공유

บทที่ 5

last update 최신 업데이트: 2025-02-05 22:29:57

เมื่อคนได้ยินดังนั้น พวกเขาจึงรีบตรงไปที่ร่างของชายผู้ต้องสงสัยผู้นั้นทันที และเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็พบว่า ศพของชายผู้นั้นมีสภาพตาเหลือกโปนน้ำลายฟูมปาก อย่างคนถูกยาพิษร้ายแรงจริงๆ บุรุษทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ ล้วนเคยได้ในฝึกวรยุทธในสนามรบ และเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา อย่างวิธีการซ่อนยาพิษเอาไว้ในปากเช่นนี้ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนผู้นั้นได้รับภารกิจสำคัญเท่ากับชีวิตของพวกเขา

เมื่อใดที่ภารกิจที่เขาแบกรับอยู่ ถูกผู้ใดก็ตามล่วงรู้เขา เมื่อนั้นเขาจะต้องจบชีวิตตนเอง ด้วยการเคี้ยวยาพิษที่ซ่อนเอาไว้ในปากทันที เพื่อเป็นการปิดเส้นทาง การสาวไปถึงตัวบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง และการที่ชายผู้นี้รีบจบชีวิตตนเองด้วยวิธีนี้ นั่นก็แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ มีคนจงใจให้เกิดขึ้นอย่างที่หั้วชินอ๋อง คาดเดาเอาไว้จริงๆ

“บุตรสาวของเจ้า นางมีศัตรูหรือ” 

 “ไม่มี นางไม่เคยมีศัตรูที่ใด นางเป็นที่รักในสังคมคุณหนูด้วยกัน และด้วนิสัยของนางแล้ว นางไม่เคยโกรธเกลียดผู้ใด นอกเสียจากข้าและ…”

ขณะที่แม่ทัพชวี่กำลังกล่าวอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเขา ผู้ที่อินเอ๋อร์โกรธเกลียดนอกจากตัวเขาแล้ว ก็มีอนุเหลียนและซื่อเอ๋อร์ แต่โดยปกติภายในจวน พวกนางแทบจะไม่ได้พบหน้ากันเลยด้วยซ้ำ หากไม่มีเรื่องจำเป็น แม้จะมีคำพูดค่อนขอดกันยามพบหน้า แต่ก็ไม่เคยเลยเถิดไปถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน จะมีเหตุผลร้ายแรงอันใด ที่ทำให้อนุเหลียนและซื่อเอ๋อร์ ต้องถึงขั้นวางแผนการชั่วช้านี้ขึ้นมากัน

หั้วชินอ๋องที่รู้ดีว่าแม่ทัพชวี่เองนั้น แต่เดิมก็มีความหัวไวมากอยู่แล้ว การนิ่งไปเช่นนี้ของเขา บ่งบอกได้ว่าสหายของตน คงจะสามารถจับต้นชายปลาย กับเรื่องที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวของตนเองได้ขึ้นมาบ้างแล้ว

“เจ้ารู้แล้วหรือ ว่าใครเป็นคนทำ”

“ไม่ ข้ายังไม่แน่ใจ ก่อนหน้าที่ข้าจะมาที่เรือนของอินเอ๋อร์ ที่เรือนของซื่อเอ๋อร์ ก็ได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นไปก่อนแล้ว เพียงแต่บุรุษที่ปีนเข้าห้องนอนของนาง คือ มิใช่คนร้ายเหมือนที่นี่ แต่เป็นคู่มั่นของอินเอ๋อร์ เมื่อครู่ที่เจ้าถามว่าอินเอ๋อร์ของข้า มีศัตรูที่ไหนหรือไม่นั้น หากว่าการที่นางเกลียด อนุเหลียนและซื่อเอ๋อร์บุตรสาวคนเล็กของข้าที่เกิดกับนาง นั่นก็นับว่าเป็นศัตรูได้กระมัง แต่ถึงอย่างนั้น นอกจากการกระทำที่แสดงออกว่าไม่อยากอยู่ร่วมกันแล้ว อินเอ๋อร์ก็ไม่เคยเข้าไปทะเลาะ หรือตบตีกับพวกนางเลยสักครั้ง ข้าไม่คิดว่าเรื่องเพียงเท่านั้น จะทำให้พวกนางสองแม่ลูกคิดการใหญ่ ทำร้ายอินเอ๋อร์ได้ขนาดนี้”

“แต่เจ้าก็เองก็ไม่ได้อยู่กับพวกนางตลอดเวลามิใช่หรือ อีกอย่าง ความคิดและการกระทำของสตรีนั้นช่างซับซ้อน สิ่งที่เจ้าไม่เห็นมิใช่ว่าจะไม่มี อีกอย่าง...”

