Share

บทที่ 4

ลู่ซีเจ๋อตกใจเล็กน้อย “อะไรนะ คุณพูดว่าอะไร เฉินมู่ จะมาล้อเล่นกับผมไม่ได้นะ!”

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เฉินมู่คงร้องไห้อย่างขมขื่นทันทีที่ได้ยินคำว่า “ถอนหมั้น” และแสดงท่าทางที่ไม่พอใจจนทำให้เขาหมดความอดทน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะมีบุคลิกที่ขยันดูอ่อนแอ แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะยอมแพ้ให้กับลู่ซีเจ๋อ

นอกจากนี้ แม่ของทั้งสองคนยังเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน ไม่ว่าจะพูดอะไรแม่ของลู่มักคัดค้านการปฏิเสธของชายหนุ่มเสมอ จึงทำให้งานแต่งที่ว่านี้ยืดเยื้อมาหลายปีจนสรุปผลอย่างเป็นทางการไม่ได้

สุดท้ายเฉินมู่ก็สบตาชายหนุ่มอีกครั้ง “คุณหูหนวกเหรอ? มีประโยคไหนของฉันที่บอกว่าล้อเล่นบ้างล่ะ หรือว่าตอนบ่ายคุณชายลู่ไม่ว่าง? งั้นพรุ่งนี้ก็ได้นะ ฉันได้หมด ถ้าคุณว่าง”

เฉินชิงเสวี่ยตกตะลึงกับคำที่เฉินมู่ดุกล่าวลู่ซีเจ๋อว่าหูหนวกจริงเหรอ?

ยัยนี่เป็นเฉินมู่ตัวจริงหรือเปล่าเนี่ย?

ลู่ซีเจ๋อชะงักค้างอย่างกับถูกเฉินมู่ตบหน้าเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา ผู้หญิงคนนี้...ทำไมถึงก่อกวนเขาไม่หยุด?

“เฉินมู่ คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไรออกมา” ลู่ซีเจ๋อถาม

เฉินมู่พยักหน้าอย่างเฉยเมย “ฉันรู้ ถอนหมั้นไง ยกเลิกการแต่งงานของเรา แปลว่ามันไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันแล้ว”

“คุณเป็นฝ่ายพูดเองนะ เพราะฉะนั้นคุณจะไม่มีเหตุผลใด ๆ มารบกวนผมได้อีก!” ลู่ซีเจ๋อเตือนด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

เขาไม่เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการทำลายการแต่งงานจริง ๆ!

เฉินมู่พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “หึ อยากรบกวนตายล่ะ”

ลู่ซีเจ๋อรู้สึกมึน เฉินมู่...ในตอนนี้มันช่างแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ตามสอยห้อยตูดของเขาอีกต่อไป

เฉินมู่ไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายคิด เมื่อคืนเธอเปิดหน้าต่างและต่อต้าน ซึ่งตอนนี้เธอเหนื่อยมากจนอยากจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้านอนหลับให้ได้

ทันทีที่เธอก้าวเท้ากำลังจะขึ้นไปชั้นบน ลู่ซีเจ๋อก็เรียกเธออีกครั้งโดยแสดงท่าทางผิดหวังจริงจังออกมา “เสี่ยวมู่ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้หญิงคือการรักตัวเอง แม้ว่าคุณจะไม่สามารถอยู่กับผมได้ คุณต้องรู้จักเคารพตัวเองบ้าง…”

ฟังจบ เฉินมู่ก็กอดอกและเยาะเย้ย “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ แต่ต้องขอโทษด้วย ผู้ชายของฉันสูงส่งกว่าคุณ หล่อกว่าคุณ และแข็งแกร่งกว่าคุณ จนฉันอดดีใจแทนตัวเองไม่ได้เลย!”

“ส่วนตอนนี้ฉันเหนื่อยจนตาแทบปิด อ้อ ฉันแนะนำว่าให้พวกคุณไปประจ๋อประแจ๋กันที่ห้องนะ เดี๋ยวคุณปู่มาเห็นจะหัวใจวายเอาสะก่อน”

เฉินมู่พูดจบตัดฉับราวกับลั่นไก ก่อนหันกลับเดินไปปิดประตูเสียงดังปัง

เฉินชิงเสวี่ยตกตะลึง หล่อนหันไปมองลู่ซีเจ๋อพร้อมกัดริมฝีปากแน่น “ซีเจ๋อ ทำไมเธอถึงพูดอย่างนั้นกับคุณล่ะ?...คุณบอกฉันไม่ใช่เหรอว่าคุณไม่เคยแตะต้องตัวเธอเลย?”

