Share

บทที่ 11

Author: เฉียวเหมย
ลู่ซีเจ๋อรีบมาทันทีที่ได้ยินและพยุงตัวหญิงสาวที่ร้องด้วยความเจ็บปวดขึ้นมา “เสวี่ยเอ๋อ! เสวี่ยเอ๋อ! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

เฉินชิงเสวี่ยเอนกายเข้าไปในอ้อมแขนของลู่ซีเจ๋อ “ซีเจ๋อ พี่เขา...ฉันคิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงเลยจริง ๆว่าพี่เขาจะตามมาที่นี่...”

ลู่ซีเจ๋อมองเฉินมู่ด้วยความรังเกียจ อารมณ์ที่ไม่ดีมาตลอดเช้าล้วนถูกระบายใส่เธอจนหมด “เฉินมู่! คุณเป็นคนตอบตกลงที่จะถอนหมั้นเองนะ ตอนนี้คนที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปหมดก็คือคุณ! นี่คุณไม่ดูสารรูปตัวเองหน่อยเหรอ! ช่วยละอายแก่ใจหน่อยได้ไหม!”

เฉินมู่โมโหจนปวดศีรษะ เธอโบกมือไปมาแล้วกล่าวว่า “คุณชายลู่ ฉันแค่นั่งทานข้าวเฉย ๆเองนะคะ จะไปทำเรื่องวุ่นวายอะไรนั่นได้อย่างไรกัน?”

ลู่ซีเจ๋อก้าวขายาว ๆ ไปด้านหน้ากำข้อมือของเฉินมู่ไว้อย่างแน่นหนาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูลำพองใจอยู่บางส่วน “เฉินมู่ อีกนิดผมก็เกือบจะเชื่อเรื่องที่คุณตอบตกลงถอนหมั้นไปแล้วเชียว ดูท่าตอนนี้ คุณมันก็แค่ปรับเปลี่ยนกลอุบายในการก่อเรื่องวุ่น ๆ เท่านั้นเอง!”

เขารู้อยู่แล้ว เฉินมู่รักเขามานานตั้งหลายปี จะมาบอกว่าไม่ชอบก็คือไม่ชอบแล้วได้อย่างไร? ที่แท้ก็แค่เล่นละครตบตาให้ตายใจนี่เอง!

ข้อมือของเฉินมู่ถูกบีบอีกครั้ง ในขณะนั้นเองปากแผลที่ถูกเย็บไว้อย่างยากลำบากได้ปริออกมาจนได้ เลือดไหลซึมผ่านผ้าพันแผลออกมา เฉินชิงเสวี่ยหดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของลู่ซีเจ๋อ “ซีเจ๋อ...เลือด...”

ลู่ซีเจ๋อชะงักงัน รีบสลัดตัวเฉินมู่ออกไปทันควัน เขาหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อย

“เสี่ยวมู่ คุณตัดใจซะเถอะ ไม่ว่าอย่างไรผมก็รักแค่เสวี่ยเอ๋อเพียงคนเดียว ไม่ว่าคุณจะใช้สารพัดกลอุบายอะไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดผมได้หรอก”

เฉินมู่กุมข้อมือของตัวเองไว้ นี่คือการบาดแผลจากการกรีดข้อมือ เลือดไหลออกมามากขนาดนี้คงต้องตายแน่ ๆ เธอไม่มีกะจิตกะใจที่จะไปทะเลาะกับพวกเขาอีกแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือต้องไปที่โรงพยาบาลก่อน

ในตอนนั้นเอง ประตูห้องอาหารก็ถูกผลักออกอย่างรุนแรง มีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งล้อมรอบชายที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีม่วงเข้มเดินเข้ามาพร้อมกัน…

ใบหน้าชายหนุ่มช่างดูสง่างามสมบูรณ์แบบ หางตางอนสวยงามอย่างบอกไม่ถูก เส้นผมที่ยุ่งเหยิงยิ่งขับให้เขาดูเหนื่อยหน่ายและเกียจคร้านมากยิ่งขึ้น มันดูกลับตาลปัตรแตกต่างกันกับคนส่วนมาก

ทันทีที่ฮั่วหยุนเฉินเข้ามาหย่อนก้นนั่งลงตรงที่นั่ง เขาก็ดึงคอเสื้อไปมาพร้อมกับพูดออกคำสั่งไปด้วย “จับพวกมันสองคนโยนออกไปซะ!”

บอดี้การ์ดนิ่งไปนานมาก ไม่รู้ว่าสองคนที่ว่าคือสองคนไหน ฮั่วหยุนเฉินหงุดหงิดจนแทบจะพ่นไฟได้ มือหนาดึงคอเสื้อไปมาอีกครั้ง และชี้ไปที่คราบเลือดบนพื้นแล้วถาม “ใครเป็นคนทำ?”

