เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ의 모든 챕터: 챕터 1 - 챕터 10

30 챕터

บทที่ 1

“ข้าไม่แต่ง ให้นางไปแทนเถิด”เสียงใสกังวาน ปลุกเซวียหว่านอี้ให้ตื่นจากภวังค์สองวันที่ผ่านมานับตั้งแต่ได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ สติสัมปชัญญะของนางยังคงเลื่อนลอย จมดิ่งอยู่ในฝันร้ายของชาติก่อน และดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา“นั่นคือจวนเจิ้นกั๋วกงเชียวนะ เจ้าไม่แต่งกับแม่ทัพเย่ หรือเจ้าจะยังคิดรักษาสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลฉู่จริง ๆ?” ฮูหยินเซวียเจียงซื่อได้ยินดังนั้น ก็มองบุตรสาวอย่างไม่เห็นด้วยขันทีผู้ส่งราชโองการเพิ่งจากไป ในราชโองการระบุว่าพระราชทานสมรสให้แก่สตรีตระกูลเซวียเพื่อเป็นฮูหยินเจิ้นกั๋วกงเจิ้นกั๋วกง เป็นบรรดาศักดิ์ขั้นหนึ่งด้วยฐานะจวนรองเสนาบดีขั้นสามของตระกูลเซวีย เดิมทีมิได้มีคุณสมบัติเลยทว่ายามนี้ไม่เหมือนวันวานเจิ้นกั๋วกงเย่จั๋ว เมื่อปีก่อนได้นำทัพต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับหนานหยวน แม้จะขับไล่หนานหยวนได้สำเร็จ แต่ก็ถูกลอบทำร้ายจนถูกพิษประหลาดภายหลังแม้หมอเทวดาจะทุ่มเทรักษาอย่างเต็มที่ ทำได้เพียงขับพิษให้ไปรวมกันอยู่ที่ช่วงเอวลงไป จึงรักษาร่างเอาไว้ได้ทว่าก็กลายเป็นคนพิการ ทั้งยังไม่สามารถมีทายาทได้แม่ทัพหนุ่มผู้ขี่ม้าขาวถือหอกเงินซึ่งเคยเป็นที่หมายปองของเหล่าคุณหนูสู
더 보기

บทที่ 2

การตกน้ำย่อมเป็นเรื่องลวง ทว่าการสั่งสอนอนุชิวต่างหากที่เป็นเรื่องจริงยามที่เซวียฉงและคนอื่น ๆ รีบรุดมาถึง ก็ได้เห็นเซวียหว่านอี้ที่ใบหน้าซีดเผือดนอนหลับตาแน่นโทสะพลันปะทุขึ้นกลางอก“นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”สายตาอันเย็นยะเยือกกวาดมองบ่าวไพร่สองสามคนที่อยู่ในห้องแม้ตำแหน่งรองเสนาบดีจะเป็นเพียงขุนนางขั้นสาม ทว่าในจวนสกุลเซวียแห่งนี้ เซวียฉงคือแผ่นฟ้าที่ปกคลุมอยู่เหนือศีรษะนอกจากฮูหยินเจียงแล้ว คนรอบข้างต่างพากันหวาดกลัวจนตัวสั่น รีบคุกเข่าลงกับพื้นเฝ่ยชุ่ยดวงตาแดงช้ำ ร้องไห้ไปพลางกล่าวไปพลาง “นายท่าน คุณหนู คุณหนูเจ้าขา…”นางสะอึกสะอื้น คล้ายมีความกริ่งเกรงบางอย่าง อึกอักมิกล้าเอ่ยถึงต้นเหตุอนุชิวที่อยู่ด้านข้างเห็นท่าทีเช่นนั้น ก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อไปแล้วนางคาดไม่ถึงว่าเซวียหว่านอี้จะกล้าไปหาที่ตายจริง ๆ จึงรีบใช้หางตาถลึงมองเฝ่ยชุ่ยอย่างดุร้ายหากนางกล้าพูดจาเหลวไหล ย่อมไม่มีจุดจบที่ดีแน่ทว่ายามนี้ไม่เหมือนกาลก่อนเซวียหว่านอี้จะต้องแต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วกงตามราชโองการ หากเวลานี้คิดสั้นฆ่าตัวตาย ถ้าเรื่องแพร่งพรายออกไป ย่อมต้องถูกฝ่าบาทลงโทษในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ข
더 보기

