เมื่อหญิงสาวล้มลงอาเจียน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใหญ่ดังขึ้นอย่างหนักแน่น พร้อมกับเสียงเลือดที่หยดลงมาตามทางของร่างนั้นกำลังตรงมาทางหล่อนอย่างเชื่องช้าเป็นจังหวะขนหัวลุก เสียงเหยียบอวัยวะแหลกเหลวของพวกทหารดังจนนึกภาพตามได้
เอาเข้าแล้วไง หรือเราไม่ควรเอาตัวเองไปท้าผีเฮี้ยนสมัยโบราณแบบนี้วะ
นางสาวบีคิดได้แบบนั้นก็สายไปแล้ว ข้อมือเล็กถูกกระชากขึ้นจนลอยเคว้งกลางอากาศแต่ไม่รู้สึกเจ็บ ภาพตรงหน้านั้นชวนให้ตกตะลึง
ชายตัวใหญ่สูงราวๆ 190 เซนติเมตร ตัวใหญ่กำยำมาก สวมใส่โจงกระเบนเปรอะเลือด ดวงตาสีดำทมิฬไม่มีนัยน์ตาขาวกำลังจ้องมองร่างของเธอที่ห้อยต่องแต่งกลางอากาศอย่างเคียดแค้น ตามร่างกายมีบาดแผลเหวอะหลายจุด รวมถึงดาบขนาดใหญ่ที่ปักคอเกือบขาดวิ่น
‘หลับลงแล้วหรือ... อีหญิงชั่ว’ เสียงที่เปล่งออกมานั้นไม่ได้ลอดผ่านปาก แต่ลอดผ่านอวัยวะกล่องเสียงที่ลอดมาทางช่วงลำคอที่หวิดเกือบขาด เสียงนั้นอู้อี้ดูหลอนน่ากลัวมากๆ ‘มึงอย่าเผลอดวงตกเชียว... กูจักตามเอาชีวิตมึงกับเด็กในท้องมึงมาเป็นบริวารกู... อีแพศยา!!’
อย่างหลอน นี่ต้องตายด้วยความแค้นขนาดไหน ถึงได้อยากเอาชีวิตทั้งเมียที่รักและลูกที่ไม่ใช่ลูกตัวเองไปอยู่ด้วยขนาดนี้
แต่ด่ากันขนาดนี้ เอาดาบที่ปักคอมาแทงหนูเลยยังเจ็บน้อยกว่า
“ระ... เราคุยกันดีๆ ได้ไหมพี่ผี” เสียงที่เปล่งออกมานั้นเป็นเสียงของร่างที่ชื่อว่าบัวงาม แต่การใช้คำพูดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ขุนแสนคำไม่ใช่คนโง่ตั้งแต่มีชีวิตอยู่แล้ว อีกอย่างเขารู้จักนังหญิงนั่นดีกว่าใคร เขากลอกตามองหญิงสาวตรงหน้า เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ดวงจิตของบัวงาม จึงรีบปล่อยร่างนั้นหล่นลงพื้นทันที
ตุบ!
“โอ้ยแม่!!” จะปล่อยลงก็บอกกันก่อนสิไอ้ผีนี่
‘มึงเป็นใคร’
เมื่อปล่อยร่างนั้นลงพื้น ผีขุนแสนคำถามขึ้นมา เขานึกสงสัยนักว่าทำไมดวงจิตของผู้หญิงคนนี้ถึงมาอยู่ในร่างของเมียใจชั่วของเขา
“จะให้บอกชื่อร่างที่มาสิงหรือบอกชื่อจริง?” หมั่นไส้ความเป็นผียังเต๊ะท่าบาตรใหญ่เลยยียวนไปที อย่าคิดว่าอีบีคนนี้จะไม่กล้ากวนประสาทผีนะ
‘คิดว่ากูเป็นเพื่อนมึงหรือไร อีผีเร่ร่อน บอกชื่อมาเสีย... ก่อนที่กูจักจับมึงมาเป็นบริวารอีกตัว’
จบประโยคนั้นก็มีเสียงหัวเราะคิกคักลอยเคว้งอยู่รอบตัว ดูเหมือนว่าหมอนี่จะเป็นผีที่มีพลังวิญญาณมาก ถึงขนาดจับผีเร่ร่อนมาเป็นพวกได้เลยหรือนี่
“บี หนูชื่อบี! แล้วก็ไม่ใช่ผีเร่ร่อนด้วย” เป็นวิญญาณเฉยๆ
เอ้ะ หรือมันก็เหมือนๆ กันวะ?
