คุณนายลู่หันกลับมามองไปยังสามีของตน จากนั้นก็มองไปที่ซู่หรูหลานและพูดด้วยความรังเกียจ “คุณนายเฉินเลี้ยงดูลูกสาวได้ดีเช่นนี้ ตระกูลลู่ของเราคงไม่มีวาสนาที่จะได้เสวยสุขอีกแล้ว!”“ถ้าเกิดวันหนึ่งภรรยาผมทุกข์ใจหนัก วันนั้นคงเป็นฝันร้ายของผมแน่ ๆ!”ทว่าซู่หรูหลานยังคงมีความทุ่มเท เธอกัดฟันเถียงสองสามีภรรยาตระกูลลู่ “แต่เมื่อคืนนี้ ผู้คนมากมายได้เห็นว่า…”“ถ้าเห็นแล้วมันยังไง!” คุณนายลู่กล่าว “เรื่องแบบนี้ถ้าพูดออกมาแล้ว คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานก็ไม่ใช่ซีเจ๋อของเราสักหน่อย! เธอแค่อาจจะโดนคนส่วนใหญ่เหน็บแนมชีวิตส่วนตัวก็แค่นั้น!”“จะมีผู้ชายที่ไหนล่ะ ที่จะสามารถกระโดดลงแม่น้ำเพื่อฆ่าตัวตายตามผู้หญิงบ้าง? ยังมีคนในเมืองปินไห่อีกมากที่เต็มใจจะแต่งงานกับเรา! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องลูกคุณนายเฉินหรอกค่ะ!”“พอแล้ว พอแล้ว!” พ่อลู่หยุดภรรยาของเขา ก่อนมองไปที่เฉินลี้ซาน จากนั้นก็เอ่ยเสียงเข้ม “ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ พี่เฉินก็ควรดูแลเรื่องของคนที่บ้านไปก่อนนะ วันนี้ทางเราขอไม่ทานข้าวเย็นด้วยแล้วกัน”ประหนึ่งว่าออกคำสั่งไล่แขกให้กลับไป เฉินลี้ซานเองก็ไม่ได้รั้งอะไร ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงดึงตัวซู่หรูหลานและ
คำพูดของเฉินมู่ทำให้คุณนายลู่น้ำตาคลอเบ้าราวกับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ หล่อนสูดลมหายใจและคร่ำครวญออกมา “เจ้าเด็กน้อย พูดเหตุผลออกมาเป็นชุดใหญ่เลย มันคงไม่มีทางแล้วจริง ๆ สินะ!”เฉินมู่พูดด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ เมื่อวานมีเรื่องเกิดขึ้นที่โรงแรม หนูคิดว่าคุณป้ากับคุณลุงคงยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกมาก งั้นหนูไม่รบกวนคุณป้าแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะคะ”พลันคุณนายลู่ก็คว้าตัวเธอไปกอด “หนูคงไม่คิดจะกลับบ้านหรอกใช่ไหม? เมื่อกี้หนูเพิ่งจะก่อกวนเรื่องการแต่งงานของน้องสาว ถ้ากลับไปตอนนี้พวกเขาจะไม่ลงโทษหนูเหรอ?”ตอนนี้เฉินมู่กลับเป็นฝ่ายอยากจะร้องไห้เสียเอง! ชาติก่อนลู่ซีเจ๋อคงจะสะสมบุญไว้เยอะใช่ไหม? ชาตินี้เขาถึงได้มีแม่ที่ดีขนาดนี้!เธอจับมือคุณนายลู่และพูดด้วยความผ่อนคลาย “ไม่ต้องกังวลไปนะคะ! ช่วงนี้หนูจะไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล ที่เขาต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก็เพราะขนมที่หนูส่งไป หนูต้องไปดูเขาคะ”“อืม ดีแล้วล่ะ งั้นหนูไปเถอะ! อ้อ วันนี้ในครัวเคี่ยวซุปรังนกไว้ หนูเอาไปให้เพื่อนด้วย มันย่อยง่าย” พูดจบคุณนายลู่ก็บอกให้คนรับใช้ไปจัดการห่อซุปให้เฉินมู่ จากนั้นก็ปล่อยเธอไปหาเพื่อนเฉินมู่เดินทางไปโรง
