Share

บทที่ 8

Author: กากบาทเย่
แม่นมหลินได้สติกลับมาโดยพลัน สีหน้าปรากฏแววลังเล

ฮูหยินเจียงนึกฉงนใจขึ้นมาจริง ๆ

แม่นมหลินติดตามรับใช้นางมาตั้งแต่ยังเล็ก เติบโตมาด้วยกัน

ในนามคือบ่าวไพร่ ทว่าความผูกพันกลับประหนึ่งพี่น้อง

บัดนี้นางถึงกับมีเรื่องปิดบังนางเชียวหรือ?

“พูดไม่ได้รึ?”

ฮูหยินเจียงโยนผ้าเช็ดหน้าลงในอ่างน้ำ สาวเท้าเดินไปยังโถงข้าง เตรียมรับสำรับเช้า

แม่นมหลินเดินตามอยู่ด้านหลัง จิตใจสับสนว้าวุ่น

นางไม่รู้ว่าข้อสันนิษฐานของตนถูกหรือไม่ หากผิดพลาดขึ้นมาเล่า?

แต่หากว่า... เป็นเรื่องจริงเล่า?

“ฮูหยินเจ้าคะ...”

แม่นมหลินยกมือขึ้น โบกไล่บ่าวไพร่ในห้องออกไป

เวลานี้คุณหนูใหญ่กำลังรับสำรับอยู่ที่เรือนของตนเอง กว่าจะมาที่นี่ก็คงอีกครึ่งชั่วยาม

“ไม่ทราบว่าฮูหยินรู้สึกหรือไม่เจ้าคะ ว่าคุณหนูใหญ่ดูละม้ายคล้ายอนุชิว...”

ฮูหยินเจียงราวกับถูกทุบเข้าที่ศีรษะอย่างจัง ชั่วขณะนั้นคล้ายยังตั้งสติไม่ทัน

แม่นมหลินกล่าวต่อว่า “กลับกัน คุณหนูรองกลับมีคิ้วตาละม้ายคล้ายฮูหยินยิ่งนัก”

ประโยคหลังนี้ ฮูหยินเจียงคล้ายไม่ได้ยินเลยสักนิด

ในหัวของนางเวลานี้มีแต่ใบหน้าของเซวียหมิงเฟยและอนุชิว จะว่าเหมือนก็ดูเหมือน จะว่าไม่เหมือน…

ทว่าความเคลือบแคลงสงสัยกลับกัดกินหัวใจของนางไม่หยุดหย่อน

หวนนึกถึงท่าทีของอนุชิวที่มีต่อเซวียหมิงเฟยตลอดหลายปีมานี้

รวมถึงความโหดร้ายรังเกียจที่มีต่อเซวียหว่านอี้…

หากเด็กสองคนถูกสับเปลี่ยนกัน ทุกสิ่งทุกอย่างก็สมเหตุสมผลแล้ว

ในฐานะนายหญิงของตระกูลเซวีย นางย่อมไม่มีทางกดขี่ข่มเหงบุตรีอนุ

ดังนั้น คำพูดและการกระทำของอนุชิวในยามนี้ จึงดูผิดวิสัยอย่างยิ่ง

บรรยากาศในห้องรับประทานอาหารหยุดชะงัก หัวใจของแม่นมหลินเต้นระรัวจนแทบหลุดออกมานอกอก

ฮูหยินดูเหมือนจะ…

ทันใดนั้น ชิงถานก็เลิกม่านเดินเข้ามา

“ฮูหยินเจ้าคะ คุณหนูรองมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”

หลังความเงียบงันอันน่าอึดอัดผ่านไปครู่หนึ่ง ฮูหยินก็เอ่ยปาก น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย

“ให้นางเข้ามาเถิด”

……

ภายนอกเรือน

เซวียหว่านอี้ยืนสงบนิ่ง คิ้วตาฉายแววเยือกเย็น เมื่อตัดกับสายฝนที่โปรยปรายอยู่นอกระเบียง ยิ่งขับให้นางดูงดงามราวกับหญิงสาวในภาพวาด

