Beranda / วาย / เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว / เล่ม 2 ตอนที่ 10 ความรู้สึกคุ้นเคย

Share

เล่ม 2 ตอนที่ 10 ความรู้สึกคุ้นเคย

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-21 15:26:12

        เพียงแค่นึกภาพว่ามีผู้อื่นมาแตะต้องใบหน้านี้ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก

          เสียงพิณเริ่มบรรเลงขับกล่อมราตรีอีกครั้ง โจวอิ่งฉินยิ้มหวานมีเลศนัยเมื่อเห็นคนตรงหน้าโอบกอดรัดรึง เริ่มจู่โจมเขาแบบไม่ทันตั้งตัว “ใต้เท้า ท่านเบามือหน่อย” เสียงพึมพำดังข้างหูของหวังเยี่ยนหลงที่เวลานี้ห้ามใจของตัวเองไม่ไหว

          “อย่ายุ่งกับผู้ใด” เขาเอ่ยปากแล้วอุ้มร่างบางของโจวอิ่งฉินไปนอนบนเตียง เริ่มต้นค่ำคืนแสนยาวนานของทั้งสองคน

          เช้าวันต่อมา หวังเยี่ยนหลงซื้อตัวโจวอิ่งฉินจากหอเงาราตรีแล้วพากลับไปอยู่ที่สำนักตระกูลหวังนับตั้งแต่นั้นมา

          ชายหนุ่มเผลอคิดไปว่าเขาอาจจะพอมีใจให้บ้าง เวลานี้หวังเยี่ยนหลงมองเขาเป็นเพียงตัวแทน แต่หากนานวันไปเมื่อใด เขาจะทำให้หวังเยี่ยนหลงลืมคนผู้นั้นไปให้ได้

          ทว่า ความคิดนั้นกลับตื้นเขินนัก จนถึงวันนี้ หวังเยี่ยนหลงไม่ได้มองเขาเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งยังทำร้ายเขายามที่ปราณมารปะทุ ครั้นจะหนีไปที่ใดก็ทำไม่ได้ มิหนำซ้ำยังรู้สึกผูกติดกับเขาและโหยหาความรักจากหวังเยี่ยนหลงจนยอมทนทุกอย่างไปเสียแล้ว

         

        ณ โรงเตี๊ยม

          หวังเยี่ยนหลงหาโอกาสสัมผัสมือของเหลียนเฟิน ความรู้สึกที่เก็บฝังในใจปะทุขึ้นอีกครั้ง สิ่งนี้ต่างหากที่เขารอคอยมาเนิ่นนาน หน้าตาและรูปร่างราวกับคนละคน แต่สัมผัสนี้กลับคุ้นเคยมากเหลือเกิน

          “นายท่าน รู้ที่ซ่อนพรรคพวกที่เหลือของหลินหลีเหว่ยแล้วขอรับ” ซวงส่งสัญญาณให้เขารู้ พลางยืนรอบนหลังคาโรงเตี๊ยม

          “อื้ม” หวังเยี่ยนหลงรับรู้ สายตามองเหลียนเฟินอีกครั้งหนึ่งแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะกระโดดหายไปจากโรงเตี๊ยมอย่างไร้ร่องรอย

          “เหลียนเฟิน!” เสียงของหลวนเล่อตะโกนหาเขา นางรู้สึกได้ว่าศิษย์น้องกำลังเกิดเรื่อง ครั้นเคาะเรียกหลายครั้งก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับเพิ่งจะพังประตูเข้าห้องได้เมื่อครู่ “เกิดอันใดขึ้น แล้วทำไมคนผู้นี้ถึง...”

          “ศิษย์พี่ ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง ท่านใจเย็น ๆ ก่อนเถิด” เหลียนเฟินลงมือเก็บหลักฐานพลางเล่าให้นางฟังตั้งแต่ต้นจนจบ

          “เขาเป็นผู้ใด”

          “ไม่รู้ขอรับ” เหลียนเฟินส่ายหน้า ตอบไม่ได้จริง ๆ ว่าคนผู้นั้นคือใคร

          “อื้ม เช่นนั้นรีบไปที่ศาลาว่าการดีกว่า หากหลักฐานที่ได้เชื่อมโยงมาที่คนผู้นี้ เรื่องราวลึกลับในเมืองเฟิงจะได้คลี่คลาย” นางร่ายอาคมเก็บกวาดร่องรอยของทุกสิ่งในห้องนี้ไปด้วย

