Share

บทที่ 15 : ผิดแผน

Aвтор: MIN-G
last update Последнее обновление: 2024-04-03 22:00:56

“เหลวไหลชะมัด! พลังเวทของแกมันจะไม่ใช่มังกรไฟได้ไงกัน?!” หนึ่งในสามคนนั้นพูดขึ้นมา

“ก็พลังเวทของผม... มันคือมังกรสายฟ้าไงล่ะครับ” อาคุมุตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่แสดงให้เห็นว่าตนคือผู้ชนะ

“สายฟ้า? อย่ามาอำพวกฉันเล่นนะโว้ย! ตระกูลของแกมันเป็นตระกูลมังกรไฟ ตระกูลมังกรสายฟ้าน่ะได้หายสาบสูญไปราว ๆ 50 ปีแล้ว และตระกูลมังกรสายฟ้าน่ะมีมาก่อนตระกูลของแกด้วย อีกทั้งเด็กเวรอย่างแกเนี่ยนะจะไปเทียบกับตระกูลที่สูงส่งอย่างตระกูลมังกรสายฟ้า เหอะ! ไปอ่านประวัติความเป็นมาของตระกูลให้เข้าใจก่อนค่อยมาพูดอะไรบ้า ๆ แบบนี้”

‘มีมาก่อนตระกูลคาอิดะก็หมายความว่ามันยาวนานกว่านั้น... ลึกซึ้งชะมัด แล้วตัวฉันถูกโยงไปตระกูลมังกรสายฟ้าได้ไงล่ะนั่น? ฉันเป็นคนจากตระกูลมังกรไฟหรือมังกรสายฟ้ากันแน่เนี่ยเริ่มไม่เข้าใจแล้วนะไอ้บ้าเอ๊ย!!’

ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสามต่างก็ไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน มันคงไม่มีทางเป็นไปได้

เพราะตระกูลคาอิดะนั้นเป็นตระกูลที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เคยได้รับขนานนามว่าเป็นตระกูลแห่ง "ราชามังกรอัคคี" เด่นในเรื่องของการโจมตีด้วยเพลิงที่แข็งแกร่ง บุตรหลานของตระกูลนี้ที่ได้สืบทอดมาก็มีพลังเวทเป็นเวทแห่งมังกรไฟทุกคน

และที่ทำให้ทั้งสามยิ่งไม่เชื่อก็เพราะว่าตระกูลมังกรสายฟ้านั้นมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานกว่าตระกูลมังกรไฟ ทั้งยังไม่มีผู้สืบทอดตระกูลต่อไปตั้งแต่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว สำหรับสามพี่น้องนักเวท ถ้าจะเป็นแบบนั้นได้ก็คงมีแต่ในนิทานหลอกเด็ก

“พวกคุณคงไม่เชื่อผมอยู่แล้วล่ะ แต่ว่า... ผมน่ะมีพลังเวทเป็นมังกรสายฟ้าจริง ๆ นะ ผมจะโกหกทำไม?” อาคุมุพูดพร้อมกับแสดงให้เห็นถึงเส้นสายฟ้าที่กำลังกระจายออกมาจากฝ่ามือของเขา ซึ่งนั่นทำให้นักเวททั้งสามต่างก็ตกใจกันไปตาม ๆ กัน เพราะสิ่งที่อาคุมุพูดคือเรื่องจริง

“ส.. สายฟ้าจริง ๆ ด้วย?”

มากไปกว่านั้นคือเรย์และเหล่าทหารที่อยู่ในรถม้า ซึ่งฟังการสนทนาระหว่างอาคุมุกับนักเวทมาโดยตลอด แน่นอนว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่ได้เจออาคุมุจนมาถึงตอนนี้นั้นทำให้หน่วย 7 ครึกครื้นเป็นอย่างมาก ทั้งตัวตนของเด็ก 6 ขวบที่มีเบื้องหลังอันยิ่งใหญ่ มีพลังเวทและยังเป็นพลังเวทที่แข็งแกร่ง