“อะไรหรือ”

“ตอนที่เจ้าแนะนำอนุเหลียนและบุตรสาวแก่ข้า เจ้าบอกว่านางคือหลานสาวของกู้ชินอ๋องมิใช่หรือ”

แม่ทัพชวี่สีหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่าเก่า เมื่อได้ฟังข้อสันนิษฐานจากสหาย เป็นเรื่องจริงที่อนุเหลียนหรือชวี่ชุนเหลียน เป็นหลานสาวของกู้ชินอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้แคว้นหลู นางเป็นบุตรสาวคนเล็ก ของบุตรสาวของกู้ชินอ๋อง ที่ออกเรือนไปกับขุนนางน้ำดีในราชสำนักคนหนึ่ง การมีครอบครัวที่มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง หากอนุเหลียนปรารถนาจะทำสิ่งใด เพียงแค่เอ่ยปากออกไป ทุกสิ่งก็สามารถเกิดขึ้นได้

 โดยที่นางไม่จำเป็นต้องลงมือ ให้ตนเองมีความเสี่ยงที่จะถูกสาวมาถึงตนเองก็ย่อมได้ ประกอบกับเรื่องที่เรือนของชวี่หนิงซื่อ ที่เกิดเหตุการณ์คล้ายกันไปก่อนหน้านี้ บุรุษที่เข้าไปทำเรื่องเช่นนั้นกับนาง คือเพ่ยเหยาซ่าง คู่หมั้นของอินเอ๋อร์ที่เดิมทีก็ประพฤติตัวดีมาตลอด ทั้งสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เคยออกลายเป็นคุณชายเจ้าสำราญมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว

 ทุกครั้งยามที่เพ่ยเหยาซ่างร่วมวงดื่มสุรา ชายหนุ่มก็สามารถยับยั้งตนเองไม่ให้ขาดสติอยู่เสมอ เรื่องการขาดสติจนปีนเข้าหาชวี่หนิงซื่อนั้น แม้จะเกิดขึ้นแล้วแต่ก็ยังมีสิ่งที่น่าแคลงใจอยู่หลายส่วน ดังนั้น เมื่อไตร่ตรองและวิเคราะห์ เรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง บุตรสาวทั้งสองของเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกัน แต่ทว่าชวี่หนิงซื่อนั้น กลับมีความได้เปรียบกว่าฉือฟางอินอยู่มาก เพราะเพ่ยเหยาซ่างเป็นถึงบุตรชายของคหบดีที่มั่งคั่ง แม้ในคืนนี้นางจะกลายเป็นสตรีที่เสียเกียรติไปแล้ว แต่ในอนาคตนางก็จะได้แต่งเข้าจวนคหบดี มีชีวิตที่สุขสบาย

ผิดกับฉือฟางอินที่หากเมื่อครู่นี้ฉือหย่งหลิง ไม่บังเอิญเดินหลงทางมาพบกับกับนาง นางก็คงจะต้องกลายเป็นภรรยาของบุรุษ ที่มีสภาพไม่ต่างไม่จากโจรป่าผู้นี้ อินเอ๋อร์จะต้องเสียทั้งหน้า เสียทั้งเกียรติของคุณหนูใหญ่แห่งจวนขุนนางใหญ่ ไม่มีหน้าไปสู้หน้าใครได้อีก

“อนุเหลียน...บุรุษที่มีดีทั้งฐานะและอุปนิสัยมีอยู่มากมายในแคว้นหลูแห่งนี้ แต่นาง...  แค่เพื่อที่จะให้ซื่อเอ๋อร์ได้แต่งงานกับเพ่ยเหยาซ่าง นางต้องทำกับอินเอ๋อร์ถึงขนาดนี้เชียวหรือ... ข้าจะไปเอาเลือดชั่วนางออก!”

