공유

บทที่ 5

작가: เฉียวเหมย
เฉินมู่หันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่แยแส “เธอพูดว่าอะไรนะ?”

“ฉันบอกว่า ตราบใดที่พี่ไปงานเลี้ยง คนอื่นก็จะเห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าของพี่ อย่าว่าแต่งานเลี้ยงเลย พี่จะต้องถูกหัวเราะเยาะทุกครั้งที่พี่ออกไป พี่น่าจะชินกับมันนานแล้วนะ!” เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะเยาะ ดวงตาของเธอแพรวพราวมากด้วยความขัน

เฉินชิงเสวี่ยมีใบหน้าที่สวยงามซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ แต่การเสียดสีในดวงตาของเธอมีพิษราวกับงู

จะบอกว่าไม่เถียงก็ได้ แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่เย่อหยิ่งของเฉินมู่วันนี้ ทำให้เธอไม่ยอมอยู่เฉยให้คนในบ้านของตระกูลเฉินกดขี่ตลอดไปหรอกนะ! เธอจะสู้!

เฉินมู่ยกมือขึ้นตบคนน้องเสียงดัง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พูดอีกรอบสิ?”

“แก!” เฉินชิงเสวี่ยกรีดร้องเมื่อถูกตบหน้า

“เสี่ยวมู่! เธอตบชิงเสวี่ยทำไมล่ะ?” ซู่หรูหลานแผดเสียงทันที “ตอนนี้ลูกรักของพ่อเธอคือชิงเสวี่ยนะ ทำแบบนี้ไม่กลัวพ่อเธอโกรธหรือไง?”

ขณะเดียวกัน เฉินลี้ซานก็เดินเข้ามาโดยบังเอิญ เสียงเข้มถาม “ทะเลาะอะไรกันอีกเนี่ย?”

เฉินชิงเสวี่ยรีบวิ่งแจ้นเข้าไปร้องไห้ในอ้อมแขนของเฉินลี้ซานทันที “พ่อ…”

ซู่หรูหลานถอนหายใจอย่างเจ็บปวด ก่อนตอบ “คุณสามี เป็นเพราะฉันสอนเด็ก ๆ ได้ไม่ดี มันเป็นเพราะฉันมันไม่ดี …”

“หนูตบเธอ” เฉินมู่ยอมรับโดยตรง

“เฉินมู่! นี่ลูก!”

“เธอหัวเราะเยาะหน้าหนูที่มีรอยแผลเป็น หนูเลยตบเธอ พ่อคิดว่าหนูทำมากเกินไปหรือเปล่าล่ะ?” เฉินมู่มองตรงไปยังพ่อของตน แล้วถามต่อ “พ่อก็ไม่ได้รู้สึกอะไรสินะ ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้วนะสิ? พ่อยังจำตอนที่หนูยังเด็กได้ไหม?”

เฉินลี้ซานตกตะลึง แน่นอนว่าเขาจำได้ว่าตอนเด็ก

เฉินมู่ดูไร้เดียงสาและน่ารักมาก เธอเป็นสาวงามที่มีมาตรฐานมาตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่ได้ปกป้องลู่ซีเจ๋อในวันนั้น ใบหน้านี้คงไม่เสียหาย

ทว่าเนื่องจากกลัวลูกสาวจะไปสร้างเรื่องจนงานของตนไม่ราบรื่น เขาจึงพูดอย่างหงุดหงิดออกไป “เอาล่ะ! เลือกชุดเสร็จแล้ว ก็อยู่บ้านนี่แหละ จะได้ไม่ต้องไปสร้างปัญหา! อยู่บ้านจิตใจจะได้ไม่ว้าวุ่น!” พูดจบเขาก็เดินขึ้นไปชั้นบน

เฉินชิงเสวี่ยกระทืบเท้าอย่างไม่เต็มใจ “พ่อ!”