ลู่ซีเจ๋อกอดเฉินชิงเสวี่ยทันที และอธิบาย “เสวี่ยเอ๋อ แน่นอนผมไม่เคยสัมผัสเธอ! ผมจะสัมผัสเธอได้ยังไง คนที่ผมรักคือคุณนะ!”

เฉินชิงเสวี่ยพยักหน้าสะอึกสะอื้นตอบกลับ “ฉันเชื่อในตัวคุณมาตลอด แต่วันนี้...เพราะฉันแท้ ๆ ที่พี่สาวของฉันกลายเป็นแบบนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะฉัน…”

ลู่ซีเจ๋อรู้สึกไม่สบายใจอยู่พักหนึ่ง เฉินชิงเสวี่ยของเขาช่างเป็นคนใจดีและมีเหตุผลมาโดยตลอด

ณ ชั้นบนสุดของอพาร์ทเมนท์หงเฟิง

ฮั่วหยุนเซียวนั่งหลังโต๊ะไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่ นิ้วยาวเคาะโต๊ะเอ่ยถาม “คนคนนั้นอยู่ที่ไหน?”

โอวจินยักไหล่ “วิ่งออกไปแล้ว เมื่อเช้านี้พยาบาลไปตรวจดู แต่ไม่มีใครอยู่บนเตียงเลย”

ฮั่วหยุนเซียวตวัดตาเหลือบมองที่โอวจินอย่างแรง “ไม่เห็นคนป่วยเหรอ?”

ก่อนที่โอวจินจะมีเวลาโต้เถียงเพื่อนตัวเอง โทรศัพท์มือถือของฮั่วหยุนเซียวก็ดังขึ้น มือหนาหยิบขึ้นมากดรับสาย เสียงที่สงบของพ่อดังเข้ามาในโทรศัพท์ “มื้อค่ำวันนี้เรามีงานเลี้ยงกับตระกูลเฉิน เราเป็นหนี้บุญคุณตระกูลเฉิน ลูกช่วยไปแทนพ่อหน่อยนะ”

ฮั่วหยุนเซียวพิงเก้าอี้หนังสีดำ และถามอย่างแผ่วเบาว่า “แล้วภรรยาของพ่อล่ะ?”

“ทำไมถึงไม่เรียกเขาว่าแม่!” ฮั่วเทียนหลินพูดอย่างไม่พอใจ

“แม่ขังผมไว้ที่โรงแรมเมื่อคืนนี้” ฮั่วหยุนเซียวบ่นอย่างตรงไปตรงมา “เพราะหมอดูบอกเธอว่าเมื่อคืนผมจะมีโชคชะตาด้านความรัก”

ฮั่วเทียนหลินพูดต่อ “...งั้นเดี๋ยวพ่อจะจัดการเอง ลูกอย่าลืมไปงานเลี้ยงด้วยนะ”

“ครับ” ฮั่วหยุนเซียววางสาย

โอวจินตบริมฝีปากแสร้งตกใจ “บอสฮั่วผู้งดงาม มีการฟ้องพ่อด้วยเหรอ?”

ฮั่วหยุนเซียวลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อหยิบชุดสูท “คติประจำตระกูลของเราคือ ชายใดที่ปราบผู้หญิงของตนได้ ย่อมได้รับการยอมรับว่าเป็นบุรุษที่แท้จริง”

“แล้วนายจะเปลี่ยนชุดทำไม?” โอวจินถามหลังจากออกมา

ฮั่วหยุนเซียวเปลี่ยนเสื้อผ้า พลางผูกเนคไทไปตอบไป “ก็ไปที่บริษัทน่ะสิ ส่วนงานเลี้ยงตอนเย็นนายก็ต้องไปกับฉันด้วย แค่เข้าไปทักทายตระกูลเฉินพอเป็นพิธีก็พอ จากนั้นค่อยหลีกเลี่ยงการคบค้าสมาคมออกมา”

โอวจินเงียบยืนพิงกำแพง พร้อมเกี่ยวแว่นตาลวดทองของเขาไปด้วย ชายสูงเจ็ดฟุตเพียงแค่มองยืนดูฮั่วหยุนเซียวผูกเนคไท “คุณพี่หยุนเซียวขอรับ นี่พี่กำลังเชิญให้ฉันไปเป็นเพื่อนเหรอ?”

ฮั่วหยุนเซียวเหลือบมองเขาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “นายจะใส่ชุดกี่เพ้าตอนกลางคืนได้นะ เดี๋ยวฉันสั่งให้ฮานเฉิงส่งไปให้”

โอวจิน “…”

ในแง่ของความปากร้าย เขาไม่เคยเอาชนะฮั่วหยุนเซียวได้เลยสักครั้ง!

