Share

บทที่ 7

Penulis: กากบาทเย่
“แม่นม!”

เซวียหว่านอี้ในชุดลำลองเดินออกมายังโถงหน้า นางแย้มยิ้มพลางยอบกายคารวะแม่นมหลิน

แม่นมหลินเห็นดังนั้นก็รีบเบี่ยงกายหลบ “คุณหนู มิได้นะเจ้าคะ”

เซวียหว่านอี้ที่อยู่ตรงหน้าสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ ใบหน้าเล็กหมดจดไร้เครื่องประทินโฉม แววตาคู่นั้นกำลังมองนางด้วยแววตายิ้มแย้ม

ยิ่งมองแม่นมหลินก็ยิ่งตระหนกตกใจ คำตอบหนึ่งผุดขึ้นในส่วนลึกของจิตใจ จวนเจียนจะหลุดปาก

ไม่ทราบด้วยเหตุใด จิตใจของนางในยามนี้เริ่มสั่นคลอนเสียแล้ว

เพียงเพราะคุณหนูรองที่อยู่ตรงหน้าช่างคล้ายคลึงกับฮูหยินเหลือเกิน คิ้วตาที่ดูอ่อนโยนนั้นแทบจะถอดแบบมาจากฮูหยินราวกับพิมพ์เดียวกัน

เหตุใดเมื่อก่อนนางถึงไม่ทันสังเกตเห็นนะ?

เซวียหว่านอี้เดินไปนั่งลงที่นั่งหลัก เจินจูยกน้ำชามาให้แม่นมหลินเรียบร้อยแล้ว

“ลมราตรีหนาวเย็น ฝนใหญ่กำลังจะตก แม่นมมาเวลานี้ ท่านแม่มีเรื่องอันใดสั่งความหรือ?”

แม่นมหลินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

นางได้ยินคำพูดของชิงถานจึงถือวิสาสะมาที่นี่เอง

ฮูหยินยังไม่ทราบเรื่อง และนางก็ยังไม่กล้าให้ฮูหยินล่วงรู้

เรื่องนี้จะเล็กก็เล็ก จะใหญ่ก็ใหญ่

หากเป็นเพียงความเข้าใจผิด นั่นย่อมดีที่สุด

แต่หากไม่ใช่ เกรงว่าตระกูลเซวียคงต้องประสบเคราะห์กรรมดั่งพายุฝนในค่ำคืนนี้ ผลที่ตามมามิอาจคาดเดาได้

“อีกสองวัน กรมตัดเย็บในวังจะมาวัดตัวตัดชุดให้คุณหนูรองที่จวน ฮูหยินจึงสั่งให้บ่าวเฒ่ามาดูว่าคุณหนูยังขาดเหลือสิ่งใดหรือไม่เจ้าค่ะ”

วาจานี้มิได้กล่าวเท็จ ยามตั้งสำรับมื้อค่ำฮูหยินได้กำชับไว้จริง

เพียงแต่บอกให้มาวันพรุ่งนี้

เซวียหว่านอี้ยิ้มละไม “ลำบากท่านแม่ต้องเป็นห่วง ข้ามีข้าวของครบครัน มิได้ขาดเหลือสิ่งใด รบกวนแม่นมกลับไปเรียนท่านแม่แทนข้าด้วยว่า วันพรุ่งนี้ยามเช้าข้าจะไปคารวะขอบคุณท่านแม่ด้วยตนเองเจ้าค่ะ”

แม่นมหลินมิได้ใส่ใจเรื่องคำขอบคุณ

แต่เพราะรอยยิ้มของเซวียหว่านอี้ หัวใจของนางแทบจะกระดอนออกมาจากอก

ยามที่คุณหนูยิ้ม ช่างเหมือนฮูหยินราวกับแกะ

ทันใดนั้น แม่นมหลินก็คล้ายจะเข้าใจกระจ่างแจ้ง

ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่มีผู้ใดในจวนสังเกตเห็น

ยามนั้นคุณหนูรองมักจะยืนห่อไหล่หลังค่อม ใบหน้าอมทุกข์ตลอดทั้งวัน ไม่กล้าสบตาผู้คนในจวน ประกอบกับตัวตนที่ดูจืดจาง ย่อมดูไม่ออกเป็นธรรมดา

