LOGINชายแดนตะวันออก ค่ายทหารแคว้นเยี่ยวโจว
แม่ทัพใหญ่ ไป๋เจี้ยน ฟื้นคืนสติจากอาการบาดเจ็บกลางสมรภูมิ ความเจ็บปวดในกายยังแล่นอยู่ แต่สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือผู้ใต้บังคับบัญชาที่รับดาบและปกป้องเขา
เขาเอ่ยเสียงแหบแผ่ว “หลิวอัน…ตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง…”
ทหารรับใช้ขานตอบเสียงเรียบ “นายกองหลิวอัน… ได้ทำหน้าที่ของตนสมบูรณ์แล้วขอรับ…”
ไป๋เจี้ยนหลับตาลงชั่วครู่ ก่อนเอ่ยเสียงขรึม “เขาได้ฝากข้า…ให้ช่วยดูแลครอบครัว…ขอให้ข้ารับบุตรสาวของเขาเข้าจวน…”
ตอบแทนบุญช่วยชีวิตนี่ไม่นับว่าหนักเกินไป “อายุข้ามากแล้ว… หากรับนางเป็นอนุ คงเป็นเวรกรรมเสียมากกว่า…ทว่าข้ารับปากไปแล้ว”
ไป๋เจี้ยนหันไปมองบุตรชายของตน
“ไป๋จิ้งหาน... เจ้าก็รับนางเป็นอนุเถิด”
ไป๋จิ้งหานรองแม่ทัพหนุ่ม หน้าตาคมคาย เขาพยักหน้ารับคำอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ ชายหนุ่มยกมือประสานรับคำสั่ง
“ขอรับ…ข้าจะรีบให้คนไปจัดการ”
ชายหนุ่มหันไปพยักหน้าให้ทหารคนสนิท จากนั้นพวกเขาก็จัดคนเตรียมไปรับคนไปไว้ที่จวนในเมืองหลวงเจียงหนิง
ในยามดึกสงัด หลังจากทุกคนหลับสนิท หลินเยว่ค่อยก้าวเท้าเบาออกจากเรือนขึ้นไปนั่งบนหลังคา ดวงตาของนางเงยขึ้นมองท้องฟ้ายามราตรีอย่างครุ่นคิด ภายใต้แสงจันทร์นวล อากาศคืนนี้เย็นสบายและสงบนิ่ง
หลินเยว่ถอนหายใจเล็กน้อย เมื่อนึกถึงบะหมี่เป็ดตุ๋นร้อนๆ รสชาติกลมกล่อมหอมละมุนที่ชาติก่อนนางเคยชอบกินยามค่ำคืน
ทว่า…ของที่นางเคยเลือกจากมิตินั้นคือบะหมี่รสทะเล หลินเยว่คิดว่าน่าเสียดายอยู่บ้าง แต่ไม่เป็นไร ของเลือกแล้วถือว่าไม่อาจเปลี่ยนแปลง นางยื่นมือออกไปเพื่อหยิบบะหมี่รสทะเลจากมิติ
แต่ทันทีที่กล่องปรากฏ นางกลับต้องชะงักงัน ดวงตาเปล่งประกายขึ้นมาทันที กล่องบะหมี่ตรงหน้านางไม่ใช่รสทะเล แต่กลับกลายเป็นบะหมี่เป็ดตุ๋นที่นางเพิ่งนึกอยากกินเมื่อครู่
หลินเยว่กะพริบตาเล็กน้อย ก่อนเผยรอยยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ นางพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“เช่นนี้ก็หมายความว่า ขอเพียงเป็นของประเภทเดียวกัน จะเป็นรสชาติหรือรูปแบบไหนก็ได้สินะ” หลินเยว่เหยียดปากยิ้ม
“...นับว่าฑูตนำวิญญาณยังมีมโนธรรม”
พลัน หญิงสาวก็คิดแผนการบางอย่างออกมาได้ นางหัวเราะออกมาเบาๆ ท่ามกลางความมืด ก่อนค่อยๆเปิดกล่องบะหมี่เป็ดตุ๋น แล้วนั่งกินเงียบๆ พลางเรียบเรียงแผนการที่ต้องทำต่อไปการ
ส่วนการเดินทางมาเมืองชิงสุ่ยคนของไป๋จิ้งหาน จำเป็นต้องใช้เวลากว่าพวกเขาจะมาถึง หลิวเยว่ก็ขึ้นเกี้ยวไปเป็นอนุของเจ้าเมืองแล้ว
