Share

บทที่ 17

last update Last Updated: 2025-02-15 08:00:38

“อื้อ! แอ๊ คิกๆ”

เสียงทารกเปร่งเสียงชอบใจ พร้อมกับเสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณ ในขณะที่คนทั้งหมดกำลังเดินทางกลับหมู่บ้าน การที่ฉือฟางอินสลัดความคิดทุกอย่างทิ้ง แล้วหันไปสนใจแต่เฉียนเอ๋อร์นั้น ทำให้นางเลิกสนใจบุรุษที่เดินอยู่ข้าง ๆ ที่นางไม่รู้ว่าเขาคือฉือหย่งหลิงได้จริงๆ ฝ่ายฉือหย่งหลิงเองยามที่ได้เห็นฉือฟางอิน หยอกล้อเล่นกับเฉียนเอ๋อร์ได้เป็นอย่าง ก็นับว่าเป็นเรื่องประหลาดใจไม่น้อยสำหรับเขา

เดิมทีที่ฉือหย่งหลิงต้องมาเดินอยู่ใกล้ๆ ฉือฟางอินเช่นนี้ ก็เพราะเขากลัวว่าคนเป็นแม่ ที่ไม่เคยเลี้ยงดูลูกอย่างนาง อาจจะทำอะไรที่เป็นอันตรายกับเฉียนเอ๋อร์เอาได้ ครั้นจะให้ชิงเอาตัวเฉียนเอ๋อร์มาอุ้มเสียเอง ในยามที่ตนเองอำพรางตัวอยู่นี้ ก็เกรงว่าจะผิดสังเกตจนเกินไป การที่เขาละเว้นนางเอาไว้ ไม่เปิดเผยตัวตนให้รู้เหมือนกับคนอื่นที่อยู่ที่นี้ นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการ ที่จะสำรวจการกระทำของนางที่มีต่อบุตรชาย ว่าแม่อย่างนางที่ไม่เคยเลี้ยงดูลูกเลยสักครั้ง จะทำอย่างไรเมื่อต้องมาเลี้ยงลูกด้วยตัวเองตามลำพัง  แต่อันที่จริงหากมองย้อนกลับไป การที่ฉือหย่งหลิงต้องมากังวลกลัวว่าฉือฟางอินจะดูแลเฉียนเอ๋อร์ได้ไม่ดีนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมากจากที่ตัวเขา เป็นคนออกปากไล่ให้ฉือฟางอินกลับไปอยู่เรือนของนาง และสั่งห้ามไม่ให้นางเข้าใกล้เฉียนเอ๋อร์ ทั้งที่ลึกๆ แล้วตัวเขาเอง ก็ไม่ได้อยากที่จะแยกสองแม่ลูกออกจากกัน

ซึ่งตัวของฉือหย่งหลิงเอง ก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าภายในใจของเขาเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นมาได้ เพราะก่อนหน้านี้ทั้งตัวเขาเพียงต้องการ ให้ฉือฟางอินคลอดลูกออกมา เพื่อแก้ไขเหตุการณ์ในอนาคต ตามคำทำนายก็เท่านั้น แต่หลังจากคืนที่ฉือฟางอินตัดสินใจมาหาเขา เพื่อจะทำเรื่องเช่นนั้น ให้ในท้องของนางมีเด็กเกิดมา ในห้วงลึกภายในใจของฉือหย่งหลิง ก็เกิดมาความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ อย่างที่ไม่คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติ เขาจะรู้สึกกับสตรีนางใดได้

สิ่งนี้อาจจะเพราะเมื่อฉือหย่งหลิง ได้ลองคิดทบทวนกับตนเอง เกี่ยวกับความสัมพันธ์ ที่ไม่เต็มใจนี้ระหว่างนางและเขา ความรู้สึกของฉือฟางอินที่มีต่อเขาเอง ก็ไม่ได้ต่างจากที่เขารู้สึกกับนางเท่าไหร่นัก เราทั้งสองต่างมีทั้งอคติและทิฐิต่อกัน การที่สตรีนางหนึ่งต้องมาขึ้นเตียง กับชายที่ตนไม่ได้รักนั้น สำหรับนางแล้วย่อมต้องใช้ความกล้ากว่าเขา ที่เป็นบุรุษหลายร้อยเท่า แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว นางก็ยอมวางความเกลียดชังที่มีต่อเขา ตัดสินใจที่จะตั้งท้องลูกให้กัน แล้วคืนวันนั้นตัวฉือหย่งหลิงเอง ก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกของเขาเองได้ว่า สัมผัสลึกซึ้งที่เขามีกับฉือฟางอินนั้น ช่างเป็นความรู้สึกดีที่ยากจะลืมลง