แต่คุณหนูในยามนี้ คิ้วตาผ่อนคลาย รอยยิ้มอ่อนโยน ทุกอากัปกิริยาแทบจะเหมือนฮูหยินถึงเจ็ดแปดส่วน

รูปโฉมของฮูหยินเจียงค่อนไปทางงดงามหมดจดและสง่าผ่าเผย ส่วนเซวียหมิงเฟยนั้นงามหยาดเยิ้มสมชื่อ เป็นความงามคนละแบบโดยสิ้นเชิง

บัดนี้ เมื่อตระหนักถึงจุดนี้ แม่นมหลินลองวาดภาพใบหน้าของคุณหนูใหญ่ในห้วงความคิด ก็พลันรู้สึกราวกับฟ้ากำลังจะถล่มลงมา

“เปรี้ยง—”

สิ้นเสียงกัมปนาท ทั่วทั้งเรือนก็สั่นสะเทือนจนเกิดเสียงอื้ออึง

ไม่นานนัก เม็ดฝนห่าใหญ่ก็เทกระหน่ำลงมาอย่างกะทันหัน

“เช่นนั้น บ่าวขอตัวกลับเรือนทิงหลานก่อน คุณหนูรีบเข้านอนเถิดนะเจ้าค่ะ”

เซวียหว่านอี้ลุกขึ้นเดินไปส่งที่ระเบียงหน้าโถง

“เจินจู ฝนตกหนักนัก กางร่มไปส่งแม่นมด้วย”

แม่นมหลินอยากจะปฏิเสธ แต่เจินจูตอบรับเรียบร้อยแล้ว

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

เจินจูกางร่มกระดาษน้ำมัน สองมือจับด้ามร่มไว้แน่น

แววตาเป็นประกายจ้องมองแม่นมหลิน

“แม่นม พวกเราไปกันเถิดเจ้าค่ะ”

แม่นมหลินหันกายกลับไป ย่อกายคารวะเซวียหว่านอี้

“บ่าวเฒ่าขอตัวเจ้าค่ะ”

ทั้งสองเดินฝ่าสายฝน เร่งฝีเท้าจากไป

ฝนตกหนักปานฟ้ารั่วเช่นนี้ ต่อให้สนทนาเสียงดังสักเพียงใด เพียงไม่กี่ก้าวก็มิอาจได้ยินแล้ว

“คุณหนู บ่าวกลัวเจ้าค่ะ” เฝ่ยชุ่ยตัวสั่นเทา พยายามข่มความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นตามสัญชาตญาณ

เซวียหว่านอี้ยื่นมือออกไป กลางฝ่ามือถูกเม็ดฝนกระทบจนรู้สึกชาหนึบ

“นังเด็กโง่ กลัวอันใดกัน”

นางหัวเราะเบา ๆ นัยน์ตาฉายแววบ้าคลั่งชวนให้ผู้คนใจสั่นสะท้าน

“การแต่งงานของข้าถูกกำหนดไว้แล้ว เว้นแต่ข้าจะตาย มิเช่นนั้นก็ไม่มีทางยกเลิกได้เด็ดขาด”

“เฝ่ยชุ่ย...”

