LOGINหลิวเยว่ลืมตามองเพดานในความมืด นางรู้ดีว่าอนาคตคงไม่ราบเรียบนักแต่ยังไม่คาดคิดว่าตัวเองจะถูกขายให้เป็นอนุผู้อื่น นางไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาลงแล้วก็แสร้างร้องเสียงสะอื้น
“ท่านพ่อ… ท่านพ่อ… ทำไมท่านถึงทิ้งข้าไป…”
เสียงสะอึกสะอื้นนั้นปลุกชุนเสวี่ยให้สะดุ้งตื่น นางลุกขึ้นอย่างตื่นตระหนก “เยว่เอ๋อร์.. เจ้าฝันร้ายหรือ…”
หลินเยว่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แสร้งให้ดวงตาฉ่ำน้ำตา ก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นเครือ “ท่านแม่… ข้าฝันเห็นท่านพ่อ… ท่านมาในฝัน บอกว่าเป็นห่วงพวกเรา กลัวว่าพวกเราจะลำบาก… ท่านเลยมอบของบางอย่างให้”
ชุนเสวี่ยขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่หลินเยว่ไม่รอช้า เธอหลับตาครู่หนึ่งแล้วเอื้อมมือไปคว้ากล่องเล็ก ๆ จากอากาศบะหมี่พรีเมี่ยมรสทะเล ปรากฏขึ้นในมือของเธอราวกับปาฏิหาริย์
หลินอวี่ที่พึ่งตื่นขึ้นมาเบิกตากว้าง ตะลึงพรึงเพริด
“พี่สาว… มันคืออะไรน่ะ…”
หลินเยว่แสร้งทำเป็นแปลกใจพอกัน ก่อนบอกด้วยเสียงแผ่ว ๆ
“ท่านพ่อบอกว่า… ขอเพียงใส่น้ำ ก็จะกลายเป็นอาหารที่ทำให้เราอิ่มท้อง…” จากนั้นนางก็ลุกขึ้นเทน้ำใส่
ไม่นานไอร้อนหอมกรุ่นลอยขึ้นมา กลิ่นทะเลสดใหม่ปะทะจมูก สองแม่ลูกมองกล่องบะหมี่ด้วยดวงตาเบิกกว้าง ชุนเสวี่ยมองกล่องบะหมี่ร้อนในมือบุตรสาว น้ำตาซึมจากความตื้นตันปนตกใจ มือเธอสั่นขณะที่ยื่นมาสัมผัสกล่องประหลาดนั้น
“ของวิเศษ… หรือว่า… ท่านพ่อของเจ้าจริง ๆ มอบสิ่งนี้มา…”
หลินอวี่ตักบะหมี่เข้าปากอย่างกระตือรือร้น เคี้ยวด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้าซีดเซียว
“ข้ารู้… ท่านพ่อไม่มีทางทอดทิ้งพวกเรา…”
หลังจากที่ทั้งสองแม่ลูกกินบะหมี่จนรู้สึกอิ่มท้อง ความอบอุ่นเล็ก ๆ ในอกทำให้พวกเขาผ่อนคลายได้ชั่วครู่ หลินเยว่จ้องมองมารดาและน้องชายด้วยแววตาจริงจัง
“อย่างไร… เรื่องนี้คงให้คนอื่นรู้ไม่ได้…”
น้ำเสียงของเธอเรียบเย็นแต่หนักแน่น หลินอวี่พยักหน้ารับ ริมฝีปากเม้มแน่น เขารู้ดีว่าของวิเศษเช่นนี้ ถ้าแพร่งพรายออกไป อาจนำภัยใหญ่หลวงมาสู่ครอบครัว
หลินเยว่มองดูความกังวลในดวงตาน้องชาย ก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “ท่านพ่อบอกว่า…จะไปหาของวิเศษมาให้พวกเราอีก…แต่อาจต้องใช้เวลา…”
ชุนเสวี่ยที่ฟังเงียบ ๆ อยู่นานเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนๆ
“แล้วเหตุใด… ท่านพ่อของเจ้าถึงไม่มาหาแม่บ้าง…”
