LOGINหลินเยว่ก้าวขึ้นมานั่งด้วยท่าทีประหม่า สายตาเธอไม่กล้าสบชายหนุ่มตรงหน้าโดยตรงนัก ภายในรถม้าอบอุ่นด้วยกลิ่นชาจาง ๆ และเสียงล้อที่กลิ้งไปบนเส้นทางดินกรัง
ลู่เผยยื่นถ้วยชาหอมกรุ่นมาตรงหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม “คุณหนูหลินคงตกใจไม่น้อย ดื่มชาสักหน่อยเถิด จะช่วยให้จิตใจสงบขึ้น”
หลินเยว่รับถ้วยมาด้วยสองมือ เอ่ยเบา ๆ
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
ตอนนี้เหมือนจะผิดแผนนางค่อนข้างตกใจอยู่บ้างจริงๆ ชาที่อุ่นกรุ่นปล่อยกลิ่นหอมจาง ๆ แตะจมูก รสขมนิด ๆ ปลายลิ้นช่วยให้นางสงบใจได้บ้าง พอเริ่มได้ไตร่ตรอง
“บุรุษผู้นี้ดูไม่ใช่คนธรรมดา ทั้งกิริยาและวาจาล้วนสำรวมสุภาพ… แต่นั่นแหละยิ่งอันตราย...เขาช่วยข้าเพราะอะไรกัน ต้องเกี่ยวกับทหารเมื่อสักครู่แน่ ๆ และคนเหล่านั้นก็น่าจะเกี่ยวข้องกับบิดา”
หญิงสาวก้มหน้าดื่มชาอีกคำแสดงท่าทีไม่อยากเอ่ยอะไร
ลู่เผยเองก็เข้าใจไม่เอ่ยวาจาอีก เพียงแค่ขมวดคิ้วเพราะกลิ่นจากหญิงสาวเป็นกลิ่นที่เขาไม่แน่ใจว่าคือสิ่งใด
รถม้าเคลื่อนตัวอย่างมั่นคงบนเส้นทางสายเล็ก มุ่งหน้าสู่โรงเตี้ยมเซิ่งฟง ขณะฟ้ายามย่ำเย็นเริ่มคลี่เงาเทาทับลงมาทีละน้อย
โรงเตี้ยมเซิ่งฟง
ลู่เผยพาหลินเยว่มาถึงโรงเตี้ยมเซิ่งฟงก็ไม่ได้รั้งอยู่นานเกินจำเป็น เขาสั่งให้คนของตนไปจัดหาเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่ พร้อมกำชับบ่าวหญิงให้ดูแลอีกฝ่ายอย่างดี
“คุณหนูพักผ่อนให้สบายเถอะ”
เขาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะหันมาสบตาหญิงสาวแล้วพยักหน้าช้า ๆ เป็นเชิงลาจาก “แม่นาง ข้าขอตัว”
หลินเยว่น้อมศีรษะเล็กน้อย “ขอบคุณคุณชาย”
แม้กระทั่งชื่อนาม นางก็ไม่ถาม ไม่ธรรมดาจริง ๆ ลู่เผยคิดพลางเดิน
จวนแม่ทัพตระกูลไป๋
หากบุตรชายยังไม่ออกเรือน การจัดการเรื่องสาวใช้อุ่นเตียงหรืออนุย่อมเป็นหน้าที่ของมารดา ตอนนี้เกิดเรื่องราวขึ้นจ้าวเทียนจึงกลับจวนก่อน
เขารายงานเรื่องราวทั้งหมดต่อหลูฮูหยิน
ตั้งแต่การพบหญิงสาวนามว่า “หลินเยว่” ไปจนถึงศพห้าศพกลางป่า เขาไม่ลืมที่จะเอ่ยถึงคำสั่งของท่านแม่ทัพใหญ่ที่เคยให้รับนางเข้าจวนด้วยฐานะอนุของคุณชายไป๋จิ้งหาน
ฟังจบ หลูเจินเพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาไม่เผยอารมณ์ใดเป็นพิเศษ ทั้งที่ภายในใจเต็มไปด้วยอารมณ์โมโห
“เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง เจ้าไปทำงานอื่นเถอะ”
จ้าวเทียนได้ยินเช่นนั้น ก็คารวะขอตัว พอชายหนุ่มพ้นสายตาไป
หลูเจินวางถ้วยชาลงน้ำเสียงดังกว่าปกติ จากนั้นกล่าวกับหญิงรับใช้คนสนิท “ให้คนไปสืบเรื่องราวตอนนี้อย่างละเอียด…ข้าต้องรู้ว่าแม่นางหลินเยว่ผู้นี้มีความเป็นมาเช่นไร”
“บ่าวจะรีบไปจัดการเจ้าค่ะฮูหยิน”
เมื่อได้รับคำสั่งคนก็ออกไปสืบความในทางลับ ทั้งจากโรงเตี้ยมเซิ่งฟงที่หญิงสาวพำนัก ไปจนถึงข้อมูลชาวเมืองชิงสุ่ยอย่างละเอียด
เวลาผ่านไปเกือบชั่วยาม
หลูเจินนิ่งเงียบหลังฟังรายงานจบ ดวงหน้ายังเรียบสนิท สตรีที่จะมาคลอดบุตรหลานของจวนแม่ทัพต้องผ่านการคัดเลือกอย่างรอบคอบ ไม่เพียงแค่อนุแม้กระทั่งสาวใช้ต้นห้องก็ต้องคัดเลือกอย่างดี
หลิวเยว่ผู้นี้นับเป็นตัวอะไร
นางเอ่ยเสียงเนิบแฝงความจนใจ “อนุของจวนแม่ทัพ ไม่ใช่ใครจะเป็นได้ง่าย ๆ เช่นนี้...ท่านแม่ทัพช่างน่าโมโหนัก”
บ่าวคนสนิทรีบประสานมือกล่าวเสียงเบา “ท่านแม่ทัพยึดมั่นในคุณธรรมและเคร่งในสัจจะนักเจ้าค่ะ เมื่อเอ่ยวาจาแล้วก็ยากจะผันเปลี่ยน”
หลูเจินเองก็กระจ่างใจในข้อนี้ กล่าวด้วยน้ำเสียงจนใจ
“แต่ว่า...เด็กสาวที่มีมลทิน มีเรื่องราวถึงเพียงนี้ จะให้มารับมาเป็นอนุของจิ้งหาน ข้าทำใจยอมรับไม่ได้จริง ๆ”
บ่าวสาวเงยหน้าขึ้นแวบหนึ่ง ก่อนเสนอความเห็น
“คุณชายลู่ที่นางนั่งเกี้ยวไปด้วย เห็นว่าตอนนี้มีคดีความในศาล บิดายังถูกคุมขัง ในเมื่อพวกเขานั่งเกี้ยวไปด้วยกันสองต่อสองเช่นนั้นก็พอมีเหตุผลผลักดันให้อีกฝ่ายแต่งหญิงสาว...และทางเราเสนอจัดการเรื่องคดี หากคุณชายลู่มีใจกตัญญูย่อมไม่ปฏิเสธ”
หลูเจินชะงักครู่หนึ่ง แววตานิ่งสงบค่อย ๆ เป็นประกายเยียบเย็นนับเป็นแผนที่ใช้ได้
“เมื่อคนแต่งงานแล้วย่อมต้องตอบแทนสิ่งอื่นแทน”
แต่นางไม่กล้าสั่งให้คนอื่นจัดการนอกจากบ่าวคนสนิท
”เรื่องนี้เจ้าไปจัดการด้วยตนเอง ให้พวกเขาเข้าหอกันให้เรียบร้อย”
ตอนที่ 67 เริ่มต้นบทใหม่ในสวรรค์ เกิดความปั่นป่วนขึ้นเงียบ ๆทูตนำส่งวิญญาณชุดดำขมวดคิ้ว “นี่...เจ้ารู้หรือไม่ มิติลับของนางสร้างเรื่องใหญ่แล้ว”ทูตวิญญาณชุดขาวส่ายหน้า “จะสร้างเรื่องใดได้เล่า นางก็แค่ใช้มันเอาตัวรอดมิใช่หรือ”“ตามข้ามาดูเองเถิด”เมื่อพวกเขาปรากฏกายเหนืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ทูตชุดดำเอ่ยเสียงต่ำ “ดูเถิด...นางเลือก น้ำ และถึงขั้นเลือกในระดับเขื่อนมาวางไว้”ชุดขาวเลิกคิ้ว “ผู้ใดจะคาดคิด...