น้ำเสียงของนางแผ่วเบา คล้ายกับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ท่ามกลางค่ำคืนฝนพรำนี้

เมื่อตกกระทบหูเฝ่ยชุ่ย กลับฟังดูเลื่อนลอยไม่สมจริง

“หากข้าตาย จวนสกุลเซวียอันใหญ่โตนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องโทษเนรเทศ”

เพราะเย่จั๋วกำลังเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้

หากเป็นผู้อื่น คงไม่มีอำนาจบารมีมากถึงเพียงนี้

ดูหมิ่นพระเมตตา ดูแคลนเจิ้นกั๋วกงผู้เป็นที่ “โปรดปราน” ของฝ่าบาท…

“น่าเสียดาย”

น้ำเสียงเยียบเย็นของนางเจือแววเสียดาย

น่าเสียดายที่ฉู่ยวนยังมีชีวิตอยู่ มิเช่นนั้นนางอยากลองดูจริง ๆ ว่าความรู้สึกตอนที่ทำลายตระกูลเซวียจนย่อยยับจะเป็นเช่นไร

“คุณหนู…” เฝ่ยชุ่ยเศร้าเสียใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา

ไม่กล้าคิดเลยว่าหลังจากคุณหนูแต่งเข้าจวนกั๋วกงแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

แม่ทัพเย่ผู้เคยเป็นชายในฝันของหญิงสาวนับไม่ถ้วน กลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีผู้ใดกล้าแต่งงานด้วย ย่อมแสดงให้เห็นว่าสถานที่แห่งนั้นคือถ้ำมังกรแดนพยัคฆ์อย่างแท้จริง

เซวียหว่านอี้อดขำไม่ได้ ยกมือขึ้นจิ้มหว่างคิ้วของนางเบา ๆ

“สำหรับผู้อื่น อาจเป็นหุบเหวลึก แต่สำหรับข้า...”

นางสะบัดน้ำฝนออกจากฝ่ามือ หันกายเดินเข้าไปในโถงกลาง

“คือความสงบสุขชั่วชีวิต”

……

“แม่นม!”

ชิงถานเห็นแม่นมหลิน ก็รีบสาวเท้าเข้าไปหา

แม่นมหลินประคองนาง พาไปนั่งลงด้านข้าง สีหน้าท่าทางทั่วทั้งร่างล้วนสื่อความหมายเดียวกัน

——เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ฟ้าถล่มแล้ว

สีหน้าของนาง คล้ายได้ตอบคำถามทุกอย่างแล้ว

ชิงถานยันโต๊ะไว้ เพื่อป้องกันมิให้ตนเองทรุดลงไปกองกับพื้นเพราะแข้งขาอ่อนแรง

“เป็น อนุชิวหรือเจ้าคะ?”

ชิงถานเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง

เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากแม่นมหลิน ชิงถานจึงกล่าวต่อว่า “ทางฝั่งฮูหยิน…”

ในที่สุดแม่นมหลินก็ได้สติ

นางหน้าซีดเผือด เอ่ยอย่างเชื่องช้า “ข้าจะจัดการเอง เจ้าทำเป็นไม่รู้เรื่องก็พอ”

ชิงถานรู้ดีว่าเรื่องนี้ร้ายแรงเพียงใด จึงรีบพยักหน้า “แม่นมวางใจเถิด”

นางตกใจจนแทบตาย จะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร

หากเป็นเมื่อก่อน อาจไม่ถึงกับหวาดกลัวเพียงนี้

แต่บัดนี้ผู้ที่อยู่ในเรือนว่างซู คือว่าที่ฮูหยินกั๋วกงอย่างแน่นอนแล้ว

หากจัดการเรื่องนี้ไม่ดี ตระกูลเซวียทั้งตระกูลก็จบสิ้นแล้ว

……

“ฟึ่บ——”

นิ้วมือเรียวยาวคีบกระดาษแผ่นหนึ่ง ยื่นไปแตะเปลวเทียน เพียงชั่วพริบตาก็ลุกไหม้

“สงบสุขชั่วชีวิตงั้นรึ?”

น้ำเสียงของเย่จั๋วเจือความเย็นชาไม่ยี่หระ “อยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว จึงจะสงบสุขชั่วชีวิต”

ชายวัยกลางคนก้าวเข้ามา เขาคือเย่อัน พ่อบ้านใหญ่จวนกั๋วกง

“คุณชาย รองเสนาบดีเซวียทราบเรื่องนี้หรือไม่ขอรับ?”