เฉินมู่ตบหน้าผากตัวเอง ถ้าไม่บอกไปตรง ๆ คงไม่รอดผ่านสายตาคาดเค้นนั่นไปได้สินะ?เธอพยักหน้า “ไม่เป็น สักนิดก็ไม่เป็นเลย”ฮั่วหยุนเซียวมองไปยังความอึดอัดใจของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า หัวใจของเขากระตุกเล็กน้อย จากข้อมูลที่ฮานเฉิงรายงานมา เฉินมู่รู้ว่าลู่ซีเจ๋อชอบอาหารตะวันตก เธอจึงลงทะเบียนเรียนพิเศษเพื่อเรียนรู้การทำอาหารโดยเฉพาะ และจบการศึกษาได้อย่างราบรื่นวันเวลาลงทะเบียน เนื้อหาหลักสูตร ผลการทำอาหาร และรูปถ่ายล้วนอยู่ในข้อมูลของฮานเฉิงอย่างชัดเจน แต่ตอนนี้เธอกลับปฏิเสธว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการทำอาหารเลยหรือเพราะเธอทำให้ลู่ซีเจ๋อต้องได้รับบาดเจ็บมากเกินไป จึงต้องหนีออกมาแล้วหลบซ่อนตัวตนของตัวเองไว้ไม่ให้ใครรู้? ฮั่วหยุนเซียวไม่สามารถคิดเหตุผลอื่นได้อีกเฉินมู่มองไปที่ฮั่วหยุนเซียวพลางถามด้วยเสียงเรียบ “เป็นอะไรไปเหรอคะ?”ฮั่วหยุนเซียวส่ายหน้า “ไม่มีอะไร แค่คิดอะไรเพลิน ๆ แล้วยังคิดด้วยว่าผมจะมีบุญวาสนาได้ชิมฝีมืออาหารที่คุณเฉินทำเองหรือเปล่านะ”เฉินมู่พ่นลมหายใจ และพูดเสียงแน่วแน่ “หยุดคิดไปเถอะ ฉันง้อคุณสำเร็จแล้ว ทำไมฉันจะต้องทำสิ่งที่ยากลำบากแบบนั้นด้วยล่ะ!”ฮั่วหยุนเซียววางม
ฮั่วหยุนเซียวพลิกดูรูปถ่ายในกระเป๋าเอกสาร คนในภาพถูกจับสวมชุดนักโทษสีขาว หน้าตาของเด็กสาวนั้นสวยสดงดงาม แต่ดวงตาดูน่ากลัวราวกับหมาป่าผู้โดดเดี่ยวทันใดนั้นมือเขาก็หยุดชะงัก เขาคิดเกี่ยวกับเฉินมู่ตอนที่ถูกขังอยู่ในกรงเฉินมู่เองก็เป็นเหมือนหมาป่า อีกฝ่ายทั้งดุร้ายและอันตราย แต่เธอกลับมีออร่าที่ทรงพลังอย่างยิ่งฮั่วหยุนเซียวยัดรูปถ่ายกลับเข้าไปในกระเป๋าเอกสาร ปัดเป่าความคิดของเขาออกไปจากสมองเขาคงจะสงสัยเกินไป อีกาคือฆาตกรของเคโจว พวกเขาต้องใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีเพื่อจับมันมาให้ได้ ส่วนเฉินมู่เป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไม่ได้รับการสนับสนุนและดูแลจากตระกูลเฉิน มันจะไปเหมือนกันได้อย่างไร?ฮั่วหยุนเซียวโยนกระเป๋าเอกสารให้โอวจิน และพูดเสียงเข้ม “วันสองวันนี่ฉันไม่ว่าง”โอวจินทำเสียงซุบซิบ “ยุ่งเรื่องอะไร? ยุ่งกับการจับแกะเหรอ?”ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้ว แต่โอวจินก็ยักไหล่ไม่สนใจ “ก็ไม่ผิดนี่? ถ้าพูดถึงหมาป่าผู้หิวโหยแล้ว เฉินมู่ก็เป็นแค่แกะตัวน้อยเท่านั้น”ทางฝั่งของเฉินมู่ ร่างบางนั่งแท็กซี่ไปที่อพาร์ทเมนท์ของฮั่วหยุนเซียว ใส่รหัสหนึ่งศูนย์สองแปด พลันเสียง “ดิ๊งด่อง” ของประตูก็ดังขึ้นประต
