นายกลับไม่อยู่ด้วยแม้แต่คืนเดียว เช้าตรู่วันนั้น ฉันเห็นนายออกมาจากห้องผู้ป่วยห้องอื่น คงไม่ใช่เธอใช่ไหม?”“อืม” กงเฉินตอบรับตามตรงผู้เป็นเพื่อนแทบยืนเซสาวเท้าเดินไวมาข้างหน้ากงเฉิน มองรอยแผลตรงคอเขาอย่างแปลกใจตอนแรก เขายังไม่กล้ามั่นใจนัก แต่เมื่อเห็นชัดเต็มตา ก็ชาไปทั้งตัวทันใดกงเฉิน?รอยจูบ?เป็นไปไม่ได้!กงเฉินอยู่กับซ่งหว่านชิวมาสามปีแล้ว อย่าว่าแต่รอยจูบเลย ขนาดทั้งสองจับมือกันเขายังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกงเฉินมาตั้งแต่มัธยมปลายแล้ว เขาเรียนเรื่องการเงินไม่ไหวจึงเรียนแพทย์แทน ก่อนพบว่าเรียนแพทย์นั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเรียนการเงินอีกตอนนี้นอกจากจะเป็นหมอประจำแล้ว ยังเป็นหมอส่วนตัวของกงเฉินอีกด้วย สภาพร่างกายกงเฉินเป็นอย่างไรเขารู้ดีที่สุดเขาตะลึงงัน เป็นเพราะการตรวจร่างกายในทุกปีข
ในเมื่อซ่งหว่านชิวซ่อนตัวอยู่ในบ้านและแท้งลูก งั้นเธอก็สามารถวางแผนอื่นๆ ของเธอได้ต่อไปแล้วหลินจืออี้ถือโอกาสที่เข้าห้องน้ำโทรหาหลิ่วเหอ“แม่ วันนี้คุณอาอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า?”“อยู่ มีอะไรเหรอ?”“ฉันอยากไปหาเขากินฉันข้าวมื้อน่ะ”ขณะที่พูด หลินจืออี้ก็ก้มลงมองถุงที่อยู่ข้างเท้า ในนั้นมีเสื้อนอกของกงเฉินวางอยู่เธอกลัวว่าถ้าตัวเองไปหากงเฉินโดยตรง เขาจะเห็นอะไรบางอย่างแต่ถ้าเขากินข้าวกับกงสือเหยียน เธอก็สามารถหาข้ออ้างคืนเสื้อผ้าของกงเฉินได้หลิ่วเหอคิดไปคิดมา กลับพูดว่า “ช่างมันเถอะ วันนี้อาของเธอยุ่งมากแน่ๆ”หลินจืออี้พูดอย่างประหลาดใจว่า “คุณอามีออเดอร์ใหญ่เหรอ?”“ไม่ใช่” หลิ่วเหออยากจะพูดแต่ก็หยุด สุดท้ายก็ถอนหายใจ “อาของเธอบอกว่าเจ้าสามป่วยน่ะ ก่อนหน้านี้กระโดดลงทะเลสาบไปช่วยเธอ ทั้งตัวเปียกปอนพาเธอไปโรงพยาบาล เมื่อคืนกงเยี่ยนเกิดอุบัติเหตุ เขาไม่ได้นอนทั้งคืนเพื่อจัดการงานที่เหลือของกงเยี่ยน ตอนเช้าก็ไปบริษัทอีก เขาก็เป็นคนเหมือนกัน จะไม่ป่วยได้ยังไง?”"ป่วย...ป่วยเหรอ?” หลินจืออี้สะดุ้งโหยงในใจนึกถึงอุณหภูมิร่างกายที่ผิดปกติของกงเฉินเมื่อคืนอย่างอธิบายไม่ได้ เธอยัง
หลินจืออี้ไม่เคยคิดว่ากงเฉินจะบ้าขนาดนี้แม้ว่าจะดึกมากแล้ว แต่รอบๆ โรงพยาบาลก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อย แต่เขากลับยัดมือของเธอไว้ใต้เสื้อสเวตเตอร์มือที่เย็นเฉียบของเธอสัมผัสเอวที่ร้อนผ่าวของชายหนุ่ม ทำเอาเธอร้องเสียงต่ำออกมาอย่างควบคุมไม่ได้คนที่ได้ยินเสียงของเธอต่างหันมามอง เธอก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว พยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่มือกลับถูกเขากดแน่นอยู่บนขอบเอวหลินจืออี้ขดนิ้วมือ กล้ามเนื้อแน่นๆ รีดฝ่ามือของเธอ หนียังไงก็หนีไม่พ้นเพียงแค่คนรอบข้างก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวก็จะเห็นมือของเธอสอดเข้าไปในเสื้อสเวตเตอร์ของเขาไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า อุณหภูมิบนฝ่ามือของเธอสูงจนน่าตกใจเธอเตือนอย่างลุกลี้ลุกลนว่า “อาเล็ก อาบ้าไปแล้ว ถ้ามีคนถ่ายรูปได้จะทํายังไง?”กงเฉินจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “แต่งตัวแบบนี้มาหากงเยี่ยนตอนดึกดื่นไม่กลัว แต่อยู่ด้วยกันกับฉันกลับกลัวงั้นเหรอ? แล้วทําไมตอนนั้นถึงเข้ามาในห้องฉันล่ะ?”หลินจืออี้อึ้งไปเล็กน้อย ไม่กล้าสบตาเขา เพราะในอดีตเธอเคยรักผู้ชายคนนี้อย่างเร่าร้อนจริงๆแต่ตอนนี้...เธอก้มหน้าลง "ฉันเสียใจแล้วได้ไหม? ถ้าสามารถเริ่มต
หลังจากกงสือเหยียนตอบรับ เขาก็เดินตามหลินจืออี้ไปเมื่อกงเฉินหันกลับมา กงเยี่ยนก็มองเขายิ้มบางๆ“อาเล็ก ขอบคุณที่มาเยี่ยมผมนะครับ ตอนนี้ผมรู้สึกเต็มไปด้วยพลัง”กงเฉินมองไปที่กงเยี่ยน ในดวงตามีประกายแหลมคมแวบผ่าน “อ้อ? งั้นนายก็เก็บไว้ใช้บ้างนะ”รอยยิ้มของกงเยี่ยนจางลง จ้องมองทิศทางที่กงเฉินหายไป สีหน้าคลุมเครือไม่ชัดเจน……หลินจืออี้ตามกงสือเหยียนลงไปชั้นล่าง เขารับโทรศัพท์และส่งเสียงอืมสองสามครั้งทันใดนั้น เขามองหลินจืออี้อย่างลําบากใจ “จืออี้ อาให้คนขับรถส่งเธอกลับไปนะ พอดีอาต้องไปเอาเอกสารที่บริษัท”“คุณอา ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันใช้แอพเรียกรถมารับแล้ว”หลินจืออี้คิดว่าหลิ่วเหอยังรอเขาอยู่ที่บ้าน เรียกแท็กซี่แถวนี้ก็ต้องรออีกตั้งนาน จึงปฏิเสธความหวังดีของเขา“เด็กคนนี้นี่ มักกลัวจะรบกวนคนอื่นตลอดเลย”“คุณอาคะ คนขับรถมาแล้ว คุณอารีบขึ้นรถเถอะ แม่ฉันยังบ่นว่าช่วงนี้คุณอากลับดึกตลอด” หลินจืออี้ผลักเขาขึ้นรถ“เดี๋ยวอาเอาอาหารว่างยามดึกไปให้แม่เธอ เขาก็ดีใจแล้ว” กงสือเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม“ค่ะๆ คุณอาสองคนรักกันไปเถอะค่ะ”หลินจืออี้ปิดประตูรถแล้วโบกมือลาหลังจากส่งกงสือเหยียนออกไ