สายลับสืบรู้เพียงว่าคุณหนูทั้งสองของตระกูลเซวียถูกอนุภรรยาสับเปลี่ยน แต่ทางเซวียฉงนั้น ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ

เย่จั๋วแค่นหัวเราะ “ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่ การดูแลบ้านเรือนไม่เข้มงวดก็เป็นความจริง”

รถเข็นเคลื่อนตัว เย่อันเข็นเขาไปยังห้องอาบน้ำภายในจวน

ไอร้อนในสระลอยกรุ่น อบอวลไปด้วยกลิ่นยาสมุนไพร

เย่อันช่วยปรนนิบัติเขาเปลี่ยนเสื้อผ้า และอุ้มเขาลงสู่บ่อน้ำอุ่น

ไม่นานชายชราเคราขาวผู้หนึ่งก็เดินเข้ามา ฝังเข็มที่แผ่นหลังให้เขา

ใบหน้าถูกปิดไว้ด้วยหน้ากาก จึงไม่เห็นสีหน้า แต่ได้ยินเสียงหายใจของเขาที่เริ่มหอบถี่ขึ้นเรื่อย ๆ

ขาทั้งสองข้างที่จมอยู่ในน้ำ ส่วนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา ผิวหนังล้วนเป็นสีม่วงคล้ำ เส้นเลือดปูดโปน ก่อให้เกิดลวดลายซับซ้อนน่าสยดสยอง

“ลุงอัน!”

เสียงของเย่จั๋วแหบพร่า “แอบร่วมมือกับทางนั้น จัดการเรื่องตัวตนให้เรียบร้อย หากจำเป็นก็ช่วยเหลือสักเล็กน้อย”

เย่อันรับคำ “ขอรับ คุณชาย”

ทันทีที่ราชโองการลงมา ไม่ว่าคุณชายจะเต็มใจหรือไม่ คุณหนูรองตระกูลเซวียก็คือนายหญิงแห่งจวนกั๋วกงที่ผู้คนต่างรับรู้โดยทั่วกันแล้ว

คุณชายจะมองนางอย่างไรยังไม่ทราบ แต่ “คนนอก” ย่อมไม่อาจรังแกนางได้

มิเช่นนั้น ก็เท่ากับตบหน้าจวนกั๋วกง

เกียรติยศที่ตระกูลเย่แลกมาด้วยเลือดเนื้อหลายชั่วคน มิอาจถูกเหยียบย่ำได้

……

วันรุ่งขึ้น ฝนซาลง แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ท้องฟ้ามืดครึ้มราวกับจะถล่มลงมา บรรยากาศอึมครึมชวนให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก

เซวียฉงไปร่วมประชุมเช้า แม่นมหลินกำลังปรนนิบัติฮูหยินเจียงล้างหน้า

“ว่ามาเถิด”

ฮูหยินเจียงกล่าว “มีเรื่องใดที่ทำให้เจ้าอ้ำอึ้งเช่นนี้?”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 30

