Share

๒ หวนคืนกลับมา

last update Last Updated: 2025-09-08 01:11:38

อากาศช่วงนี้แปรปรวนเสียจริง กลางวันแดดออกแต่พอตกกลางคืนกลับมืดครึ้ม ฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักจนไม่ทันตั้งตัว

เปรี้ยง!

เสียงฟ้าคำรามดังก้องฟาดลงกลางลานจวนสกุลเซียวราวกับมีว่าผู้ใดกล้าฝ่าฝืนกฎสวรรค์

ไป๋ซูหนิงสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมากลางดึก ลมหายใจหอบถี่จนหน้าอกกระเพื่อมสั่นไหว กรอบใบหน้าคนงามเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ผุดพราย ริมฝีปากแห้งเหือดคล้ายปลาขาดน้ำ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งสั่นระริกเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

นี่คือเรือนของนางมิใช่หรือ…?

แต่เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่เมื่อคืนสมควรต้องตายอย่างอนาถอยู่กลางลานจวนแล้วมิใช่หรือ!

ความหนาวเหน็บเย็นยะเยือกพลันกัดกร่อนลึกถึงกระดูก ความร้อนผ่าวของยาพิษรสเฝื่อนที่ไหลลงคอ ความเจ็บปวดหน่วงในหน้าท้อง…ความรู้สึกเหล่านั้นช่างสมจริงราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่

แต่พอนางลืมตาตื่นขึ้นมากลับพบว่าเป็นเพียงแค่ความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้นหรือ?

ไป๋ซูหนิงหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะผ่อนออกยาวราวกับระบายความคิดและความหวาดกลัวที่เอ่อท่วมอก

เรือนผมงามที่ปรกกรอบใบหน้ายังคงชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ นางลุกขึ้นนั่งบนเตียง ตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ยกมือที่สั่นเครือด้วยความหวาดหวั่นขึ้นลูบหน้าท้องแผ่วเบา

สัมผัสอุ่นราวกับยังมีชีวิตอยู่…ลูกยังอยู่ในท้องของนาง

นัยน์ตาคู่งามพลันร้อนผ่าว หยาดน้ำตาเอ่อคลอราวกับไม่อาจกลั้นไว้ได้อีกต่อไป น้ำเสียงหวานสั่นเครือพร่ำพึมพำออกมา

“เจ้ายังอยู่…ยังอยู่กับแม่”

นางจำได้ชัดเจนว่าได้ดื่มยาพิษจอกนั้นไปแล้ว ความแสบร้อนผ่าวแล่นลามแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างคล้ายเพลิงโหมแผดเผา ความเจ็บปวดแผ่ซ่านราวกับร่างถูกฉีกออกเป็นเสี่ยง ก่อนสติจะดับวูบไปพร้อมเสียงฝีเท้ากึกก้องในความทรงจำ และคราบน้ำตาที่หลั่งรินกลางพายุฝนกระหน่ำไม่หยุดยั้ง

ยามนั้น นางได้แต่คิดว่าทุกสิ้นสุดลงแล้ว….หาได้หลงเหลือความรู้สึกใดติดค้างอีก

สายลมวูบหนึ่งพัดผ่านหน้าต่างกระทบผิวกายจนรู้สึกเย็นยะเยือก ขนลุกซู่ราวกับตอกย้ำความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้

หากนี่มิใช่เพียงฝันตื่นหนึ่ง…หากสวรรค์เมตตา ให้โอกาสนางได้หวนคืนจริงๆ เช่นนั้นแล้ว เหตุการณ์นั้นจึงยังไม่เกิดขึ้นและนางยังมีหลีกหนีใช่หรือไม่!?