ทำให้ครั้งหนึ่งตัวเขาจึงได้ลองวางอคติที่มีต่อฉือฟางอินลง เปิดใจมองนางใหม่อีกครั้ง พร้อมกับย้อนนึกถึงคำพูดที่แม่ทัพชวี่ บิดาของนางได้เอ่ยกับเขาว่า โดยเนื้อแท้จริงของฉือฟางอินนั้น นางไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คนอื่นเข้าใจ จนหลายเดือนผ่านพ้นไป ก็เหมือนกับว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี บรรยากาศระหว่างเจ้านายทั้งสองคน ไม่ได้ย่ำแย่เหมือนที่ผ่านมา เลยพลอยทำให้บรรยากาศภายในจวน อบอวนไปด้วยบรรยากาศที่ดีตามไปด้วย จนคนรับใช้ในจวนเองก็รู้สึกได้

หากแต่เวลาอันแสนสุขเหล่านั้น กลับต้องถูกพากจากไป เมื่อจู่ๆ หญิงบำเรอที่ซือไท่อี้โกหกว่าเป็นน้องสาวของเขา ได้มาเยี่ยมเยียนฉือฟางอินถึงในจวนสกุลฉือ โดยที่ฉือฟางอินเองไม่ทันได้ตั้งตัว และการมาเยือนของหญิงบำเรอในครั้งนี้ ก็เพื่อมาย้ำเตือนให้ฉือฟางอิน ไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ นางมีความคิดที่จะหนีไปจากฉือหย่งหลิง

ฉือหย่งหลิงเห็นเช่นนั้น รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาคิดว่าสหายนางนี้ก็คงจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ นอกคนที่ฉือฟางอินไปสนิทสนมด้วย ตอนที่นางเคยออกไปเที่ยวเตร่ดื่มสุราอยู่ที่นอกจวน ความไม่ไว้ใจของเขาที่มีต่อฉือฟางอิน จึงได้วนกลับมาอีกครั้ง ฉือหย่งหลิงสั่งให้คนของเขา ไปสืบหัวนอนปลายเท้าของสหายนางนี้ของฉือฟางอินอย่างละเอียด

แต่กระนั้นซือไท่อี้เองก็ไม่ใช่คนไม่มีความสามารถ ที่จะปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขา และนางบำเรอของเขาได้ ไม่อย่างนั้นเขาเองก็คงไม่สามารถยึดอาชีพ นายหน้าค้าหญิงคณิกามานานหลายปีเช่นนี้ได้ เมื่อกล้าส่งหญิงบำเรอของตนเข้าไปจวนสกุลฉือ ก็ต้องย่อมมีการวางแผนเอาไว้ เผื่อว่าฉือหย่งหลิงจะส่งคนมาสืบสาวราวเรื่องถึงตนเอาไว้ก่อนแล้ว คนของของฉือหย่งหลิงจึงได้สารกลับไปเพียงว่า เขาและหญิงบำเรอเป็นพี่น้องที่มาทำกิจการค้าขายที่เมืองฝู ที่อยู่ถัดจากเมืองอี้ไปอีกเมืองหนึ่ง และดูท่าแล้วซือไท่อี้ผู้นี้ ก็ดูจะสนิทสนมกับฉือฟางอิน มากพอๆ กับน้องสาวของเขาด้วยเช่นกัน

เท่านั้นยังไม่พอ ซือไท่อี้ยังทิ้งสารสำคัญอีกหนึ่งอย่าง ที่จะทำให้ฉือหย่งหลิง ไม่ไว้ใจในตัวฉือฟางอินมากขึ้น สารนั่นก็คือการให้แม่ทัพหนุ่ม ได้รู้ว่าฉือฟางอินอาจคิดที่จะหนีตามซือไท่อี้ไปอยู่ที่อื่นในสักวันหนึ่ง และแน่นอนซือไท่อี้ทำสำเร็จ เพราะทันทีที่ฉือหย่งหลิงทราบเรื่อง เขาก็หายหน้าไปจากจวนสกุลฉือ พาตนเองหลบไปอยู่ที่หมู่บ้านหั้วห่าวบ่อยครั้ง