หญิงสาวถูกพาตัวขึ้นเกี้ยวเตรียมเดินทางไปยังจวนนายอำเภอโจว นางนั่งสงบไม่แสดงอาการขัดขืน ป้าสะใภ้ใหญ่หลิวซือซินเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างพึงใจ คิดว่าหลินเยว่ยอมรับชะตากรรมแต่โดยดีแล้ว
เกี้ยวถูกหาบออกไปสักพัก หลินเยว่แอบยกมุมผ้าม่านขึ้นเล็กน้อย ก่อนหน้านางได้มาสำรวจเส้นทางอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว...ด้วยสายตาที่คมกริบของตำรวจหน่วยพิเศษในชาติก่อน ในใจคำนวณเส้นทางออกจากเมืองไว้แล้ววางแผนการอย่างไม่ยากลำบาก
หลินเยว่ยิ้มบางเบา มุมปากยกขึ้นแทบไม่สังเกตเห็น ดวงตาสะท้อนแววเฉียบคมเยือกเย็น ก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
“ท่านป้า ๆ” หลินเยว่เอ่ยเรียกหญิงวัยกลางคนที่เดินอยู่ข้างเกี้ยวด้วยน้ำเสียงร้อนรน
หญิงผู้นั้นขมวดคิ้ว “มีอะไร”
“ข้าอยากเข้าห้องน้ำสักหน่อย… ไม่ไหวแล้วจริง ๆ”
นางกุมท้อง สีหน้าบิดเบี้ยวแสร้งอย่างแนบเนียน
“อดทนอีกสักพัก จะถึงแล้ว”
“ไม่ได้จริง ๆ ถ้าท่านไม่ปล่อยข้าลงตอนนี้ รับรองเปรอะเปื้อนแน่”
หญิงวัยกลางคนกลอกตาอย่างไม่พอใจ ก่อนตะโกนเรียกบุรุษอีกสองคน “พวกเจ้า ตามข้าเข้าไปดูด้วย อย่าให้มีลูกเล่น”
หลินเยว่ถูกพาเข้าไปในป่าริมทาง หญิงวัยกลางคนหันไปสั่งเสียงห้วน “จัดการให้เรียบร้อย อย่าชักช้า”
“เจ้าค่ะ ๆ” นางรับคำ มือประสานอยู่หน้าท้องอย่างสงบ
สักพัก เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากด้านใน
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ ช่วยด้วย!”
บุรุษสองคนหน้าป่าชะงัก ก่อนรีบวิ่งพรวดเข้าไปตามเสียง เมื่อมาถึง พวกเขาเห็นหญิงวัยกลางคนนอนหมดสติอยู่บนพื้น
และเบื้องหลังเงานั้น หลินเยว่ยืนอยู่นิ่งพลางคลี่ยิ้มอย่างเลือดเย็น
“เจ้าคิดว่าจะหนีรอดหรือ”
หนึ่งในชายฉกรรจ์แค่นเสียง ก่อนพุ่งเข้าใส่
หลินเยว่ไม่ตอบ นางชักบางอย่างออกจากชายเสื้อ
ปัง ปัง
เสียงดังแหวกความเงียบกลางป่า
ร่างของชายทั้งสองทรุดฮวบลงในพริบตา
นางหอบหายใจเบา ๆ ก่อนตะโกนอีกครั้งด้วยเสียงอ่อนแรง
“ช่วยด้วย” เมื่อชายอีกสองคนวิ่งกรูกันเข้ามา คนพวกนี้นางสืบมาหมดแล้วว่าชีวิตทำแต่เรื่องชั่วช้า สมควรตาย
หญิงสาวจึงจัดการอย่างไม่ลังเล
เมื่อทุกอย่างจบลง หลินเยว่ทรุดตัวลงข้างร่างหนึ่ง นางคว้ามีดพกของอีกฝ่ายมากรีดเสื้อผ้าของตนให้ขาดรุ่งริ่ง ลากเลือดจากร่างพวกนั้นให้เปื้อนเนื้อตัวพอประมาณ แล้ววิ่งพรวดออกจากป่า
สีหน้าตื่นตระหนก ร่างกายดูเหมือนถูกทำร้าย
เสียงหอบหายใจแทรกกับเสียงฝีเท้าที่เร่งเร้า
เป็นภาพของเหยื่อที่หนีตาย
เสียง “ปัง” เบาราวกับกลืนหายไปกับสายลมในพงไพร ทว่า สำหรับผู้ที่ฝึกวรยุทธ์ เสียงนั้นกลับแจ่มชัดยิ่งกว่ากลองรบ