แต่ก็ใช่ว่าจะเสียหายอันใดมิใช่หรือ”ทูตวิญญาณชุดดำเพียงยกมือชี้ไปยังเบื้องล่าง กลุ่มผู้คนมากมายกำลังทำไร่ทำนา ปลูกต้นไม้และเด็ก ๆ หัวเราะเล่นน้ำอย่างแข็งแรง “คนเหล่านั้น...เดิมตามชะตาจะอดอยาก ล้มตายจากความหิวโหยและหนาวเหน็บ เด็กเหล่านี้ก็คงไม่รอดมากนัก แต่เพราะเขื่อนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด”เขากล่าวต่อ “นอกจากน้ำเขือน นางยกถังน้ำนมมาจากแจกจ่ายให้เด็กเหล่านั้นดื่มทุกวัน ดูเอาเถอะไม่มีเค้าโครงความยากเข็ญสักนิด”เสียงเขาเข้มขึ้น “ที่สำคัญ...สถานที่นี้ ไม่ควรมีฝน ทว่าผ่านไปเพียงหนึ่งปี เมฆฝนกลับก่อตัว...และโปรยปรายลงมา”ทูตวิญญาณชุดขาวเบิกตากว้าง “เช่นนั้นย่อมหมายถึงเทพบนสวรรค์ย่อมสังเก
ตอนที่ 66 ความผิดพลาด หลังมื้ออาหาร หลินเยว่นั่งพิงซบไหล่ลู่เผยบนสันเขื่อน ลมกลางคืนพัดอ่อนโยนคล้ายจะโอบล้อมทั้งสองไว้ ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก“พวกเขาคงอยู่ที่นี่ไม่นานนัก...อีกไม่นานคงรีบกลับไปบอกเล่าทุกสิ่งที่เมืองหลวง”หลินเยว่ยิ้มอ่อน แววตาเจือความขบขัน “พวกเขาบอกว่าข้าคือคนที่สวรรค์เลือก...แต่ท่านรู้หรือไม่ จริง ๆ แล้ว ข้าคือข้อผิดพลาดของสวรรค์ต่างหาก”ขณะนั้นหลินเยว่ก็ดึงน้ำปั่นสีแดงออกมา“ดื่มนี้สิ...น้ำแตงโมปั่นสดชื่นนัก”ลู่เผยรับจากหลินเยว่มาอีกมือก็กระชับอ้อมกอด ดวงตาเต็มไปด้วยความมั่นคง “เรื่องอื่นอาจผิดพลาดได้...แต่สำหรับฮูหยิน ข้าจะไม่มีวันเป็นความผิดพลาดเด็ดขาด หลังเสร็จสิ้นเรื่องนี้...พวกเรามีบุตรด้วยกันสักคนดีหรือไม่”หลินเยว่เงยหน้ามองเขา ดวงแก้มระเรื่อขึ้นโดยไม่รู้ตัว “บุตรหรือ...ข้าไม่เคยคิดถึงเลย”ลู่เผยหัวเราะเบา ๆ ลูบเส้นผมเธออย่างอ่อนโยน “หากเจ้ามิพร้อม เราก็ยังไม่ต้องรีบร้อน...ข้าเข้าใจพวกเราอาจจะยังต้องการท่องเที่ยวอีก”หญิงสาวส่ายหน้าช้า ๆ รอยยิ้มอบอุ่นผุดบนริมฝีปาก “มิใช่ไม่อยาก เพียงแต่...ข้าไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน อีกอย่างตอนนี้...ข้าเพ
ตอนที่ 65 สวรรค์ล้วนเมตตา เสียงขุดดินและเสียงตะโกนประสานงานของชาวบ้านยังคงดังระงมรอบบริเวณ เสนาบดีเสิ่นก้าวลงจากหลังม้า เดินไปยังกลุ่มชาวบ้านที่กำลังขุดคลองด้วยท่าทีสงบมั่นคง ดวงตาคมกริบกวาดมองบรรยากาศอย่างถี่ถ้วนไม่นานนัก ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งรีบวางมือจากงานคุมคนงานก้าวออกมาคารวะ เขาก้มศีรษะต่ำกล่าวด้วยความเกรงใจ“คารวะใต้เท้า...