          “ขอรับ”

          ครั้นมาถึงศาลาว่าการ ทั้งคู่จึงสังเกตเห็นว่ามีคนหลายสิบยืนออกันอยู่ด้านใน นอกจากทหารเมืองเฟิงแล้วยังมีชายหญิงหลายคนสวมชุดแตกต่างกันไป ชุดสีขาวแถบเขียวอ่อน และชุดสีเทาแกมขาว

          “สำนักเขาศิลาหยกกับสำนักร้อยดาราก็มาที่นี่ด้วยหรือ” เหลียนเฟินถามศิษย์พี่ของเขา

          “อื้ม” หลวนเล่อพยักหน้า

        อ๋องเมืองเฟิงส่งสารไปหาสำนักเซียนหลายแห่งให้ช่วยกันไขเรื่องราวลึกลับเพราะไม่อยากให้ชาวบ้านต้องใช้ชีวิตด้วยความอกสั่นขวัญผวา

กลางลานศาลาว่าการจึงมีศิษย์สำนักยืนอยู่ด้วยพร้อมคนอีกสองสามคนถูกจับมัดไว้นั่งรวมกันอยู่ด้านหน้าอ๋องเมืองเฟิง

        “ท่านนักพรต เกิดอันใดขึ้นหรือขอรับ” ทหารนายหนึ่งเห็นเหลียนเฟินแบกร่างของหลินหลีเหว่ยมาด้วยจึงเข้ามาถาม

        “ข้าคิดว่าเขาเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด” เหลียนเฟินบอกตามความจริงพลางส่งหลักฐานที่เหลืออยู่ให้

        จากนั้นศิษย์วังธาราเหมันต์จึงเดินไปทักทายศิษย์สำนักอื่น

        “นายท่าน!” เสียงของชายคนหนึ่งที่ถูกจับตะโกนออกมาเมื่อเห็นร่างของหลินหลีเหว่ยในสภาพคนตาย

        “เฮอะ เป็นพวกเจ้าจริง ๆ ด้วย ถึงขนาดนี้ยังปากแข็งอยู่ได้ ทหาร! จับพวกมันไปขังไว้ ข้าจะไต่สวนครั้งสุดท้ายวันพรุ่ง” อ๋องเมืองเฟิงสั่งเสียงกร้าว หลังจากที่สอบสวนอยู่นานแต่คนเหล่านี้ไม่ยอมรับเสียที

        เขาเดินมาหาเหลียนเฟินและศิษย์สำนักคนอื่น ๆ พร้อมกล่าวขอบคุณที่ช่วยเหลือในครั้งนี้

        “ท่านนักพรตทั้งหลาย ข้าและชาวบ้านเป็นหนี้บุญคุณพวกท่านจริง ๆ เชิญท่านพักผ่อนในเมืองของเราให้สุขสำราญเถิด”

        “ไม่รบกวนท่านเจ้าเมือง ข้าและศิษย์น้องเต็มใจช่วยเหลือ” ศิษย์สำนักร้อยดารากล่าว

        ขณะที่ด้านล่างกำลังพูดคุยกันเรื่องวันนี้ ด้านบนหลังคาก็มีรอยยิ้มของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้น

        “นายท่าน ให้ข้าจัดการพวกที่เหลือในคุกหรือไม่ขอรับ” ซวงเอ่ยปากถาม

        “ไม่ต้อง” หวังเยี่ยนหลงส่ายหน้า ในเมื่อถูกทางการจับได้แล้วไม่ช้าคงถูกประหารต่อหน้าชาวบ้าน ไม่มีเรื่องใดต้องกังวล “ส่วนเจ้า ตามรอยคนที่ให้ความช่วยเหลือพวกมันแล้วจัดการให้หมด” เขาหันไปบอกหลุน ลูกน้องคนสนิทอีกคน

        “นายท่านให้ข้ารออยู่ที่นี่หรือขอรับ” ซวงถามอีกรอบเมื่อไม่ได้รับคำสั่งใด ๆ จากหวังเยี่ยนหลง

        “เจ้าจับตาดูคนผู้นั้นไว้” หวังเยี่ยนหลงชี้คนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ด้านล่าง

