공유

บทที่ 6

last update 최신 업데이트: 2025-02-11 09:30:41

“ว่าอย่างไรนะ!” 

ฉือหย่งหลิงโพล่งดังขึ้นมาอย่างหัวเสีย หลังจากได้ยินแม่ทัพชวี่กล่าวเช่นนั้น พิธีแต่งงานอย่างนั้นหรือ เมื่อเช้าที่ท้องพระโรงก็ทีหนึ่ง ที่ต้องตกปากรับสมรสพระราชทานอย่างไม่เต็มใจ แต่เพราะคนที่หาสตรีมาให้แต่งงานนั้น เป็นถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นพันธมิตร ฉือหย่งหลิงจึงต้องตกปากรับคำเอาไว้ก่อน จากนั้นก็อ้างปัญหาบ้านเมืองขึ้นมา เพื่อให้การแต่งงานถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด

 เพราะคิดว่าเมื่อคนรอเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ การเป็นฝ่ายรอให้บุรุษมาสู่ขอเป็นเวลานานๆ นั้น ย่อมไม่ส่งผลดีกับชื่อเสียงและสถานะองค์หญิงของแคว้นหลูที่นางต้องแบกเอาไว้ รอเวลาสักปีสองปี ฉือหย่งหลิงเชื่อว่าฮ่องเต้แคว้นหลู ที่มีอุปนิสัยยอมเสียหน้ามิได้ไม่ว่าเรื่องอะไรผู้นั้น อย่างไรแล้วเพื่อไม่ให้คนติฉินนินทาว่าองค์หญิงห้าอาจจะถูกหลอกให้รอเก้อ ฮ่องเต้แคว้นหลูจะต้องส่งราชโองการขอยกเลิกงานสมรสพระราชทาน ระหว่างตัวเขาและองค์หญิงห้ามาให้เขาอย่างแน่นอน  แต่นี่ยังไม่ทันข้ามวัน ฉือหย่งหลิงก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ ถูกบังคับให้ต้องแต่งงาน หลังจากที่เพิ่งผ่านเรื่องวุ่นวายมาอีกอย่างนั้นหรือ 

 “ตอนนี้อินเอ๋อร์ของข้า ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ดังนั้น เจ้าต้องรับผิดชอบนาง เพื่อรักษาเกียรติของนางเอาไว้”

“ได้อย่างไรกัน ในเมื่อข้ากับนางยังไม่ไ-”

“แต่ก็เกือบไปแล้วมิใช่หรือ รอยบนตัวของนางก็เป็นผีมือของเจ้า แทบทุกส่วนของร่างกายนาง มิใช่ว่าถูกเจ้าเห็นไปทั้งหมดแล้วหรือ”

หากมองในมุมของบุรุษที่มักไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน การยังไม่ไปถึงขั้นสอดใส่ในเรื่องอย่างว่ากับสตรี โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ก็ย่อมคิดว่านั่นถือว่าไม่มีความเสียหายที่ต้องรับผิดชอบ แต่สำหรับสตรีแล้ว การถูกบุรุษเห็นของสงวนในร่างกาย มิหนำซ้ำยังถูกสัมผัสวาบหวามจนทิ้งร่องรอยเอาไว้เช่นนี้ ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจำมีผู้ใดหรือไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ก็นับว่านางได้ผ่านมือชายผู้นั้นไปแล้ว ฉือหย่งหลิงอยากจะแก้ต่างว่าตนเองก็แพะที่บังเอิญผ่านมา จึงทำให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น แต่ทว่าสิ่งที่แม่ทัพชวี่กล่าวเมื่อครู่ ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องจริง

 ในตอนนั้น แม้ฤทธิ์สุราและฤทธิ์ของนาปลุกกำหนัด ที่ผสมตีรวนกันไปอยู่ในร่างกายเขา จะทำให้เขาขาดสติไป แต่กระนั้นก็ใช่ว่าตัวเขาจะไม่รับรู้สิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่ เขาทั้งจูบปากนาง ลูบคลำของสงวนของคุณหนูใหญ่ฟางอิน และยังทิ้งรอยแดงสีเดียวกับกลีบดอกไม้สีแดงช้ำไว้ทั่วร่างกายของนาง ฉือหย่งหลิงในตอนนี้ จึงได้แต่ยืนนิ่ง อย่างไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดออกมา เพื่อให้ตนเองไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นนี้

“พวกเราทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ จะต้องจัดฉากทำทีเป็นว่าแม่ทัพฉือ ที่เดินหลงทางมาถึงเรือนของอินเอ๋อร์ แล้วเกิดพบว่าบุตรสาวคนโตของข้า กำลังถูกคนร้ายผู้นี้ฉุดไปทำมิดีมิร้าย จึงช่วยนางเอาไว้ได้ทัน เจ้าและมันต่อสู้กัน จนกระทั้งคนร้ายตาย”

ไม่เพียงแค่พูดเปล่า แม่ทัพชวี่ยังเดินไปดึงดาบที่มือของชายหนุ่มฟันเข้าไปที่หน้า ลำคอและกลางลำตัวของคนร้าย จากนั้นก็คืนดาบให้กับฉือหย่งหลิง ที่เป็นเจ้าของได้ถือเอาไว้ดังเดิม เป็นการอำพลางไม่ให้ผู้ที่สั่งการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้รู้ได้ว่า แม่ทัพชวี่ หั้วชินอ๋องและฉือหย่งหลิง รวมไปถึงทหารที่อยู่ที่นี่ รู้แล้วว่าเหตุการณ์ในคืนวันนี้ เป็นใครที่บงการอยู่เบื้องหลัง

“แม้จะเป็นการช่วยเหลืออย่างไม่ต้องการผลตอบแทน แต่ทว่า การช่วยเหลือในครั้งนี้ ทำให้ได้เห็นนางเปลือยกายต่อหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้น เจ้าจึงตัดสินใจที่จะรับผิดชอบนาง ด้วยการแต่งงาน เพื่อรักษาเกียรติ์ของนาง

 ส่วนเรื่องสมรสพระราชทานที่ฝ่าบาทประทานให้กับเจ้า เรื่องนี้ ข้าคงต้องรบกวนให้อาหั้วช่วยอีกแรง เพราะข้าจะไม่ยอมให้อินเอ๋อร์แต่งเข้าจวนสกุลฉือ ในฐานะอนุภรรยาเด็ดขาด นางจะต้องแต่งเข้าไปในฐานะฮูหยินใหญ่เท่านั้น”

หั้วชินอ๋องถอนหายใจเล็กน้อย เพราะหนึ่งคนก็สหายรัก และอีกหนึ่งคน ก็เป็นแม่ถึงทัพใหญ่ในกองกำลัง เปรียบเสมือนแขนด้านขวาของตนก็ไม่ปราน แต่จะให้รอจนกว่าจะพิสูจน์ความจริงได้ แม่นางฟางอินที่เป็นเหยื่อที่แท้จริงในเรื่องนี้ คงจะต้องทุกทรมานใจไปตลอดชีวิต และคงเป็นเรื่องยาก ที่ในอนาคตนางจะได้แต่งกับบุรุษที่สมฐานะ เพราะเรื่องนี้คงจะถูกขุดคุ้ยพูดกันไปไม่รู้จักจบสิ้น เช่นนั้น ก็ถือเสียว่าทั้งฉือหย่งหลิงและแม่นางฟางอิน ทั้งสองคงจะมีชะตาต้องกัน แต่งกันไปอาจจะได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่ดี ในตัวของอีกฝ่ายซึ่งกันและกันก็เป็นได้ แม้การพบกันจะผิดแปลกประเพณีไปมาก หั้วชินอ๋องที่เป็นผู้ใหญ่ ก็ได้แต่หวังว่าชีวิตหลังแต่งงานของทั้งคู่ จะดำเนินไปอย่างราบรื่น

เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวการแต่งงานของคุณหนูใหญ่ และคุณหนูรอง แห่งจวนสกุลชวี่ ก็ได้ถูกแพร่สะพัดออกมา ว่าทั้งสองจะเข้าพิธีแต่งงานในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยผู้เป็นพี่อย่างชวี่ฟางอินจะแต่งออกไปก่อน แต่ทว่าคนที่จะส่งเกี้ยวมารับนางนั้น กลับเป็นแม่ทัพหนุ่มนามว่าฉือหย่งหลิง แม่ทัพผู้มากความสามารถจากแคว้นฟู่ ที่เคยได้ช่วยชีวิตฮ่องเต้แคว้นหลูเอาไว้ มิใช่บุตรชายจวนคหบดีเพ่ยอย่างที่เคยหมั้นหมายกัน

ความสงสัยเรื่องข่าวลือนั้นอยู่ได้ไม่นานก็ได้รับความกระจ่าง เมื่อทุกคนได้ทราบว่าบุตรชายจวนคหบดีเพ่ยคู่หมั้นเก่าของชวี่ฟางอินนามว่าเพ่ยเหยาซ่างนั้น จะได้แต่งงานกับชวี่หนิงซื่อบุตรสาวคนรองของแม่ทัพชวี่ การเปลี่ยนตัวชายหญิงก่อนวันพิธีแต่งงานนั้น สามารถพบเห็นได้บ่อยครั้งในหลายครอบครัว นั่นจึงถือว่ามิใช่เรื่องแปลกอะไร ข่าวการสลับตัวเจ้าสาวที่จวนสกุลชวี่ จึงถูกลืมเลือนไปในเวลาเพียงไม่กี่วัน

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทส่งท้าย

    “นี่พวกเราไม่ได้จะกลับบ้านกันหรอกหรือเจ้าคะ”ฉือฟางอินเอ่ยถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าที่ที่ฉือหย่งหลิงพาตัวนางกับเฉียนเอ๋อร์มานั้น คือท่าเรือแคว้นหลูแทนที่มุ่งหน้า เดินกลับจวนสกุลฉือตามกำหนดการ ฉือหย่งหลิงไม่ได้อธิบายในทันที แต่กลับเดินนำหน้านางไปที่เรือลำหนึ่ง ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าสีแดงสวยงาม ราวกับมีงานมงคลอยู่บนเรือลำนั้น แล้วหันมายื่นมือรอให้นางเดินเข้าไป เพื่อที่ได้พยุงนางกับลูกขึ้นเรือ“นี่อย่างไร จะพากำลังจะพาเจ้ากลับบ้าน”ความแปลกใจของฉือฟางอินยิ่งทวีขึ้น เมื่อเดินเข้ามาด้านในเรือแล้วพบว่า ด้านในของเรือลำนี้ได้ถูกจำลอง ให้เหมือนกับงานพิธีสมรสอย่างไรอย่างนั้น“นี่มันอะไรกันเจ้าคะ ทำในนี้ถึงได้...”“ฮูหยิน เมื่อสามปีก่อนที่เราแต่งงานกัน เป็นข้าที่ปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี ไม่ให้เกียรติ์เจ้าในฐานะภรรยา แม้แต่เกี้ยวเจ้าสาวดีดี ก็ไม่ได้หาให้เจ้า ในวันนี้ที่ข้าสำนึกผิดแล้ว จึงอยากจะขอแก้ตัวกับเจ้าใหม่ ฮูหยิน ได้โปรดแต่งงานกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ครั้งนี้ข้าสัญญาด้วยชีวิต ว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับคนอย่างข้าอีก เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วอย่างแน่นอน