“ช้าก่อนอาโหลว!” หั้วชินอ๋องรับร้องห้ามพร้อมกับเอาตัวมายืนขวางสหายเอาไว้ ก่อนที่แม่ทัพชวี่จะได้ทำอะไรบุ่มบ่ามลงไป

“อาหั้ว เจ้าถอยไป วันนี้นางกับข้าจะต้องได้เห็นดีกัน”

“อาโหลวเจ้าใจเย็นๆ ก่อน”

“นางทำกับอินเอ๋อร์ขนาดนี้ เจ้ายังจะมาบอกให้ข้าใจเย็นอีกอย่างนั้นหรือ หากว่าแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ไม่หลงทางมา อินเอ๋อร์ของข้าก็จะต้องทุกข์ใจไปจนตาย ถึงตอนนี้จะปลอดภัย แต่ทว่า นางชั่วช้าคนนั้นจะต้องหาทางให้เรื่องนี้แดงขึ้นมาแน่ๆ ไม่ได้ ข้าจะให้มันเป็นเช่นนั้นไม่ได้”

“แต่หากเจ้าบุ่มบ่ามไปเอาเรื่องอนุเหลียนตอนนี้ โดยที่เจ้าไม่มีหลักฐาน กู้ชินอ๋องคงไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ๆ และไม่ใช่แค่เจ้าคนเดียว บุตรสาวของเจ้าก็เช่นกัน คิดดูสิว่า ขนาดเจ้ายังอยู่ในจวน นางยังกล้าลงมือถึงขนาดนี้ แล้วลองนึกถึงวันที่ไม่มีเจ้าอยู่ดูเสีย แม่นางฟางอินจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร ใจเย็นและตั้งสติให้ดี แล้วมาแก้ปัญหาตรงหน้านี้ก่อนเถิด”

          แม่ทัพชวี่ได้แต่ขบกรามแน่น และข่มอารมณ์โกรธแค้นเอาไว้ เพราะสิ่งที่สหายอย่างหั้วชินอ๋องกล่าวมานั้น ล้วนถูกต้องทุกอย่าง แม่ทัพชวี่จึงหลับตาลงอย่างใช้ความคิด ผ่านไปเพียงครู่ เขาก็พบวิธีที่จะจัดการกับเรื่องนี้ โดยที่ยังคงรักษาเกียรติ์และศักดิ์ศรี ของบุตรสาวคนโตเอาไว้ได้

“อาหั้ว เรื่องนี้ ข้าคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว”

“ว่ามาเถิด ข้ายินดีช่วยเหลือเจ้า”

“ดี ดีมาก เมื่อเจ้ายินดี เช่นนั้น ก็ช่วยจัดงานแต่งงานระหว่างแม่ทัพฉือหย่งหลิง กับอินเอ๋อร์ของข้าขึ้นด้วยเถิด”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทส่งท้าย

    “นี่พวกเราไม่ได้จะกลับบ้านกันหรอกหรือเจ้าคะ”ฉือฟางอินเอ่ยถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าที่ที่ฉือหย่งหลิงพาตัวนางกับเฉียนเอ๋อร์มานั้น คือท่าเรือแคว้นหลูแทนที่มุ่งหน้า เดินกลับจวนสกุลฉือตามกำหนดการ ฉือหย่งหลิงไม่ได้อธิบายในทันที แต่กลับเดินนำหน้านางไปที่เรือลำหนึ่ง ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าสีแดงสวยงาม ราวกับมีงานมงคลอยู่บนเรือลำนั้น แล้วหันมายื่นมือรอให้นางเดินเข้าไป เพื่อที่ได้พยุงนางกับลูกขึ้นเรือ“นี่อย่างไร จะพากำลังจะพาเจ้ากลับบ้าน”ความแปลกใจของฉือฟางอินยิ่งทวีขึ้น เมื่อเดินเข้ามาด้านในเรือแล้วพบว่า ด้านในของเรือลำนี้ได้ถูกจำลอง ให้เหมือนกับงานพิธีสมรสอย่างไรอย่างนั้น“นี่มันอะไรกันเจ้าคะ ทำในนี้ถึงได้...”“ฮูหยิน เมื่อสามปีก่อนที่เราแต่งงานกัน เป็นข้าที่ปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี ไม่ให้เกียรติ์เจ้าในฐานะภรรยา แม้แต่เกี้ยวเจ้าสาวดีดี ก็ไม่ได้หาให้เจ้า ในวันนี้ที่ข้าสำนึกผิดแล้ว จึงอยากจะขอแก้ตัวกับเจ้าใหม่ ฮูหยิน ได้โปรดแต่งงานกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ครั้งนี้ข้าสัญญาด้วยชีวิต ว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับคนอย่างข้าอีก เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วอย่างแน่นอน