ณ ตระกูลเฉิน

ในที่สุดร่างกายของเฉินมู่ก็สะอาดหมดจด ร่างเล็กทิ้งกายนอนอยู่บนเตียงและนอนหลับอย่างสงบสุข ทว่าเมื่อได้ยินเสียงข้างหู เฉินมู่ก็หันไปตามสัญชาตญาณ แล้วคว้าคอของผู้มาเยี่ยมไว้แน่น ดวงตาคมสว่างวาบในห้องสลัว ทั้งดุดันและน่ากลัว “ใคร?”

“คุณ...คุณหนูใหญ่...” คนรับใช้ตกตะลึงกับปฏิกิริยาของเฉินมู่

เฉินมู่ถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริงด้วยชื่อนี้ โดยจำได้ว่าเธอไม่ใช่นักฆ่าอีกต่อไป เธอปล่อยมือก่อนโบกไปมาอย่างเชื่องช้า “ฉันดูหนังศิลปะการต่อสู้มากเกินไปน่ะ…เธอโอเคไหม?”

คนรับใช้เปิดไฟ แล้วพูดว่า “คุณหนูใหญ่ คุณนายกำลังตามหาคุณอยู่!”

เฉินมู่ตอบโต้ “คุณนายกำลังตามหาฉันอยู่เหรอ?”

เธอใช้เวลาคิดอยู่นานกว่าจะรู้ว่า คุณนายที่เขาหมายถึงคือแม่เลี้ยงของตนเอง ซู่หรูหลาน เสือนอนยิ้มของตระกูลเฉิน หล่อนพยายามดูแลเฉินมู่ดีมาก จนได้รับชื่อเสียงตอบรับที่ดี แต่ความจริงแล้ว เธอหวังว่าเฉินมู่จะถูกไล่ออกจากบ้านเร็วกว่านี้ เพื่อไม่ให้เฉินมู่มาแบ่งปันทรัพย์สมบัติกับพวกหล่อน!

เฉินมู่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดสุภาพแล้วลงไปชั้นล่าง มีชุดเดรสหลายชุดในห้องนั่งเล่น ทางด้านเฉินชิงเสวี่ยเองก็เดินไปมาในห้องแต่งตัว ราวต้องการหยิบของที่ไม่ธรรมดามาประดับเพื่อที่เธอจะได้เป็นจุดเด่นของคืนนี้ และสามารถเปล่งประกายได้

เมื่อเห็นเฉินมู่ลงมาที่ชั้นล่าง ซู่หรูหลานก็โบกมือให้เธออย่างอบอุ่นทันที “เสี่ยวมู่ มานี่สิ สไตลิสต์เอาชุดมาให้เลือกสำหรับงานเลี้ยงตอนเย็น”

เฉินมู่จะยิ้มแต่ก็ยิ้มไม่สุด ใบหน้าที่มีรอยแผลพยักตอบ “ค่ะ ขอบคุณค่ะ ป้าซู่”

เฉินมู่สลับชุดไปมาสองครั้ง หยิบชุดลาเวนเดอร์ยาวขึ้นมาแล้วชี้ไปที่ร่างกายของตัวเอง ซู่หรูหลานชมเธอ “ชุดนี้เข้ากับสีผิวของเธอดีนะ”

เฉินมู่จึงหยิบชุดสีน้ำเงินอีกชุด ซู่หรูหลานก็พยักหน้าแล้วพูดตอบ “ชุดนี้ก็ดีเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่ามันไม่สามารถปกปิดจุดด่างพร้อยได้…”

เฉินมู่เยาะเย้ยในใจ คำพูดแบบนี้ใช่ไหมที่ซู่หรูหลานใช้ทำร้ายเฉินมู่ซ้ำแล้วซ้ำอีก มันย้ำแทงใจเธอเสมอว่ามีรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดบนใบหน้า

ควบคู่ไปกับความเยือกเย็นและความขยะแขยงของลู่ซีเจ๋อ การเยาะเย้ยและการวางกรอบของเฉินชิงเสวี่ย ในที่สุดก็ผลักเฉินมู่ไปสู่ขุมนรกแห่งความตาย

เฉินชิงเสวี่ยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ พี่เลือกชุดไหนก็ได้ตามสบายเลย พี่ยังคาดหวังอยู่อีกเหรอว่าจะใช้ชุดนั้นช่วยปกปิดใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นได้”

“ชิงเสวี่ย ใครบอกให้เธอพูดกับพี่แบบนี้ล่ะ” ซู่หรูหลานขบริมฝีปาก แสร้งทำเป็นว่าแก้ตัว แต่เธอไม่ได้สนใจแม้แต่จะขยับสายตามามองเลยสักนิด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status