แชร์

บทที่ 16 : สิ้นสุดข้อเสนอ

ผู้เขียน: MIN-G
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-04-03 22:01:42

ทั้งที่อาคุมุเป็นต่อทุกอย่างไม่ว่าจะพลังเวทหรือแต้ม B แต่สาเหตุที่เขาไม่อยากจะต่อสู้ในตอนนี้ ก็เพราะว่าเขาไม่ได้ฝึกอะไรเพิ่มเลยหลังจากมีแต้ม B ที่มากขึ้น ทักษะการโจมตีก็มีเพียงแสงอัสนีบาตเพียงอย่างเดียว ถ้าไม่นับมีดในกระเป๋า

และก็ยังไปไม่ถึงเมืองหลวงเสียที ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยแม้แต่น้อย

“กระสุนวารี!!” นักเวทผู้เป็นน้องได้พูดพร้อมกับหันฝ่ามือทั้งสองมาทางอาคุมุ วงแหวนเวทสีฟ้าได้ปรากฏขึ้นรอบข้อมือของเขา พลังเวทกระสุนน้ำได้พุ่งออกมาจากฝ่ามือทั้งสอง ผ่านข้างลำตัวของพี่ใหญ่และพี่รองของเขา ตรงไปยังอาคุมุที่ยืนอยู่

“หอกวารี!!” ผู้เป็นพี่คนโตและคนรองกล่าวออกมาพร้อมกัน วงแหวนสีฟ้าปรากฏขึ้นข้าง ๆ ลำตัว ได้มีอาวุธหอกซึ่งเป็นอาวุธที่สร้างจากพลังเวทแห่งน้ำค่อย ๆ ออกมาจากวงแหวนเวท แล้วทั้งสองก็ดึงมันออกมา

‘ฉันไม่ได้ฝึกอะไรเพิ่มเลยเนี่ยสิ โธ่เว้ย!’

“แสงอัสนีบาต!” อาคุมุพูดพร้อมกับหันฝ่ามือไปทางศัตรู วงแหวนเวทสีฟ้าปรากฏขึ้นรอบข้อมือของเขาพร้อมกับสายฟ้าที่มีความรุนแรงได้พุ่งออกจากฝ่ามือและตรงไปหาทั้งคู่ แต่แท้จริงแล้วอาคุมุตั้งใจโจมตีใส่กระสุนวารีของผู้ที่เป็นน้อง เพราะตำแหน่งที่เขายืนในตอนนี้คือด้านหลังรถม้า จึงจำเป็นที่จะต้องขัดขวางไว้ไม่ให้รถม้าโดนการโจมตีเสียก่อน

ตู้มม!!

ที่มากไปกว่านั้นคือเพื่อให้ระเบิดและหยุดการเคลื่อนที่ของทั้งสองคนนั้นไว้ก่อน

“แค่การโจมตีเพียงครั้งเดียวของฉันก็ขัดขวางพวกนายได้แล้ว คิดดีแล้วเหรอที่จะสู้ต่อ? ไม่ลองเก็บข้อเสนอของฉันไปคิดหน่อยหรือไง? เปลี่ยนฝั่งตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ” อาคุมุพูดโน้มน้าวใจอีกครั้ง เขาพูดและเดินเปลี่ยนทิศไปเพื่อไม่ให้ตัวเขาเองนั้นอยู่ด้านหน้ารถม้า ซึ่งการพูดในครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่าจะสำเร็จ... แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

“ไม่ต้องมาขายประกันโว้ย! ฆ่ามัน!!” ทั้งสองคนพุ่งเข้ามาหาอาคุมุด้วยหอกที่อยู่ในมืออีกครั้ง

“ฉันให้พวกนายแค่ทักษะเดียว เพราะแค่ทักษะเดียวก็เกินพอแล้ว”

‘จริง ๆ คือฉันใช้ได้แค่อย่างเดียว บ้าเอ๊ย’

“แสงอัสนีบาต!!” อาคุมุใช้แสงอัสนีบาตโจมตีไปยังทั้งสองที่กำลังพุ่งเข้าโจมตีเขาด้วยหอกวารี

ตู้มม!!!