“เสียงอะไร” จ้าวเทียน นายกองคนสนิทของไป๋จิ้งหานขมวดคิ้วพลางชะงักฝีเท้า เขาได้รับคำสั่งให้มาส่งข่าวจากกองทัพถึงเมืองหลวงและจัดการเรื่องของหลินเยว่ด้วยตนเอง
เขาเหลียวมองไปยังทิศที่ต้นเสียงดังขึ้น ก่อนเอ่ยสั่งคนในชุดเกราะเบื้องหลังเสียงหนักแน่น
“ข้าได้ยินจากทางโน้น รีบไปตรวจสอบ”
พวกเขาควบม้าตรงไปยังต้นเสียงอย่างว่องไว
ตอนที่ 67 เริ่มต้นบทใหม่ในสวรรค์ เกิดความปั่นป่วนขึ้นเงียบ ๆทูตนำส่งวิญญาณชุดดำขมวดคิ้ว “นี่...เจ้ารู้หรือไม่ มิติลับของนางสร้างเรื่องใหญ่แล้ว”ทูตวิญญาณชุดขาวส่ายหน้า “จะสร้างเรื่องใดได้เล่า นางก็แค่ใช้มันเอาตัวรอดมิใช่หรือ”“ตามข้ามาดูเองเถิด”เมื่อพวกเขาปรากฏกายเหนืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ทูตชุดดำเอ่ยเสียงต่ำ “ดูเถิด...นางเลือก น้ำ และถึงขั้นเลือกในระดับเขื่อนมาวางไว้”ชุดขาวเลิกคิ้ว “ผู้ใดจะคาดคิด...แต่ก็ใช่ว่าจะเสียหายอันใดมิใช่หรือ”ทูตวิญญาณชุดดำเพียงยกมือชี้ไปยังเบื้องล่าง กลุ่มผู้คนมากมายกำลังทำไร่ทำนา ปลูกต้นไม้และเด็ก ๆ หัวเราะเล่นน้ำอย่างแข็งแรง “คนเหล่านั้น...เดิมตามชะตาจะอดอยาก ล้มตายจากความหิวโหยและหนาวเหน็บ เด็กเหล่านี้ก็คงไม่รอดมากนัก แต่เพราะเขื่อนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด”เขากล่าวต่อ “นอกจากน้ำเขือน นางยกถังน้ำนมมาจากแจกจ่ายให้เด็กเหล่านั้นดื่มทุกวัน ดูเอาเถอะไม่มีเค้าโครงความยากเข็ญสักนิด”เสียงเขาเข้มขึ้น “ที่สำคัญ...สถานที่นี้ ไม่ควรมีฝน ทว่าผ่านไปเพียงหนึ่งปี เมฆฝนกลับก่อตัว...และโปรยปรายลงมา”ทูตวิญญาณชุดขาวเบิกตากว้าง “เช่นนั้นย่อมหมายถึงเทพบนสวรรค์ย่อมสังเก
ตอนที่ 66 ความผิดพลาด หลังมื้ออาหาร หลินเยว่นั่งพิงซบไหล่ลู่เผยบนสันเขื่อน ลมกลางคืนพัดอ่อนโยนคล้ายจะโอบล้อมทั้งสองไว้ ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก“พวกเขาคงอยู่ที่นี่ไม่นานนัก...อีกไม่นานคงรีบกลับไปบอกเล่าทุกสิ่งที่เมืองหลวง”หลินเยว่ยิ้มอ่อน แววตาเจือความขบขัน “พวกเขาบอกว่าข้าคือคนที่สวรรค์เลือก...แต่ท่านรู้หรือไม่ จริง ๆ แล้ว ข้าคือข้อผิดพลาดของสวรรค์ต่างหาก”ขณะนั้นหลินเยว่ก็ดึงน้ำปั่นสีแดงออกมา“ดื่มนี้สิ...น้ำแตงโมปั่นสดชื่นนัก”ลู่เผยรับจากหลินเยว่มาอีกมือก็กระชับอ้อมกอด ดวงตาเต็มไปด้วยความมั่นคง “เรื่องอื่นอาจผิดพลาดได้...แต่สำหรับฮูหยิน ข้าจะไม่มีวันเป็นความผิดพลาดเด็ดขาด หลังเสร็จสิ้นเรื่องนี้...พวกเรามีบุตรด้วยกันสักคนดีหรือไม่”หลินเยว่เงยหน้ามองเขา ดวงแก้มระเรื่อขึ้นโดยไม่รู้ตัว “บุตรหรือ...ข้าไม่เคยคิดถึงเลย”ลู่เผยหัวเราะเบา ๆ ลูบเส้นผมเธออย่างอ่อนโยน “หากเจ้ามิพร้อม เราก็ยังไม่ต้องรีบร้อน...ข้าเข้าใจพวกเราอาจจะยังต้องการท่องเที่ยวอีก”หญิงสาวส่ายหน้าช้า ๆ รอยยิ้มอบอุ่นผุดบนริมฝีปาก “มิใช่ไม่อยาก เพียงแต่...ข้าไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน อีกอย่างตอนนี้...ข้าเพ