คำถามนั้นทำให้หลินเยว่ชะงักไปชั่วครู่ นางคิดอย่างรวดเร็ว ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“วิญญาณ…อาจจะติดต่อกับคนอย่างเราทุกคนไม่ได้ง่ายดายนัก บางที…อาจมีเงื่อนไขบางอย่างที่พวกเราไม่รู้”
คำตอบนั้นเรียบง่ายแต่ชวนให้เชื่อถือ ชุนเสวี่ยพยักหน้าช้า ๆ ดวงตาแดงก่ำแต่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในคำพูดของบุตรสาว
“แม่เข้าใจแล้ว…”
นางพึมพำเบา ๆ ราวกับกำลังพูดปลอบตัวเองไปด้วย
ชุนเสวี่ยก็เอื้อมมือไปลูบศีรษะของหลินอวี่เบา ๆ แล้วหันไปมองบุตรสาวคนโตด้วยแววตาอ่อนโยน
“ดึกแล้วพวกเรา..พักผ่อนกันก่อนเถอะ”
น้ำเสียงนั้นแผ่วนุ่มแต่เต็มไปด้วยความรัก หลินเยว่กับหลินอวี่สบตากันแล้วค่อย ๆ พยักหน้ารับคำสั่งของมารดา แม้จะยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนแต่ก็มีความอบอุ่นเล็ก ๆ แทรกอยู่ในค่ำคืนหนาวเหน็บนี้
ร้านอาหารหลงฮวา
เสียงหัวเราะเฮฮาดังคลอไปรอบห้องโถงของ ร้านหลงฮวา ขณะที่ บุตรชายนายอำเภอโจว และกลุ่มเพื่อนจากสำนักศึกษาเข้าใช้บริการในมื้อเย็น ห้องชั้นบนสุดของร้านถูกเปิดต้อนรับขุนนางหนุ่มเหล่านั้นด้วยชุดอาหารพิเศษ หรูหราตามที่เจ้าตัวสั่งไว้
“น้ำซุปเป็ดตุ๋นของร้านนี้ รสชาติดีจริง ๆ” หนึ่งในข้ารับใช้ออกปากชม ขณะยกช้อนขึ้นซดอีกคำ
ลู่ซ่าง เจ้าของร้านหลงฮวา ยืนส่งยิ้มอยู่ด้านข้าง เขาไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าคืนนี้ จะเปลี่ยนชีวิตทั้งตระกูลไปตลอดกาล
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “เดี๋ยวก่อน... นี่มันตัวอะไร?”
ทุกสายตาหันไปที่จานผัดเห็ดหอม เมื่อ บุตรชายนายอำเภอใช้ตะเกียบเขี่ยสิ่งแปลกปลอมขึ้นจากจานอาหาร หนอนสีขาวซีดดิ้นอยู่เพียงครู่ก่อนจะนิ่งไป ท่ามกลางแสงตะเกียงและความเงียบงันชั่วขณะ
เสียงโวยวายเกิดขึ้นทันที
“นี่เจ้าจะให้ข้ากินของสกปรกแบบนี้หรือ”
ไม่นาน เพื่อนคนหนึ่งของเขาก็ทรุดลงกับพื้น มือกุมท้อง น้ำเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด “ข้า... ท้อง... ไม่ไหวแล้ว...”
ข้ารับใช้ของนายอำเภอรีบพาตัวผู้ป่วยออกไป ในขณะที่ทหารเวรเข้าตรวจสอบทันที บรรยากาศในร้านเต็มไปด้วยความโกลาหล
ลู่ซ่างถูกควบคุมตัวไปสอบสวน โดยไม่ทันได้หาคำแก้ตัว
น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเมื่อเห็นกลุ่มทหารเข้าค้นครัวหลังร้านและพบ เศษเนื้อไม่ทราบที่มาและของสดที่เน่าเสีย ปะปนอยู่กับของปรุงอาหาร
“นี่ไม่ใช่เนื้อของที่ร้าน!” เสียงของลู่ซ่างดังลอดความโกลาหลในห้องครัว เขาเอ่ยด้วยใบหน้าขาวซีดน้ำเสียงสั่นระคนตกใจ
“ใต้เท้าโปรดสอบสวน ข้าทำอาหารโดยเคร่งครัดที่สุดในเรื่องความสะอาด ขอให้สอบสวนให้ละเอียด!”