บทที่ 3

เจียงซื่อถอนหายใจแผ่วเบานางเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้บุตรสาวฟังอย่างคร่าว ๆเซวียหมิงเฟยมีรอยยิ้มประดับใบหน้า “ท่านแม่ อย่างไรเสียอนุชิวก็หวังดีต่อลูกนะเจ้าคะ น้องหญิงเองก็ปลอดภัยดีแล้ว โทษทัณฑ์ทั้งหักเบี้ยหวัดและกักบริเวณนี้ ดูจะหนักหนาเกินไปสักหน่อย”ผู้พูดมิได้ใส่ใจแต่ฮูหยินเจียงกลับรู้สึกแสลงหูอย่างน่าประหลาดเพื่อหวังดีต่อบุตรสาวของนาง ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นแต่อนุชิวต้องการสิ่งใดกัน?แม้เจิ้นกั๋วกงในยามนี้จะเป็นคนพิการ แต่บรรดาศักดิ์นั้นคือของจริงหากเซวียหว่านอี้ได้เป็นฮูหยินเจิ้นกั๋วกง แม้แต่นางที่เป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลเซวีย ก็ยังต้องคารวะอดีตบุตรสาวอนุผู้นี้ถึงยามนั้น สถานะของอนุชิวย่อมสูงขึ้นตามไปด้วยเรื่องที่มีแต่ผลดีไม่มีผลเสียต่ออนุชิวเช่นนี้ เหตุใดจึงต้องบีบบังคับบุตรสาวแให้ถึงแก่ความตายด้วย?ต่อให้นางพยายามเอาอกเอาใจเพียงใด หากสิ้นบุตรสาวในไส้ไปแล้ว ชั่วชีวิตที่เหลือของอนุชิวก็ไร้ที่พึ่งพิงไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย“อนุชิวดีต่อเจ้ามากหรือ?”ฮูหยินเจียงเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยเซวียหมิงเฟยซึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับผ้าทออันหรูหรา พยักหน้ารับโดยมิได้สังเกตสิ่งใ
더 보기

บทที่ 4

พอได้ยินเสียงของเซวียหว่านอี้ เจินจูก็รีบเลิกม่านพุ่งตัวเข้าไปภาพแรกที่ประจักษ์แก่สายตาคืออนุชิวกำลังบีบคอคุณหนูของนางด้วยสีหน้าถมึงทึง เส้นเลือดสีเขียวบนหน้าผากปูดโปน เห็นได้ชัดว่าลงแรงไปมิใช่น้อยเจินจูหมายจะรุดเข้าไปช่วยคุณหนูของตน ทว่ากลับถูกแม่เฒ่าข้างกายอนุชิวขัดขวางไว้นางมิได้ลังเลแม้แต่น้อย รีบหันกายวิ่งตะบึงออกไปด้านนอกแม่เฒ่าผู้นั้นเห็นท่าไม่ดี จึงรีบถลันไปที่ประตู ร้องตะโกนบอกคนด้านนอกเสียงดังลั่น “ขวางนางไว้!”กว่าบ่าวไพร่ในเรือนจะทันตั้งตัว เจินจูก็วิ่งพ้นเขตเรือนชิงเหอไปเสียแล้วแม่เฒ่าเห็นดังนั้นจึงรีบรุดกลับเข้ามาดึงตัวอนุชิวออกไปเมื่อเห็นเซวียหว่านอี้ที่ทรุดฮวบลงกองกับพื้น ร่างกายอ่อนปวกเปียก อนุชิวจึงได้สติ ตระหนักได้ทันทีว่าภัยพิบัติกำลังมาเยือนเหตุใดนางจึงอดกลั้นโทสะไม่อยู่กันนะอีกทั้ง นังชั้นต่ำนี่ล่วงรู้ความจริงแล้วหรือเปล่า?นางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปมิได้ มิได้เด็ดขาดเมื่อคิดได้ดังนั้น อนุชิวก็รีบสะบัดตัวจากการเกาะกุมของแม่เฒ่า พุ่งเข้าไปหมายจะปลิดชีพเซวียหว่านอี้เซวียหว่านอี้ย่อมจงใจให้นางทำเช่นนี้นางกำลังเดิมพันใช้ชีวิตของตนเอง เดิมพันกับชีว
더 보기