ตอนที่ 65 สวรรค์ล้วนเมตตา เสียงขุดดินและเสียงตะโกนประสานงานของชาวบ้านยังคงดังระงมรอบบริเวณ เสนาบดีเสิ่นก้าวลงจากหลังม้า เดินไปยังกลุ่มชาวบ้านที่กำลังขุดคลองด้วยท่าทีสงบมั่นคง ดวงตาคมกริบกวาดมองบรรยากาศอย่างถี่ถ้วนไม่นานนัก ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งรีบวางมือจากงานคุมคนงานก้าวออกมาคารวะ เขาก้มศีรษะต่ำกล่าวด้วยความเกรงใจ“คารวะใต้เท้า...ผู้น้อยสายตาตื้นเขิน ไม่ทราบนามของท่านคือ”ขุนนางผู้ติดตามก้าวออกมากล่าวเสียงดังฟังชัด “ท่านผู้นี้คือเสนาบดีเสิ่น ได้รับราชโองการให้มาตรวจสอบพื้นที่กันดารแห่งนี้ด้วยตนเอง”ชายผู้นั้น รีบก้มตัวโขกศีรษะ “คารวะท่านเสนาบดีเสิ่น! ผู้น้อยไม่ทราบว่าท่านจะมาเยือน จึงไม่ได้จัดการต้อนรับเสียมารยาทแล้ว”เสนาบดีเสิ่นโบกมือเบา ๆ แย้มรอยยิ้มเมตตาน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่อาจตำหนิเจ้าได้ ข้าได้ยินว่า...ที่แห่งนี้มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ใช่หรือไม่ คลองเหล่านี้...จะรับน้ำจากอ่างนั้นมาหรือ”เขารีบตอบด้วยความนอบน้อม “ขอรับใต้เท้า อ่างเก็บน้ำอยู่ห่างจากที่นี่ราวห้าสิบลี้ หากเดินตามคลองไปก็จะถึง... ทุกวันนี้พวกเราขยันกันนัก วันหนึ่งขุดคลองได้เกือบหนึ่งลี้ ทว่าที่ตรงนี้จึงยังไม
ตอนที่ 64 เห็นด้วยตาตัวเอง หลังจากพูดคุยกันเสร็จ ไป๋จิ้งหานกับซูเหยียนก็ขอตัวออกเดินทางกลับเมืองหลวง ในขณะเดียวกันกลุ่มขุนนางตรวจการนำโดยเสนาบดีเสิ่นก็กำลังเดินทางมา ท้องฟ้าเหนือดินแดนกันดารเป็นสีหม่นมัว เมฆฝุ่นคลุ้งกระจายไปทั่วผืนดิน เสียงลมหวีดหวิวเสียดผ่านพงหญ้าแห้งเหมือนเสียงคร่ำครวญที่ไร้จบสิ้นขบวนเสนาบดีเสิ่นกำลังเคลื่อนตัวช้า ๆ ผ่านเส้นทางกันดาร รถม้าและม้าศึกหลายสิบตัวเคลื่อนตามเป็นแถว ขุนนางผู้ติดตามแต่ละคนต่างใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก กันไม่ให้ฝุ่นทรายเข้าไปอุดอู้พวกเขาต่างกระซิบคุยกัน “ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องลวงกระมัง”ทว่าในเส้นการเดินทางหาได้มีแค่กลุ่มของขุนนางนี้เสนาบดีเสิ่นเลิกผ้าม่านมองไปข้างหน้า เห็นกลุ่มคาราวานพ่อค้ากำลังมุ่งหน้าไปในทิศเดียวกัน หีบห่อและเกวียนสินค้าถูกบรรทุกเต็มจนแทบเอียง เสียงโห่ร้องของคนงานดังเซ็งแซ่“พ่อค้าอีกแล้วหรือ...” ขุนนางใหญ่เอ่ยถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เหตุใดดินแดนกันดารเช่นนี้ถึงได้มีพ่อค้ามากมายแห่มา” พวกเขาต่างมีคำถามในใจเสียงเกวียนไม้ครืดคราดผสมเสียงฝีเท้าม้าโหม่งพื้นดินแห้งกรัง กลายเป็นท่วงทำนองอึดอัดท