    ราตรีเยียบเย็นดุจสายน้ำเซวียหว่านอี้นั่งอยู่ในศาลา ตรงหน้ามีเตาอุ่นขนาดเล็กจุดอยู่กาน้ำดินเผาสีแดงบนเตา มีกลิ่นหอมหวานโชยเอื่อยออกมานางยกจอกสุราข้างกายขึ้นมา เอนกายพิงพนักอย่างเกียจคร้าน ทอดมองเหล่าปลาจิ่นหลี่ที่กำลังแหวกว่ายอย่างสบายอารมณ์อยู่ใต้แสงโคมบัวยามค่ำคืน“คุณหนู บ่าวได้ยินมาว่าพิธีปักปิ่นที่ในจวนจะจัดให้คุณหนู ครานี้จะยิ่งใหญ่กว่าของท่านผู้นั้นเสียอีกนะเจ้าคะ”เฝ่ยชุ่ยถือเครื่องเคียงสองอย่างเดินเข้ามา วางลงบนโต๊ะหินอย่างแผ่วเบา“บางทีอาจเป็นเพราะต้องการเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของคุณหนูแล้วกระมังเจ้าคะ”เซวียหว่านอี้มิได้เอ่ยตอบ นางจิบสุราเพียงเล็กน้อย พวงแก้มก็พลันระเรื่อสีชมพูจาง ๆเฝ่ยชุ่ยเองก็ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบจากคุณหนู จึงพูดต่อไปตามลำพัง“ไม่รู้ว่าท่านผู้นั้นจะคิดอย่างไรบ้างนะเจ้าคะ”เมื่อตอนบ่าย เรือนทิงหลานส่งของมาให้มากมาย ทำให้เรือนว่างซูที่แต่เดิมโล่งกว้าง กลับโอ่อ่าหรูหราขึ้นมาในทันทีแม้ว่าหากเทียบกับจวนอ๋องจวนโหวเหล่านั้น อาจจะไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงก็ตามสายลมวูบหนึ่งพัดผ่าน เหล่าแมกไม้ใบหญ้าพลันส่งเสียงเสียดสีกัน“พิธีปักปิ่นของท่านผู้นั้นจะจั

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 29

    นางยิ้มบางเบา “หากท่านไม่เต็มใจ พวกเราสลับตัวเจ้าสาวกันก็ได้”นางกำลังเดิมพัน เดิมพันว่าชาตินี้เซวียหมิงเฟยไม่กล้าแต่งให้เย่จั๋วอีกเป็นอันขาดหากเดิมพันชนะ นางก็สามารถยืมอำนาจของจวนเจิ้นกั๋วกงมาจัดการฉู่ยวนให้ตายตกไปเดิมพันแพ้ ก็แค่แต่งออกไป ในคืนวันเข้าหอ ก็ไปสู่ปรโลกพร้อมกับเขาไม่ฉู่ยวนตาย ก็พวกเขาตายด้วยกันเซวียหมิงเฟยตัวสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมนางส่ายหน้า ไม่แยแสต่อสีหน้าตื่นเต้นยินดีของอนุชิว พลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าพูดจาเหลวไหล เจ้ากับเจิ้นกั๋วกงมีพระราชทานสมรสตามราชโองการของฝ่าบาท หากเรื่องสลับตัวเจ้าสาวถูกเปิดโปง ตระกูลเซวียของพวกเราเกรงว่าจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติล้างตระกูล”ชาติก่อนนางถูกเย่จั๋วทรมานจนตายด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมที่สุด ชาตินี้จะยังกล้าแต่งไปหาเขาได้อย่างไรอย่าว่าแต่แต่งเลย แค่ได้ยินชื่อของเย่จั๋ว นางก็รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่างแล้วแสงสว่างในแววตาของอนุชิวดับวูบลงอย่างสิ้นเชิง“ข้าเกิดก่อนเจ้าเล็กน้อย ต่อไปอย่าเรียกข้าว่าน้องหญิงอีกเลย”นางไม่รู้ว่าเซวียหมิงเฟยมีสีหน้าเช่นไร จึงกล่าวต่อ “หากเจ้าเรียกไม่ถนัดปาก เช่นนั้นต่อไปพวกเราก็เรียกชื