บทที่ 5

อนุชิวจะตายมิได้ อย่างน้อยในเวลานี้ก็ยังตายมิได้หากนางตายไป เรื่องที่นางกับเซวียหมิงเฟยถูกสลับตัวกัน มิกลายเป็นไร้หลักฐานยืนยันหรอกหรือ?ความดุดันในแววตาของเซวียฉงลดทอนลงเขาปรายตามองอนุชิวที่นั่งหมดสภาพอยู่บนพื้น แล้วกล่าวว่า “ต่อให้เด็กทั้งสองจะขอความเมตตาแทนเจ้า แต่ความผิดที่ก่อขึ้นยากจะหลีกพ้นโทษทัณฑ์ เปลี่ยนเป็นโบยสิบไม้”กล่าวจบ ก็แค่นเสียงเย็นชา แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปสิบไม้อนุชิวถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างน้อยก็รักษาชีวิตเอาไว้ได้ นางรอดตายแล้วเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเซวียหมิงเฟย แววตานั้นเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ทว่ายามหางตาเหลือบไปเห็นเซวียหว่านอี้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง แววตานั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งร้ายในชั่วพริบตาเซวียหมิงเฟยถูกสายตาเยี่ยงนั้นจ้องมองจนรู้สึกอึดอัด นางขมวดคิ้วเล็กน้อย“ท่านพี่ ที่นี่มีพ่อบ้านเซวียคอยดูอยู่ พวกเรากลับกันเถอกเจ้าค่ะ”วันนี้ฮูหยินเจียงเข้าวัง มิเช่นนั้นเหตุการณ์เช่นนี้ นางคงไม่มีทางยอมให้เซวียหมิงเฟยเอ่ยปากขอความเมตตาเป็นแน่เซวียมู่เจามิได้ปฏิเสธ เขาพาน้องสาวเดินจากไป……เซวียหว่านอี้ยืนมองอนุชิวถูกโบยจนกรีดร้องโหยหวนด้วย “ส
더 보기

บทที่ 6

“อีกไม่ถึงหนึ่งเดือน ก็จะถึงวันออกเรือนของเจ้าแล้ว”หลังมื้อค่ำ ฮูหยินเจียงและเซวียหมิงเฟยกำลังนั่งสนทนากันอยู่ในห้อง“แม่เตรียมรายการสินเดิมไว้ให้เจ้าแล้ว ลองดูเถิดว่ายังมีสิ่งใดขาดเหลืออีกหรือไม่”ฮูหยินเจียงมีชาติตระกูลที่ดี สินเดิมที่นำติดตัวมาในปีนั้นก็นับว่ามากมายมหาศาลสินเดิมของนาง ย่อมต้องเก็บไว้ให้บุตรชายหญิงทั้งสองของตนส่วนสินเดิมของเซวียหว่านอี้ ย่อมต้องเป็นหน้าที่ของกองกลางในจวนเป็นผู้จัดเตรียมเซวียหมิงเฟยกอดแขนฮูหยินเจียงไว้ แสดงออกถึงความสนิทสนมรักใคร่“ขอบพระคุณท่านแม่เจ้าค่ะ แล้วน้องหญิงเล่าเจ้าคะ?”นางก้มหน้ามองรายการสินเดิม แน่นอนว่าย่อมด้อยกว่าชาติก่อนอยู่บ้างไม่มีเหตุผลอื่นใด ชาติก่อนนางแต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วกง ในวังย่อมประทานของดีมาให้ไม่น้อยแต่ยามนี้กลับเป็นไปไม่ได้แล้วแม้ในใจจะรู้สึกเสียดาย หรือกระทั่งไม่ยินยอมพร้อมใจอยู่บ้าง แต่ก็จนปัญญาจะให้นางแต่งให้เย่จั๋วอีกครั้ง ต้องเป็นม่ายทั้งเป็นไปชั่วชีวิต นางทำไม่ได้หากแค่ปีสองปียังพออดทนได้แต่ตลอดชีวิตนั้น ยาวนานเกินไปหากเป็นผู้อื่น สามีตายย่อมสามารถแต่งงานใหม่ได้แต่ตระกูลเย่เต็มไปด้วยวีรบุรุษ
더 보기