“ไอ้เจ้าหนูนี่... มันเป็นใครกันแน่เนี่ย?” เรย์พูดออกมา ซึ่งทหารที่อยู่กับเรย์ต่างก็แปลกใจไปตาม ๆ กันเกี่ยวกับตัวตนของอาคุมุ

“แล้วแกรู้ได้ไงว่าการแพ้ทางของธาตุนั้นไม่มีผลในการต่อสู้ด้วยพลังเวทมนตร์? นี่น่ะมันเป็นความลับที่มีแค่นักเวทเท่านั้นนะที่รู้” หนึ่งในนักเวทกล่าว เขาดูเหมือนจะเป็นพี่ใหญ่ของทั้งสามคน

ซึ่งคำพูดของเขาก็ทำให้อาคุมุตกใจเช่นกัน เพราะสิ่งที่อาคุมุพูดไปนั้นเขาแค่รู้สึกว่ามันอาจจะเหมือนอย่างที่เขาคิดไว้ก็เป็นได้ ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ

“ผมพูดไปตามจินตนาการน่ะครับ เพราะพลังเวทมนตร์มันคงจะไม่มีแค่พลังที่เกี่ยวกับธาตุใช่ไหมล่ะ? สรุปว่ามันไม่มีความสำคัญจริง ๆ เหรอเนี่ย? ผมดวงดีสินะ” อาคุมุตอบกลับไป

ตามที่อาคุมุเข้าใจคือพลังเวทที่แต่ละคนนั้นมี ย่อมไม่ได้มีแค่จำพวกธาตุทั้งหลายเป็นแน่ โดยสิ่งที่ทำให้เขาคิดแบบนี้ก็คือเมื่อตอนเจอกับผู้ใช้พลังปีศาจคนที่ 13 ตอนนั้นดูเหมือนว่าอาคุมุจะตกเป็นเป้าในพลังเวทของชายคนนั้นราวกับว่าถูกหยุดการเคลื่อนไหว ซึ่งยังไม่สามารถรู้ได้แน่ชัดว่าคือพลังเวทที่เกี่ยวกับอะไรและความสามารถจริง ๆ ของมันคืออะไร แต่เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่านั่นคือพลังเวทอย่างแน่นอน

“จินตนาการ? น่าตลกเป็นบ้าเลยนะคนอย่างนายเนี่ย... ใช่แล้ว! การแพ้ทางธาตุมันไม่ได้มีความหมายเลยในการต่อสู้จริง มันไม่ได้มีความสำคัญเลยสักนิด แล้วก็ใช่แล้ว! พลังเวทมนตร์น่ะไม่ได้มีแค่พลังที่เกี่ยวกับธาตุหรอก มันมีรอบด้านแทบจะนับไม่ถ้วนเลย...”

“แต่ก็ช่างเถอะ พลังของแกมันคือสายฟ้าแล้วจะทำไมล่ะวะ! แต้ม B แกมีหรือไง? น้องรองน้องเล็กเอาแต้ม B ของพวกนายให้ไอ้เด็กนี่ดูซะ!” ผู้ที่เป็นพี่คนโตกล่าว น้องทั้งสองของเขาจึงเปิดเผยแต้ม B ให้อาคุมุได้เห็น

คนหนึ่งเปิดผมที่ปรกหน้าผากด้านขวา เผยให้เห็นแต้ม B ของเขา ซึ่งก็คือ 1k(1,000) ส่วนอีกคนหันฝ่ามือให้อาคุมุได้เห็น ซึ่งก็คือ 1.2k(1,200)

“นี่แค่น้อง ๆ ของฉันนะ ส่วนของฉัน... ถ้าแกได้เห็นแกคงจะตกใจจนร้องไห้หาพ่อ ฉันให้เวลาแกเปลี่ยนความคิด คนที่มีพลังเวทหายากอย่างแกคงจะเป็นที่ต้องการตัวแน่นอน มากับพวกฉันแล้วไปเป็นนักเวทใต้บังคับบัญชาของฉัน ก่อนอื่นถ้าพวกฉันเอาตัวแกไปให้องค์จักรพรรดิพวกฉันคงจะได้รับการตอบแทนและผลประโยชน์ที่มากเป็นพิเศษแน่นอน เช่นตำแหน่งที่สูงขึ้นในจักรวรรดิอะไรแบบนี้ มันคงจะดีเลยล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า แล้วก็...” ดูเหมือนว่าเขาจะยังพูดไม่จบ อาคุมุก็พูดแทรกขึ้นมาในทันทีด้วยความหงุดหงิด