เฝ่ยชุ่ยที่อยู่ข้างกายก้มหน้าต่ำเล็กน้อย ไม่กล้ามองไปทั่ว และยิ่งไม่กล้าขยับตัว

“เชิญเจ้าค่ะ คุณหนู”

ชิงถานเลิกม่านให้ พลางส่งยิ้มเชื้อเชิญให้นางเข้าไปด้านใน

เซวียหว่านอี้พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณพี่หญิงชิงถาน”

นางก้าวเท้าเข้าไปในโถง เดินตรงไปยังโถงข้างตามธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติ

เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็สบตากับฮูหยินเจียงที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะอาหาร

นางยิ้มบาง ๆ ก่อนจะย่อกายคารวะ

“คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ!”

เพียงแวบเดียว เพียงแวบเดียวเท่านั้น

ฮูหยินเจียงราวกับได้เห็นตนเองในวัยสาวจริง ๆ

คิ้วตาของเด็กสาวตรงหน้า เหมือนกับนางในวัยสาวไม่ผิดเพี้ยน

นางไม่เข้าใจ เหตุใดเมื่อก่อนจึงไม่ทันสังเกตเห็น

แม้ในใจจะมีคำถามมากมาย ทว่าสีหน้ากลับไม่แสดงออก

“ข้างนอกฝนตกอยู่ ไม่จำเป็นต้องมาก็ได้”

ฮูหยินเจียงมองนางด้วยแววตาซับซ้อนลึกล้ำ “ทานมื้อเช้ามาแล้วหรือยัง?”

เซวียหว่านอี้พยักหน้าอย่างว่าง่าย “ลำบากท่านแม่ต้องเป็นห่วง ข้าทานเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

จากนั้นนางก็ไม่พูดอะไรมาก เพียงเดินไปยืนรอเงียบ ๆ อยู่ด้านข้าง

ยามรับประทานอาหาร สายตาของฮูหยินเจียงลอบมองไปที่นางเป็นครั้งคราว

ในใจสับสนอลหม่าน แต่กลับรู้สึกกระจ่างแจ้งอย่างประหลาด

เมื่อก่อนยามอยู่ต่อหน้านาง เซวียหว่านอี้มักจะยืนห่อไหล่ก้มตัว แม้จะเป็นดรุณีวัยใส แต่กลับดูไร้ชีวิตชีวา

คงเป็นเพราะเหตุนี้กระมัง นางจึงไม่ทันได้สังเกต

แต่หลังจากเรื่องพระราชทานสมรสถูกกำหนดลง ตัวนางก็ดูเปลี่ยนไป…

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยอมรับชะตากรรม หรือเพราะรู้สึกว่ามีจวนกั๋วกงเป็นที่พึ่ง จึงมีความมั่นใจขึ้นมา

เซวียหว่านอี้ในยามนี้ แววตาดูอ่อนโยน ไม่ขลาดกลัวหดหัวอีกต่อไป กลับดูสบายตากว่าเดิมมากนัก

มื้อเช้ามื้อนี้จึงไม่เจริญอาหารเอาเสียเลย

“ท่านแม่~”

ทันทีที่สำรับเช้าถูกยกออกไป เซวียหมิงเฟยก็เดินหัวเราะร่าเริงเข้ามา

ครั้นชำเลืองเห็นเซวียหว่านอี้ รอยยิ้มของนางก็ชะงักค้าง

ก่อนจะยิ้มกล่าวว่า “น้องหญิงรองมาเช้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

สีหน้าท่าทางของนางแฝงความเย่อหยิ่งว่าตนสูงส่งกว่าผู้อื่นมาแต่กำเนิด
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 30