ชาติที่แล้ว นางเป็นมารดาที่แย่ยิ่งนัก แม้แต่ลูกในท้องยังไม่อาจปกป้องซ้ำร้ายกลับมอบความตายให้อีกด้วย

พอนึกแล้วนั้น เป็นนางโง่เขลานัก เชื่อใจคนผิดจนถูกตราหน้าว่าเป็นสตรีร่านไร้ยางอายสวมหมวกเขียวให้สามี ถูกใส่ความว่าคบชู้กับเว่ยอ๋องทั้งที่นางบริสุทธิ์และซื่อตรงต่อเขาแต่เพียงผู้เดียวไม่เคยคิดจะชายตามองผู้ใดทั้งสิ้น

ทว่าสิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมานันคือ เขาหลงเชื่อคำพูดจากปากผู้อื่นมากกว่านางผู้เป็นภรรยาเคียงข้างมาหลายปี

เขาไม่แม้แต่จะเอ่ยปากถาม แต่กลับมอบความตายให้แทน

หากเป็นเพียงนาง…ไป๋ซูหนิงคงไม่โกรธแค้นถึงเพียงนี้แต่ในท้องของนางนั้นมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาตั้งครึ่งหนึ่งเช่นกัน

หากมีบิดาที่ชั่วช้า โง่งมถึงเพียงนี้ก็อย่าได้มีเลยจะดีกว่า

นัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่เคยสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวกลับแข็งกร้าวขึ้นมาด้วยความโกรธ มือทั้งสองกำหมัดแน่น ความรักที่ถักทอมานานหลายปีขาดสะบั้นลงตั้งแต่วันที่เขาสาดถ้อยคำด่าทอใส่หน้า

‘หึ! สตรีร่าน! จับนางไปคุกเข่าสำนึกผิดหน้าห้องบรรพชน!’

‘ข้ามอบให้เจ้าทุกอย่าง! ไม่ว่าอยากได้สิ่งใดข้าก็ให้ แต่เจ้ากลับกล้าทรยศหักหลังข้าไป๋ซูหนิง!’

ไม่ว่าจะสายตาที่มองมาหรือถ้อยคำที่เปล่งออก ล้วนเต็มไปด้วยความถากถางแต่เขาไม่ถามนางแม้แต่ครึ่งคำว่า…แท้จริงแล้วเรื่องเป็นมาเช่นไร กลับเชื่อคนอื่นอย่างไร้ข้อแม้

บนใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มจางๆ มุมปากบางคลี่ยกยิ้มเย้ยเย้ยตัวเอง ไป๋ซูหนิงยังจำประโยคสุดท้ายก่อนตายได้ดี ทั้งที่อยากหลีกหนี แต่สวรรค์กลับผูกพันนางกับเขาอีกครั้งงั้นรึ!?

นัยน์ตาเมล็ดซิ่งทอดมองฟ้าที่มืดสนิท หยาดฝนโปรยปรายไม่หยุด ก่อนรุ่งสาง หากไม่อยากมีชะตาเดิม นางต้องหนี…

“หึ! ข้าฉลาดปราดเปรื่องถึงเพียงนี้แต่พอถูกความรักบังตากลับกลายเป็นคนตาบอดโง่งมไม่ต่างจากคนไร้การศึกษา” น้ำเสียงหวานพึมพำแผ่วเบา ก่อนที่นางจะขยับลุกขึ้นจากเตียง ดวงตาคู่งามฉายแววแข็งกร้าวและแน่วแน่

“เซี่ยจวิ้นอี้…จากนี้ไป ทุกภพทุกชาติ ข้าขอไม่รักท่านอีก”

นับจากนี้ นางจะขอเพียงปกป้องชีวิตและลูกน้อยในครรภ์ให้ปลอดภัย เท่านั้นก็นับว่าเกินพอแล้ว

รุ่งสางวันถัดมา

ท้องฟ้ายังมืดมิดสนิท ไม่ทันได้เปลี่ยนสี หมอกหนาทึบจากไอฝนเมื่อคืนแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ หลงเหลือเพียงความเปียกชื้นเกาะเต็มพื้นและหลังคา เดิมทีบรรยากาศยามเช้าในจวนสกุลเซี่ยมักเงียบสงัด ทว่าในวันนี้ยังไม่ถึงปลายยามเฉิน (07.00 – 09.00 น.) ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นทั่วทั้งจวนเสียแล้ว

“ฮูหยินหายไปแล้ว!”