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 63

    “ด้วยนิสัยเดิมของบุตรชายข้าคนนี้ ที่นอกจะไม่เอาไหนแล้ว เขามักจะชอบลักเล็กขโมยน้อย สิ่งของคนที่เขาเคยได้สนทนาด้วยเสมอพะย่ะค่ะ”พรึ่บชวี่ซุนเหลียนขาอ่อนล้มพับลงไปนั่งกับทันที เมื่อนางเห็นพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ประจำตัวของนางอยู่ในมือของฮ่องเต้ พู่ตราสัญลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความผูกพันกับของสิ่งนี้ ทำให้แม้จะเข้ามาเป็นอนุภรรยาในสกุลชวี่แล้ว นางก็ยังคงห้อยพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา ชวี่ซุนเหลียนไม่รู้ว่าตัวเองทำมันหล่นหายไปตอนไหนจนเข้าใจไปว่านางอาจจะทำพู่นั่น ตอนที่ไปอารามหวั่งสุ่ยกับจินหู่อดีตสาวใช้ ที่ถูกนางผลักตกเขาไปเมื่อสามปีก่อน เพราะจินหู่เป็นคนเดียวที่อยู่กับนาง ทั้งตอนวางแผนและตอนที่นางไปพบกับหลี่หมิงด้วยตัวเอง ชวี่ซุนเหลียนจึงจำต้องกำจัดนาง ตามคำสั่งของกู้ชินอ๋อง เพราะไม่อยากเกิดปัญหาตามมาในอนาคต หลังจากผ่านคืนนั้นไปไม่นาน ขณะที่ชวี่เจียงโหลวนำทัพไปทำสงคราม ชวี่ซุนเหลียนจึงออกอุบายกับจินหู่ ว่าตัวนางนั้นอยากจะไปสงบจิตใจ จากเรื่องที่พึ่งผ่านพ้นไป ด้วยการไปไหว้พระที่อารามหวั่งสุ่ยและต้องการไ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 62

    เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทุกสารทิศ ว่าเหตุใดชวี่เจียงโหลวถึงได้มาขออย่าขาดกับชวี่ซุนเหลียน ต่อหน้าธารกำนัลในวันสำคัญเช่นนี้ แม้แต่กู้ชินอ๋องเองก็ต้องถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการกระทำเช่นนี้ ของชวี่เจียงโหลวมาก่อน“ท่านพี่ นี่มันอะไรกันเจ้าคะ”“นั่นสิแม่ทัพชวี่ วันดีๆ แบบนี้ เหตุใดเจ้าถึงขออย่ากับนางต่อหน้าข้าและคนอื่นๆ”“นั่นก็เพราะว่าข้า มิอาจอยู่ร่วมชายคา กับสตรีชั่วช้าคนนี้ได้อีกต่อไปแล้วพะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”“พระองค์คงจะไม่รู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว มีสิ่งใดเกิดขึ้นในจวนของกระหม่อมบ้าง”ทันทีที่ได้ยินชวี่เจียงโหลวกล่าวเช่นนั้น กู้ชินอ๋องและชวี่ซุนเหลียนต่างก็ตาเบิกกว้าง พร้อมกับหันหน้ามาสบตากัน เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วจะเป็นเรื่องใดได้อีก หากไม่ใช่เรื่องที่ชวี่ซุนเหลียนวางแผน แย่งคู่หมั้นของฉือฟางอินมาให้บุตรสาว และหมายจะให้คนงานหอนางโลม เข้ามาทำมิดีร้ายกับฉือฟางอินถึงในเรือนของนาง“กระหม่อมสู้อดทน สืบหาเบาะแสผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด จนได