ผู้น้อยสายตาตื้นเขิน ไม่ทราบนามของท่านคือ”ขุนนางผู้ติดตามก้าวออกมากล่าวเสียงดังฟังชัด “ท่านผู้นี้คือเสนาบดีเสิ่น ได้รับราชโองการให้มาตรวจสอบพื้นที่กันดารแห่งนี้ด้วยตนเอง”ชายผู้นั้น รีบก้มตัวโขกศีรษะ “คารวะท่านเสนาบดีเสิ่น! ผู้น้อยไม่ทราบว่าท่านจะมาเยือน จึงไม่ได้จัดการต้อนรับเสียมารยาทแล้ว”เสนาบดีเสิ่นโบกมือเบา ๆ แย้มรอยยิ้มเมตตาน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่อาจตำหนิเจ้าได้ ข้าได้ยินว่า...ที่แห่งนี้มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ใช่หรือไม่ คลองเหล่านี้...จะรับน้ำจากอ่างนั้นมาหรือ”เขารีบตอบด้วยความนอบน้อม “ขอรับใต้เท้า อ่างเก็บน้ำอยู่ห่างจากที่นี่ราวห้าสิบลี้ หากเดินตามคลองไปก็จะถึง... ทุกวันนี้พวกเราขยันกันนัก วันหนึ่งขุดคลองได้เกือบหนึ่งลี้ ทว่าที่ตรงนี้จึงยังไม
ตอนที่ 64 เห็นด้วยตาตัวเอง หลังจากพูดคุยกันเสร็จ ไป๋จิ้งหานกับซูเหยียนก็ขอตัวออกเดินทางกลับเมืองหลวง ในขณะเดียวกันกลุ่มขุนนางตรวจการนำโดยเสนาบดีเสิ่นก็กำลังเดินทางมา ท้องฟ้าเหนือดินแดนกันดารเป็นสีหม่นมัว เมฆฝุ่นคลุ้งกระจายไปทั่วผืนดิน เสียงลมหวีดหวิวเสียดผ่านพงหญ้าแห้งเหมือนเสียงคร่ำครวญที่ไร้จบสิ้นขบวนเสนาบดีเสิ่นกำลังเคลื่อนตัวช้า ๆ ผ่านเส้นทางกันดาร รถม้าและม้าศึกหลายสิบตัวเคลื่อนตามเป็นแถว ขุนนางผู้ติดตามแต่ละคนต่างใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก กันไม่ให้ฝุ่นทรายเข้าไปอุดอู้พวกเขาต่างกระซิบคุยกัน “ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องลวงกระมัง”ทว่าในเส้นการเดินทางหาได้มีแค่กลุ่มของขุนนางนี้เสนาบดีเสิ่นเลิกผ้าม่านมองไปข้างหน้า เห็นกลุ่มคาราวานพ่อค้ากำลังมุ่งหน้าไปในทิศเดียวกัน หีบห่อและเกวียนสินค้าถูกบรรทุกเต็มจนแทบเอียง เสียงโห่ร้องของคนงานดังเซ็งแซ่“พ่อค้าอีกแล้วหรือ...” ขุนนางใหญ่เอ่ยถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เหตุใดดินแดนกันดารเช่นนี้ถึงได้มีพ่อค้ามากมายแห่มา” พวกเขาต่างมีคำถามในใจเสียงเกวียนไม้ครืดคราดผสมเสียงฝีเท้าม้าโหม่งพื้นดินแห้งกรัง กลายเป็นท่วงทำนองอึดอัดท