เฉินมู่ยกมือขึ้นอย่างเงียบ ๆ “ฉันเองค่ะ...”

ฮั่วหยุนเฉินมองพินิจพิเคราะห์เฉินมู่อย่างจริงจัง ในใจบอกว่านี่คือหญิงสาวที่ฮั่วหยุนเซียวยอมทานข้าวเช้าด้วยเป็นกรณีพิเศษ เขามองเธอด้วยความชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง

จากนั้นจึงโบกมือให้เฉินมู่ “อย่ามัวยืนสร้างปัญหา คุณหลีกไปซะ!”

เสียงเข้มว่าก่อนหันไปมองเฉินชิงเสวี่ยอีกครั้งหนึ่ง “คุณเป็นคนทำใช่ไหม?”

เฉินมู่ “.....”

“เขียนบิลให้เธอซะ! พื้นของคุณชายนั้นมีมูลค่าไม่ต่ำไปกว่าสองแสน! ให้เธอชดใช้มา!”ฮั่วหยุนเฉินโบกมือใหญ่ ๆ ของเขา เป็นเชิงว่าสองแสนนะ ตกลงตามนั้นแหละ

“นี่คุณ!”เฉินชิงเสวี่ยใบหน้าแดงก่ำ “ทำไมคุณถึงไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย? นั่นฉันไม่ได้เป็นคนทำนะ! เป็นเธอต่างหาก!”

ฮั่วหยุนเฉินไม่สนใจ เขาตะโกนขึ้นโต้กลับ “พอแล้ว เอาตัวออกไปซะ ฉันเคยพูดไว้ว่ายังไง ถ้ายังไม่ได้มีการนัดหมายล่วงหน้าแล้วใครมันปล่อยให้พวกคุณเข้ามาได้ห๊ะ!”

เฉินชิงเสวี่ยตะโกนขึ้นทันที “พวกฉันรู้จักกับเจ้าของร้านแห่งนี้! คุณจะมาไล่พวกฉันออกไปได้ยังไง?”

ฮั่วหยุนเฉินส่งสายตาเย็นชาออกมาแล้วเปล่งเสียงเหอะออกมาทางจมูก “ผมคือเจ้าของร้าน คุณล่ะเป็นใคร?”

“ฉัน...ฉัน...”เฉินชิงเสวี่ยตะลึงงัน ผู้ชายเฮ็งซวยที่อยู่ตรงหน้าคือเจ้าของร้าน? งั้นคนที่ลู่ซีเจ๋อรู้จักล่ะคือใคร?

เป็นเพราะว่าเธอเห็นนามบัตรในกระเป๋าของลู่ซีเจ๋อ ถึงได้มั่นใจว่าลู่ซีเจ๋อรู้จักกับเจ้าของร้านเซียวเซียงซวนแห่งนี้! จนกระทั่งถึงขั้นเคยเอาไปโอ้อวดในกลุ่มเพื่อนว่าตนเองเข้าออกเซียวเซียงซวนได้อย่างอิสระ!

ฮั่วหยุนเฉินยิ้มตาหยีพลางตอบ “คนที่คุณรู้จักคือใคร ไปเรียกผู้จัดการล็อบบี้มา ตอนนี้พวกคุณทั้งสองคนช่วยทำให้ผมอิ่มอกอิ่มใจหน่อยเถอะ ไสหัวไปซะ!”

ลู่ซีเจ๋อกับเฉินชิงเสวี่ยถูกพวกบอดี้การ์ดลากตัวออกไปจากร้านเซียวเซียงซวนแล้ว

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเก้าโมง ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่เดินผ่านมาได้เห็นฉากนี้เข้าแล้ว พวกเขากำลังพูดคุยกันว่า เห็นพวกเขาแต่งตัวดูดีขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะถูกไล่ออกมาจากร้านอาหาร

ด้านนอกมีเสียงดังเอะอะของการไล่คน ภายในห้องวีไอพี ฮานเฉิงก้มศีรษะลงต่ำกล่าวต่อคนเป็นหัวหน้า “บอสครับ คุณชายรองมาแล้ว”

ฮั่วหยุนเซียวพยักหน้า เขาลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องวีไอพีโดยเร็ว ฮั่วหยุนเฉินลุกขึ้นยืนทันทีและเปลี่ยนท่าทางจากที่ดุร้ายเมื่อสักครู่เป็นรอยยิ้มไร้เดียงสาเหมือนเด็กผู้ชายตัวโต “พี่ชาย!”