    ราตรีเยียบเย็นดุจสายน้ำเซวียหว่านอี้นั่งอยู่ในศาลา ตรงหน้ามีเตาอุ่นขนาดเล็กจุดอยู่กาน้ำดินเผาสีแดงบนเตา มีกลิ่นหอมหวานโชยเอื่อยออกมานางยกจอกสุราข้างกายขึ้นมา เอนกายพิงพนักอย่างเกียจคร้าน ทอดมองเหล่าปลาจิ่นหลี่ที่กำลังแหวกว่ายอย่างสบายอารมณ์อยู่ใต้แสงโคมบัวยามค่ำคืน“คุณหนู บ่าวได้ยินมาว่าพิธีปักปิ่นที่ในจวนจะจัดให้คุณหนู ครานี้จะยิ่งใหญ่กว่าของท่านผู้นั้นเสียอีกนะเจ้าคะ”เฝ่ยชุ่ยถือเครื่องเคียงสองอย่างเดินเข้ามา วางลงบนโต๊ะหินอย่างแผ่วเบา“บางทีอาจเป็นเพราะต้องการเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของคุณหนูแล้วกระมังเจ้าคะ”เซวียหว่านอี้มิได้เอ่ยตอบ นางจิบสุราเพียงเล็กน้อย พวงแก้มก็พลันระเรื่อสีชมพูจาง ๆเฝ่ยชุ่ยเองก็ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบจากคุณหนู จึงพูดต่อไปตามลำพัง“ไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นจะคิดอย่างไรบ้างนะเจ้าคะ”เมื่อตอนบ่าย เรือนทิงหลานส่งของมาให้มากมาย ทำให้เรือนว่างซูที่แต่เดิมโล่งกว้าง กลับโอ่อ่าหรูหราขึ้นมาในทันทีแม้ว่าหากเทียบกับจวนอ๋องจวนโหวเหล่านั้น อาจจะไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็ตามสายลมวูบหนึ่งพัดผ่าน เหล่าแมกไม้ใบหญ้าพลันส่งเสียงเสียดสีกัน“พิธีปักปิ่นของท่านผู้นั้นจะจั

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 29

    นางยิ้มบางเบา “หากท่านไม่เต็มใจ พวกเราสลับตัวเจ้าสาวกันก็ได้”นางกำลังเดิมพัน เดิมพันว่าชาตินี้เซวียหมิงเฟยไม่กล้าแต่งให้เย่จั๋วอีกเป็นอันขาดหากเดิมพันชนะ นางก็สามารถยืมอำนาจของจวนเจิ้นกั๋วกงมาจัดการฉู่ยวนให้ตายตกไปเดิมพันแพ้ ก็แค่แต่งออกไป ในคืนวันเข้าหอ ก็ไปสู่ปรโลกพร้อมกับเขาไม่ฉู่ยวนตาย ก็พวกเขาตายด้วยกันเซวียหมิงเฟยตัวสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมนางส่ายหน้า ไม่แยแสต่อสีหน้าตื่นเต้นยินดีของอนุชิว พลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าพูดจาเหลวไหล เจ้ากับเจิ้นกั๋วกงมีพระราชทานสมรสตามราชโองการของฝ่าบาท หากเรื่องสลับตัวเจ้าสาวถูกเปิดโปง ตระกูลเซวียของพวกเราเกรงว่าจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติล้างตระกูล”ชาติก่อนนางถูกเย่จั๋วทรมานจนตายด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมที่สุด ชาตินี้จะยังกล้าแต่งไปหาเขาได้อย่างไรอย่าว่าแต่แต่งเลย แค่ได้ยินชื่อของเย่จั๋ว นางก็รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่างแล้วแสงสว่างในแววตาของอนุชิวดับวูบลงอย่างสิ้นเชิง“ข้าเกิดก่อนเจ้าเล็กน้อย ต่อไปอย่าเรียกข้าว่าน้องหญิงอีกเลย”นางไม่รู้ว่าเซวียหมิงเฟยมีสีหน้าเช่นไร จึงกล่าวต่อ “หากเจ้าเรียกไม่ถนัดปาก เช่นนั้นต่อไปพวกเราก็เรียกชื