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 63

    “ด้วยนิสัยเดิมของบุตรชายข้าคนนี้ ที่นอกจะไม่เอาไหนแล้ว เขามักจะชอบลักเล็กขโมยน้อย สิ่งของคนที่เขาเคยได้สนทนาด้วยเสมอพะย่ะค่ะ”พรึ่บชวี่ซุนเหลียนขาอ่อนล้มพับลงไปนั่งกับทันที เมื่อนางเห็นพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ประจำตัวของนางอยู่ในมือของฮ่องเต้ พู่ตราสัญลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความผูกพันกับของสิ่งนี้ ทำให้แม้จะเข้ามาเป็นอนุภรรยาในสกุลชวี่แล้ว นางก็ยังคงห้อยพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา ชวี่ซุนเหลียนไม่รู้ว่าตัวเองทำมันหล่นหายไปตอนไหนจนเข้าใจไปว่านางอาจจะทำพู่นั่น ตอนที่ไปอารามหวั่งสุ่ยกับจินหู่อดีตสาวใช้ ที่ถูกนางผลักตกเขาไปเมื่อสามปีก่อน เพราะจินหู่เป็นคนเดียวที่อยู่กับนาง ทั้งตอนวางแผนและตอนที่นางไปพบกับหลี่หมิงด้วยตัวเอง ชวี่ซุนเหลียนจึงจำต้องกำจัดนาง ตามคำสั่งของกู้ชินอ๋อง เพราะไม่อยากเกิดปัญหาตามมาในอนาคต หลังจากผ่านคืนนั้นไปไม่นาน ขณะที่ชวี่เจียงโหลวนำทัพไปทำสงคราม ชวี่ซุนเหลียนจึงออกอุบายกับจินหู่ ว่าตัวนางนั้นอยากจะไปสงบจิตใจ จากเรื่องที่พึ่งผ่านพ้นไป ด้วยการไปไหว้พระที่อารามหวั่งสุ่ยและต้องการไ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 62

    เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทุกสารทิศ ว่าเหตุใดชวี่เจียงโหลวถึงได้มาขออย่าขาดกับชวี่ซุนเหลียน ต่อหน้าธารกำนัลในวันสำคัญเช่นนี้ แม้แต่กู้ชินอ๋องเองก็ต้องถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการกระทำเช่นนี้ ของชวี่เจียงโหลวมาก่อน“ท่านพี่ นี่มันอะไรกันเจ้าคะ”“นั่นสิแม่ทัพชวี่ วันดีๆ แบบนี้ เหตุใดเจ้าถึงขออย่ากับนางต่อหน้าข้าและคนอื่นๆ”“นั่นก็เพราะว่าข้า มิอาจอยู่ร่วมชายคา กับสตรีชั่วช้าคนนี้ได้อีกต่อไปแล้วพะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”“พระองค์คงจะไม่รู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว มีสิ่งใดเกิดขึ้นในจวนของกระหม่อมบ้าง”ทันทีที่ได้ยินชวี่เจียงโหลวกล่าวเช่นนั้น กู้ชินอ๋องและชวี่ซุนเหลียนต่างก็ตาเบิกกว้าง พร้อมกับหันหน้ามาสบตากัน เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วจะเป็นเรื่องใดได้อีก หากไม่ใช่เรื่องที่ชวี่ซุนเหลียนวางแผน แย่งคู่หมั้นของฉือฟางอินมาให้บุตรสาว และหมายจะให้คนงานหอนางโลม เข้ามาทำมิดีร้ายกับฉือฟางอินถึงในเรือนของนาง“กระหม่อมสู้อดทน สืบหาเบาะแสผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด จนได

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 61

    “แล้วเขาให้ความร่วมมือหรือไม่ขอรับ”“ย่อมต้องเป็นอย่างนั้น”หลังจากที่รู้ให้คนพาตัวหลี่เฉินมาที่ค่ายทหาร ชวี่เจียงโหลวแสดงตนต่อหน้าเขา พร้อมทั้งบอกให้เขาได้รู้ว่า คุณหนูที่สตรีชนชั้นสูงนิรนามคนนั้น จ้างวานให้เขามาทำมิดีมิร้ายคือบุตรสาวของตน เท่านั้นก็ทำให้ลี่เฉินตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะความโง่เขลา“ท่านแม่ทัพชวี่ เรื่องนี้ ข ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ ป เป็น เป็นบุตรชายของข้า ที่แอบรับงานนั้นด้วยตัวเอง ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ”“คนตายไปแล้วจะพูดอะไรได้ หากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เกี่ยวกับข้องเรื่องนี้ แต่ทันทีที่พบของพวกนี้ เจ้ากลับจะนำไปทำลาย นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง”“ม ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับท่านแม่ทัพ ที่ข้าคิดจะเอาของพวกนี้ไปทิ้ง ก็เพราะว่าข้ากลัวข้า กับคนในครอบครัวที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องโดนหางเลขไปด้วยขอรับ”“งั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้แล้วอย่านั้นหรือ ว่าของสองอย่างนี้เป็นของใคร”“ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่คนผู้นั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสกุล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 60