พี่ชาย?? เฉินมู่มองฮั่วหยุนเซียวด้วยสีหน้างุนงง สายตามองไปที่ชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตสีม่วงอีกครั้ง คนหนึ่งหล่อราวกับเทพบุตร อีกคนประณีตดุจมารร้าย ที่แท้เป็นพี่น้องกันอย่างนั้นเหรอ?

ฮั่วหยุนเซียวเดินเข้ามา ในสายตาเขามีเพียงแต่เลือดสีแดงสดบนข้อมือของหญิงสาวที่หยดลงบนพื้นหยดแล้วหยดเล่า

ใบหน้าของเขาซีดเผือด ก่อนจะรีบโน้มตัวลงอุ้มเฉินมู่ขึ้นมา “ฮานเฉิง ไปที่โรงพยาบาล โทรหาโอวจินด้วย”

“ครับบอส”

ฮั่วหยุนเฉินที่ถูกเมินยังคงยืดคอและโบกมือแรง ๆ “พี่! พาผมไปด้วยสิ!”

ฮานเฉิงมองภาพนั้นพร้อมถาม “แล้วคุณชายรองล่ะครับ...”

“เรื่องครั้งล่าสุดที่ล็อคประตูห้อง นายคิดว่าฉันจะลงโทษเขายังไงดี?”ฮั่วหยุนเซียวถาม

ฮานเฉิงพูดตอบอย่างอึดอัด “ให้เขาพิจารณาถึงความผิดของตัวเองที่ทำลงไปเพียงลำพังสักสามวัน”

ฮั่วหยุนเซียวอุ้มเฉินมู่ขึ้นไปบนรถ ฮานเฉิงหันศีรษะกลับมายิ้มแบบฝืน ๆ ให้กับฮั่วหยุนเฉินแล้วกล่าว “คุณชายรอง บอสสั่งให้คุณกลับบ้านแล้วไปทบทวนความผิดพลาดของตัวเองครับ ตามกำหนด พรุ่งนี้สองทุ่มคุณถึงจะออกไปข้างนอกได้”

ฮั่วหยุนเฉิน “...”

ที่เขารีบขับรถมาก็เพราะได้ยินจากพนักงานในร้านอาหารบอกว่า วันนี้ฮั่วหยุนเซียวพาผู้หญิงคนหนึ่งมาทานข้าวด้วย นี่มันสุดยอดจริง ๆ! ไม่แน่ว่าเขาจะได้มีพี่สะใภ้เร็ว ๆ นี้ก็เป็นได้!

แต่ใครจะไปรู้ ยังไม่ทันได้พูดคุยกับพี่สะใภ้สักประโยค ฮั่วหยุนเซียวก็อุ้มเธอหายไปแล้ว!

เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เลือดของเฉินมู่ได้ย้อมผ้าพันแผลจากสีเดิมเป็นสีแดงฉานไปหมดแล้ว ฮั่วหยุนเซียวอุ้มหญิงสาวที่หน้าซีดเซียวก้าวยาว ๆ เข้าไปในห้องทำงานของโอวจิน

เพียงครู่เดียวโอวจินได้เตรียมของเอาไว้เรียบร้อยและเตรียมตัวเย็บแผล วุ่นวายอยู่เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็จบสักที

โอวจินเดินออกประตูไปหยิบยา ฮั่วหยุนเซียวจึงนั่งลงอยู่เป็นเพื่อนข้าง ๆ เฉินมู่ ตาคมมองไปยังบาดแผลที่น่ากลัวบนข้อมือของหญิงสาวพลันถาม “ทำไมถึงฆ่าตัวตาย?”

เฉินมู่เสียเลือดไปเยอะมาก เธอฟุบลงบนโต๊ะอย่างอ่อนแรง ในหัวมันขาวโพลนไปหมด จนคิดข้อแก้ตัวอื่น ๆ ไม่ออก จึงพึมพำออกมาว่า “บนหน้าที่มีแผลเป็นน่ะ มันอัปลักษณ์จะตาย....”