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 28

    เซวียหว่านอี้ทอดมองอย่างเย็นชาชาติก่อน การถูกทรมานให้เป็นมนุษย์หมูตลอดหลายปี ทำให้นางสูญเสียการรับรู้ทางอารมณ์ไปเกือบหมดสิ้นนางถึงกับสัมผัสได้ว่า ฮูหยินเจียงมิได้เห็นนางสำคัญถึงเพียงนั้นที่มากกว่านั้นคือความอัปยศอดสูจากการถูกอนุชิวสับเปลี่ยนตัวบุตรไปหากบัดนี้ให้ฮูหยินเจียงเลือก ระหว่างนางกับเซวียหมิงเฟยมิต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาทุกคนย่อมเลือกเซวียหมิงเฟยฮูหยินเจียงอยากให้อนุชิวตาย ทว่านั่นมิได้หมายความว่าจะทอดทิ้งบุตรสาวคนนี้ความผูกพันฉันแม่ลูกตลอดสิบห้าปี ไหนเลยจะตัดขาดกันได้โดยง่ายเซวียมู่เจาในยามนี้ไม่คิดจะเอ่ยปากทว่าก็อดมิได้ที่จะสงสารยามเห็นเซวียหมิงเฟยร่ำไห้จนควบคุมตนเองไม่อยู่ท่านพ่อไม่สะดวกเอ่ยปากนัก เพราะจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของท่านพ่อและท่านแม่ทว่าคนผู้นี้…“น้องหญิงรอง เจ้าไม่มีสิ่งใดอยากพูดบ้างหรือ?” เขาเอ่ยปากขึ้นจนได้ทุกสายตาจับจ้องไปยังเซวียหว่านอี้เป็นจุดเดียวอนุชิวมิได้เอ่ยปาก ทว่าแววตาที่มองมากลับเปี่ยมไปด้วยความเวทนาและอ้อนวอนส่วนเซวียหมิงเฟย กลับลุกขึ้นวิ่งไปทรุดกายคุกเข่าลงเบื้องหน้าเซวียหว่านอี้อีกคราเมื่อสัมผัสได้ว่ามือที่กำลังอด

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 27

    นางมองคนทั้งสองที่ยืนอยู่หน้าโถงด้วยความโกรธ ก่อนจะเหยียดยิ้ม “ช่างเป็นภาพพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันดียิ่งนัก”เซวียมู่เจา: “...”เมื่อเห็นแววตาเย็นชาเมินเฉยของฮูหยินเจียง ในใจของเซวียมู่เจาก็วูบไหวด้วยความตื่นตระหนกเขาไม่รู้ว่าตนไปทำสิ่งใดให้ท่านแม่ไม่พอใจ ถึงขั้นทำให้นางต้องมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้ฮูหยินเจียงกล่าวเสียงเย็นเยียบ “หลายปีมานี้ หว่านอี้ต้องอยู่อย่างไรในจวนแห่งนี้ พวกเจ้าย่อมรู้แก่ใจดี”“พวกเราไม่รู้เรื่องที่สลับตัวลูกก็จริง แต่อนุชิว...”นางชี้ไปยังสตรีที่คุกเข่าอยู่หน้าโถง “นางที่เป็นตัวการเรื่องนี้ จะไม่รู้ได้อย่างไร?”“สับเปลี่ยนลูกสาวของข้าแล้ว ยังเหยียบย่ำข่มเหงนางไม่หยุดหย่อน”นางลุกขึ้น เดินไปหยุดอยู่หน้าอนุชิว ก่อนจะก้มลงเชยคางของอีกฝ่ายขึ้นมาทอดมองอีกฝ่ายจากมุมสูง แล้วกล่าวว่า “เจ้าคงลำพองใจมากกระมัง ที่ลอบใช้ลูกสาวของข้ามาดูความน่าสมเพชของข้า ทำให้เจ้ารู้สึกว่าปั่นหัวข้าไว้ในกำมือได้”“เป็นเพียงอนุภรรยา แต่กลับอาศัยลูกสาวแท้ ๆ ของข้า มาหลอกปั่นหัวข้าที่เป็นนายหญิงแห่งตระกูลเซวียจนโง่งมงายอยู่เบื้องหลัง เจ้าช่างเก่งกาจเสียจริง”นางสะบัดใบหน้าของอน