ตอนที่ 63 คุกเข่า รุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงอาทิตย์สาดผ่านม่านหมอกบาง ๆ เหนืออ่างเก็บน้ำ เสียงนกป่าดังแว่วคลอไปกับเสียงผู้คนที่เริ่มทยอยออกมาจากกระโจม เตรียมแรงกายสำหรับการขุดคลองต่อในวันนี้ท่ามกลางบรรยากาศที่กำลังคึกคัก เสียงเกือกม้าดัง ตึกตัก ตึกตัก ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ขบวนม้าหลายสิบตัวแล่นมาตามเส้นทางดินฝุ่นตลบ เมื่อใกล้ถึงค่าย คนทั้งหลายต่างหยุดมือหันไปมองไป๋จิ้งหานปรายตามองดูพื้นดินกันดารที่เปลี่ยนไปมาก ระหว่างทางยังคงมีผู้คนเดินเท้ามาตลอดทางเขากระโดดลงจากม้า ทหารหลายคนจำเขาได้ต่างหยุดมือยืนคารวะ ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย มีคนเดินเข้ามาหลังผู้นั้นคารวะเสร็จเขาจึงเอ่ยถาม “ซูเหยียนอยู่ที่ใด”“อยู่บนอ่างเก็บน้ำขอรับ ผู้น้อยจะนำทางท่านไป”บนสันอ่างเก็บน้ำ สายลมยามเช้าพัดแรงพอให้ชายเสื้อสะบัด เสียงผู้คนเบื้องล่างยังคงคึกคัก แต่บรรยากาศตรงนี้กลับสงบกว่าซูเหยียนยืนรออยู่แล้ว เมื่อเห็นไป๋จิ้งหานก้าวเข้ามา เขาแค่มองด้วยแววตาลึกซึ้งเชิดเล็กน้อยกล่าว “เป็นอย่างไรบ้าง...ตกตะลึงเลยใช่หรือไม่?”ไป๋จิ้งหานหัวเราะเฮอะในลำคอ แววตาคมกริบฉายแววจริงจัง “ข้ายอมรับว่าสั่นสะท้านจริ
ตอนที่ 62 ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลินเยว่มองเห็นซูเหยียนก็เอ่ยเรียกทันที…“คุณชายซู...มาถึงพอดีเลย ข้าเพิ่งย่างปลาเสร็จใหม่ ๆ” ซูเหยียนปรายตามองโต๊ะไม้ชั่วคราวที่ตั้งอยู่ใกล้กองไฟ สายตาสะดุดเข้ากับแท่งแก้วสีเหลืองทองที่สะท้อนแสงไฟระยิบระยับ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยถามเสียงเรียบ “นี่...คืออะไรหรือ?”หลินเยว่ยิ้มบาง พลางโบกมือเชิญ “นั่งลงก่อน ๆ ข้าจะรินให้เอง” นางหยิบภาชนะขึ้นรินของเหลวสีเหลืองทองลงในถ้วยไม้ กลิ่นหอมเฉพาะตัวลอยออกมาอวลตัดกับกลิ่นควันปลา“นี่คือน้ำหมักสุรา ชื่อว่า เบียร์ …ท่านลองชิมดูสิว่าถูกปากหรือไม่”ฟองละเอียดสีขาวลอยบนผิวถ้วย ซูเหยียนมองด้วยความแปลกใจ ไม่เคยเห็นสุราใดในแคว้นเยี่ยนโจวมีลักษณะเช่นนี้ เขารับถ้วยจากมือนาง ลองยกขึ้นดื่มเพียงอึกเล็ก ๆ ก่อนชะงักไปเล็กน้อยรสชาติขมแปลกแต่กลับสดชื่นอย่างน่าประหลาดซูเหยียนจิบเบียร์ไปอีกเล็กน้อย คราวนี้สีหน้าเริ่มผ่อนคลายขึ้น ดวงตาที่เคยเยือกเย็นฉายแววสงสัยปนพอใจอยู่ราง ๆลู่เผยที่นั่งพิงอยู่ข้างกองไฟหันมามอง ยกยิ้มบางพลางเอ่ยขึ้น“สุรานี้แปลกดี...ขมตอนแรก แต่กลับชุ่มคออย่างน่าประหลาด ราวกับซ่อนความสดชื่นไว้ข