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 28

    เซวียหว่านอี้ทอดมองอย่างเย็นชาชาติก่อน การถูกทรมานให้เป็นมนุษย์หมูตลอดหลายปี ทำให้นางสูญเสียการรับรู้ทางอารมณ์ไปเกือบหมดสิ้นนางถึงกับสัมผัสได้ว่า ฮูหยินเจียงมิได้เห็นนางสำคัญถึงเพียงนั้นที่มากกว่านั้นคือความอัปยศอดสูจากการถูกอนุชิวสับเปลี่ยนตัวบุตรไปหากบัดนี้ให้ฮูหยินเจียงเลือก ระหว่างนางกับเซวียหมิงเฟยมิต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาทุกคนย่อมเลือกเซวียหมิงเฟยฮูหยินเจียงอยากให้อนุชิวตาย ทว่านั่นมิได้หมายความว่าจะทอดทิ้งบุตรสาวคนนี้ความผูกพันฉันแม่ลูกตลอดสิบห้าปี ไหนเลยจะตัดขาดกันได้โดยง่ายเซวียมู่เจาในยามนี้ไม่คิดจะเอ่ยปากทว่าก็อดมิได้ที่จะสงสารยามเห็นเซวียหมิงเฟยร่ำไห้จนควบคุมตนเองไม่อยู่ท่านพ่อไม่สะดวกเอ่ยปากนัก เพราะจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของท่านพ่อและท่านแม่ทว่าคนผู้นี้…“น้องหญิงรอง เจ้าไม่มีสิ่งใดอยากพูดบ้างหรือ?” เขาเอ่ยปากขึ้นจนได้ทุกสายตาจับจ้องไปยังเซวียหว่านอี้เป็นจุดเดียวอนุชิวมิได้เอ่ยปาก ทว่าแววตาที่มองมากลับเปี่ยมไปด้วยความเวทนาและอ้อนวอนส่วนเซวียหมิงเฟย กลับลุกขึ้นวิ่งไปทรุดกายคุกเข่าลงเบื้องหน้าเซวียหว่านอี้อีกคราเมื่อสัมผัสได้ว่ามือที่กำลังอด

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 27

    นางมองคนทั้งสองที่ยืนอยู่หน้าโถงด้วยความโกรธ ก่อนจะเหยียดยิ้ม “ช่างเป็นภาพพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันดียิ่งนัก”เซวียมู่เจา: “...”เมื่อเห็นแววตาเย็นชาเมินเฉยของฮูหยินเจียง ในใจของเซวียมู่เจาก็วูบไหวด้วยความตื่นตระหนกเขาไม่รู้ว่าตนไปทำสิ่งใดให้ท่านแม่ไม่พอใจ ถึงขั้นทำให้นางต้องมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้ฮูหยินเจียงกล่าวเสียงเย็นเยียบ “หลายปีมานี้ หว่านอี้ต้องอยู่อย่างไรในจวนแห่งนี้ พวกเจ้าย่อมรู้แก่ใจดี”“พวกเราไม่รู้เรื่องที่สลับตัวลูกก็จริง แต่อนุชิว...”นางชี้ไปยังสตรีที่คุกเข่าอยู่หน้าโถง “นางที่เป็นตัวการเรื่องนี้ จะไม่รู้ได้อย่างไร?”“สับเปลี่ยนลูกสาวของข้าแล้ว ยังเหยียบย่ำข่มเหงนางไม่หยุดหย่อน”นางลุกขึ้น เดินไปหยุดอยู่หน้าอนุชิว ก่อนจะก้มลงเชยคางของอีกฝ่ายขึ้นมาทอดมองอีกฝ่ายจากมุมสูง แล้วกล่าวว่า “เจ้าคงลำพองใจมากกระมัง ที่ลอบใช้ลูกสาวของข้ามาดูความน่าสมเพชของข้า ทำให้เจ้ารู้สึกว่าปั่นหัวข้าไว้ในกำมือได้”“เป็นเพียงอนุภรรยา แต่กลับอาศัยลูกสาวแท้ ๆ ของข้า มาหลอกปั่นหัวข้าที่เป็นนายหญิงแห่งตระกูลเซวียจนโง่งมงายอยู่เบื้องหลัง เจ้าช่างเก่งกาจเสียจริง”นางสะบัดใบหน้าของอน