    “อื้อ แอ้! คิกๆ”“ฮ่าๆ เฉียนเอ๋อร์ ขาเจ้าเล็กแค่นี้ แต่พละกำลังมากเหลือเกิน แม่เจ้าคงเลี้ยงเจ้ามาอย่างดีเลยสินะ”ชวี่เจียงโหลวกล่าวอย่างอารมณ์ดี ขณะที่กำลังให้หลานชาย ใช้ขาอวบทั้งสองข้าง ยันหน้าขากระโดดเด้งขึ้นเด้งลง ส่งเสียหัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน โดยมีฉือฟางอินและฉือหย่งหลิง นั่งอยู่ใกล้ๆ คอยมองสองตาหลาน เล่นด้วยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ชวี่เจียงโหลวได้ชักชวนบุตรสาวและบุตรเขย มานั่งพูดคุยถามสารทุกข์ตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่งแน่นอนว่าการพูดคุยในครั้งนี้นั้น ไม่มีอนุเหลียนตามมาด้วย“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเล่นเบาๆ หน่อยเถิด เดี๋ยวท่านตาของเจ้าจะเจ็บเอาได้”“ไม่เป็นไรๆ ปล่อยให้เขาได้เล่นตามใจเถิด แรงเพียงเท่านี้ จะทำข้ากับได้อย่างไร เฉียนเอ๋อร์เจ้าเหนื่อยหรือยัง ให้ตาจับเจ้าโยนเล่นบนอากาศดีหรือไม่”“อื้อ แอ๊!”แม้จะพบหน้ากันเป็นวันแรก แต่สองตาหลานก็ดูจะเข้ากันดีจนคนเป็นแม่อย่างฉือฟางอินอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา เฉียนเอ๋อร์ไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 59

    “เชิญพวกเจ้าพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยเถิด ขาดเหลืออะไรก็บอกคนรับใช้ เดี๋ยวสักครู่ข้าจะต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้คงไม่ได้อยู่ถามสารทุกข์สุขดิบของพวกเจ้า เอาไว้พบกันตอนค่ำก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านไปเตรียมตัวเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”หลังจากที่พาบุตรสาวและบุตรเขย มาส่งยังเรือนเก่าของฉือฟางอิน ที่ชวี่เจียงโหลวยังคงให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน เหมือนเมื่อครั้งที่บุตรสาวอาศัยอยู่ที่นี่ เจ้าตัวก็ต้องรีบเดินทางไปยังวังหลวงเพื่อส่งรายงาน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำศึกรวบรวมดินแดน ที่ชวี่เจียงโหลวเป็นผู้นำทัพ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้เมื่อหลายเดือนก่อนด้านฉือฟางอินที่พึ่งจะตกปากรับคำที่บิดาไป แต่นางกลับมีความคิดจะออกไปข้างนอก แทนที่จะพักผ่อนตามที่บิดาบอก เหตุเห็นว่าไหนๆ ตนเองก็เดินทางมาถึงจวนสกุลชวี่ เร็วกว่าเวลาที่คำนวณเอาไว้มาก ประกอบกับที่นางไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้า จากการเดินทางที่ผ่านมาเลยสักนิด นางจึงอยากจะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการเลี้ยงหม่อน ที่เคยวางแผนว่าจะไปที่นั่นใน หลังจากผ่านไปแล้วสองถึงสามวัน หลังจากที่ถึงจวนสกุลชวี

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status