แต่ไม่มีใครฟังคำแก้ต่างของเขา... ทหารเวรและเจ้าหน้าที่ตรวจพิษเดินเข้าออกอย่างเร่งรีบ ค้นกล่องไม้ ถังเก็บเนื้อ และเครื่องปรุงสารพัด
หนึ่งในเจ้าหน้าที่หยิบถังเก็บเนื้อขึ้น ก่อนจะส่งเสียงเย็นชา
“ในถังนี้... มีเศษเนื้อสัตว์ที่เน่าเสียปะปนอยู่ และมีร่องรอยยาเบื่อบางชนิด มีคนท้องเสียหลังจากรับประทานอาหารเมื่อครู่ คาดว่าได้รับสารพิษจากสิ่งนี่”
ลู่ซ่างแทบทรุด หัวใจเขาเต้นแรงราวกับจะระเบิดออกจากอก ขาของเขาก้าวไม่ออก ขณะที่ถูกทหารสองนายเข้าคว้าต้นแขน
“จับกุมตัวไว้ก่อน นำตัวไปสอบสวนที่ศาลาว่าการ”
ลู่เผย พุ่งตรงจากข้างนอก ใบหน้าของเขาร้อนรนอยู่บ้าง
“ท่านพ่อ...เกิดอะไรขึ้น”
สิ่งที่เห็นคือบิดาของเขาถูกจับลากออกไปจากร้านโดยไม่มีแม้แต่คำอธิบาย ท่ามกลางสายตาผู้คนที่มุงดูเต็มสองข้างทาง เสียงกระซิบกระซาบ
“ได้ยินว่ามีหนอนในจาน...”
“ว่าแต่... เขาแอบใส่อะไรลงไปกันแน่?”
ลู่เผยชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้าไปเบื้องหน้าเจ้าหน้าที่ เขาค้อมศีรษะลงเล็กน้อยพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่หนักแน่น
“ใต้เท้า โปรดเมตตา สกุลลู่ของข้าประกอบกิจการโดยสุจริตมาโดยตลอด ขอท่านได้โปรดพิจารณาอย่างเป็นธรรม”
จากนั้นชายหนุ่มก็แนบถุงผ้าเล็ก ๆ ไว้ในแขนเสื้อของเจ้าหน้าที่ทั้งสองคน การกระทำราบเรียบแนบเนียนน้ำหนักของมันพอเพียงให้สีหน้าขึงตึงของเจ้าหน้าที่เปลี่ยนเป็นผ่อนคลาย
“เรื่องนี้ต้องให้นายอำเภอไต่สวนเสียก่อน...จำเป็นต้องควบคุมคน” เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งกล่าวขึ้น
ลู่เผยพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปมองบิดา “ท่านพ่อไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง”
ลู่ซ่างมองบุตรชายด้วยสายตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ ไม่คาดคิดว่าบุตรที่สุภาพดูอ่อนโยนจะเผชิญเหตุเช่นนี้ได้อย่างนิ่งสงบ
เขาพยักหน้ารับเบา ๆ แล้วเอ่ย “ฝากเจ้าด้วย”
เจ้าหน้าที่ไม่กล่าวสิ่งใดอีก เพียงพาตัวลู่ซ่างออกไปตามขั้นตอนของทางการ ลู่เผยยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นมองบิดาจนลับตาก่อนจะหันหลังกลับไปสั่งการคนในร้านทีละส่วน