หลินจืออี้ยืนพิงกําแพง ใบหน้าขาวซีด ในสมองมีแต่ตอนจบของกงเยี่ยนในชาติก่อนและตอนนี้ กงเฉินก็ต้องการทําลายกงเยี่ยนอีกครั้ง!ทําลายคนเดียวในตระกูลกงที่ทําดีกับเธอ!เธอหายใจติดขัด ปลายนิ้วข่วนกําแพงจนรู้สึกเจ็บไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็หันหลังและจากไปอย่างเงียบๆหลินจืออี้กลับไปที่วอร์ดผู้ป่วยอีกครั้งในเวลานี้ กงเยี่ยนเจ็บแผลถลอกจนพลิกตัวยาก แต่เมื่อเห็นหลินจืออี้ก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาทันที“จืออี้ ฉันคิดว่าเธอจะไม่กลับมาแล้ว”“ไม่หรอก” หลินจืออี้เดินไปนั่งที่ข้างเตียง ถามเสียงเบาว่า “พี่ใหญ่ เมื่อกี้ฉันลืมถามไป ทําไมพี่ถึงเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ล่ะ?”“เมืองไห่มีขนมอบพิเศษ ฉันอยากจะเอากลับมาให้เธอลองชิม แค่รีบร้อนเท่านั้น” กงเยี่ยนพูดจบก็ไม่อธิบายให้มากความหลินจืออี้สังเกตเห็นช่องโหว่ในคําพูดของเขา “พี่ใหญ่ คนขับรถเป็นคนขับ ไม่ว่าพี่จะรีบแค่ไหน คนขับรถก็ไม่สามารถเอาชีวิตของพี่มาล้อเล่นได้...”ดวงตาของกงเยี่ยนหมองคล้ำ พูดตัดบทว่า “จืออี้ ไม่ต้องถามแล้ว เรื่องบางเรื่องก็ให้จบลงเท่านี้เถอะ”“พี่ใหญ่ อุบัติเหตุทางรถยนต์ต้องมีปัญหาแน่ๆ ใช่ไหม? พี่บอกฉันได้ไหม?”หลินจืออี้แค่อ
หลินจืออี้รีบก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือออกมา แต่ก็ไม่กล้าแตะต้องเขา กลัวว่าจะทําให้เขาเจ็บ“พี่ใหญ่...”หลินจืออี้รู้สึกแสบจมูก ความรู้สึกผิดในใจก่อตัวมากขึ้นถ้าไม่ใช่เพราะเธอ กงเยี่ยนก็คงไม่ทําแบบนี้กงเยี่ยนมองเธอ ยื่นมือดึงเธอมานั่งที่ข้างเตียง ยกมือขึ้นเช็ดหางตาของเธอกลางคืนในปลายฤดูใบไม้ร่วงอุณหภูมิต่ำมาก หลินจืออี้แต่งตัวไม่เยอะ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อยจากการเดินทาง ขนตายาวหลายเส้นที่แขวนอยู่บนขนตาที่เปียกชื้นเล็กน้อย ขับให้ดวงตาแดงก่ำชุ่มชื้นคู่นั้นยิ่งดึงดูดเขามือของเขาหยุดที่แก้มของเธออย่างไม่เต็มใจและยิ้มเบาๆ เพื่อปลอบโยน "ไม่เป็นไรจริงๆ หรือจะให้ฉันลงมาเดินสักรอบสองรอบ?"หลินจืออี้รีบเอื้อมมือไปจับมือเขา เอ่ยห้ามว่า “พี่อย่าขยับไปไหนนะ โตป่านนี้แล้วยังล้อเล่นอีก?”เขาจ้องมองหลินจืออี้แล้วยิ้มโดยไม่พูดอะไร แต่ชั่วพริบตาก็กวาดสายตามองไปทางด้านหลังของเธอหลินจืออี้สังเกตเห็น พอกําลังจะหันตัวกลับ กงเยี่ยนกลับล้มตัวลงไปหาเธอราวกับไม่มีแรงเธอยื่นมือไปกอดกงเยี่ยนตามสัญชาตญาณกงเยี่ยนถือโอกาสโอบเธอไว้ ตบหลังเธอเบาๆ พูดเสียงเบาว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่เป็นไร”หลินจืออี