ทั้งสองใช้หอกในมือป้องกันการโจมตีไว้ ซึ่งมันก็เกิดการระเบิดอีกครั้งและแน่นอนว่าอาคุมุไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ แต่กลับกัน สองคนนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงที่พื้นและอีกข้างหนึ่งชันขึ้น เพราะได้รับแรงกระแทกพอสมควร

ในเวลาเดียวกันขณะเกิดการระเบิดและพื้นที่บริเวณนั้นเต็มไปด้วยควัน อาคุมุที่ลืมวางกระเป๋าก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงหยิบมีดในกระเป๋าออกมาพร้อมกับสร้างวงแหวนเวทไว้

“พี่ใหญ่ พี่รอง เป็นอะไรมากไหม?” ผู้เป็นน้องเล็กเห็นอย่างนั้นจึงเข้ามาดู และก็รู้สึกโกรธแทนพี่ทั้งสอง

“แกต้องเจอนี่หน่อย...” น้องเล็กยังไม่ทันได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น เขาก็ต้องหยุดชะงักไป

“เดิมทีฉันก็อยากจะมีพันธมิตรเพิ่มน่ะนะ...”

เพราะอาคุมุนั้นยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับมีมีดในมือที่ปลายแหลมนั้นหันเข้าหาหน้าท้องของผู้ที่เป็นน้องเล็กซึ่งกำลังคิดจะใช้เวทโจมตี

‘ฉันตัวแค่นี้แล้วจี้คอไม่ถึงเฉย ๆ หรอก... ตอนนี้มันไม่น่ากลัวเลยสักนิด’

“แต่ในเมื่อฉันให้โอกาสไปกี่ครั้งก็ถูกปฏิเสธหมดทุกครั้ง ถ้างั้นก็ลาก่อนแล้วกันนะศพแรก...”

“ย.. อย่านะ!!”

ฉึก!

อาคุมุแทงมีดลงไปที่หน้าท้องของคนที่เป็นน้องเล็กสุด เจ้าตัวที่เห็นมีดปักอยู่บริเวณหน้าท้องก็แน่นิ่งไป ตั้งแต่ตอนที่อาคุมุมาปรากฏตัวตรงหน้าก็ตกใจจนร่างกายขยับไม่ได้ สุดท้ายร่างนั้นก็ค่อย ๆ ล้มลงไปที่พื้น

“น.. น้องเล็ก” ผู้เป็นพี่ได้พูดออกมาทั้งน้ำตา ซึ่งในใจก็โกรธแค้นเป็นอย่างมาก

“แสงอัสนีบาต!!” อาคุมุหันฝ่ามือไปทางร่างไร้วิญญาณที่นอนนิ่งอยู่ สายฟ้าที่รุนแรงได้ตรงไปยังร่างนั้นและพื้นที่โดยรอบจนทำให้เกิดระเบิดอีกครั้ง

“อั่ก!!!” ทั้งสองที่อยู่ใกล้ ๆ ร่างของน้องชายก็ได้รับแรงกระแทกอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งไหน ๆ จนถึงขั้นล้มลงไปกองที่พื้นทั้งสองคน

“อึ่ก! ย... เย็นชาเกินไปแล้ว”

“ฉันก็ไม่ได้ลงมือทันทีสักหน่อย แล้วก็ให้โอกาสพวกนายไปหลายครั้งแล้ว ซึ่งทุกครั้งพวกนายก็ไม่รับโอกาสนั้นไว้เอง จะมาบอกว่าฉันเย็นชาเพราะพวกนายทำตัวเองไม่ได้นะ ว่าไง?” อาคุมุตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ และสายตาที่ดุดัน

“ก.. ก็ได้ งั้นฉันรับข้อเสนอของนายก็ได้...” ผู้ที่เป็นพี่คนโตพูดยังไม่ทันจบประโยค อาคุมุก็พูดแทรกขึ้นมาในทันที

“น้องตายแล้วค่อยมาเปลี่ยนความคิด? ยกให้เป็นพี่ดีเด่นเลยนะนายเนี่ย แต่ไม่ล่ะ! ฉันไม่เอาข้อเสนอนั่นให้แล้ว อย่างมากก็ไปหาน้องของพวกนายซะ”

เรย์ที่นั่งอยู่ในรถม้าได้ยินอย่างนั้นจึงตะโกนบอกกับอาคุมุ ซึ่งอาคุมุที่กำลังจะลงมือก็หยุดชะงักในทันที

“ช้าก่อนเจ้าหนู!!!”