        “ขอรับ” ซวงรับปากแล้วตามไปดูเป้าหมายไม่ให้คลาดสายตา

        เหลียนเฟินกับหลวนเล่อเดินตามพ่อบ้านพร้อมกับศิษย์สำนักคนอื่น

          “พวกเจ้าเป็นศิษย์สำนักไหนหรือ” สาวน้อยนางหนึ่งจากสำนักร้อยดาราถามหลวนเล่อ

          “วังธาราเหมันต์ ยินดีที่ได้รู้จัก” หลวนเล่อตอบนาง พลันคนถามรู้สึกตกใจ

          “เจ้าเป็นสตรีหรอกหรือ” นางตาโตเอามือปิดปากตัวเองไว้ นึกไม่ถึงว่าคนติดหนวดจะเป็นหญิง

          “เจ้าจะตกใจทำไมกัน เห็น ๆ อยู่ว่านางเป็นหญิง” ศิษย์สาวจากสำนักเขาศิลาหยกพูดขึ้นบ้าง

          “เจ้ารู้ได้อย่างไร” หลวนเล่อไม่เข้าใจ นางปลอมตัวออกจะแนบเนียนปานนี้

          “ข้าไม่บอก”

          “บอกมา” หลวนเล่อเซ้าซี้

          ไม่ทันไรกลุ่มศิษย์สาวจากสามสำนักก็หายเข้าไปในเรือนรับรองด้วยกัน ซุบซิบเรื่องราวตามประหญิงสาว

          “หลิ่งอิน แยกย้ายกันพักผ่อนเถิด ข้ามีเรื่องจะปรึกษาเขา” ศิษย์พี่ใหญ่บอกผู้เป็นศิษย์น้องสำนักเขาศิลาหยก ก่อนจะนั่งคุยกับศิษย์สำนักร้อยดาราเพราะไม่ได้เจอกันมานาน ทิ้งให้หลิ่งอินยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่กับเหลียนเฟินสองคน จึงแนะนำตัวให้อีกฝ่ายรู้จัก

          “ข้าชื่อหลิ่งอิน เจ้าชื่ออะไร” เขาเอ่ยปากถาม สายตารอคำตอบคนตรงหน้า

          “เหลียนเฟิน”

          “อาเฟิน เรียกเจ้าเช่นนี้ได้หรือไม่” รอยยิ้มสดใสไม่ถือตัว

          “ตามใจเถิด”

          “เจ้าจับคนผู้นั้นมาได้อย่างไร” เขาถามด้วยความอยากรู้ หลังจากสืบหามาหลายวันไม่พบเบาะแสใด จับได้เพียงลูกน้องของหลินหลีเหว่ยเท่านั้น ครั้นจะถามเรื่องอื่น ก็ไม่มีใครปริปาก

          “เรื่องยาวมากทีเดียว เจ้าอยากรู้จริงหรือ” เหลียนเฟินกำลังคิดว่าจะเล่าให้เขาฟังอย่างไร ไหนจะเรื่องของคนประหลาดนั่นอีกที่ยังหาคำตอบไม่ได้

          “อื้ม” หลิ่งอินรีบพยักหน้ากลัวเหลียนเฟินเปลี่ยนใจเพราะดูจากท่าทางเขาแล้วไม่ค่อยคุ้นเคยกับใครง่าย ๆ ต่างจากศิษย์พี่ของเขาที่ป่านนี้หายลับไปกับสหายใหม่เรียบร้อย

          ทั้งคู่จึงนั่งพูดคุยกันอยู่ริมระเบียง ความอบอุ่น ใจดีและเป็นมิตรของหลิ่งอินทำให้เหลียนเฟินรู้สึกว่าสบายใจราวกับรู้จักเขามาเนิ่นนานแล้ว

          “...” สีหน้าของหลิ่งอินเปลี่ยนไปแวบหนึ่ง แต่เหลียนเฟินจับสังเกตได้

          “เป็นอะไรไปหรือ” เขาถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

          “ไม่ต้องกังวลหรอก ข้าแค่มีโรคประจำตัวอยู่อย่างหนึ่ง มักจะมีอาการเป็นครั้งคราวทำให้ร่างกายข้าไม่แข็งแรงเท่าใดนัก” หลิ่งอินอธิบาย ตั้งแต่ที่จำความได้เขาจะมีอาการเช่นนี้มาตลอด อาจารย์บอกแต่เพียงว่าเป็นผลข้างเคียงจากการรักษาโรคหัวใจเมื่อตอนเด็ก