‘เช่นใดผีเร่ร่อนจึงมาสิงสู่ร่างกายอีบัวงาม มันตายไปแล้วหรือ!’ สิ้นคำถามส่อแววพยาบาทนั้น นางสาวบีเองก็หยุดคิดอยู่ครู่ใหญ่
“ไม่มั่นใจ หรือตายแล้วแหละ” ก็ถ้าตามที่เรียนมาเมื่อกายหยาบมีวิญญาณอื่นมาสิงสู่ได้ แสดงว่าจิตในร่างก็ต้องหลุดออกจากกายหยาบแล้วใช่ไหมนะ
‘ยังมิทันได้ชดใช้บาปกรรม ก็ตายห่าเสียแล้วหรือ’ ร่างกำยำที่มีรังสีความเฮี้ยนอยู่มากยืนครุ่นคิด ขุนแสนคำเชื่อว่าวิญญาณนังหญิงชั่วนั่นยังไปไหนได้ไม่ไกล เมื่อยังมีชีวิตเขาเอ็นดูนางรักใคร่นางมาก พร่ำบ่นอยากมีลูกทุกวันคืน แม้สุดท้ายจะได้ไปรบโดนพรากจากเมียอันเป็นที่รัก เขายังคงเขียนจดหมายส่งมาให้หล่อนผ่านทหารให้ควบม้ากลับไปที่พระนครเสมอ
เมื่อโดนฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมในสงคราม วิญญาณที่หลุดออกจากร่างล่องลอยกลับมาในที่ที่ยังมีห่วง นั่นคือเรือนหอของสองเรา หารู้ไม่ว่าเขากลับเห็นเมียที่เขารักยิ่งกว่าดวงใจกำลังเสพสังวาสกับชายอื่น บางวันก็พาชายมากชู้หลายตามากินบนเรือน
ยิ่งรู้ยิ่งแค้น กว่าข่าวที่ว่าเขาตายในสนามรบและประสบผลพ่ายแพ้ศัตรูกลับมา เมียรักของเขาก็กลายเป็นหญิงทรามมากผัว ตั้งท้องโดยไม่รู้ว่าลูกเป็นของใครต่อใคร
เมื่อข่าวมาถึงหูนาง หญิงสาวเองก็รู้ว่าตนเองตั้งท้อง เมื่อรับรู้ว่าหาพ่อเด็กไม่ได้จึงร้องห่มร้องไห้อย่างน่าเวทนา วิญญาณขุนแสนคำสันนิษฐานว่าถ้าเกิดเขารอดและกลับมาจากไปรบ อีหญิงชั่วนี่คงจะเอาลูกที่ไม่ใช่ลูกของเขามาสวมรอยให้เขารับเป็นพ่อเด็กเป็นแน่ นี่ถ้าไม่ตายห่ากลางสงคราม คงไม่มีวันได้รู้จิตรู้ใจเมียชั่วของตนเอง
ขุนแสนคำเริ่มกระหายอำนาจเพื่ออยากลากวิญญาณของสองแม่ลูกมาลงนรก เพราะความอาฆาตแค้นจึงเผลอพาลไปสู่บุตรในครรภ์นั้นด้วย เขารวบรวมภูตผีเร่ร่อนที่ฤทธิ์เดชด้อยกว่ามาเป็นบริวารเหมือนสมัยที่ยังมีชีวิตได้ร่ำเรียนคาถาอาคมนะลงของมาบ้าง พร้อมกับตามหลอกหลอนนังบัวงามจนหล่อนจับไข้หัวโกร๋น
น่าจะตายเพราะพิษไข้ที่เขาตามหลอกหลอนกระมัง อ่อนแอขี้แพ้เหลือเกิน ผีขุนแสนคำยังไม่สาแก่ใจนัก ที่เขาคิดไว้คือต้องการบันดาลโทสะจับเธอและบุตรมาเป็นบริวารและทำให้รู้สึกเหมือนดั่งอยู่ในนรกต่างหาก
แต่สิ่งที่ได้กลับมา ร่างของหญิงใจชั่วนั้นมีวิญญาณเร่ร่อนของหญิงเทื้อนางหนึ่งเข้ามาในร่าง
เช่นนี้แล้วแผนการแก้แค้นของผีจะสำเร็จได้อย่างไร
‘มึงทำให้แผนแก้แค้นของกูพัง... จักสั่งเสียกระไรก็ว่ามา’ เมื่อเขาเป็นผีที่มีพละกำลังมากอยู่แล้ว การมองผีเร่ร่อนตรงหน้าก็เหมือนกับมองเด็กอมมือที่ริจะชิงร่างคนอื่นเพื่อกลับมามีชีวิต แต่หารู้ไม่ว่าร่างกายนี้มีเขาเป็นเจ้าชีวิต นับว่านังผีเร่ร่อนตนนี้โชคร้ายเอง