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 61

    “แล้วเขาให้ความร่วมมือหรือไม่ขอรับ”“ย่อมต้องเป็นอย่างนั้น”หลังจากที่รู้ให้คนพาตัวหลี่เฉินมาที่ค่ายทหาร ชวี่เจียงโหลวแสดงตนต่อหน้าเขา พร้อมทั้งบอกให้เขาได้รู้ว่า คุณหนูที่สตรีชนชั้นสูงนิรนามคนนั้น จ้างวานให้เขามาทำมิดีมิร้ายคือบุตรสาวของตน เท่านั้นก็ทำให้ลี่เฉินตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะความโง่เขลา“ท่านแม่ทัพชวี่ เรื่องนี้ ข ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ ป เป็น เป็นบุตรชายของข้า ที่แอบรับงานนั้นด้วยตัวเอง ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ”“คนตายไปแล้วจะพูดอะไรได้ หากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เกี่ยวกับข้องเรื่องนี้ แต่ทันทีที่พบของพวกนี้ เจ้ากลับจะนำไปทำลาย นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง”“ม ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับท่านแม่ทัพ ที่ข้าคิดจะเอาของพวกนี้ไปทิ้ง ก็เพราะว่าข้ากลัวข้า กับคนในครอบครัวที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องโดนหางเลขไปด้วยขอรับ”“งั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้แล้วอย่านั้นหรือ ว่าของสองอย่างนี้เป็นของใคร”“ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่คนผู้นั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสกุล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 60

    “อื้อ แอ้! คิกๆ”“ฮ่าๆ เฉียนเอ๋อร์ ขาเจ้าเล็กแค่นี้ แต่พละกำลังมากเหลือเกิน แม่เจ้าคงเลี้ยงเจ้ามาอย่างดีเลยสินะ”ชวี่เจียงโหลวกล่าวอย่างอารมณ์ดี ขณะที่กำลังให้หลานชาย ใช้ขาอวบทั้งสองข้าง ยันหน้าขากระโดดเด้งขึ้นเด้งลง ส่งเสียหัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน โดยมีฉือฟางอินและฉือหย่งหลิง นั่งอยู่ใกล้ๆ คอยมองสองตาหลาน เล่นด้วยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ชวี่เจียงโหลวได้ชักชวนบุตรสาวและบุตรเขย มานั่งพูดคุยถามสารทุกข์ตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่งแน่นอนว่าการพูดคุยในครั้งนี้นั้น ไม่มีอนุเหลียนตามมาด้วย“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเล่นเบาๆ หน่อยเถิด เดี๋ยวท่านตาของเจ้าจะเจ็บเอาได้”“ไม่เป็นไรๆ ปล่อยให้เขาได้เล่นตามใจเถิด แรงเพียงเท่านี้ จะทำข้ากับได้อย่างไร เฉียนเอ๋อร์เจ้าเหนื่อยหรือยัง ให้ตาจับเจ้าโยนเล่นบนอากาศดีหรือไม่”“อื้อ แอ๊!”แม้จะพบหน้ากันเป็นวันแรก แต่สองตาหลานก็ดูจะเข้ากันดีจนคนเป็นแม่อย่างฉือฟางอินอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา เฉียนเอ๋อร์ไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 59

    “เชิญพวกเจ้าพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยเถิด ขาดเหลืออะไรก็บอกคนรับใช้ เดี๋ยวสักครู่ข้าจะต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้คงไม่ได้อยู่ถามสารทุกข์สุขดิบของพวกเจ้า เอาไว้พบกันตอนค่ำก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านไปเตรียมตัวเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”หลังจากที่พาบุตรสาวและบุตรเขย มาส่งยังเรือนเก่าของฉือฟางอิน ที่ชวี่เจียงโหลวยังคงให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน เหมือนเมื่อครั้งที่บุตรสาวอาศัยอยู่ที่นี่ เจ้าตัวก็ต้องรีบเดินทางไปยังวังหลวงเพื่อส่งรายงาน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำศึกรวบรวมดินแดน ที่ชวี่เจียงโหลวเป็นผู้นำทัพ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้เมื่อหลายเดือนก่อนด้านฉือฟางอินที่พึ่งจะตกปากรับคำที่บิดาไป แต่นางกลับมีความคิดจะออกไปข้างนอก แทนที่จะพักผ่อนตามที่บิดาบอก เหตุเห็นว่าไหนๆ ตนเองก็เดินทางมาถึงจวนสกุลชวี่ เร็วกว่าเวลาที่คำนวณเอาไว้มาก ประกอบกับที่นางไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้า จากการเดินทางที่ผ่านมาเลยสักนิด นางจึงอยากจะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการเลี้ยงหม่อน ที่เคยวางแผนว่าจะไปที่นั่นใน หลังจากผ่านไปแล้วสองถึงสามวัน หลังจากที่ถึงจวนสกุลชวี

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status