          เหลียนเฟินยื่นมือมาแตะที่ข้อมือเขา พลางร่ายอาคมหนึ่งส่งผ่านพลังปราณให้หลิ่งอิน

          “ดีขึ้นหรือไม่” เขาถามอีกฝ่าย

          “อื้ม ขอบคุณ” หลิ่งอินยิ้มให้ จู่ ๆ อาการที่ว่าก็หายเป็นปลิดทิ้ง ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนใช้เวลาตั้งหลายวัน

          “ข้าจะสอนวิชาบางอย่างให้เจ้า หากมีอาการจะได้ทุเลาความเจ็บลงได้บ้าง” เหลียนเฟินกระซิบบอกเขา

          ความใกล้ชิดนั้นทำให้หลิ่งอินรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะแต่พยายามควบคุมความรู้สึกของตัวเองเอาไว้

          หัวใจข้า เต้นแรงเกินไปแล้ว ใจเย็น ๆ หน่อยได้หรือไม่

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 12 เกิดใหม่อีกกี่ครา วานวาสนาผูกกันไม่เสื่อมคลาย (จบ)

    สามเดือนต่อมาเช้าวันหนึ่งเสี่ยวหยุนมองเหลียนเฟินที่กำลังนอนหลับใหลในอ้อมกอดของเขา สายตาเต็มไปด้วยความรักท่วมท้นในใจก่อนจะพึมพำร่ายอาคมอย่างหนึ่งขึ้นมาพลันกรีดปลายนิ้วจนได้เลือดหยดหนึ่งหลอมรวมกับลูกกลมสีฟ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แม้เป็นวิชาที่เขาเพิ่งคิดค้นขึ้นมาได้แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกเสี่ยวหยุนตั้งชื่ออาคมนั้นว่า “พันธะวิญญาณ” อาคมที่สามารถผูกวิญญาณของพวกเขาทั้งสองไว้ด้วยกันในทุก ๆ ชาติ ไม่ว่าเหลียนเฟินจะเกิดเป็นผู้ใด อยู่ที่ไหน เขาจะรู้ได้ในทันที นับต่อจากนี้ไม่มีพรากจากลมหายใจของร่างบางในอ้อมกอดสัมผัสแผ่นอกกว้างของเขาเตือนสติให้รู้ตัว ล้มเลิกความคิดเช่นนั้น เสี่ยวหยุนยิ้มมุมปากพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบีบอาคมนั้นให้แตกสลายไปริมฝีปากจุมพิตหน้าผากเรียกเหลียนเฟินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฟูเหรินของข้า”“อืม…” เหลียนเฟินยังคงงัวเงียพลันได้รับจุมพิตที่แก้ม โลมเลียลงลำคอ สัมผัสเรียวลิ้นร้อนชื้นดูดเม้มก่อนจะถูกใครบางคนคร่อมร่างกายท่อนบนเอาไว้“ฟูเหริน ท่านยังไม่ตื่นอีกหรือ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำ

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 11 ความรู้สึกที่โหยหา(NC)

    เหลียนเฟินนอนนิ่งบนแผ่นอกของเขา ส่วนล่างกระตุกบีบแก่นกายที่ค้างอยู่ราวกับเชิญชวนจึงถูกพลิกตัวเป็นฝ่ายนอนใต้ร่างพลางโดนเสี่ยวหยุนจับขาสองข้างยกขึ้นแล้วขย่มสะโพกเป็นจังหวะ“ข้าเพิ่งจะ…อ๊ะ...” เหลียนเฟินไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องเม้มปากตัวเองอีกครั้ง มือสองข้างจับหมอนที่วางอยู่ ขยำจนผ้ายับยู่ยี่ ลมหายใจร้อนหอบถี่ ฟังแล้วยิ่งกระตุ้นให้อีกฝ่ายเกิดความต้องการอย่างยิ่งยวดแก่นกายที่ครูดเข้าออกเร่งขึ้นอย่างเร่าร้อนจนน้ำที่ปล่อยเอาไว้เมื่อครู่กระเซ็นเปรอะเปื้อน คนกระทำยิ้มมุมปากชอบใจยิ่งนักที่ได้เห็นร่องรอยของเขาบนตัวคนรักเมื่อโพรงเนื้อโอบรอบจนมิดแน่นขนัดยิ่งเสียวซ่านจนตาเหลือกลอย “อือ… เหลียนเฟิน” ในใจวนเวียนแต่คำว่า อีกนิด ข้าขออีกนิดในขณะที่คนใต้ร่างแทบคุมสติตัวเองไม่อยู่ พึมพำแผ่วเบา “ข้าไม่ไหวแล้ว… อย่าเพิ่งขยับ”“จะให้ข้าหยุดจริงหรือ” เขาเอ่ยถามแต่ส่วนลับยังคงกระทุ้งเข้า ๆ ออก ๆ บดเบียดภายใน หยอกล้อเหลียนเฟินเพราะอยากเห็นสีหน้าแดงระเรื่อ สุขสม พลันวางขาทั้งสองข้างลงแล้วพลิกตัวเหลียนเฟินให้นอนคว่ำในพริบตาก่อนจะยกส