ขุนแสนคำดึงดาบที่ปักที่คอออกมาจนเลือดทะลักกระเซ็นเปรอะหน้านางสาวบีที่นั่งมองภาพอภินิหารผีหัวขาด ศีรษะของขุนแสนคำห้อยต่องแต่ง เปิดเผยอวัยวะภายในคอที่เต้นหนึบๆ พร้อมกับคมดาบที่จ่อที่คอหอยหล่อน
“ดะ... เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งตีความไปเองสิพี่ว่าฉันไม่มีประโยชน์!” กลัวก็กลัวแต่ใจมันสู้ ผีหัวขาดก็ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยเห็น แต่ที่กลัวเพราะจิตสังหารหมอนี่มันรุนแรงมากจนจะอาเจียนต่างหาก คือกะจะฆ่าเธอจริงๆ เพื่อที่จะเอาร่างของผู้หญิงคนนี้ลงนรกไปด้วยกัน
แต่ไหนๆ ก็ได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งแล้ว เธอก็ไม่อยากตายง่ายๆ อ่ะ!
คมดาบนั้นชะงักนิ่ง ผีขุนแสนคำหรี่ตามองนางบัวงามที่ภายในไม่ใช่นางบัวงามตรงหน้า ‘งั้นว่ามา... ว่ามึงมีประโยชน์กระไรกับกู’
“ให้เดาคือพี่ไม่รู้ใช่ไหมว่านางบัวงามเนี่ยเธอมีชู้เป็นใคร แล้วพ่อของเด็กในท้องเป็นใคร”
‘...’
“ฉันสืบให้ได้นะ อีกอย่างรอฉันคลอดเด็กก่อนไหม จะได้รู้ว่าหน้าเหมือนใคร” นี่ถวายตัวสุดๆ เลยนะพ่อ มากกว่านี้ก็ต้องเลี้ยงเด็กจนโตส่งเรียนรับปริญญาให้เด็กแทนแล้วนะ
‘สภาพอย่างมึงจักคลอดเด็กคนนี้ออกมารึ อย่ามาต่อชีวิตให้เด็กกาลกิณี กูเพียงแค่จักเอามันมาทำเป็นกุมารใกล้ตนเท่านั้น’
“มันบาปนะพี่ผี!”
‘ลูกกูก็มิใช่ เหตุใดกูต้องสนใจ’
“ผีทุกตนคงอยากมีบั้นปลายที่สวรรค์ใช่ไหม ถ้าพี่ทำแบบนั้น เมื่อพี่หมดกรรม หมดห่วง วิญญาณพี่จะตกบ่วงลงนรกนะคะ พี่คงไม่อยากโดนทรมานเหมือนตายทั้งเป็นใช่ไหม” อย่างน้อยผีขุนแสนคำก็ยังไม่เคยลงนรก ขู่ไว้ก่อนละกัน
‘หึ... ดูมึงจักรู้ดีเหลือเกิน รู้ดีกว่าตัวกูที่ตายไปเป็นเดือนเป็นปีแล้วเสียอีก’
“หนูก็มีความแค้นเหมือนกัน อย่าว่าแต่พี่เลย ก่อนตายหนูถูกทำให้ตายโดยไม่เป็นธรรม หนูเองก็อยากแก้แค้นมันเหมือนกัน!” สีหน้านั้นช่างจริงใจ อีกอย่างนางสาวบีก็ไม่ได้โกหก เธอเคียดแค้นอีผึ้งหมอกระเป๋านั่นชนิดที่ว่าถ้าเฮี้ยนได้แบบขุนแสนคำก็อยากไปหลอกมันจนหัวโกร๋น
ผีนักรบหนุ่มมองสีหน้านางบัวงามที่มีแววอาฆาตแค้น ก่อนที่จะชักดาบออก
‘งั้นมึงต้องทำตามที่กูสั่ง... แลกกับไม่โดนฆ่าเอามาเป็นบริวาร ดีหรือไม่’