หลังจากได้ยินคําพูดของหลิ่วเหอ สมองของหลินจืออี้ก็สับสนวุ่นวายไปหมดเธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าชื่อย่อของใครคือ LHคิดไปคิดมา เธอได้แต่พูดว่า “แม่ ช่วยฉันจับตาดูหน่อยได้ไหม? คราวหน้าที่พวกเขานัดพบกันต้องบอกฉันนะ”หลิ่วเหอไม่ได้รับปากทันที น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกระสับกระส่าย “จืออี้ แกคิดจะทําอะไรกันแน่? แกอยากอยู่ให้ห่างจากพวกซ่งหว่านชิวมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”หลินจืออี้เม้มปาก ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองดูดวงดาวบนท้องฟ้าเมื่อก่อนเธอคิดแบบนี้จริงๆเพราะเธอสัญญากับซิงซิงว่าจะเป็นนักออกแบบเครื่องประดับที่มีความสุข ยิ่งเดินยิ่งไกล ต้องชดเชยความเสียใจในอดีตให้ได้ดังนั้นความคิดเดียวของเธอคือการเปลี่ยนชะตากรรมเดิมของเธอเติมเต็มความปรารถนาของเธอและซิงซิงแต่ตอนที่เธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้และฟังกงเฉินขู่เธอว่าจะเข้าข้างซ่งหว่านชิว เลือดก็แพร่กระจายจากร่างกายส่วนล่างของเธอ ราวกับได้สัมผัสกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียดวงดาวอีกครั้งถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้กินยาคุมกําเนิด วันนี้ซิงซิงของเธอก็คงกลายเป็นก้อนเลือดไปแล้วเธอไม่สามารถระงับเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังได้อีกต่อไป เธอไม่สามารถลืมใบหน้าที
ตอนนี้ซ่งหว่านชิวเป็นนักออกแบบเครื่องประดับชื่อดัง มีสตูดิโอและแบรนด์เป็นของตัวเองเธอยังคลอดลูกชายคนโตให้กงเฉินอีกด้วย กำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรืองสุดขีด แม้แต่เส้นผมก็เหมือนเปล่งประกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสเสิ่นเยียนที่อยู่ข้างเธอก็พลอยสบายไปด้วย แต่งตัวหรูหราถือกระเป๋าโซ่ใบเล็กๆที่ราคาสูงถึงหลายแสนเด็กสาวคนนั้นที่ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยพร้อมกับหลินจืออี้และเคยพูดว่าจะขยันทำงานเพื่ออนาคต ตอนนี้ก็ถูกความมืดกลืนกินไปแล้วเสิ่นเยียนเล่นกระเป๋าในมืออย่างไม่ใส่ใจพลางพูดว่า “หลินจืออี้กับลูกสาวแทบไม่ออกจากบ้านเลย แม้แต่คุณท่านก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันกับตระกูลหลิวช่วย คุณจะมีหลักฐานว่าหลินจืออี้ใส่ร้ายพวกคุณแม่ลูกได้ยังไง? ยิ่งกว่านั้น ตระกูลหลิวยังช่วยหา ตัวอย่างเข้าคู่ให้พวกคุณด้วย ถ้าเธอรู้ว่าคุณโกหกและใช้ประโยชน์จากเธอมาตลอด…”“หุบปาก! นี่เธอกำลังขู่ฉันเหรอ?” ซ่งหว่านชิวเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางที่ทั้งโหดและดุร้าย“คุณหนูซ่ง อย่าว่าฉันพูดมากเลยนะคะ ตระกูลหลิวนี่บอกจะล่มก็ล่ม คุณหนูตระกูลหลิวคนนั้นมาขู่คุณและคนที่จะช่วยคุณได้ก็มีแค่ฉันเท่านั้น ฉันก็แค่เอาสิ่งที่ฉันควรได้ เ