“ฮูหยินหนีออกไปจากจวน!”

เสียงร้องโหวกเหวกดังลั่นจากเรือนหลังหนึ่ง ทำให้บ่าวรับใช้ทั่วจวนแตกตื่นราวรังผึ้งถูกรบกวน บางคนรีบวิ่งไปแจ้งยามประตู บ้างกระจายตัวออกค้นหาในเรือนใกล้เคียงกันอย่างสับสนอลหม่าน

“ปิดทุกประตูจวน! ห้ามผู้ใดออกไปได้แม้แต่คนเดียว! ตามหาฮูหยินให้เจอ ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าอย่าหวังจะได้รอด!” น้ำเสียงของแม่บ้านคำรามลั่น ทำเอาบ่าวรับใช้หน้าถอดสี รีบวิ่งแตกกระเจิงไปตามคำสั่ง

สตรีตัวเล็กเพียงนั้นจะหนีไปได้อย่างไรกัน!

ข่าวลือที่ว่าฮูหยินลอบคบชู้กับเว่ยอ๋อง สวมหมวกเขียวให้นายท่านเซี่ยแพร่กระจายไปทั่วจวน แม้ว่าเจ้าตัวไม่เคยยอมรับหรือเอ่ยคำแก้ต่างสักคำ แต่การหนีหายไปเช่นนี้ยิ่งตอกย้ำว่าคำกล่าวหานั้นเป็นจริง แม้จะไร้หลักฐานก็ตาม

มิหนำซ้ำ วันนี้ผู้เป็นนายยังจะจัดการเรื่องนี้อีก!

“ค้นทั่วทั้งเรือนแล้ว ไม่พบเจ้าค่ะแม่บ้าน!”

สาวใช้ผู้หนึ่งวิ่งออกมารายงาน หอบหายใจถี่

แม่บ้านแค่นเสียงฮึอย่างดูแคลน ก่อนจะปรายตามองไปยังมุมเรือน ส่งสัญญาณพยักหน้าเล็กน้อยให้คนของตน

“อย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องแจ้งแก่นายท่านเซี่ยโดยด่วน!” เดิมทีวันนี้อากาศแจ่มใสเช่นนี้ นางยังไม่ทันได้ลุกจากเตียงด้วยซ้ำ แต่กลับมีสาวใช้จากเรือนหลังวิ่งแจ้นมาบอกว่าผู้เป็นนายหายตัวไปเช่นนี้

ไฉนเลยคนเป็นแม่บ้านของจวนจะนิ่งเฉยได้ ยิ่งเมื่อเป็นคนของฮูหยินรอง เรื่องเช่นนี้ย่อมต้องสอดมือเข้ายุ่งให้ถึงที่สุด

มุมปากหญิงชราลอบยิ้มสะใจ

‘เป็นเช่นนี้ก็ดี…หายไปแล้วก็อย่าได้หวนกลับมาอีก!’

ภายในเรือนหลังใหญ่

บรรยากาศที่เคยปลอดโปร่งชวนผ่อนคลายบัดนี้กลับขุ่นมัว หนักอึ้งคล้ายเมฆฝนถล่มลงมาถึงในเรือน เหล่าสาวใช้ต่างคุกเข่าก้มหน้าติดพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

“ว่าอย่างไร” เซี่ยจวิ้นอี้กดเสียงต่ำ ลมหายใจร้อนผ่าวจากโทสะที่เดือดพล่านแทบปะทุออกมา

ขมับของเขาเต้นตุบๆ ยามนึกถึงถ้อยคำซุบซิบนินทาที่ได้ยินบ่อยครั้งจนแทบจำได้ขึ้นใจ มุมปากหยักกระตุกยกยิ้มเย้ยหยัน แววตาคมกริบแข็งกร้าวชัดเจนว่าโกรธเกรี้ยวเพียงใด หากแต่ยังพยายามข่มอารมณ์เอาไว้

“พี่หญิง…หายไปหรือเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของเหม่ยจินฮวาสั่นเล็กน้อยคล้ายไม่อยากเอ่ยคำนี้ออกมา ริมฝีปากเม้มแน่นแต่ก็แอบช้อนตาขึ้นมองบุรุษตรงหน้าอย่างระวัง

เปรี้ยง!