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 10 ความรักเอ่อล้น (NC)

    เหลียนเฟินโอบแขนรอบคอของเสี่ยวหยุนกดแรงโน้มตัวเขาลงมาหา จ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตาพลันยิ้มอ่อนโยน เอ่ยกระซิบยืนยันความรู้สึกของตัวเอง “ข้ารักเจ้า”คนได้ฟังคำรักน้ำตาไหลเอ่อไม่อาจกั้นด้วยความรู้สึกผิดระคนกับความรู้สึกอื่น ๆ ในใจ แม้รู้ตัวว่าไม่สมควรมายืนอยู่ข้างเขาแต่เวลานี้ก็ไม่อาจขยับกายหรือเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายได้เลยเขารักเหลียนเฟิน ผู้เป็นฟูเหรินของเขาและไม่อยากถูกพรากจากอีกแล้ว ทั้งยังดีใจเพราะใบหน้าที่มองเขาในเวลานี้ไม่ใช่ใบหน้าของคนที่เกลียดชังเขาจนต้องจ่อปลายกระบี่เข้าหาราวกับแค้นเคืองกันมาเนิ่นนาน“เสี่ยวหยุน” เสียงเรียกหาอ่อนหวานจับใจ “ยังคงจำได้อยู่ใช่หรือไม่ว่าเวลานี้เจ้าคือฟูจวินของข้า”“…” เขาพยักหน้าเล็กน้อย เม้มปากแน่นแล้วกอดเหลียนเฟินเอาไว้ครั้นสะสางความหลัง ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างพลันคลี่คลาย ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันอีกต่อไปหวังซีซวนและพรรคพวกแวะมาหาพวกเขาเหมือนอย่างเคย สังเกตได้ว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสองคนดูอึมครึมเล็กน้อย ดวงตาเสี่ยวหยุนบวมช้ำปรากฏเด่นชัดจนอดถามไม่ได้“

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 9 ความทรงจำหวนคืน

    ครั้นเรื่องราววุ่นวายที่ใจกลางตลาดจบลงไปได้ด้วยดี เหลียนเฟินจึงพาเสี่ยวหยุนกลับมาพักฟื้นร่างกายที่บ้านหลังน้อย พลางขอให้หวังซีซวนช่วยกลั่นยาสมุนไพรให้เขาจนกว่าจะหายดีเขาหลับลึกอยู่หลายวันเพราะใช้เรี่ยวแรงร่ายวิชาอาคมโดยไม่สนขีดจำกัดของตัวเองเพียงเพราะเป็นห่วงเหลียนเฟินและไม่อยากให้สถานการณ์ยืดเยื้อใบหน้าสงบนิ่งยามหลับใหลทำให้เหลียนเฟินโล่งใจได้บ้างว่าเขาคงไม่ได้ฝันร้ายเหมือนที่ผ่านมาจึงปล่อยให้คนตรงหน้าพักผ่อนให้เต็มที่“ท่านเซียน เขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” หลี่จิ้นหลิงแวะมาเยี่ยมเพราะได้ข่าวว่าเสี่ยวหยุนยังไม่ฟื้น“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เขาเพียงแค่ต้องนอนให้เยอะ ๆ ก็เท่านั้น” เหลียนเฟินยิ้มให้อีกฝ่ายนึกขอบคุณที่เขาช่วยหาตำราต้องห้ามจนพบ“หากท่านเซียนต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องใด อย่าได้ลังเลใจที่จะบอกข้านะขอรับ” หลี่จิ้นหลิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องฟื้นฟูพลังชีวิตของท่าน ถ้าตำราต้องห้ามไม่ได้ผล ข้ายินดีหาหนทางอื่น”เหลียนเฟินส่ายหน้าเข้าใจดีว่าทุกคนเป็นห่วงแต่ว่าเขาเตรียมใจเอาไว้แล้ว ไม่ว่าผลที่ได้จะออกมาเป็น