“มีเรื่องงั้นเหรอ? หึๆ ผมกำลังพักผ่อนอยู่เลยนะ อยู่ดีๆก็โดนล็อกคอลากเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน หมอสูติฯ สามคนยืนอยู่ข้างๆ ผมมองหน้ากันงงไปหมด รู้ไหมพวกเขาถามผมว่าอะไร?”หลี่ฮวนแสดงท่าทางประกอบอย่างเว่อร์วังราวกับกำลังเล่นละครฉากใหญ่หลินจืออี้ถามอย่างงุนงง “ถามว่าอะไรเหรอคะ?”หลี่ฮวนเลียนเสียงหมอผู้หญิงพูดเสียงแหลมว่า “คุณหมอหลี่คะ จะรักษาอะไรเหรอคะจะรักษาการตั้งครรภ์หรือรักษาประจำเดือนดีคะ?”“ทีนี้รู้หรือยังว่าแผลพวกนี้ฉันได้มายังไง? คราวหน้ารบกวนช่วยเตือนเขาด้วยว่า ถึงจะรีบก็อย่าล็อกคอผมอีก”หลินจืออี้พอได้ยินมาถึงตรงนี้ก็เริ่มเข้าใจว่าหลี่ฮวนพูดถึงเรื่องอะไรแต่สีหน้าของเธอกลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆเพียงแค่ก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไรหลี่ฮวนไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของเธอ เขามองไปรอบๆแล้วถามขึ้น“คุณชายสามล่ะ? ไม่ใช่ว่าเขาเฝ้าคุณตลอดหรือไง?”“กลับไปแล้วค่ะ” หลินจืออี้ตอบเสียงเย็นชาที่กงเฉินเฝ้าเธอก็แค่เพราะต้องการแน่ใจว่าจะได้เตือนเธอทันทีที่ตื่นขึ้นว่า "อย่าพูดอะไรที่ไม่ควรพูด"ตอนนั้นเอง หลี่ฮวนก็เริ่มสังเกตได้ว่าบรรยากาศแปลกไปเขานิ่งไปชั่วครู่ ไม่รู้ควรพูดอย่างไร จึงรีบเปลี่ยนห
หลิ่วเหอหลังจากคลอดหลินจืออี้ออกมาร่างกายก็ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถมีลูกได้อีกบ้านใหญ่จึงมีหลานชายเพียงคนเดียวคือกงเยี่ยน ส่วยบ้านรองก็ไม่มีลูกเช่นกัน หากบ้านสามอย่างกงเฉินแต่งงานกับผู้หญิงที่มีลูกไม่ได้อีกคน คุณท่านกงจะยอมได้ยังไง?เมื่อสังเกตเห็นสายตาของหลินจืออี้ ซ่งหว่านชิวก็ยกมือขึ้นปิดท้องโดยไม่รู้ตัวท่าทางนี้ทำให้หลินจืออี้รู้สึกแปลกใจชาติที่แล้วเพราะเธอแต่งงานกับกงเฉินก่อน ซ่งหว่านชิวจึงหนีตามไปพร้อมลูกในท้องแต่ตอนนี้ในเมื่อไม่มีสิ่งใดขัดขวางระหว่างซ่งหว่านชิวกับกงเฉิน หากเธอประกาศว่าท้องการแต่งงานระหว่างสองคนก็ไม่น่าจะมีปัญหาแต่ทำไมซ่งหว่านชิวถึงไม่เพียงแค่ไม่ยอมรับลูกในท้อง ยังถึงขั้นไม่กล้าเปิดเผยเลยแม้แต่นิด?“หลินจืออี้ ฉันรู้ว่าเธอกำลังเจ็บปวดใจ ไม่เป็นไรนะ เพราะความเจ็บปวดยิ่งกว่านี้กำลังจะมา คุณชายสามบอกว่าพอเซ็นสัญญาร่วมมือเสร็จเขาจะแต่งงานกับฉัน”“เห็นมั้ย? ฉันเคยบอกแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะเลือกฉัน ส่วนเธอน่ะ ก็แค่ของเล่นที่ไม่ต้องเสียเงิน”ซ่งหว่านชิวหัวเราะออกมาเบาๆอย่างเยาะเย้ย จากนั้นก็หมุนตัวออกจากห้องผู้ป่วยร่างกายของหลินจืออี้ที่ฝืนทนจนถ