บทที่ 7

“แม่นม!”เซวียหว่านอี้ในชุดลำลองเดินออกมายังโถงหน้า นางแย้มยิ้มพลางยอบกายคารวะแม่นมหลินแม่นมหลินเห็นดังนั้นก็รีบเบี่ยงกายหลบ “คุณหนู มิได้นะเจ้าคะ”เซวียหว่านอี้ที่อยู่ตรงหน้าสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ ใบหน้าเล็กหมดจดไร้เครื่องประทินโฉม แววตาคู่นั้นกำลังมองนางด้วยแววตายิ้มแย้มยิ่งมองแม่นมหลินก็ยิ่งตระหนกตกใจ คำตอบหนึ่งผุดขึ้นในส่วนลึกของจิตใจ จวนเจียนจะหลุดปากไม่ทราบด้วยเหตุใด จิตใจของนางในยามนี้เริ่มสั่นคลอนเสียแล้วเพียงเพราะคุณหนูรองที่อยู่ตรงหน้าช่างคล้ายคลึงกับฮูหยินเหลือเกิน คิ้วตาที่ดูอ่อนโยนนั้นแทบจะถอดแบบมาจากฮูหยินราวกับพิมพ์เดียวกันเหตุใดเมื่อก่อนนางถึงไม่ทันสังเกตเห็นนะ?เซวียหว่านอี้เดินไปนั่งลงที่นั่งหลัก เจินจูยกน้ำชามาให้แม่นมหลินเรียบร้อยแล้ว“ลมราตรีหนาวเย็น ฝนใหญ่กำลังจะตก แม่นมมาเวลานี้ ท่านแม่มีเรื่องอันใดสั่งความหรือ?”แม่นมหลินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งนางได้ยินคำพูดของชิงถานจึงถือวิสาสะมาที่นี่เองฮูหยินยังไม่ทราบเรื่อง และนางก็ยังไม่กล้าให้ฮูหยินล่วงรู้เรื่องนี้จะเล็กก็เล็ก จะใหญ่ก็ใหญ่หากเป็นเพียงความเข้าใจผิด นั่นย่อมดีที่สุดแต่หากไม่ใช่ เกรงว่าตระ
더 보기

บทที่ 8

แม่นมหลินได้สติกลับมาโดยพลัน สีหน้าปรากฏแววลังเลฮูหยินเจียงนึกฉงนใจขึ้นมาจริง ๆแม่นมหลินติดตามรับใช้นางมาตั้งแต่ยังเล็ก เติบโตมาด้วยกันในนามคือบ่าวไพร่ ทว่าความผูกพันกลับประหนึ่งพี่น้องบัดนี้นางถึงกับมีเรื่องปิดบังนางเชียวหรือ?“พูดไม่ได้รึ?”ฮูหยินเจียงโยนผ้าเช็ดหน้าลงในอ่างน้ำ สาวเท้าเดินไปยังโถงข้าง เตรียมรับสำรับเช้าแม่นมหลินเดินตามอยู่ด้านหลัง จิตใจสับสนว้าวุ่นนางไม่รู้ว่าข้อสันนิษฐานของตนถูกหรือไม่ หากผิดพลาดขึ้นมาเล่า?แต่หากว่า... เป็นเรื่องจริงเล่า?“ฮูหยินเจ้าคะ...”แม่นมหลินยกมือขึ้น โบกไล่บ่าวไพร่ในห้องออกไปเวลานี้คุณหนูใหญ่กำลังรับสำรับอยู่ที่เรือนของตนเอง กว่าจะมาที่นี่ก็คงอีกครึ่งชั่วยาม“ไม่ทราบว่าฮูหยินรู้สึกหรือไม่เจ้าคะ ว่าคุณหนูใหญ่ดูละม้ายคล้ายอนุชิว...”ฮูหยินเจียงราวกับถูกทุบเข้าที่ศีรษะอย่างจัง ชั่วขณะนั้นคล้ายยังตั้งสติไม่ทันแม่นมหลินกล่าวต่อว่า “กลับกัน คุณหนูรองกลับมีคิ้วตาละม้ายคล้ายฮูหยินยิ่งนัก”ประโยคหลังนี้ ฮูหยินเจียงคล้ายไม่ได้ยินเลยสักนิดในหัวของนางเวลานี้มีแต่ใบหน้าของเซวียหมิงเฟยและอนุชิว จะว่าเหมือนก็ดูเหมือน จะว่าไม่เหมือ
더 보기