ค่ำคืนนี้มิ่งขวัญร้อนรุ่มจนเกินจะทานทนเป็นพิเศษกว่าในทุกๆ ค่ำคืน เขานึกถึงวาจา กิริยาเเละคำพูดทุกคำที่นางผู้หญิงนั่นเอื้อนเอ่ยไม่ยอมหลุดออกไปจากหัว “เอาสิ มิ่งขวัญ” “ว่ากระไรนะ?” “น้าจะเล่นกับเจ้ามิ่งด้วยก็ได้นะ เพราะเจ้ามิ่งเองก็รูปงามถูกใจน้าเหมือนกัน” มิใช่ไม่รู้ว่านั่นคือมารยาล่อลวงชายของผู้หญิงเช่นนั้น ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกเเต่ก็ขาดความยับยั้งชั่งใจ เมื่อหวนนึกถึงท่าทางยั่วเย้าโดยไม่จริงจังนัก หัวใจของมิ่งขวัญยิ่งเต้นส่ำระรัว เขาไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ เเม้เเต่ทองผินที่เขาบูชาจนสุดดวงใจ ความรู้สึกที่มีต่อบัวงามเเตกต่างจากเจ้าคุณเเม่ เขาเคารพบูชาคุณเเม่ทองผินจนไม่คิดเเม้เเต่จะเเตะต้องเเม้เเต่ปลายเล็บหรือเเม้เเต่เส้นผมของท่าน เเต่มิ่งขวัญเข้าใจว่านั่นคือความรักในเชิงชู้สาวมาโดยตลอด เขาเข้าใจว่าตนเองนั้นหลงใหลจมปลักอยู่กับเสน่ห์ผู้ใหญ่ที่อบอุ่นเเละลึกลับของทองผินอยู่เสมอมา เเต่ครั้นเมื่อโดนยั่วหยอกเเค่เพียงน้อยจากผู้หญิงที่คิดว่าชังหน้าหล่อนตั้งเเต่เเรกเห็น สัญชาตญาณของชายหนุ่มที่กำลังจะเติบโตเต็มวัยร้องบอกว่าเขาปรารถนาในตัวของผู้หญิงคนนั้น จนถึงขนาดหึงหวง พลั้งปากสร้างความ
การมีความคิดไปในเเง่ลบต่อหล่อนอาจไม่ใช่เรื่องที่เเปลกใหม่ อาจเพราะบัวงามย่างเท้าก้าวเเรกเข้ามาในบ้านหลังนี้ในฐานะอนุภรรยาของบิดาเขา หล่อนเเสดงท่าทางยั่วยวนบุตรชายต่อหน้าพ่อของเขาอย่างกล้าหาญ เเถมยังปั่นหัวยั่วประสาทพ่อของเขาได้เป็นอย่างดี เขารู้ว่าหล่อนมันร้ายกาจ… เเต่ก็ไม่คิดว่าจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ร้ายกาจถึงกระทั่งพาชู้รักมากกนอนถึงถิ่นของเรา ขุนหล้ากระตุกยิ้มออกมา เเม้ว่าเขาเองจะเป็นขุนนางเเละเป็นลูกชายคนโตของพระยา หากเเต่สายเลือดโจรป่าที่อยู่ในกายครึ่งหนึ่งนั้นยังเข้มข้น ยิ่งหล่อนมีพิษ มีหนามเเหลมคมก็ยิ่งน่าลิ้มลอง น่าสนใจมากกว่าเดิม เขาเองก็เบื่อพวกคุณหญิงคุณนายที่เเสนเพียบพร้อมเเล้ว มาเอาหญิงร่านสวาทเเถมยังปั่นหัวเก่งคงจะน่าสนุกเเละท้าทายมากกว่า จะเป็นอย่างไรนะ หากได้ครอบครองหล่อน คงรู้สึกว่าไม่ต่างกับการได้รับชัยชนะจากบิดาของตนเองเป็นเเน่ ดูพ่อจะลุ่มหลงราคะร้อนร้ายของหล่อนมาก ถึงขนาดใช้สายตาขุ่นเคืองมองบุตรชายหัวเเก้วหัวเเหวน เเต่ก็คงมิเเปลกนัก การคลุกคลีกับหญิงร่านโลกีย์คงเป็นเรื่องคุ้นเคยของท่านไปเเล้วกระมัง นายกล้าถูกสั่งให้ตามมาบนเรือนทาส ทันทีที่บ่าวรับใช้สาวๆ เห็นร่