 เพราะความสับสนที่อยู่ภายในใจ แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็จะหลับมาที่ยังจวนในทุกสองวัน เพราะอีกใจหนึ่งก็รู้สึกเป็นห่วง อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับฉือฟางอิน ที่อายุครรภ์ใกล้คลอดเต็มที แม้ทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าและอยู่ใกล้นาง จะทำให้เขานึกเรื่องที่นางจะหนีไปกับชายอื่นก็ตาม เขาจึงเลี่ยงที่จะพบหน้านาง และเลือกที่จะเข้าไปหา ในเวลาที่นางหลับไปแล้วเท่านั้น

‘หากเจ้าคิดจะไปจากข้าตั้งแต่แรก แล้วเหตุใดถึงได้ยอมทำเรื่องแบบนั้นกับข้ากัน หรือที่เจ้ายอมมีลูกกับข้า ก็เพื่อช่วยบิดาของเจ้าให้ปลอดภัย ก็เท่านั้นเองหรือ’

ในหัวของฉือหย่งหลิงเอาแต่นึกคำต่อว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าสารพัด จนเผลอลืมไปชั่วขณะว่าในคราแรกนั้น ตัวของเขาเองก็คิดเพียงแค่ต้องการให้นาง มีทายาทสืบสกุลเพื่อแก้คำทำนาย ไม่ได้มีสิ่งใดมากไปกว่านี้ แต่ถึงในหัวจะต่อว่าฉือฟางอินอย่างไร มือของเขาก็ยังคงนวดนวดขาและฝ่าเท้า ให้ฉือฟางอินโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ทุกอย่างดำเนินไปเช่นนั้น จนกระทั่งถึงวันที่ฉือฟางอินคลอดเฉียนเอ๋อร์ออกมา หากแต่ไม่ว่าอย่างไร ฉือหย่งหลิงก็ไม่อาจสลัดเรื่องที่นางจะหนีไปกับซือไท่อี้ ออกไปจากความคิดของตนเองได้ เมื่อสุดท้ายแล้วตัวเขา ไม่สามารถเอาชนะความไม่ไว้ใจที่มีต่อหญิงสาวได้ ฉือหย่งหลิงถึงได้เอ่ยปากไล่ให้ฉือฟางอิน กลับไปอยู่เรือนของนางและห้ามไม่ให้นาง เข้าใกล้เฉียนเอ๋อร์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

และทั้งๆ ที่คิดว่าการทำเช่นนี้ จะทำให้ตนเองสามารถสลัดความรู้สึก ที่มีต่อฉือฟางอินออกไปได้ แต่ทว่าสุดท้ายกลับเป็นเขาเสียเอง ที่ต้องมาหงุดหงิดงุ่นง่านเห็นว่าฉือฟางอิน ไม่มาดูดำดูดีบุตรชายตามที่เขาสั่งห้ามเอาไว้จริงๆ และนางจะต้องอาศัยจังหวะช่วงที่เขาต้องตามหั้วชินอ๋อง

ไปปฏิบัติหน้าที่นานหลายเดือน หาโอกาสหนีไปอย่างแน่นอน ฉือหย่งหลิงจึงได้กำชับให้พ่อบ้านหม่า และสายลับในสังกัดอย่างจินซีจ่าวจับตาดูนางเอาไว้ เพราะเขาจะไม่ยอมให้ฉือฟางอินได้หนีไปได้เด็ดขาด ในระหว่างที่นางยังไม่ได้หนีไปนั้น ก็ได้มีกลุ่มโจรลอบเข้ามาที่จวน ทำให้เขาต้องเร่งเดินทางกลับมาด้วยม้าเร็ว พร้อมทั้งต้องพรางตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ ไม่ให้ศัตรูล่วงรู้ว่าตัวเขาไม่ได้อยู่ในสนามรบ