ตอนที่ 67 เริ่มต้นบทใหม่ในสวรรค์ เกิดความปั่นป่วนขึ้นเงียบ ๆทูตนำส่งวิญญาณชุดดำขมวดคิ้ว “นี่...เจ้ารู้หรือไม่ มิติลับของนางสร้างเรื่องใหญ่แล้ว”ทูตวิญญาณชุดขาวส่ายหน้า “จะสร้างเรื่องใดได้เล่า นางก็แค่ใช้มันเอาตัวรอดมิใช่หรือ”“ตามข้ามาดูเองเถิด”เมื่อพวกเขาปรากฏกายเหนืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ทูตชุดดำเอ่ยเสียงต่ำ “ดูเถิด...นางเลือก น้ำ และถึงขั้นเลือกในระดับเขื่อนมาวางไว้”ชุดขาวเลิกคิ้ว “ผู้ใดจะคาดคิด...แต่ก็ใช่ว่าจะเสียหายอันใดมิใช่หรือ”ทูตวิญญาณชุดดำเพียงยกมือชี้ไปยังเบื้องล่าง กลุ่มผู้คนมากมายกำลังทำไร่ทำนา ปลูกต้นไม้และเด็ก ๆ หัวเราะเล่นน้ำอย่างแข็งแรง “คนเหล่านั้น...เดิมตามชะตาจะอดอยาก ล้มตายจากความหิวโหยและหนาวเหน็บ เด็กเหล่านี้ก็คงไม่รอดมากนัก แต่เพราะเขื่อนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด”เขากล่าวต่อ “นอกจากน้ำเขือน นางยกถังน้ำนมมาจากแจกจ่ายให้เด็กเหล่านั้นดื่มทุกวัน ดูเอาเถอะไม่มีเค้าโครงความยากเข็ญสักนิด”เสียงเขาเข้มขึ้น “ที่สำคัญ...สถานที่นี้ ไม่ควรมีฝน ทว่าผ่านไปเพียงหนึ่งปี เมฆฝนกลับก่อตัว...และโปรยปรายลงมา”ทูตวิญญาณชุดขาวเบิกตากว้าง “เช่นนั้นย่อมหมายถึงเทพบนสวรรค์ย่อมสังเก
ตอนที่ 66 ความผิดพลาด หลังมื้ออาหาร หลินเยว่นั่งพิงซบไหล่ลู่เผยบนสันเขื่อน ลมกลางคืนพัดอ่อนโยนคล้ายจะโอบล้อมทั้งสองไว้ ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก“พวกเขาคงอยู่ที่นี่ไม่นานนัก...อีกไม่นานคงรีบกลับไปบอกเล่าทุกสิ่งที่เมืองหลวง”หลินเยว่ยิ้มอ่อน แววตาเจือความขบขัน “พวกเขาบอกว่าข้าคือคนที่สวรรค์เลือก...แต่ท่านรู้หรือไม่ จริง ๆ แล้ว ข้าคือข้อผิดพลาดของสวรรค์ต่างหาก”ขณะนั้นหลินเยว่ก็ดึงน้ำปั่นสีแดงออกมา“ดื่มนี้สิ...น้ำแตงโมปั่นสดชื่นนัก”ลู่เผยรับจากหลินเยว่มาอีกมือก็กระชับอ้อมกอด ดวงตาเต็มไปด้วยความมั่นคง “เรื่องอื่นอาจผิดพลาดได้...แต่สำหรับฮูหยิน ข้าจะไม่มีวันเป็นความผิดพลาดเด็ดขาด หลังเสร็จสิ้นเรื่องนี้...พวกเรามีบุตรด้วยกันสักคนดีหรือไม่”หลินเยว่เงยหน้ามองเขา ดวงแก้มระเรื่อขึ้นโดยไม่รู้ตัว “บุตรหรือ...ข้าไม่เคยคิดถึงเลย”ลู่เผยหัวเราะเบา ๆ ลูบเส้นผมเธออย่างอ่อนโยน “หากเจ้ามิพร้อม เราก็ยังไม่ต้องรีบร้อน...ข้าเข้าใจพวกเราอาจจะยังต้องการท่องเที่ยวอีก”หญิงสาวส่ายหน้าช้า ๆ รอยยิ้มอบอุ่นผุดบนริมฝีปาก “มิใช่ไม่อยาก เพียงแต่...ข้าไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน อีกอย่างตอนนี้...ข้าเพ