“เห็นทีว่าจะเป็นเพราะข้าเอง” แต่สุ้มเสียงเข้มที่ดังขึ้นด้านหลังก็ทำให้ทั้งบ่าวทั้งนายที่ยืนประจันหน้ากันชะงักไป เมื่อหันกลับไปสบตาจึงเห็นร่างของยอดหล้ายืนจังก้าอยู่ด้านหลัง ดวงหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้มมุมปากท่าทางพิกลนัก “นางเปียกเพราะข้า อย่าได้ถือสาเลยหนา” “เจ้าค่ะคุณชาย” ทั้งที่เมื่อกี้เธอคิดหาข้ออ้างแทบตายแต่ยัยบ่าวนี้กลับดึงดันจะคาดคั้นให้จงได้ พอเป็นคุณหนูคนโตที่พูดอะไรส่งเดชไปเรื่อยเปื่อยออกมากลับเชื่อถือโดยไม่มีข้อกังขาเสียอย่างนั้น! เหตุผลก็ไม่มีให้ ไฉนจึงยอมเชื่อมากกว่า ลำเอียงไปไหมวะบ่าวบ้านนี้ คิดแล้วหงุดหงิด แต่ก็ทำเป็นฝืนยิ้มหวานให้กับชายตรงหน้า “ให้ข้าช่วยหรือไม่?” เมื่อเห็นว่าหล่อนทำท่าจะก้าวเข้าห้องหลังจากส่งยิ้มให้เพียงไม่กี่ชั่วครัน ขุนหล้าจึงอาสาเข้าช่วยเหลือ ถึงจะมีนัยยะว่าการช่วยเหลือที่ว่าคือเข้ามาช่วยเธอเปลี่ยนผ้าผ่อน รวมถึงรุ่มร่ามกับตัวเธอก็ตาม “มิเป็นไรดอกจ้ะ เปลี่ยนเสื้อครู่เดียวเอง รอน้าก่อนนะ” บ่าวคนนั้นยืนมองหล่อนลนลานเดินเข้าห้องพร้อมกับตามเข้าไปช่วยเปลี่ยนเสื้อแสงให้ จนเปลี่ยนเสร็จแล้วเปิดประตูออกมาก็พบว่าขุนหล้ายังคงยืนอยู่ที่เดิม “...” “มี
ในความเป็นจริง รูปโฉมของบัวงามที่ทำให้ขุนเเสนคำคนนี้ถึงกับหลงใหลนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเพราะหล่อนงดงามเเละดูมีจริตจะก้าน รวมถึงทรวดทรงที่อวบอั๋นเเม้ว่าจะร่างเล็กอรชร ไม่สูงสง่าอย่างสตรีอื่น หากเเต่ดวงตาที่เฉี่ยวคมเเต่กลับกลมโตสุกใสนั่นราวกับเเมวดำที่จ้องมองมา จึงทำให้ชายหนุ่มพากันหลงใหล ไม่ต่างจากไอ้กล้าผู้นี้ที่เเอบลอบตามมาถึงฝั่งเรือนของพระยาสิงขร เเอบลอบมองผ่านคลองกลางกองบัวใต้ตีน เขาเเช่อยู่นานพอดู จนกระทั่งเห็นร่างงามขยับมาเดินไปเดินมาอย่างคิดไม่ตกที่ศาลากลางสระบัว นายกล้านั้นไม่ต่างจากสุนัข อยู่ไม่ได้หากไร้ซึ่งเจ้าของ มันเเอบลอบสะกดรอยตามท้ายเรือของท่านพระยาผู้นั้นมา เเละพลัดหลงกลางคลอง ใช้เวลาว่ายน้ำข้ามวันข้ามคืน ด้วยเเรงกายของชายหนุ่มที่ตรากตรำทำงานหนัก จึงมองเห็นศาลากลางคลองบึงได้ไวๆ ในที่สุด ท่ามกลางซอกดอกบัวที่ขึ้นจับหนาอยู่ริมท่า เขาเเช่อยู่ในน้ำจนหนาวจับใจ เนื้อตัวใหญ่โตกำยำสั่นเทาอยู่ในน้ำ หากเเต่ดวงตากลับไม่อาจละสายตาจากความงดงามที่เขาโหยหาได้ ‘เจ้านายผู้งดงามของเขา’ กำลังกระเเทกก้นลงที่พักศาลา มีสีหน้าหงุดหงิดเหลือเกิน เมื่อไม่มีหล่อน การลำบากตรากตรำทำงานเหมือนต้