“หืม? ว่าไงเหรอครับลุงเรย์?” เขาจึงถามกลับไปด้วยความสงสัยพร้อมกับหันไปมอง เรย์ก็เดินลงมาจากรถม้า ทหารคนอื่น ๆ จึงเดินตามมาด้วย

“รับมือกับเจ้าพวกนี้ไหวใช่ไหม?” เรย์ถามกลับ ซึ่งดูเหมือนว่าเขามีอะไรบางอย่างที่อยากจะบอกอาคุมุ

‘ดูสภาพก็น่าจะรู้นะ’

“สบายมากครับ ลุงเรย์มีอะไรหรือเปล่า?”

“ฉันว่าไอ้เจ้า 2 คนนี้น่าจะใช้ประโยชน์ได้นะ” เรย์ตอบกลับมา

ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุเริ่มมีการคิดแผนอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้อาคุมุต้องการจะดึงทั้งสามคนมาเป็นพันธมิตรแต่ไม่สำเร็จไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม ตั้งแต่ตอนที่อาคุมุลงมือปลิดชีพคนแรก เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเพิ่มอีกเลยนอกจากฆ่าให้หมด และในตอนนี้เหลือแค่สองคนก็ยิ่งทำให้เขาไม่อยากปล่อยไว้

“อืม.. แต่ผมคิดว่าพวกมันคงไม่มีประโยชน์แล้วล่ะครับ” อาคุมุตอบกลับไป เขาแค่ลังเลนิดหน่อย แต่แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะปล่อยไว้เช่นเดิม

“ถ้านายว่าอย่างงั้น... เชิญ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น อาคุมุจึงหันกลับไปหาทั้งสองคนที่นอนราบอยู่บนพื้นดิน เรย์และเหล่าทหารต่างหันหลังให้อาคุมุ พร้อมกับใช้สัญญาณมือทำความเคารพ

“แสงอัสนีบาต!!”

ตู้มม!!!!

พลังเวทของอาคุมุปะทะเข้ากับร่างกายคนที่นอนอยู่บนพื้นโดยตรง ด้วยพลังโจมตีอันมหาศาลจากเวทแห่งสายฟ้าของอาคุมุ ตกกระทบลงที่ร่างกายของมนุษย์ ภาพที่เขาเห็นนั้นแทบจะไม่ต่างจากเศษเนื้อเผา

‘สิ้นสุดข้อเสนอของฉันที่จะให้พวกนาย ส่วนฉันมีแต้ม B เพิ่มมากขึ้น แล้วก็...?’ เขาหันกลับมาพบว่าเรย์และทหารทุกคนต่างหันหลังให้และอยู่ในท่าทำความเคารพ

‘เอ่อ.. เป็นงานเกินไปแล้ว’

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]

    บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]การต่อสู้จบลง สนามประลองแบบจำลองก็ได้หายไป อาคุมุลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาอยู่ที่สนามประลองของจักรวรรดิไดจิเสียแล้ว เขามองไปรอบ ๆ ขณะเดียวกันกับเสียงตอบรับที่ดังมาจากผู้ชมทั่วทั้งสนามประลองอย่างครึกครื้น“อาคุมุชนะจริง ๆ ด้วย?!!”“เขาสู้แบบนั้นได้ยังไงกันนะ? โดนรุมนั่นน่ะ”“เจ้าเด็กคนนี้ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันเนี่ย?! แน่ใจนะว่าไม่ใช่นักเวทของจักรวรรดิ?”“ตามดูเจ้าหนูนี่มาตั้งแต่วันแรก ไม่ทำให้ผิดหวังเลย!”…“ในรอบนี้เราสามารถหาผู้ชนะเลิศได้เลยล่ะครับทุกท่าน! ผู้ชนะการประลองของจักรวรรดิไดจิในครั้งนี้คือ… คาอิคะ อาคุมุ!!!” ผู้คุมสนามประกาศออกไปอย่างเป็นทางการด้วยผลการต่อสู้ที่เป็นเอกฉันท์กลางสนามประลองที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก คู่ต่อสู้ทั้งหกคนของอาคุมุนั้นนอนบาดเจ็บอยู่ที่พื้น โดยมีอาคุมุยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น แม้การบาดเจ็บจะไม่ได้สาหัสมากนัก แต่ร่องรอยบาดแผลตามที่เห็นคงต้องใช้เวลาพอสมควร‘ไม่มีใครตายเพราะเมื่อพลังชีวิตแบบจำลองหมดไปก็จะถูกส่งออกมาทันทีสินะ’ อาคุมุที่ไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับทักษะสร้างภาพลวงตาของราชันจอมเวทอาวุโสนี้มากนัก ทำได้เพียงวิเ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 59 : หนึ่งรุมหก