ทุกคำที่พูดออกมาสง่าผ่าเผยราวกับเทพบนท้องฟ้าซู่หรูหลานยืนตัวแข็งทื่อ ประหนึ่งว่าหล่อนมองผ่านเฉินมู่ไป และมองรู้ถึงฝันร้ายของชีวิตเฉินมู่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาครั้งสุดท้ายที่หล่อนเห็นคนลักษณะนี้ บุคลิกที่มีเสน่ห์แบบนี้ นั่นคือแม่ของเฉินมู่!หญิงสาวผู้ภาคภูมิใจที่ยืนอยู่ตรงประตูบ้านของตระกูลเฉิน หล่อนยึดอำนาจของเธอแม้ในยามฝัน!แต่ผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว ปัจจุบันมีแต่เธอที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์สวยงามแห่งนี้พร้อมกดขี่เด็กกำพร้าผู้โง่เขลานี้ไปทุกวัน ทว่าตอนนี้ ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ในอดีตจะปรากฏขึ้นใหม่อีกครั้งในวันนี้!เฉินมู่เดินขึ้นไปชั้นบนแล้ว แต่ซู่หรูหลานก็ยังมองแผ่นหลังเธอด้วยความหวาดหวั่นไม่หยุดเฉินมู่มีอารมณ์เหมือนกับแม่ของเธอ! เหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ทั้งสูงส่ง เยือกเย็นทว่าเงียบเหงา ทรงพลังและมีเสน่ห์ไม่! หล่อนจะแพ้ไม่ได้! ในชีวิตนี้หล่อนไม่เคยต้องสูญเสียอะไร! หล่อนชนะแม่เฉินมู่มาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วยังจะต้องกลัวอะไรกับเด็กน้อยตัวแค่นี้?เฉินชิงเสวี่ยยังคงนั่งร้องไห้อยู่บนพื้น “ไล่มันออกไป! ไล่มันออกไป!”ซู่หรูหลานตบเฉินชิงเสวี่ยที่ศีรษะอย่างแรงจนเฉินชิงเสวี่ยตกตะ
ฮั่วหยุนเซียวสะบัดผ้าห่มขึ้น ลุกจากเตียงแล้วออกไปพร้อมกับเสื้อคลุม “อยู่ที่ไหน?”ฮานเฉิงเดินตามฮั่วหยุนเซียวไปอย่างเร่งรีบและจริงจัง “ยังอยู่ในเมือง แต่อยู่ในสถานที่เก่า ๆ และดูเหมือนว่ามันจะตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่นั่นด้วย”ฮั่วหยุนเซียวเหลือบมองที่หน้าจอ “ช่างเก่งกล้าจริง ๆ”แฮ็กเกอร์ที่ขโมยเงินของฮั่วหยุนเซียว แถมยังตั้งฐานที่มั่นไว้ใต้จมูกของเขา นี่ถือได้ว่าเป็นการท้าทายอำนาจของฮั่วหยุนเซียวอย่างไม่ต้องสงสัยมีรถรออยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาล ฮั่วหยุนเซียวนั่งเบาะหลังพลันเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการรอคอยแฮ็กเกอร์คนนี้เฉินมู่ขบกัดนิ้วไม่หยุด ม่านรับแสงในตาคมค่อย ๆ หรี่ลง พริตาดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นทว่ายังไม่ทันจะได้มีความสุข หน้าจอก็ดับลง และสัญญาณก็หายไปอีกครั้ง!เฉินมู่รู้สึกเหมือนทำของเล่นหาย เธอหงุดหงิดมาก จากนั้นจึงปิดคอมพิวเตอร์ และเดินลงบันไดไปพร้อมกับกระเป๋าสะพายหลัง การติดตามในวันนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว ทุกอย่างต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปรถของฮั่วหยุนเซียวหยุดที่สัญญาณไฟจราจร ฮานเฉิงยื่นแท็บเล็ตให้ฮั่วหยุนเซียวดูด้วยความหงุดหงิดใจ “บอส สัญญาณหาย