“แกจะพล่ามอะไรมากมายวะเนี่ย?! แค่จะข่มฉันด้วยแต้ม B ก็ร่ายยาวเป็นบทสวด ฉันเริ่มไม่อยากจะพูดดี ๆ กับพวกแกแล้วนะ!”

“อ่า... ไอ้เด็กเปรต!!! กล้าเรียกฉันด้วยคำว่า 'แก' อย่างงั้นเหรอ? ดี! พูดแบบนั้นก็หมายความว่าแกจะตายตรงนี้สินะ งั้นดูไว้เป็นขวัญตาก่อนที่จะตายซะ!” ว่าแล้วเขาก็ดึงแขนเสื้อด้านขวาขึ้น ซึ่งแต้ม B ของเขานั้นอยู่ที่ตำแหน่งเดียวกันกับอาคุมุ ก็คือบริเวณไหล่ และแต้ม B ที่ปรากฏให้เห็นก็คือ 2k(2,000)

อาคุมุที่ได้เห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจออกมาในทันที

“เฮ้อ! พูดพล่ามมาซะมากมาย สรุปว่ามีแค่นี้เนี่ยนะ? ตลกชะมัด”

“ฉันว่ามันจะมากเกินไปแล้วนะเว้ย! แกมีอะไรถึงกล้าพูดแบบนั้นได้ห๊ะ? ฉันถามจริง ๆ เถอะ แล้วก็หัดเจียมตัวซะบ้าง” ผู้ที่เป็นน้องเล็กได้พูดออกมา เขาทนฟังอยู่นานมากแล้วแต่สุดท้ายก็ยังเห็นความอวดดีของอาคุมุ จึงอดที่จะพูดออกมาไม่ได้

“ฉันว่าพวกแกมากกว่าที่ควรจะเจียมตัวได้แล้วนะ ฉันเสวนากับพวกแกก็นานมากแล้ว” ว่าแล้วอาคุมุก็ดึงแขนเสื้อด้านขวาขึ้น เผยให้เห็นแต้ม B ของเขา

“3k(3,000)... 3k?!!” นั่นคือสิ่งที่ทำให้ทั้งสามคนตกใจอีกครั้ง จากที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเกินกว่าจะพรรณนา ตอนนี้เริ่มลดน้อยถอยลงทีละนิด

 “โธ่เว้ย... ถึงจะไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นแต่เราต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ เรามีกัน 3 คน พวกทหารบ้านั่นก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วถ้ารุมมันซะก็จบเรื่อง มังกรสายฟ้าของแก มันจะเป็นมังกรหรือจิ้งเหลนกันล่ะวะ!!” ผู้เป็นพี่พูดขึ้นมาและเตรียมการโจมตี น้องทั้งสองที่ได้ยินอย่างนั้นก็เตรียมที่จะโจมตีเช่นกัน แต่แล้วอาคุมุก็พูดขึ้นมา

“รู้ทั้งรู้ว่าสู้ฉันไม่ได้... แล้วที่แกบอกว่าถ้าจับตัวฉันส่งองค์จักรพรรดิแล้วเขาจะให้อะไรต่าง ๆ นา ๆ นั่นน่ะ แกคิดว่าแกจะได้ตามที่อยากหรือไง?! แกคงไม่ได้อะไรเลยด้วยซ้ำ ดีไม่ดีพวกแกหมดประโยชน์ก็โดนฆ่าทิ้งอีก ฉันมีทางเลือกให้อยู่นะ... สำหรับพวกแก 3 คนที่โดนกดขี่จากอำนาจของจักรพรรดิแล้วเป็นเหมือนลูกหมาน่ะ”