เฉินมู่หยิบชุดสีฟ้าขึ้นมา “ชุดนี้ละกัน ฉันเลือกเสร็จแล้ว” มือเรียวหยิบชุดนั้นและตามเฉินลี้ซานไปเพื่อกลับไปที่ห้องของตน

เฉินชิงเสวี่ยกังวลเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เฉินมู่มักจะดื้อรั้น แต่วันนี้หล่อนกล้าที่จะทุบตีเธอ ยิ่งกว่านั้น เฉินลี้ซานเองก็ดูจะไม่ค่อยใส่ใจเรื่องพี่น้องทะเลาะกันเท่าที่ควร! แถมตอนนี้เฉินมู่ยังมีสัญญาแต่งงานกับลู่ซีเจ๋ออยู่ ซึ่งเป็นเรื่องเธอต้องกังวลตอนนี้มากกว่า!

ไม่ได้ เธอปล่อยให้เฉินมู่เป็นจุดสนใจไม่ได้ ไม่อย่างนั้น ความพยายามที่จะจับตัวลู่ซีเจ๋อทุกวิถีทางก็จะหายไปหมดนะสิ?

เฉินชิงเสวี่ยทำการคำนวณเล็กน้อยในใจ

ถึงเวลาอาหารกลางวัน ในที่สุดเฉินมู่ก็เห็นทุกคนทั้งครอบครัว คุณปู่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ไม่มีอารมณ์โกรธ เฉินลี้ซานนั่งอยู่ข้างๆ คุณปู่ มีซู่หรูหลานและเฉินชิงเสวี่ยนั่งอยู่ข้าง ๆ ส่วนเฉินมู่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งดื่มซุปคนเดียวอย่างเงียบ ๆ

คุณปู่เริ่มเอ่ย “งานเลี้ยงในคืนนี้ ตระกูลฮั่วจะมาด้วย พวกเธอตอนรับให้ดี ๆ ล่ะ อย่าทำอะไรผิดพลาด”

“คุณพ่อวางใจเถอะค่ะ งานเลี้ยงได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว” ซู่หรูหลานเตรียมความพร้อมไว้อย่างดี

เฉินชิงเสวี่ยก็รีบพูดเช่นกันว่า “ไม่ต้องกังวลนะคะคุณปู่ เมื่อวานตอนที่หนูกินข้าวอยู่กับซีเจ๋อ หนูได้ยินเขาพูดว่า ตระกูลลู่และตระกูลฮั่วมีข้อตกลงทางธุรกิจด้วยกัน เย็นนี้เราจะช่วยกันต้อนรับให้ดีอย่างแน่นอน พี่ก็รู้แล้วใช่ไหม เรื่องโครงการที่ซีเจ๋อกับตระกูลฮั่วกำลังหารือกัน?”

เฉินมู่เลิกคิ้วขึ้น เธอจะรู้ได้อย่างไร? ลู่ซีเจ๋อจะบอกเฉินมู่เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เหรอ? เฉินชิงเสวี่ยแสดงท่าทีอวดรู้ออกมาให้เธอเห็นอย่างชัดเจน

เมื่อถึงจุดนี้เฉินชิงเสวี่ยก็ปิดปากของเธอด้วยความตื่นตระหนกอีกครั้ง และพูดอย่างเชื่องช้าว่า “พี่สาวไม่รู้เหรอ? ฉันผิดเองที่พูดมากเกินไป”

เฉินมู่เยาะเย้ยอย่างเย็นชา “ถ้าเธอรู้ว่ากำลังพูดมากเกินไป ก็หุบปากไปซะ ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครว่าโง่หรอกนะ!”