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 26

    เซวียมู่เจาพยายามอย่างยิ่งที่จะเค้นความทรงจำ หรือควรกล่าวว่ากำลังพยายามล้างสมองตนเองอยู่ในความทรงจำของเขาน้องหญิงรองผู้นี้ แท้จริงแล้วเป็นคนเช่นไรคงเป็นเด็กขี้ขลาด หวาดกลัว และไร้ซึ่งความสดใสมีชีวิตชีวาส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตา ดูเหมือนจะไม่เคยอยู่ในความทรงจำของเขาเลยแม้แต่น้อยก็ไม่น่าแปลกใจขนาดคนรับใช้ในจวนยังกล้ามองข้ามเซวียหว่านอี้ได้อย่างสิ้นเชิง หรือควรกล่าวว่าไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตาเลยต่างหากนี่สะท้อนให้เห็นเพียงว่า ทั่วทั้งตระกูลเซวีย หามีเจ้านายคนใดให้ความสำคัญต่อนางไม่ขอเพียงมีสักคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตามที่ปฏิบัติต่อนางดีสักสามส่วน พวกบ่าวไพร่ในจวนก็ย่อมไม่กล้าแสดงท่าทีเช่นนี้ฉะนั้น การที่เซวียมู่เจาจำรูปลักษณ์ของเซวียหว่านอี้ไม่ได้ จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างยิ่งเซวียหว่านอี้ย่อกายคารวะ “คารวะท่านพี่เจ้าค่ะ”กิริยาท่วงท่าของนางนับว่าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติความสมบูรณ์แบบนี้ หากพูดให้ฟังดูดีคือนางเป็นแบบอย่างของสตรีสูงศักดิ์ แต่หากพูดให้ฟังดูแย่ ก็คือความห่างเหินจนเกินไปไม่ทราบเพราะเหตุใด เซวียมู่เจาพลันรู้สึกขัดตาอยู่บ้าง“พี่น้องกันแท้ ๆ ไม่จำเป็นต้องมากพิ

  • เกิดใหม่หนีรักทรยศ มาตกหลุมรักแม่ทัพพิการ   บทที่ 25

    เมื่อเห็นใบหน้าที่คล้ายคลึงกันตรงหน้าทั้งสอง แม้จะไม่อยากยอมรับเพียงใด แต่ในใจของเซวียหมิงเฟยก็บังเกิดความคิดอันน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาอนุชิว คือมารดาผู้ให้กำเนิดของนางชีวิตสิบห้าปีที่ผาสุกในจวนซึ่งนางได้รับมา แท้จริงแล้วควรเป็นของเซวียหว่านอี้ฮูหยินเจียงมองคนทั้งสองในโถงด้วยสายตาเรียบเฉยไม่อยากยอมรับก็ไร้ประโยชน์อนุชิวและเซวียหมิงเฟย ช่างเหมือนกันเสียจริงนางปรายตามองเซวียฉงที่อยู่ข้างกายนางแวบหนึ่งไม่ว่าเขาจะรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ฮูหยินเจียงก็บังเกิดความแค้นเคืองต่อเขาแล้วเป็นเพราะความโปรดปรานที่บุรุษผู้นี้มีต่ออนุภรรยา จึงทำให้อนุชิวบังเกิดจิตใจอำมหิตถึงเพียงนี้แต่ตัวนางและบุตรสาวแท้ ๆ ช่างเป็นผู้บริสุทธิ์ยิ่งนักพลันนึกขึ้นได้ว่า เซวียหว่านอี้ได้รับพระราชทานสมรสกับจวนเจิ้นกั๋วกงแล้วหากเป็นเมื่อสองวันก่อน ฮูหยินเจียงย่อมไม่พอใจอยู่แล้วเรื่องสมรสของบุตรีอนุ ไฉนเลยจะสูงส่งกว่าบุตรสาวของนางได้แต่บัดนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้วนางเป็นถึงคุณหนูใหญ่จากจวนโหวโดยแท้ความรู้สึกนั้นจะมองว่าสำคัญก็ได้ หรือไม่สำคัญก็ได้ ทุกอย่างล้วนผูกพันกับผลประโยชน์ของตระกูล“นับแต่นี้ไป เบ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status