อาคุมุยื่นข้อเสนอให้ ซึ่งดูเหมือนว่าผู้ที่เป็นพี่คนโตนั้นเริ่มเกิดความลังเลใจและสงสัยในเวลาเดียวกัน แต่สุดท้ายคำตอบที่ได้กลับมาก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของเขาได้

“โดนกดขี่จนเหมือนลูกหมาอะไรของแก? ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแล้ว! ฆ่ามัน!!” ได้ยินอย่างนั้น พี่คนโตและคนรองก็พุ่งเข้ามาหาอาคุมุในทันที โดยมีน้องเล็กที่ยืนเตรียมใช้เวทระยะไกลจากทางด้านหลัง

‘บ้าจริง ฉันยังไม่ได้ฝึกอย่างอื่นเพิ่มเลย เกือบจะมีพันธมิตรเพิ่มอยู่แล้วเชียวผิดแผนจนได้’

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]

    บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]การต่อสู้จบลง สนามประลองแบบจำลองก็ได้หายไป อาคุมุลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาอยู่ที่สนามประลองของจักรวรรดิไดจิเสียแล้ว เขามองไปรอบ ๆ ขณะเดียวกันกับเสียงตอบรับที่ดังมาจากผู้ชมทั่วทั้งสนามประลองอย่างครึกครื้น“อาคุมุชนะจริง ๆ ด้วย?!!”“เขาสู้แบบนั้นได้ยังไงกันนะ? โดนรุมนั่นน่ะ”“เจ้าเด็กคนนี้ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันเนี่ย?! แน่ใจนะว่าไม่ใช่นักเวทของจักรวรรดิ?”“ตามดูเจ้าหนูนี่มาตั้งแต่วันแรก ไม่ทำให้ผิดหวังเลย!”…“ในรอบนี้เราสามารถหาผู้ชนะเลิศได้เลยล่ะครับทุกท่าน! ผู้ชนะการประลองของจักรวรรดิไดจิในครั้งนี้คือ… คาอิคะ อาคุมุ!!!” ผู้คุมสนามประกาศออกไปอย่างเป็นทางการด้วยผลการต่อสู้ที่เป็นเอกฉันท์กลางสนามประลองที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก คู่ต่อสู้ทั้งหกคนของอาคุมุนั้นนอนบาดเจ็บอยู่ที่พื้น โดยมีอาคุมุยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น แม้การบาดเจ็บจะไม่ได้สาหัสมากนัก แต่ร่องรอยบาดแผลตามที่เห็นคงต้องใช้เวลาพอสมควร‘ไม่มีใครตายเพราะเมื่อพลังชีวิตแบบจำลองหมดไปก็จะถูกส่งออกมาทันทีสินะ’ อาคุมุที่ไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับทักษะสร้างภาพลวงตาของราชันจอมเวทอาวุโสนี้มากนัก ทำได้เพียงวิเ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 59 : หนึ่งรุมหก

    บทที่ 59 : หนึ่งรุมหกการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของรินนั้นทำให้ฮิบาริไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันได้ทั้งหมด ทำให้เขาต้องรับการโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์ในตอนนี้ฮิบาริได้ถูกคัดออกจากการประลองแบบกลุ่มแล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มของอาคุมุนั้นเหลือเพียงสามคน และภายในทักษะหมอกเพลิงสีชาดของรินนี้… เหลือเพียงอาคุมุและรินเท่านั้น“นายจะทำยังไงดีล่ะเจ้าหนูอาคุมุ? สู้กับฉันตัวต่อตัวไหวไหมนะ? อืม… ฉันมีสมาชิกอยู่ข้างล่างทั้งหมด 5 คนเนี่ยสิ คงจะเอาชนะฉันได้ไม่ง่ายหรอกมั้ง” รินพูดขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุแปลกใจในทันที“ว่าไงนะ? ทั้งหมดห้าคนนี่หมายความว่าอะไร?” อาคุมุถามกลับไป“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นายนี่น่าขำจริง ๆ เลย คิดว่าเจ้าพวกที่เหลืออยู่จะมั่นใจในตัวนายแล้วไม่สนผลประโยชน์หรือไงกัน?” รินตอบกลับมา“หรือว่านั่นคือ…”“ใช่แล้วล่ะ! ฉันแค่เสนอให้พวกมันมาร่วมมือกับฉัน ข้อแลกเปลี่ยนคือการเข้าร่วมกลุ่มจันทราแดง ถึงจะถูกคัดออกและไม่ชนะเลิศในการประลอง แต่มีเงินใช้ง่าย ๆ ต่อจากนี้… ใครจะไม่ชอบกันล่ะ ลองดูนั่นสิ” รินพูดจนจบและชี้ลงไปยังข้างล่าง ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือสมาชิกกลุ่มของอาคุมุที