“เสี่ยวมู่! ทำไมถึงพูดกับน้องแบบนี้ล่ะ?” เฉินลี้ซานถาม

เฉินมู่ยิ้มวางตะเกียบลงและมองไปที่เฉินชิงเสวี่ย “ชิงเสวี่ย ในฐานะพี่สาว ฉันก็แค่อยากจะตักเตือนน้องสาว ถ้ายังมีความเป็นมนุษย์ ก็ควรรู้ถึงความอัปยศของตัวเองบ้าง ถ้าจะอยู่ข้างลู่ซีเจ๋อก็อย่าทำตัวไร้ยางอายจะดีกว่า”

เฉินชิงเสวี่ยแสดงสีหน้าไม่พอใจทันที พลันตวัดตามองไปที่เฉินมู่ “พี่ ฉันไร้ยางอายที่ไหนเหรอ?”

ซู่หรูหลานกอดไหล่ลูกสาวของเธอ และพูดเบา ๆ กับเฉินมู่ “เสี่ยวมู่ ชิงเสวี่ย ทั้งสองก็เป็นพี่น้องกัน จะมาพูดให้ร้ายกันไปทำไม?”

เซินมู่เลิกคิ้วมอง ก่อนถามย้อน “ในเมื่อเธอไม่รู้ งั้นฉันจะเตือนให้ฟังอีกครั้ง เธอกับลู่ซีเจ๋ออยู่ในฐานะอะไรกันเหรอ เธอไม่รู้เลยเหรอว่าเขาเป็นคู่หมั้นของฉัน?”

“แต่...แต่พี่กำลังจะถอนหมั้น…” เฉินชิงเสวี่ยมองดูใบหน้าของคุณปู่อย่างเงียบ ๆ

เรื่องที่ถอนหมั้น เฉินลี้ซานเห็นด้วยเงียบ ๆ โดยไม่ออกเสียง เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับตระกูลลู่มาตลอด และเห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของเฉินชิงเสวี่ยกับลู่ซีเจ๋อ แต่ทัศนคติของคุณปู่นั้นไม่ชัดเจน

เฉินมู่เยาะเย้ย

“ไม่ว่าเราจะถอนหมั้นหรือเปล่า ไม่ว่าเราจะมีความรู้สึกต่อกันอยู่หรือไม่ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ เรายังมีสัญญาการแต่งงาน เขายังคงเป็นพี่เขยในอนาคตของเธอ เธอควรจะอยู่ห่างๆ ไว้ไม่ใช่เหรอ?”

“ถ้าคนอื่นรู้ว่ากำลังพัวพันกับพี่เขยของตัวเอง จะเอาหน้าไปไว้ไหน?”

“ฉัน…”

“โอเค หนูอิ่มแล้ว พวกคุณกินกันต่อเถอะ” เฉินมู่ลุกขึ้นยืน พยักหน้าเล็กน้อยให้คุณปู่ หันหลังและเดินออกจากห้องอาหาร

คุณปู่ตกตะลึงเล็กน้อย ท่าทางเมื่อกี้นี้ดูไม่เหมือนกับเฉินมู่เลยสักนิด!

เฉินชิงเสวี่ยมองพ่อของเธออย่างไม่พอใจ “พ่อ พี่สาว เธอ…”

ก่อนที่เธอจะพูดจบ คุณปู่ก็ไอแล้วพูดว่า “อืม เสี่ยวมู่พูดถูก เพราะเธอยังไม่ถอนหมั้น ดังนั้น หลานเองควรที่จะรักษาระยะห่างของตัวเองไว้”

ดวงตาของเฉินชิงเสวี่ยเบิกกว้าง เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณปู่จะเข้าข้างเฉินมู่! ดูเหมือนว่าเธอจะประเมินเฉินมู่ต่ำเกินไป และปล่อยให้ผู้หญิงที่ตายคนนี้ปีนขึ้นไปบนหัวของเธอ เพื่ออวดความยิ่งใหญ่ของตัวเอง!