บทที่ 9

เซวียหว่านอี้ยิ้มบาง ๆ พลางคารวะตอบว่า “อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะพี่หญิง”กิริยามารยาทยังคงถูกต้องตามธรรมเนียมมิอาจจับผิดได้ ทว่ากลับทำให้เซวียหมิงเฟยรู้สึกขัดหูขัดตาอย่างน่าประหลาดในความทรงจำของนาง น้องหญิงรองผู้นี้มักเงียบขรึม ขลาดกลัว ยามพบหน้ากระทั่งสบตาก็ยังมิกล้าทว่ายามนี้บเปลี่ยนไปแล้วเมื่อคิดถึงสาเหตุที่ทำให้นางเปลี่ยนไป เซวียหมิงเฟยก็พลันรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาคิดว่าได้เกาะเกี่ยวจวนเจิ้นกั๋วกงแล้วจะมีสิทธิ์มาตีตนเสมอหน้านางกระนั้นหรือ?ฝันไปเถอะ“ชุดเจ้าสาวของน้องหญิงเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?”นางเลิกหางตาขึ้นเล็กน้อย “กำหนดการแต่งงานของเจ้ากับเจิ้นกั๋วกงใกล้วันเข้ามาทุกที หากไม่เร่งเตรียมการ ระวังจะพลาดฤกษ์ส่งตัว ถึงเวลานั้นหากฝ่าบาททรงกริ้วลงมา ตระกูลเซวียของเราคงพลอยติดร่างแหไปด้วย”เซวียหว่านอี้แสร้งแสดงความอ่อนแอออกมาได้ถูกจังหวะ แววตาหม่นแสงลงในชั่วพริบตานางย่อกายคารวะฮูหยินเจียงอย่างอ่อนช้อย “ท่านแม่ ลูกยังมีธุระที่เรือน ต้องขอตัวลาไปก่อน ขอท่านแม่อย่าได้ตำหนิเจ้าค่ะ”ในใจฮูหยินเจียงมีเรื่องให้ครุ่นคิด แต่ไรมาก็ไม่เคยตำหนิอยู่แล้ว ยามนี้ย่อมไม่เอ่ยว่ากระไรนางโบ
더 보기

บทที่ 10

จะสืบพบหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่งทว่ายามนี้ทุกสิ่งล้วนบ่งชี้ถึงความไม่ชอบมาพากล ในใจฮูหยินเจียงคล้ายมีหนามแหลมทิ่มแทง หากมิอาจสืบให้กระจ่างแจ้ง คงยากจะกินได้นอนหลับหากมิได้มีการสับเปลี่ยนตัวย่อมดีที่สุด แต่หากถูกสับเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ นางควรทำเช่นไรเล่า?เมื่อหวนนึกถึงบทสรุปที่มิอยากเห็นที่สุด ฮูหยินเจียงรู้สึกอ้างว้างสับสนไปหมดถึงอย่างไรเซวียหมิงเฟยก็เป็นบุตรสาวที่นางฟูมฟักทะนุถนอมมานานนับสิบปี ไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะมิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนส่วนเซวียหว่านอี้ ความกระวนกระวายวาบผ่านเข้ามาในจิตใจพร้อมกับความชิงชังที่มีต่ออนุชิว……“คุณหนู แม่นมหลินจะเข้าใจความนัยของท่านหรือไม่เจ้าคะ?”เฝ่ยชุ่ยเอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อยเซวียหว่านอี้นั่งแช่อยู่ในถังอาบน้ำ ปล่อยให้สายน้ำอุ่นชโลมกายสายตาจับจ้องไปยังฉากบังลมลายดอกไม้และวิหคเบื้องหน้า พลางเอ่ยว่า “นางย่อมเข้าใจ ความคิดอ่านของนางหาใช่สิ่งที่พวกเราจะเทียบได้”“ยามนี้พวกเราทำได้เพียงแค่รอ”เฝ่ยชุ่ยถอนหายใจแผ่วเบา “รออีกแล้วหรือเจ้าคะ? ขืนรอต่อไป คุณหนูคงได้แต่งเข้าจวนเจิ้นกั๋วกงเสียก่อน”เซวียหว่านอี้อดหัวเราะมิได้ “ต่อให
더 보기
이전
123
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status