แต่พามาถึงกลับเห็นว่าฉือฟางอิน ได้ทำตามแผนการที่เขาฝากฝังกับจินซีจ่าวเอาไว้ พาเฉียนเอ๋อร์เดินทางมาตามจุดนัดหมาย แทนที่จะอาศัยช่วงเวลานี้หนีไป และดูเหมือนว่านางจะดูแลเฉียนเอ๋อร์ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แม้จะแปลกใจไม่น้อยที่ได้เห็นแม่ลูก ที่ไม่ได้พบหน้ากันมาตลอดสามเดือนดูสนิทสนมกัน แต่ลึกๆ แล้วฉือหย่งหลิงกลับรู้สึกโล่งใจมากกว่า ที่ได้เห็นฉือฟางอินยังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หนีหายไปไหนอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้

“อื้อๆๆ แอ๊”

เสียงร้องดังของเฉียนเอ๋อร์ ฉุดให้ฉือหย่งหลิงหลุดออกมาจากความคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งในอดีตมาจนถึงตอนนี้ และเมื่อมองไปยังเจ้าตัวน้อย ก็เห็นว่าเฉียนเอ๋อร์กำลังจ้องมองกันอยู่ก่อนแล้ว

“แอ๊ แอ๊ะ แอ๊แอ๊ะ!”

ด้านฉือฟางอินที่เห็นเจ้าตัวน้อยส่งเสียง พร้อมกับถีบขาชูมือทั้งสองข้าง ไปทางบุรุษชุดดำก็ได้แต่งงงวง กับท่าทางเช่นนั้นของบุตรชาย จนอดที่จะถามออกไปไม่ได้

“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป ทำไม่ถึงได้ทำท่าทางเช่นนี้ ทำราวกับว่าเจ้าอยากจะให้คนผู้นั้น อุ้มเจ้าอย่างนั้นแหละ เจ้ารู้จักคนผู้นั้นหรืออย่างไรกัน”

“อื้อ แอ๊!” เด็กน้อยยังคงส่งเสียง และชูไม้ชูมือไปยังบุรุษปริศนา และท่าทางเช่นนั้นของเฉียน ทำให้ฉือหย่งหลิงที่อยู่ในชุดพรางตัวนึกอะไรได้ขึ้นมาได้

‘จริงสิ ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา ข้าเป็นคนที่อยู่กับเฉียนเอ๋อร์มากที่สุด แย่ล่ะ! หรือว่าเจ้าตัวน้อยนี่ จะจำกลิ่นและดวงตาของข้าได้กัน เจ้าชักจะเก่งเกินไปแล้วนะลูกพ่อ’

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทส่งท้าย

    “นี่พวกเราไม่ได้จะกลับบ้านกันหรอกหรือเจ้าคะ”ฉือฟางอินเอ่ยถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าที่ที่ฉือหย่งหลิงพาตัวนางกับเฉียนเอ๋อร์มานั้น คือท่าเรือแคว้นหลูแทนที่มุ่งหน้า เดินกลับจวนสกุลฉือตามกำหนดการ ฉือหย่งหลิงไม่ได้อธิบายในทันที แต่กลับเดินนำหน้านางไปที่เรือลำหนึ่ง ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าสีแดงสวยงาม ราวกับมีงานมงคลอยู่บนเรือลำนั้น แล้วหันมายื่นมือรอให้นางเดินเข้าไป เพื่อที่ได้พยุงนางกับลูกขึ้นเรือ“นี่อย่างไร จะพากำลังจะพาเจ้ากลับบ้าน”ความแปลกใจของฉือฟางอินยิ่งทวีขึ้น เมื่อเดินเข้ามาด้านในเรือแล้วพบว่า ด้านในของเรือลำนี้ได้ถูกจำลอง ให้เหมือนกับงานพิธีสมรสอย่างไรอย่างนั้น“นี่มันอะไรกันเจ้าคะ ทำในนี้ถึงได้...”“ฮูหยิน เมื่อสามปีก่อนที่เราแต่งงานกัน เป็นข้าที่ปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี ไม่ให้เกียรติ์เจ้าในฐานะภรรยา แม้แต่เกี้ยวเจ้าสาวดีดี ก็ไม่ได้หาให้เจ้า ในวันนี้ที่ข้าสำนึกผิดแล้ว จึงอยากจะขอแก้ตัวกับเจ้าใหม่ ฮูหยิน ได้โปรดแต่งงานกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ครั้งนี้ข้าสัญญาด้วยชีวิต ว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับคนอย่างข้าอีก เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วอย่างแน่นอน