ฮั่วหยุนเซียวตะลึงงัน เขาพูดเสียงเบาทว่าชัดเจน “ยัยนักต้มตุ๋นตัวน้อย”

วันนั้นเฉินมู่นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยเลือด อีกทั้งยังมีความเยือกเย็นและความเหงาเข้ามาควบคุม ไม่มีทางที่เธอจะฆ่าตัวตายเพียงเพราะรอยแผลเป็นแผลเดียวหรอก

พูดให้ถูกก็คือ เขาสัมผัสได้ว่าตัวเฉินมู่มีความชัดเจนอยู่อย่างหนึ่ง คือการศรัทธาที่จะมีชีวิตรอดอยู่ต่อมากกว่าใคร ๆ

เขาโน้มตัวลงอุ้มเธอขึ้นมาและพาเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยที่จัดเตรียมเอาไว้ วางเธอลงบนเตียงอย่างระมัดระวังพร้อมห่มผ้าให้เธอเรียบร้อย ไม่วายยังพูดเบา ๆ อีกว่า “พักผ่อนเถอะนะ”

เฉินมู่รู้สึกสับสนมึนงง ราวกับว่าได้ย้อนกลับไปเกิดและตายลงในสนามรบ แต่หลังจากรอดภัยพิบัติร้ายนั่นมาไม่กี่นาทีก็ยังรู้สึกดีใจที่ยังโชคดีอยู่

ทันใดนั้นข้อมือของฮั่วหยุนเซียวก็ถูกคว้าไว้ ฝ่ามือที่แนบติดเขาอยู่นั้นเย็นเยือกเพราะการเสียเลือด เธอพึมพำออกมาหนึ่งประโยค “คุณชายฮั่ว ขอบคุณนะคะ”

โอวจินที่ไปเอายาได้กลับมาพอดี เขาผลักประตูออกและมองแผ่นหลังของฮั่วหยุนเซียวพลางพูดล้อเลียนเพื่อนสนิทกลาย ๆ “ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก แต่ก็ไม่ถึงขนาดรักษาให้หายดีภายในคืนเดียวหรอกมั้ง?”

ฮั่วหยุนเซียวเดินหันหลังออกมาจากห้องผู้ป่วยและถามว่า “แผลเป็นบนใบหน้าเธอ รักษาได้หรือเปล่า?”

เมื่อพูดถึงความชำนาญด้านการแพทย์ โอวจินก็หน้าบานด้วยความปิติยินดี “ทำได้สิ! คนที่บอสฮั่วชอบ ถึงแม้ว่าจะเหลือลมหายใจเพียงเฮือกสุดท้ายฉันก็จะช่วยกลับมาให้นายเอง!”

ไม่นาน ฮานเฉิงก็เดินเข้ามาอีกครั้ง “บอสครับ ได้เวลาไปบริษัทแล้ว”

ฮั่วหยุนเซียวหันไปมองหญิงสาวที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงแวบหนึ่ง “ดูเธอด้วย ตื่นแล้วให้มาบอกฉัน”

โอวจินยิ้มกรุ้มกริ่มและพยักหน้าตอบ “รู้แล้วน่า รู้แล้ว คราวนี้หนีไม่พ้นแน่นอน”

หานเฉิงขับรถอยู่ด้านหน้า ฮั่วหยุนเซียวที่นั่งอยู่ด้านหลังกำลังหลับตาพักผ่อน เพียงแต่ครั้งนี้ในหัวมักจะปรากฎใบหน้าเล็ก ๆ ที่งดงาม มีชีวิตชีวา สุขุมและหยิ่งยโสแทน

เขายกมือขึ้นสัมผัสแผ่นอกไปมา “ลู่กรุ๊ปกับฮั่วกรุ๊ปต้องร่วมงานกัน?”

ฮานเฉิงตอบกลับทันที “มันเป็นแค่โครงการหนึ่งของบริษัท เป็นหนึ่งในงานย่อยที่รับรองให้ลู่กรุ๊ปทำเท่านั้นเองครับ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ คนของบริษัทได้กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้เจาะจงรายงานคุณเป็นพิเศษครับ”

ฮั่วหยุนเซียวลืมตาขึ้น หัวคิ้วและดวงตาที่ลึกล้ำนั่นเก็บซ่อนความเยือกเย็นเอาไว้ ก่อนพูดอย่างเย็นชา “เพิกถอนซะ”

“อะไรนะครับ?” ฮานเฉิงไม่ทันได้ตั้งตัว

“ถอนการร่วมงาน” ฮั่วหยุนเซียวตอบ

คำสี่คำนี้เป็นการลงโทษตระกูลลู่เพียงสถานเบา

ฮานเฉิงตกตะลึงและรีบพยักหน้าเข้าใจในทันที “ครับ”

“ปล่อยข่าวออกไปว่าคุณชายตระกูลลู่มีเรื่องกับหยุนเฉิน” ฮั่วหยุนเซียวกำชับ

“ทราบแล้วครับ” ฉับพลันฮานเฉิงก็เข้าใจความหมายของคำว่า “บอส” ของตนเองขึ้นมาทันที
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 255

    ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 254

    เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 253

    เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 252

    แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 251

    “นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 250

    เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status