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรก

    บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรกในตอนนี้ สถานการณ์ของอาคุมุและฮิบารินั้นไม่สู้ดีนัก พวกเขาถูกปิดล้อมไปด้วยทักษะหมอกเพลิงสีชาดของริน อีกทั้งยังถูกล้อมไปด้วยสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มของรินจากภายนอก ซึ่งสามารถโจมตีเข้ามาได้โดยตรง เรียกได้ว่าถูกบีบให้จนมุมทั้งอย่างนั้น‘ซวยจริง ๆ แล้วไง’“ออกไปเฉย ๆ ไม่ได้เลย!” ฮิบาริกำลังพยายามจะดันตัวเองออกไปจากทักษะของริน‘ไอ้บ้านี่มันแกล้งทำเป็นไม่รู้เหรอ?’“ถ้าออกไปได้ง่าย ๆ เขาจะสร้างขึ้นมาทำไมล่ะครับคุณฮิบาริ?” อาคุมุถามกลับไป“พวกนายฟังฉันนะ! ทักษะหมอกเพลิงสีชาดนี้จะสามารถใช้ได้ 30 นาที หลังจากนั้นจะสามารถใช้ทักษะนี้ได้อีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปอีก 30 นาที” รินพูดขึ้นมา“แล้ว... บอกทำไมเหรอครับ?” อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้นจึงถามกลับไป“เพราะว่า... ฉันสามารถเอาชนะพวกนายได้ใน 30 นาทีนี้ไงล่ะ!! กระสุนเพลิงสีชาด!!!” รินตอบกลับมาพร้อมกับยิงกระสุนเพลิงเข้าใส่อาคุมุและฮิบาริด้วยความเร็ว“ตาข่ายอัสนี!”ตู้มมมม!!!“อึ่ก! บ้าจริง”ถึงแม้อาคุมุจะใช้ทักษะป้องกันไว้ได้ทัน แต่ความเสียเปรียบนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะตาข่ายอัสนีของอาคุมุนั้นถูกทำลายได้โดยการ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์

    บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์รินและสมาชิกอีกสามคนได้มาถึงที่ตำแหน่งของอาคุมุ ซึ่งรินนั้นปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับอาวุธคู่กายอย่างปืนพกเช่นเดิม ส่วนอีกสามคนนั้นก็คือนักเวทชุดขาวเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน โดยทุกคนนั้นมีกระเป๋าสะพายอยู่ข้างหลัง“อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดเลยล่ะครับ... ทุกอย่างเลย” สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นเป็นจริงทุกอย่าง ซึ่งก็คือการที่นักเวทชุดขาวทั้งสามนั้นเปลี่ยนชุดก่อนจะเข้ามายังสนามประลองแบบจำลองนี้“แต่ว่า... จะทำไปเพื่ออะไรเหรอครับ? เตรียมชุดมาเปลี่ยนตอนเข้ามาในนี้แล้วเนี่ย?” อาคุมุถามออกไป“ก็ถ้าพวกฉันอยู่ในบทบาทของนักเวทชุดขาวตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างนอกล่ะก็... คงจะโดนประท้วงพอดีน่ะสิ” หนึ่งในนักเวทชุดขาวตอบกลับมา“ฉันควรจะแนะนำตัวอีกครั้งไหมนะ? ฉันคือ อากาเนะ ริน เป็นเพียงคนที่กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 แล้วล่ะนะ!!” รินพูดขึ้นมาพร้อมกับจับปืนพกทั้งสองกระบอกไว้แน่น ลมจากแรงของพลังเวทปะทะเข้ากับร่างของอาคุมุโดยตรง‘กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 งั้นเหรอ? สีของออร่าพลังเวทกำลังจะเป็นสีแดงแล้วสินะ แข็งแกร่งขึ้นมากจริง ๆ ด้วย’“สุดยอดไปเลยนะครับ สมแล้วกับตำแหน่งรอ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่ม

    บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่มในตอนนี้ ผู้คุมสนามได้ทำการสร้างสนามประลองแบบจำลองเสร็จสิ้นแล้ว เป็นทักษะที่มีความเหมือนจริงเป็นอย่างมาก ถึงได้ชื่อว่าเป็นภาพลวงตา และด้วยความแข็งแกร่งระดับราชันจอมเวทอาวุโส การที่สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ก็คงจะไม่เกินจริงนัก...ที่สนามประลอง ภายนอกทักษะภาพลวงตา“สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านี้... คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นครับ” เสียงของผู้คุมสนามได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองด้วยทักษะพลังเวทของพิธีกร เสียงตอบรับจากคนดูก็เกิดขึ้นในทันที“น... นี่เหมือนฉันดูการประลองผ่านจอเลยนะ”“ข้างในนั้นจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ?”“ดูนั่นสิ! อาคุมุอยู่นั่นล่ะ!!”“ที่นั่นมันคือจำลองเมืองไหนหรือเปล่า? ที่ไหนในจักรวรรดิหรือเปล่านะ?”...สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านั้น คือลูกบาศก์ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยออร่าของพลังเวทสีม่วง ลอยอยู่ในอากาศตรงกลางสนามประลอง ทั้งสี่ด้านนั้นเผยให้เห็นภาพจากมุมมองของแต่ละคนและมุมมองภาพรวมภายในนั้น ราวกับว่ากำลังดูผ่านจอขนาดยักษ์“สถานที่ภายในนั้นคือเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจักรวรรดิ มีชื่อว่าเมืองชิโตเสะครับ... ขอให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับการประลองในครั้ง

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?

    บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?กฎและกติกาการแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้ายนั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันโดยไม่ได้มีการประกาศล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้ารอบหรือผู้ชมทั่วทั้งสนามประลอง ไม่เคยมีใครคิดไว้ว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นการประลองแบบกลุ่ม“เริ่มจากการจัดกลุ่ม กลุ่มที่ 1 จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมก็คือสาย A, B, C และ D ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมคือสาย E, F, G และ H ครับ”พิธีกรได้ประกาศวิธีการแบ่งกลุ่มให้กับทั้ง 8 คน‘ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงแบ่งกลุ่มง่าย ๆ แบบนี้...’‘...เพราะรินอยู่ในกลุ่มที่ 2 สินะ? การคาดเดาของฉันถูกต้องอย่างแน่นอน!’สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นมีเพียงความได้เปรียบของฝั่งตรงข้าม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด และในสถานการณ์ตรงหน้านี้ ความได้เปรียบที่ว่าก็คงจะหนีไม่พ้นการที่กลุ่มนั้นมีคนอย่างรินอยู่ด้วยนั่นเอง“ก่อนที่จะเข้าสู่ลำดับถัดไป...” พิธีกรพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงจากแท่นด้านบนก็ดังขึ้นมาในทันทีตึ้ง!!ซึ่งเป็นเสียงขององค์จักรพรรดิที่ใส่พลังเวทเข้าไปในแท่นข้าง ๆ ตัว สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ตกใจกันไปตาม ๆ กัน“องค์จักร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status