    บทที่ 59 : หนึ่งรุมหกการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของรินนั้นทำให้ฮิบาริไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันได้ทั้งหมด ทำให้เขาต้องรับการโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์ในตอนนี้ฮิบาริได้ถูกคัดออกจากการประลองแบบกลุ่มแล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มของอาคุมุนั้นเหลือเพียงสามคน และภายในทักษะหมอกเพลิงสีชาดของรินนี้… เหลือเพียงอาคุมุและรินเท่านั้น“นายจะทำยังไงดีล่ะเจ้าหนูอาคุมุ? สู้กับฉันตัวต่อตัวไหวไหมนะ? อืม… ฉันมีสมาชิกอยู่ข้างล่างทั้งหมด 5 คนเนี่ยสิ คงจะเอาชนะฉันได้ไม่ง่ายหรอกมั้ง” รินพูดขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุแปลกใจในทันที“ว่าไงนะ? ทั้งหมดห้าคนนี่หมายความว่าอะไร?” อาคุมุถามกลับไป“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นายนี่น่าขำจริง ๆ เลย คิดว่าเจ้าพวกที่เหลืออยู่จะมั่นใจในตัวนายแล้วไม่สนผลประโยชน์หรือไงกัน?” รินตอบกลับมา“หรือว่านั่นคือ…”“ใช่แล้วล่ะ! ฉันแค่เสนอให้พวกมันมาร่วมมือกับฉัน ข้อแลกเปลี่ยนคือการเข้าร่วมกลุ่มจันทราแดง ถึงจะถูกคัดออกและไม่ชนะเลิศในการประลอง แต่มีเงินใช้ง่าย ๆ ต่อจากนี้… ใครจะไม่ชอบกันล่ะ ลองดูนั่นสิ” รินพูดจนจบและชี้ลงไปยังข้างล่าง ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือสมาชิกกลุ่มของอาคุมุที

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรก

    บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรกในตอนนี้ สถานการณ์ของอาคุมุและฮิบารินั้นไม่สู้ดีนัก พวกเขาถูกปิดล้อมไปด้วยทักษะหมอกเพลิงสีชาดของริน อีกทั้งยังถูกล้อมไปด้วยสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มของรินจากภายนอก ซึ่งสามารถโจมตีเข้ามาได้โดยตรง เรียกได้ว่าถูกบีบให้จนมุมทั้งอย่างนั้น‘ซวยจริง ๆ แล้วไง’“ออกไปเฉย ๆ ไม่ได้เลย!” ฮิบาริกำลังพยายามจะดันตัวเองออกไปจากทักษะของริน‘ไอ้บ้านี่มันแกล้งทำเป็นไม่รู้เหรอ?’“ถ้าออกไปได้ง่าย ๆ เขาจะสร้างขึ้นมาทำไมล่ะครับคุณฮิบาริ?” อาคุมุถามกลับไป“พวกนายฟังฉันนะ! ทักษะหมอกเพลิงสีชาดนี้จะสามารถใช้ได้ 30 นาที หลังจากนั้นจะสามารถใช้ทักษะนี้ได้อีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปอีก 30 นาที” รินพูดขึ้นมา“แล้ว... บอกทำไมเหรอครับ?” อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้นจึงถามกลับไป“เพราะว่า... ฉันสามารถเอาชนะพวกนายได้ใน 30 นาทีนี้ไงล่ะ!! กระสุนเพลิงสีชาด!!!” รินตอบกลับมาพร้อมกับยิงกระสุนเพลิงเข้าใส่อาคุมุและฮิบาริด้วยความเร็ว“ตาข่ายอัสนี!”ตู้มมมม!!!“อึ่ก! บ้าจริง”ถึงแม้อาคุมุจะใช้ทักษะป้องกันไว้ได้ทัน แต่ความเสียเปรียบนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะตาข่ายอัสนีของอาคุมุนั้นถูกทำลายได้โดยการ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์

    บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์รินและสมาชิกอีกสามคนได้มาถึงที่ตำแหน่งของอาคุมุ ซึ่งรินนั้นปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับอาวุธคู่กายอย่างปืนพกเช่นเดิม ส่วนอีกสามคนนั้นก็คือนักเวทชุดขาวเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน โดยทุกคนนั้นมีกระเป๋าสะพายอยู่ข้างหลัง“อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดเลยล่ะครับ... ทุกอย่างเลย” สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นเป็นจริงทุกอย่าง ซึ่งก็คือการที่นักเวทชุดขาวทั้งสามนั้นเปลี่ยนชุดก่อนจะเข้ามายังสนามประลองแบบจำลองนี้“แต่ว่า... จะทำไปเพื่ออะไรเหรอครับ? เตรียมชุดมาเปลี่ยนตอนเข้ามาในนี้แล้วเนี่ย?” อาคุมุถามออกไป“ก็ถ้าพวกฉันอยู่ในบทบาทของนักเวทชุดขาวตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างนอกล่ะก็... คงจะโดนประท้วงพอดีน่ะสิ” หนึ่งในนักเวทชุดขาวตอบกลับมา“ฉันควรจะแนะนำตัวอีกครั้งไหมนะ? ฉันคือ อากาเนะ ริน เป็นเพียงคนที่กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 แล้วล่ะนะ!!” รินพูดขึ้นมาพร้อมกับจับปืนพกทั้งสองกระบอกไว้แน่น ลมจากแรงของพลังเวทปะทะเข้ากับร่างของอาคุมุโดยตรง‘กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 งั้นเหรอ? สีของออร่าพลังเวทกำลังจะเป็นสีแดงแล้วสินะ แข็งแกร่งขึ้นมากจริง ๆ ด้วย’“สุดยอดไปเลยนะครับ สมแล้วกับตำแหน่งรอ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่ม

    บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่มในตอนนี้ ผู้คุมสนามได้ทำการสร้างสนามประลองแบบจำลองเสร็จสิ้นแล้ว เป็นทักษะที่มีความเหมือนจริงเป็นอย่างมาก ถึงได้ชื่อว่าเป็นภาพลวงตา และด้วยความแข็งแกร่งระดับราชันจอมเวทอาวุโส การที่สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ก็คงจะไม่เกินจริงนัก...ที่สนามประลอง ภายนอกทักษะภาพลวงตา“สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านี้... คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นครับ” เสียงของผู้คุมสนามได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองด้วยทักษะพลังเวทของพิธีกร เสียงตอบรับจากคนดูก็เกิดขึ้นในทันที“น... นี่เหมือนฉันดูการประลองผ่านจอเลยนะ”“ข้างในนั้นจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ?”“ดูนั่นสิ! อาคุมุอยู่นั่นล่ะ!!”“ที่นั่นมันคือจำลองเมืองไหนหรือเปล่า? ที่ไหนในจักรวรรดิหรือเปล่านะ?”...สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านั้น คือลูกบาศก์ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยออร่าของพลังเวทสีม่วง ลอยอยู่ในอากาศตรงกลางสนามประลอง ทั้งสี่ด้านนั้นเผยให้เห็นภาพจากมุมมองของแต่ละคนและมุมมองภาพรวมภายในนั้น ราวกับว่ากำลังดูผ่านจอขนาดยักษ์“สถานที่ภายในนั้นคือเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจักรวรรดิ มีชื่อว่าเมืองชิโตเสะครับ... ขอให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับการประลองในครั้ง

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?

    บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?กฎและกติกาการแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้ายนั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันโดยไม่ได้มีการประกาศล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้ารอบหรือผู้ชมทั่วทั้งสนามประลอง ไม่เคยมีใครคิดไว้ว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นการประลองแบบกลุ่ม“เริ่มจากการจัดกลุ่ม กลุ่มที่ 1 จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมก็คือสาย A, B, C และ D ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมคือสาย E, F, G และ H ครับ”พิธีกรได้ประกาศวิธีการแบ่งกลุ่มให้กับทั้ง 8 คน‘ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงแบ่งกลุ่มง่าย ๆ แบบนี้...’‘...เพราะรินอยู่ในกลุ่มที่ 2 สินะ? การคาดเดาของฉันถูกต้องอย่างแน่นอน!’สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นมีเพียงความได้เปรียบของฝั่งตรงข้าม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด และในสถานการณ์ตรงหน้านี้ ความได้เปรียบที่ว่าก็คงจะหนีไม่พ้นการที่กลุ่มนั้นมีคนอย่างรินอยู่ด้วยนั่นเอง“ก่อนที่จะเข้าสู่ลำดับถัดไป...” พิธีกรพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงจากแท่นด้านบนก็ดังขึ้นมาในทันทีตึ้ง!!ซึ่งเป็นเสียงขององค์จักรพรรดิที่ใส่พลังเวทเข้าไปในแท่นข้าง ๆ ตัว สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ตกใจกันไปตาม ๆ กัน“องค์จักร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status