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 8 ปกป้องคนรัก

    “ปล่อยคุณหนูหลี่” เหลียนเฟินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเห็นอีกฝ่ายเคลื่อนไหวรวดเร็ว เขากำกระบี่ในมือไว้แน่นพลันยกขึ้นมากันท่าไม่ให้เสิ่นหยางพุ่งตัวเข้าใกล้ระยะประชิดก่อนจะม้วนตัวแล้วถีบคนตรงหน้ากระเด็นไปอีกทางด้วยแรงที่ออมไว้สามส่วน“ฝีเท้าหนักใช่เล่น” เขาเอ่ยชม รอยยิ้มกวนประสาทราวกับถูกใจอย่างยิ่งยวด “อย่าขัดขืนนักเลย เมื่อครู่ข้าเพียงยั้งมือเอาไว้เท่านั้นเพราะไม่อยากทำให้ร่างกายของท่านเซียนมีบาดแผล”เสิ่นเหยา แฝดผู้พี่ที่จับตัวหลี่ฮวาเอาไว้ลูบปลายจมูกตัวเอง “หากท่านเซียนยินยอมมากับพวกข้า ข้าจะคืนสตรีนางนี้เป็นการแลกเปลี่ยน”“เช่นนั้นปล่อยนางก่อน” เหลียนเฟินไม่ตกลงง่าย ๆ และเป็นห่วงความปลอดภัยหลี่ฮวาที่เวลานี้กำลังกลั้นน้ำตาไม่ร้องไห้เสียงดังด้วยความหวาดกลัว“ท่านเซียนคงไม่รู้ว่าข้าเป็นผู้ใดจึงพยายามเล่นแง่ยืดเวลาออกไปใช่หรือไม่ แต่ข้ายืนยันได้เลยว่าสองชั่วยามต่อจากนี้ไม่มีผู้ใดเข้ามาก้าวก่ายที่แห่งนี้ได้อย่างแน่นอนและหากทุกสิ่งไม่เป็นอย่างที่ข้าต้องการ ข้าจะทำลายหมู่บ้านให้ราบคาบ” เสิ่นหยางประกาศก้อง คำพูดของเขาทำให้ชาวบ้านขวัญ

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 7 พรรคมารก่อความวุ่นวาย

    ครั้นพูดคุยเรื่องตำราต้องห้ามเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็กลับมายังบ้านหลังน้อยจึงได้เห็นว่าหลี่จิ้นหลิงกำลังนั่งเล่นอยู่ตั่งไม้กับเหลียนเฟินแววตาเสี่ยวหยุนเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่”“ข้าเห็นว่าท่านเซียนเมาหลับไป วันนี้จึงอยากมาดูให้แน่ใจว่ามีอาการใดหรือไม่” เขายักไหล่พูดด้วยสีหน้าสบายอารมณ์หากแต่เสี่ยวหยุนอารมณ์ดีจึงไม่ใส่ใจแล้วเดินไปนั่งข้างเหลียนเฟิน เอ่ยกับเขาว่า “ข้าต้องไปหอสมุดวังหลวง คุณชายหวังซีซวนบอกว่าที่นั่นมีตำราเก็บไว้อยู่ อาจช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตของท่านได้”“เขาไม่ได้บอกหรือว่าที่แห่งนั้นห้ามให้คนนอกเข้าไป” เหลียนเฟินหรี่ตามองคนตรงหน้าที่ทำท่าเหมือนรู้ทุกอย่าง “หากคิดไปขโมยตำรามาก็หยุดแต่เพียงเท่านั้นเถิด พลังชีวิตของข้ามีแค่ครึ่งเดียวแล้วอย่างไร ไม่เห็นหรือว่าข้ายังแข็งแรงดี”“ไม่อยากอยู่กับข้านานกว่านี้หรือ” สีหน้าของเขาเศร้าสร้อยหากต้องล้มเลิกความตั้งใจ รู้ว่าบำเพ็ญคู่จะสามารถยืดอายุขัยออกไปได้ แต่หากพลังชีวิตของเขากลับมาเหมือนเดิม ย่อมมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันนานมากขึ้นไปอีกเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status