ขุนเเสนคำทำได้ทุกอย่าง หากว่านั่นจะเป็นหนทางที่จะสามารถไต่ไปถึงดวงจิตที่หายไปของเมียใจชั่วของเขาได้ เมื่อเสร็จสิ้นกิจรัก ทั้งคู่ตระกองกอดกันบนฟูกนอนราวกับคู่ผัวเมียที่รักกันปานจะกลืนกิน เเต่นั่นคงอยู่ในห้วงภวังค์ของเอื้องน้อยเพียงฝ่ายเดียว หล่อนอายุมากจนมีลูกโตขนาดนั้น เเต่ยังวิ่งโร่หาผู้ชายราวกับเด็กๆ ขุนเเสนคำในร่างสามีของนางที่โอบร่างกายเพรียวบางนั่นไว้รู้ดีอยู่เเก่ใจ ว่าในตอนที่เขามีชีวิตอยู่ พฤติกรรมเรียกร้องความรักของหล่อนมันน่าอดสูขนาดไหน เเต่ก็คงไม่ต่างจากเขาที่พยายามเรียกร้องความรักจากบัวงามสินะ ที่รู้สึกดูเเคลน… อาจเพราะเหมือนเห็นตัวเขาซ้อนทับอยู่ในร่างของเอื้องน้อยก็เป็นได้ “เห็นว่าเเม่เอื้องน้อยเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของพระมเหสี จักว่ากระไรหรือไม่… หากพี่อยากขอเข้าพบท่านผ่านทางน้อง” เเต่เขาก็จำเป็นต้องสลัดความคิดวกวุ่นนั่นทิ้งไปพร้อมกับเข้าเรื่องเข้าราวอย่างจริงจัง ว่ากันว่าพระราชชนนีนั้นมีความถือตัวต่อชายเเปลกหน้าไม่ว่าจะตำเเหน่งยศศักดิ์สูงสักเพียงใด เเละถึงเเม้พระยาสิงขรจะมีความสนิทชิดเชื้อกับองค์กษัตริย์ก็ตาม เเต่เพราะเจ้านางให้ความสำคัญเเละต่อต้านการยึดถือเรื่องอนุ
สุดท้าย หล่อนก็เลือกที่จะทำเช่นนี้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่วิญญาณเร่ร่อนนั้นตัดสินใจถูกต้องเเล้ว ดวงจิตของขุนเเสนคำนั้นตระหนักรู้ขึ้นมาทันที เขารับรู้ได้มาตลอดว่าดวงจิตภายในนั้นทะเยอทะยาน กล้าได้กล้าเสียเพียงใด เเละสิ่งที่เขาตัดสินใจฉีกสัญญาเเละให้หล่อนไปยั่วยวนไอ้ขุนหล้า ก็คิดว่าจะไม่กล้าทำเสียอีก เเต่ดูเหมือนจะไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นเเล้วสินะ ดูวี่เเววมันเองก็ให้ความสนใจใคร่อยากในร่างเมียของเขาพอตัว ก็สมกับเป็นนางดี เขารู้ตนเองว่าเขาไม่มีวันตัดเยื่อไม่เหลือใยจากบัวงามได้ เเม้มิใช่เมียคนเเรก เเต่หล่อนคือผู้หญิงคนเเรกที่เขาจมปลัก ผูกมัด เเละต้องการครอบครองให้ได้จนยอมทำได้ทุกอย่าง การหลงรักหล่อนไม่ต่างกับตัวเขาที่ค่อยๆ จมลงสู่โคลนตม ไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้นอกจากต้องวนเวียนสะสางบ่วงกรรมเเละความห่วงหาอาทร เเม้ว่าบัวงามจะทรยศเขาจนเหมือนตายซ้ำตายซากกับการกระทำอันเลวระยำของหล่อน ทั้งที่เขาไม่เคยคิดจะนอกกายหาเมียอื่นมาให้เธอรู้สึกขุ่นเคืองใจเลยสักนิด เเต่เมียที่เขารักมากขนาดนั้นกลับไปเล่นชู้จนท้องโต เเต่เเค้นเคืองไปเเล้วได้อะไร กับทุกเรื่องเขาเด็ดขาดไม่มีอ่อนข้อ เเต่พอเป็นเรื่องเมียตนเอง