ตอนที่ 63 คุกเข่า รุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงอาทิตย์สาดผ่านม่านหมอกบาง ๆ เหนืออ่างเก็บน้ำ เสียงนกป่าดังแว่วคลอไปกับเสียงผู้คนที่เริ่มทยอยออกมาจากกระโจม เตรียมแรงกายสำหรับการขุดคลองต่อในวันนี้ท่ามกลางบรรยากาศที่กำลังคึกคัก เสียงเกือกม้าดัง ตึกตัก ตึกตัก ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ขบวนม้าหลายสิบตัวแล่นมาตามเส้นทางดินฝุ่นตลบ เมื่อใกล้ถึงค่าย คนทั้งหลายต่างหยุดมือหันไปมองไป๋จิ้งหานปรายตามองดูพื้นดินกันดารที่เปลี่ยนไปมาก ระหว่างทางยังคงมีผู้คนเดินเท้ามาตลอดทางเขากระโดดลงจากม้า ทหารหลายคนจำเขาได้ต่างหยุดมือยืนคารวะ ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย มีคนเดินเข้ามาหลังผู้นั้นคารวะเสร็จเขาจึงเอ่ยถาม “ซูเหยียนอยู่ที่ใด”“อยู่บนอ่างเก็บน้ำขอรับ ผู้น้อยจะนำทางท่านไป”บนสันอ่างเก็บน้ำ สายลมยามเช้าพัดแรงพอให้ชายเสื้อสะบัด เสียงผู้คนเบื้องล่างยังคงคึกคัก แต่บรรยากาศตรงนี้กลับสงบกว่าซูเหยียนยืนรออยู่แล้ว เมื่อเห็นไป๋จิ้งหานก้าวเข้ามา เขาแค่มองด้วยแววตาลึกซึ้งเชิดเล็กน้อยกล่าว “เป็นอย่างไรบ้าง...ตกตะลึงเลยใช่หรือไม่?”ไป๋จิ้งหานหัวเราะเฮอะในลำคอ แววตาคมกริบฉายแววจริงจัง “ข้ายอมรับว่าสั่นสะท้านจริ
ตอนที่ 62 ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลินเยว่มองเห็นซูเหยียนก็เอ่ยเรียกทันที…“คุณชายซู...มาถึงพอดีเลย ข้าเพิ่งย่างปลาเสร็จใหม่ ๆ” ซูเหยียนปรายตามองโต๊ะไม้ชั่วคราวที่ตั้งอยู่ใกล้กองไฟ สายตาสะดุดเข้ากับแท่งแก้วสีเหลืองทองที่สะท้อนแสงไฟระยิบระยับ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยถามเสียงเรียบ “นี่...คืออะไรหรือ?”หลินเยว่ยิ้มบาง พลางโบกมือเชิญ “นั่งลงก่อน ๆ ข้าจะรินให้เอง” นางหยิบภาชนะขึ้นรินของเหลวสีเหลืองทองลงในถ้วยไม้ กลิ่นหอมเฉพาะตัวลอยออกมาอวลตัดกับกลิ่นควันปลา“นี่คือน้ำหมักสุรา ชื่อว่า เบียร์ …ท่านลองชิมดูสิว่าถูกปากหรือไม่”ฟองละเอียดสีขาวลอยบนผิวถ้วย ซูเหยียนมองด้วยความแปลกใจ ไม่เคยเห็นสุราใดในแคว้นเยี่ยนโจวมีลักษณะเช่นนี้ เขารับถ้วยจากมือนาง ลองยกขึ้นดื่มเพียงอึกเล็ก ๆ ก่อนชะงักไปเล็กน้อยรสชาติขมแปลกแต่กลับสดชื่นอย่างน่าประหลาดซูเหยียนจิบเบียร์ไปอีกเล็กน้อย คราวนี้สีหน้าเริ่มผ่อนคลายขึ้น ดวงตาที่เคยเยือกเย็นฉายแววสงสัยปนพอใจอยู่ราง ๆลู่เผยที่นั่งพิงอยู่ข้างกองไฟหันมามอง ยกยิ้มบางพลางเอ่ยขึ้น“สุรานี้แปลกดี...ขมตอนแรก แต่กลับชุ่มคออย่างน่าประหลาด ราวกับซ่อนความสดชื่นไว้ข