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 26

    เซวียมู่เจาพยายามอย่างยิ่งที่จะเค้นความทรงจำ หรือควรกล่าวว่ากำลังพยายามล้างสมองตนเองอยู่ในความทรงจำของเขาน้องหญิงรองผู้นี้ แท้จริงแล้วเป็นคนเช่นไรคงเป็นเด็กขี้ขลาด หวาดกลัว และไร้ซึ่งความสดใสมีชีวิตชีวาส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตา ดูเหมือนจะไม่เคยอยู่ในความทรงจำของเขาเลยแม้แต่น้อยก็ไม่น่าแปลกใจขนาดคนรับใช้ในจวนยังกล้ามองข้ามเซวียหว่านอี้ได้อย่างสิ้นเชิง หรือควรกล่าวว่าไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตาเลยต่างหากนี่สะท้อนให้เห็นเพียงว่า ทั่วทั้งตระกูลเซวีย หามีเจ้านายคนใดให้ความสำคัญต่อนางไม่ขอเพียงมีสักคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตามที่ปฏิบัติต่อนางดีสักสามส่วน พวกบ่าวไพร่ในจวนก็ย่อมไม่กล้าแสดงท่าทีเช่นนี้ฉะนั้น การที่เซวียมู่เจาจำรูปลักษณ์ของเซวียหว่านอี้ไม่ได้ จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างยิ่งเซวียหว่านอี้ย่อกายคารวะ “คารวะท่านพี่เจ้าค่ะ”กิริยาท่วงท่าของนางนับว่าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติความสมบูรณ์แบบนี้ หากพูดให้ฟังดูดีคือนางเป็นแบบอย่างของสตรีสูงศักดิ์ แต่หากพูดให้ฟังดูแย่ ก็คือความห่างเหินจนเกินไปไม่ทราบเพราะเหตุใด เซวียมู่เจาพลันรู้สึกขัดตาอยู่บ้าง“พี่น้องกันแท้ ๆ ไม่จำเป็นต้องมากพิ

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 25

    เมื่อเห็นใบหน้าที่คล้ายคลึงกันตรงหน้าทั้งสอง แม้จะไม่อยากยอมรับเพียงใด แต่ในใจของเซวียหมิงเฟยก็บังเกิดความคิดอันน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาอนุชิว คือมารดาผู้ให้กำเนิดของนางชีวิตสิบห้าปีที่ผาสุกในจวนซึ่งนางได้รับมา แท้จริงแล้วควรเป็นของเซวียหว่านอี้ฮูหยินเจียงมองคนทั้งสองในโถงด้วยสายตาเรียบเฉยไม่อยากยอมรับก็ไร้ประโยชน์อนุชิวและเซวียหมิงเฟย ช่างเหมือนกันเสียจริงนางปรายตามองเซวียฉงที่อยู่ข้างกายนางแวบหนึ่งไม่ว่าเขาจะรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ฮูหยินเจียงก็บังเกิดความแค้นเคืองต่อเขาแล้วเป็นเพราะความโปรดปรานที่บุรุษผู้นี้มีต่ออนุภรรยา จึงทำให้อนุชิวบังเกิดจิตใจอำมหิตถึงเพียงนี้แต่ตัวนางและบุตรสาวแท้ ๆ ช่างเป็นผู้บริสุทธิ์ยิ่งนักพลันนึกขึ้นได้ว่า เซวียหว่านอี้ได้รับพระราชทานสมรสกับจวนเจิ้นกั๋วกงแล้วหากเป็นเมื่อสองวันก่อน ฮูหยินเจียงย่อมไม่พอใจอยู่แล้วเรื่องสมรสของบุตรีอนุ ไฉนเลยจะสูงส่งกว่าบุตรสาวของนางได้แต่บัดนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้วนางเป็นถึงคุณหนูใหญ่จากจวนโหวโดยแท้ความรู้สึกนั้นจะมองว่าสำคัญก็ได้ หรือไม่สำคัญก็ได้ ทุกอย่างล้วนผูกพันกับผลประโยชน์ของตระกูล“นับแต่นี้ไป เบ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status