จากนั้นก็เคี้ยวมันอย่างระมัดระวังเฉินมู่ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วกระพริบตามองเขา “เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม?”กลิ่นของเนื้อละลายหลอมรวมกันระหว่างริมฝีปากและฟันของเขา รวมไปถึงกลิ่นของแป้ง ทำให้ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาปรับลิ้นตัวเองให้เข้ากับมัน ก่อนพยักหน้า “ก็ไม่เลวนะ”คำชมของฮั่วหยุนเซียวทำให้เฉินมู่มีความสุขมาก ร่างบางเดินไปพลางกินหมั่นโถวไปพลาง ก่อนเอ่ยถาม “คุณออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเหรอ? ดึกขนาดนี้ทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะ?”ฮั่วหยุนเซียวหยุดเท้าครู่หนึ่ง แล้วพูดตอบกลับ “อืม ผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว ออกมาทำอะไรบางอย่างนะ”ทั้งสองเดินไปที่สี่แยก พลันเห็นฮานเฉิงยืนรออยู่ข้างรถ เฉินมู่ค่อยหัวไปมองที่ฮั่วหยุนเซียว เห็นได้ชัดว่านี่คงเป็นการเดินเล่นมากกว่าการทำงานเสียแล้วฮั่วหยุนเซียวหันศีรษะไปที่เฉินมู่บ้าง “คุณจะกลับบ้านเลยไหม? ผมจะได้ไปส่ง”เฉินมู่พยักหน้า “อืม กลับเลย แต่พรุ่งนี้เช้าฉันจะต้องไปทำขนมที่บ้านคุณ ตอนเช้าคุณอยู่บ้านไหม?”ฮั่วหยุนเซียวอมยิ้ม “อยู่”พอทั้งสองนัดกันเสร็จ เฉินมู่ที่ยืนอยู่ข้างถนนก็รีบทานของกินในมือให้เสร็จเรียบร้อย เพื่อไม่ให้รถเบนท์ลีย์ที่ราคาแพงคันนี้เ
เฉินมู่หยิบคุกกี้ชิ้นเล็ก ๆ ออกมาทีละชิ้นแล้วใส่ลงในกล่อง จากนั้นร่างบางก็ถือกล่องเดินไปที่ห้องนั่งเล่นพลันประตูห้องนอนใหญ่เปิดออก ความดีใจทำให้เฉินมู่เหลือบมองไปทางห้องนอนและทักทายอย่างร่าเริง “คุณฮั่ว สวัส…”ก่อนที่คำว่า “ดี” จะเอ่ย เสียงนั่นหยุดลงกะทันหัน พร้อมกับร่างที่หยุดนิ่ง มือของเธอที่ถือคุกกี้หยุดค้างอยู่กลางอากาศอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมจ้องไม่กะพริบพลางชื่นชมชายตรงหน้า...เพิ่งออกจากอ่างอาบน้ำเหรอ?ชายหนุ่มคงจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ มีปอยผมห้อยลงมาเล็กน้อย รวมทั้งหยดน้ำที่ไหลลงมาตามร่างของเขา มันกลิ้งไปมาบนกล้ามเนื้อและหน้าท้องที่แข็งแรง ก่อนจะซึมหายไปในผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวสอบไว้ฮั่วหยุนเซียวถือผ้าเช็ดตัวอีกผืนไว้ในมือข้างหนึ่ง เขาใช้มันเช็ดผมด้านหลังใบหูพลางเอนตัวพิงกรอบประตูอย่างเกียจคร้าน เสียงของเขาแหบแห้ง “คุณเฉิน น้ำลายหกแล้วนะ”เฉินมู่รีบกลืนน้ำลายแล้วหันกลับไปอีกทางทันที “ฉันไม่รู้คุณ...เอ่อ...ฉันมาที่นี่เพื่อทำ...คุกกี้ ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่เห็น มัน…”เหมือนดั่งสวรรค์กลั่นแกล้ง เมื่อวานเธอเพิ่งนึกถึงรูปลักษณ์ของฮั่วหยุนเซียวในใจเงียบ ๆ แต่วันนี้กลับต้องมาน้ำลา