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 63

    “ด้วยนิสัยเดิมของบุตรชายข้าคนนี้ ที่นอกจะไม่เอาไหนแล้ว เขามักจะชอบลักเล็กขโมยน้อย สิ่งของคนที่เขาเคยได้สนทนาด้วยเสมอพะย่ะค่ะ”พรึ่บชวี่ซุนเหลียนขาอ่อนล้มพับลงไปนั่งกับทันที เมื่อนางเห็นพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ประจำตัวของนางอยู่ในมือของฮ่องเต้ พู่ตราสัญลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความผูกพันกับของสิ่งนี้ ทำให้แม้จะเข้ามาเป็นอนุภรรยาในสกุลชวี่แล้ว นางก็ยังคงห้อยพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา ชวี่ซุนเหลียนไม่รู้ว่าตัวเองทำมันหล่นหายไปตอนไหนจนเข้าใจไปว่านางอาจจะทำพู่นั่น ตอนที่ไปอารามหวั่งสุ่ยกับจินหู่อดีตสาวใช้ ที่ถูกนางผลักตกเขาไปเมื่อสามปีก่อน เพราะจินหู่เป็นคนเดียวที่อยู่กับนาง ทั้งตอนวางแผนและตอนที่นางไปพบกับหลี่หมิงด้วยตัวเอง ชวี่ซุนเหลียนจึงจำต้องกำจัดนาง ตามคำสั่งของกู้ชินอ๋อง เพราะไม่อยากเกิดปัญหาตามมาในอนาคต หลังจากผ่านคืนนั้นไปไม่นาน ขณะที่ชวี่เจียงโหลวนำทัพไปทำสงคราม ชวี่ซุนเหลียนจึงออกอุบายกับจินหู่ ว่าตัวนางนั้นอยากจะไปสงบจิตใจ จากเรื่องที่พึ่งผ่านพ้นไป ด้วยการไปไหว้พระที่อารามหวั่งสุ่ยและต้องการไ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 62

    เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทุกสารทิศ ว่าเหตุใดชวี่เจียงโหลวถึงได้มาขออย่าขาดกับชวี่ซุนเหลียน ต่อหน้าธารกำนัลในวันสำคัญเช่นนี้ แม้แต่กู้ชินอ๋องเองก็ต้องถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการกระทำเช่นนี้ ของชวี่เจียงโหลวมาก่อน“ท่านพี่ นี่มันอะไรกันเจ้าคะ”“นั่นสิแม่ทัพชวี่ วันดีๆ แบบนี้ เหตุใดเจ้าถึงขออย่ากับนางต่อหน้าข้าและคนอื่นๆ”“นั่นก็เพราะว่าข้า มิอาจอยู่ร่วมชายคา กับสตรีชั่วช้าคนนี้ได้อีกต่อไปแล้วพะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”“พระองค์คงจะไม่รู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว มีสิ่งใดเกิดขึ้นในจวนของกระหม่อมบ้าง”ทันทีที่ได้ยินชวี่เจียงโหลวกล่าวเช่นนั้น กู้ชินอ๋องและชวี่ซุนเหลียนต่างก็ตาเบิกกว้าง พร้อมกับหันหน้ามาสบตากัน เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วจะเป็นเรื่องใดได้อีก หากไม่ใช่เรื่องที่ชวี่ซุนเหลียนวางแผน แย่งคู่หมั้นของฉือฟางอินมาให้บุตรสาว และหมายจะให้คนงานหอนางโลม เข้ามาทำมิดีร้ายกับฉือฟางอินถึงในเรือนของนาง“กระหม่อมสู้อดทน สืบหาเบาะแสผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด จนได