ตอนที่ 65 สวรรค์ล้วนเมตตา เสียงขุดดินและเสียงตะโกนประสานงานของชาวบ้านยังคงดังระงมรอบบริเวณ เสนาบดีเสิ่นก้าวลงจากหลังม้า เดินไปยังกลุ่มชาวบ้านที่กำลังขุดคลองด้วยท่าทีสงบมั่นคง ดวงตาคมกริบกวาดมองบรรยากาศอย่างถี่ถ้วนไม่นานนัก ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งรีบวางมือจากงานคุมคนงานก้าวออกมาคารวะ เขาก้มศีรษะต่ำกล่าวด้วยความเกรงใจ“คารวะใต้เท้า...ผู้น้อยสายตาตื้นเขิน ไม่ทราบนามของท่านคือ”ขุนนางผู้ติดตามก้าวออกมากล่าวเสียงดังฟังชัด “ท่านผู้นี้คือเสนาบดีเสิ่น ได้รับราชโองการให้มาตรวจสอบพื้นที่กันดารแห่งนี้ด้วยตนเอง”ชายผู้นั้น รีบก้มตัวโขกศีรษะ “คารวะท่านเสนาบดีเสิ่น! ผู้น้อยไม่ทราบว่าท่านจะมาเยือน จึงไม่ได้จัดการต้อนรับเสียมารยาทแล้ว”เสนาบดีเสิ่นโบกมือเบา ๆ แย้มรอยยิ้มเมตตาน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่อาจตำหนิเจ้าได้ ข้าได้ยินว่า...ที่แห่งนี้มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ใช่หรือไม่ คลองเหล่านี้...จะรับน้ำจากอ่างนั้นมาหรือ”เขารีบตอบด้วยความนอบน้อม “ขอรับใต้เท้า อ่างเก็บน้ำอยู่ห่างจากที่นี่ราวห้าสิบลี้ หากเดินตามคลองไปก็จะถึง... ทุกวันนี้พวกเราขยันกันนัก วันหนึ่งขุดคลองได้เกือบหนึ่งลี้ ทว่าที่ตรงนี้จึงยังไม
ตอนที่ 64 เห็นด้วยตาตัวเอง หลังจากพูดคุยกันเสร็จ ไป๋จิ้งหานกับซูเหยียนก็ขอตัวออกเดินทางกลับเมืองหลวง ในขณะเดียวกันกลุ่มขุนนางตรวจการนำโดยเสนาบดีเสิ่นก็กำลังเดินทางมา ท้องฟ้าเหนือดินแดนกันดารเป็นสีหม่นมัว เมฆฝุ่นคลุ้งกระจายไปทั่วผืนดิน เสียงลมหวีดหวิวเสียดผ่านพงหญ้าแห้งเหมือนเสียงคร่ำครวญที่ไร้จบสิ้นขบวนเสนาบดีเสิ่นกำลังเคลื่อนตัวช้า ๆ ผ่านเส้นทางกันดาร รถม้าและม้าศึกหลายสิบตัวเคลื่อนตามเป็นแถว ขุนนางผู้ติดตามแต่ละคนต่างใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก กันไม่ให้ฝุ่นทรายเข้าไปอุดอู้พวกเขาต่างกระซิบคุยกัน “ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องลวงกระมัง”ทว่าในเส้นการเดินทางหาได้มีแค่กลุ่มของขุนนางนี้เสนาบดีเสิ่นเลิกผ้าม่านมองไปข้างหน้า เห็นกลุ่มคาราวานพ่อค้ากำลังมุ่งหน้าไปในทิศเดียวกัน หีบห่อและเกวียนสินค้าถูกบรรทุกเต็มจนแทบเอียง เสียงโห่ร้องของคนงานดังเซ็งแซ่“พ่อค้าอีกแล้วหรือ...” ขุนนางใหญ่เอ่ยถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เหตุใดดินแดนกันดารเช่นนี้ถึงได้มีพ่อค้ามากมายแห่มา” พวกเขาต่างมีคำถามในใจเสียงเกวียนไม้ครืดคราดผสมเสียงฝีเท้าม้าโหม่งพื้นดินแห้งกรัง กลายเป็นท่วงทำนองอึดอัดท