ก่อนงานเลี้ยงอาหารค่ำ

เฉินมู่เปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว ดึงกระโปรงเป็นนิสัย แล้วดึงเข็มขัด ในอดีตเธอมักจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำในฐานะนักฆ่า เขามักจะซ่อนมีดและปืนไว้ในชุด ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบความพร้อมอยู่เป็นประจำ

แต่ใครจะรู้ว่ากระโปรงท่อนบนตัวนี้หลุดออกจากตัวได้ง่าย ๆ เมื่อเธอพยายามจัดดึงอย่างหนัก!

เฉินมู่รีบหยิบขึ้นมา โชคดีที่ยังอยู่ในห้อง ถ้าอยู่ในงานเลี้ยงอาหารค่ำละก็คงจะอายน่าดูจริงไหม?

เธอถอดเสื้อผ้าออก แล้วตรวจดูอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเห็นว่ามีใครบางคนวางกลอุบายอะไรบางอย่างอยู่ที่เข็มขัด มันดูเหมือนปกติ แต่หากใช้แรงเล็กน้อยก็จะถูกฉีกออกแล้ว

ไม่ต้องถามก็รู้ได้ในทันทีว่าคือเฉินชิงเสวี่ยเป็นคนทำ

เฉินมู่ขอกล่องเย็บผ้าจากคนรับใช้ เย็บอย่างระมัดระวัง และเปลี่ยนเป็นเข็มขัดสีเดียวกันเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่หลุดอีก

เธอนำชุดเก็บให้เรียบร้อย ความคิดที่จะแก้แค้นเริ่มก่อตัวขึ้น ขาเรียวแอบเข้าไปในห้องของเฉินชิงเสวี่ยอย่างเงียบ ๆ เมื่อเจอชุดของน้องสาว เธอก็ถอดตะเข็บบนเสื้อคลุมของเฉินชิงเสวี่ยออกสองสามเข็ม แล้วจึงค่อย ๆ แอบย่องออกไปอย่างเงียบ ๆ

หลังจากงานเลี้ยงเริ่มขึ้น เฉินมู่แต่งหน้าเบา ๆ แล้วเดินลงไปข้างล่าง เธอเห็นเฉินชิงเสวี่ยโผเข้าไปในอ้อมแขนของลู่ซีเจ๋อราวกับเกล็ดหิมะ ดึงลู่ซีเจ๋อไปที่ห้องรับแขกตรงมุมห้อง แล้วก็ปิดประตูอย่างสนิท

ด้านนอก มีรถเบนท์ลีย์ที่เหมือนนักรบสีดำจอดอยู่ที่ประตู ดึงดูดให้แขกที่มาในงานหันมองด้วยความสนใจ

“นี่คือรถของคุณฮั่วใช่ไหม?”

“ตระกูลเฉินมีหน้ามีตาในสังคมเยอะ! เขาทำได้ดีมากที่ยังสามารถขอให้ตระกูลฮั่วมาหาได้!”

“ชายที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองปินไห่! ถ้าใครที่สามารถติดต่อกับตระกูลฮั่วได้ คนนั้นจะไม่มีความกังวลในชีวิตนี้อีกเลย!”

ฮานเฉิงลงจากรถ และเปิดประตูให้ฮั่วหยุนเซียว “บอส มาถึงแล้วครับ”

ฮั่วหยุนเซียวมองดูนาฬิกา โอวจินที่อยู่ข้างๆ ก็สะกิดเขา และพูดว่า “เคยได้ยินมาว่าลูกของตระกูลเฉินคนที่สาม หน้าตาดีที่สุดในเมืองปินไห่แล้ว เข้าไปดูสิ?”

ฮั่วหยุนเซียวยกเท้าลงจากรถ น้ำเสียงของเขาเอ่ยอย่างไม่แยแส “ฉันไม่สน”
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 255

    ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 254

    เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 253

    เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 252

    แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 251

    “นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่

  • เกิดใหม่อีกครั้งกับยัยขี้เหร่   บทที่ 250

    เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status