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 61

    “แล้วเขาให้ความร่วมมือหรือไม่ขอรับ”“ย่อมต้องเป็นอย่างนั้น”หลังจากที่รู้ให้คนพาตัวหลี่เฉินมาที่ค่ายทหาร ชวี่เจียงโหลวแสดงตนต่อหน้าเขา พร้อมทั้งบอกให้เขาได้รู้ว่า คุณหนูที่สตรีชนชั้นสูงนิรนามคนนั้น จ้างวานให้เขามาทำมิดีมิร้ายคือบุตรสาวของตน เท่านั้นก็ทำให้ลี่เฉินตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะความโง่เขลา“ท่านแม่ทัพชวี่ เรื่องนี้ ข ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ ป เป็น เป็นบุตรชายของข้า ที่แอบรับงานนั้นด้วยตัวเอง ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ”“คนตายไปแล้วจะพูดอะไรได้ หากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เกี่ยวกับข้องเรื่องนี้ แต่ทันทีที่พบของพวกนี้ เจ้ากลับจะนำไปทำลาย นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง”“ม ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับท่านแม่ทัพ ที่ข้าคิดจะเอาของพวกนี้ไปทิ้ง ก็เพราะว่าข้ากลัวข้า กับคนในครอบครัวที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องโดนหางเลขไปด้วยขอรับ”“งั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้แล้วอย่านั้นหรือ ว่าของสองอย่างนี้เป็นของใคร”“ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่คนผู้นั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสกุล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 60

    “อื้อ แอ้! คิกๆ”“ฮ่าๆ เฉียนเอ๋อร์ ขาเจ้าเล็กแค่นี้ แต่พละกำลังมากเหลือเกิน แม่เจ้าคงเลี้ยงเจ้ามาอย่างดีเลยสินะ”ชวี่เจียงโหลวกล่าวอย่างอารมณ์ดี ขณะที่กำลังให้หลานชาย ใช้ขาอวบทั้งสองข้าง ยันหน้าขากระโดดเด้งขึ้นเด้งลง ส่งเสียหัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน โดยมีฉือฟางอินและฉือหย่งหลิง นั่งอยู่ใกล้ๆ คอยมองสองตาหลาน เล่นด้วยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ชวี่เจียงโหลวได้ชักชวนบุตรสาวและบุตรเขย มานั่งพูดคุยถามสารทุกข์ตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่งแน่นอนว่าการพูดคุยในครั้งนี้นั้น ไม่มีอนุเหลียนตามมาด้วย“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเล่นเบาๆ หน่อยเถิด เดี๋ยวท่านตาของเจ้าจะเจ็บเอาได้”“ไม่เป็นไรๆ ปล่อยให้เขาได้เล่นตามใจเถิด แรงเพียงเท่านี้ จะทำข้ากับได้อย่างไร เฉียนเอ๋อร์เจ้าเหนื่อยหรือยัง ให้ตาจับเจ้าโยนเล่นบนอากาศดีหรือไม่”“อื้อ แอ๊!”แม้จะพบหน้ากันเป็นวันแรก แต่สองตาหลานก็ดูจะเข้ากันดีจนคนเป็นแม่อย่างฉือฟางอินอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา เฉียนเอ๋อร์ไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 59

    “เชิญพวกเจ้าพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยเถิด ขาดเหลืออะไรก็บอกคนรับใช้ เดี๋ยวสักครู่ข้าจะต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้คงไม่ได้อยู่ถามสารทุกข์สุขดิบของพวกเจ้า เอาไว้พบกันตอนค่ำก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านไปเตรียมตัวเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”หลังจากที่พาบุตรสาวและบุตรเขย มาส่งยังเรือนเก่าของฉือฟางอิน ที่ชวี่เจียงโหลวยังคงให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน เหมือนเมื่อครั้งที่บุตรสาวอาศัยอยู่ที่นี่ เจ้าตัวก็ต้องรีบเดินทางไปยังวังหลวงเพื่อส่งรายงาน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำศึกรวบรวมดินแดน ที่ชวี่เจียงโหลวเป็นผู้นำทัพ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้เมื่อหลายเดือนก่อนด้านฉือฟางอินที่พึ่งจะตกปากรับคำที่บิดาไป แต่นางกลับมีความคิดจะออกไปข้างนอก แทนที่จะพักผ่อนตามที่บิดาบอก เหตุเห็นว่าไหนๆ ตนเองก็เดินทางมาถึงจวนสกุลชวี่ เร็วกว่าเวลาที่คำนวณเอาไว้มาก ประกอบกับที่นางไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้า จากการเดินทางที่ผ่านมาเลยสักนิด นางจึงอยากจะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการเลี้ยงหม่อน ที่เคยวางแผนว่าจะไปที่นั่นใน หลังจากผ่านไปแล้วสองถึงสามวัน หลังจากที่ถึงจวนสกุลชวี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status