ตอนที่ 63 คุกเข่า รุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงอาทิตย์สาดผ่านม่านหมอกบาง ๆ เหนืออ่างเก็บน้ำ เสียงนกป่าดังแว่วคลอไปกับเสียงผู้คนที่เริ่มทยอยออกมาจากกระโจม เตรียมแรงกายสำหรับการขุดคลองต่อในวันนี้ท่ามกลางบรรยากาศที่กำลังคึกคัก เสียงเกือกม้าดัง ตึกตัก ตึกตัก ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ขบวนม้าหลายสิบตัวแล่นมาตามเส้นทางดินฝุ่นตลบ เมื่อใกล้ถึงค่าย คนทั้งหลายต่างหยุดมือหันไปมองไป๋จิ้งหานปรายตามองดูพื้นดินกันดารที่เปลี่ยนไปมาก ระหว่างทางยังคงมีผู้คนเดินเท้ามาตลอดทางเขากระโดดลงจากม้า ทหารหลายคนจำเขาได้ต่างหยุดมือยืนคารวะ ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย มีคนเดินเข้ามาหลังผู้นั้นคารวะเสร็จเขาจึงเอ่ยถาม “ซูเหยียนอยู่ที่ใด”“อยู่บนอ่างเก็บน้ำขอรับ ผู้น้อยจะนำทางท่านไป”บนสันอ่างเก็บน้ำ สายลมยามเช้าพัดแรงพอให้ชายเสื้อสะบัด เสียงผู้คนเบื้องล่างยังคงคึกคัก แต่บรรยากาศตรงนี้กลับสงบกว่าซูเหยียนยืนรออยู่แล้ว เมื่อเห็นไป๋จิ้งหานก้าวเข้ามา เขาแค่มองด้วยแววตาลึกซึ้งเชิดเล็กน้อยกล่าว “เป็นอย่างไรบ้าง...ตกตะลึงเลยใช่หรือไม่?”ไป๋จิ้งหานหัวเราะเฮอะในลำคอ แววตาคมกริบฉายแววจริงจัง “ข้ายอมรับว่าสั่นสะท้านจริ
ตอนที่ 62 ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลินเยว่มองเห็นซูเหยียนก็เอ่ยเรียกทันที…“คุณชายซู...มาถึงพอดีเลย ข้าเพิ่งย่างปลาเสร็จใหม่ ๆ” ซูเหยียนปรายตามองโต๊ะไม้ชั่วคราวที่ตั้งอยู่ใกล้กองไฟ สายตาสะดุดเข้ากับแท่งแก้วสีเหลืองทองที่สะท้อนแสงไฟระยิบระยับ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยถามเสียงเรียบ “นี่...คืออะไรหรือ?”หลินเยว่ยิ้มบาง พลางโบกมือเชิญ “นั่งลงก่อน ๆ ข้าจะรินให้เอง” นางหยิบภาชนะขึ้นรินของเหลวสีเหลืองทองลงในถ้วยไม้ กลิ่นหอมเฉพาะตัวลอยออกมาอวลตัดกับกลิ่นควันปลา“นี่คือน้ำหมักสุรา ชื่อว่า เบียร์ …ท่านลองชิมดูสิว่าถูกปากหรือไม่”ฟองละเอียดสีขาวลอยบนผิวถ้วย ซูเหยียนมองด้วยความแปลกใจ ไม่เคยเห็นสุราใดในแคว้นเยี่ยนโจวมีลักษณะเช่นนี้ เขารับถ้วยจากมือนาง ลองยกขึ้นดื่มเพียงอึกเล็ก ๆ ก่อนชะงักไปเล็กน้อยรสชาติขมแปลกแต่กลับสดชื่นอย่างน่าประหลาดซูเหยียนจิบเบียร์ไปอีกเล็กน้อย คราวนี้สีหน้าเริ่มผ่อนคลายขึ้น ดวงตาที่เคยเยือกเย็นฉายแววสงสัยปนพอใจอยู่ราง ๆลู่เผยที่นั่งพิงอยู่ข้างกองไฟหันมามอง ยกยิ้มบางพลางเอ่ยขึ้น“สุรานี้แปลกดี...ขมตอนแรก แต่กลับชุ่มคออย่างน่าประหลาด ราวกับซ่อนความสดชื่นไว้ข