ฝ่ามือใหญ่ปัดถ้วยชาบนโต๊ะตกกระแทกพื้นแตกเป็นเสี่ยง น้ำชากระเซ็นกระจายทั่ว พาให้บรรยากาศในเรือนเย็นยะเยือกลงทันตา ใบหน้าหล่อเหลาของเซี่ยจวิ้นอี้ยกยิ้มเย้ยหยัน มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโป่ง

น้ำเสียงทุ้มลอดไร้ฟันดังชัดเจนทุกคำ “ไป๋ซูหนิง! ช่างอวดดีนัก! กล้าสวมหมวกเขียวให้ข้าอย่างเปิดเผยไร้ซึ่งความเกรงกลัว มิหนำซ้ำยังกล้าหนีความผิดไปอีกหรือ!”

เหม่ยจินฮวาลอบยิ้มสะใจในใจ แววตาฉายความพึงพอใจ แต่ก็รีบเสแสร้งตีหน้าเศร้าสงสารปั้นคำยุยงเสริม “พี่หญิงช่างใจกล้าสวมหมวกเขียวให้ท่านพี่ มิหนำซ้ำบุรุษผู้นั้นยังไม่ใช่ผู้ใดอื่นแต่เป็นสหายใกล้ชิดอีก…นางซ่อนได้ถึงเพียงนี้ช่างไม่เกรงกลัวหรือระอายใจต่อฟ้าดินเลยจริงๆ”

ฟังแล้วโทสะของเซี่ยจวิ้นอี้ยิ่งพุ่งสูง หากนางยังอยู่ต่อหน้า ไหนเลยเขาจะไม่ถามความจริงให้กระจ่าง แต่เวลานี้สิ่งเดียวที่คิดคือราวกับว่านางยอมรับ เช่นนั้น ก็ต้องลงโทษสั่งสอนใหราบจำเท่านั้น

“ไปตามหาสตรีร่านผู้นั้นให้พบ!” น้ำเสียงทุ้มตวาดลั่นเรือน “และลากนางมาคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าบรรพชลสกุลเซี่ย!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกคราข้าจะพาลูกหนีสามีชั่ว   ๔ ยามที่สิ้นหวัง

    เซี่ยจวิ้นอี้เจอกับไป๋ซูหนิงครั้งแรก เมื่อตอนที่อีกฝ่ายยังอายุเพียงแค่เจ็ดขวบเท่านั้นส่วนเขาเพิ่งมีอายุสิบห้าปีเต็ม ผู้ใดจะคาดคิดว่ามีวาสนาได้พบพานแล้วยังมีวาสนาได้ครองคู่อีก เด็กสาวที่เอ็นดูในวันวานกลับกลายเป็นภรรยาที่ร่วมกราบไหว้ฟ้าดินในวันนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าฐานะพี่ชายหรือสามี…เซี่ยจวิ่นอี้ล้วนถนุถนอมทะนุถนอมไป๋ซูหนิงราวกับไข่ในหิน ไม่เคยทำให้นางต้องเจ็บช้ำน้ำใจ ทว่ายามนี้กลับเป็นเขาที่ถูกหักหลังและทรยศอย่างไม่น่าให้อภัย!ภายในอกของเซี่ยจวิ้นอี้คับแน่นเต็มไปด้วยความโกรธที่พลุ่งพล่านจนคล้ายจะปะทุออกมา มุมปากหนากระตุกยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นยะเยือก เขาแค่นเสียงฮึดฮัดต่ำในลำคอ สายตาคมกริบตวัดจ้องบุรุษตรงหน้าอย่างแข็งกร้าว“หึ! ไม่คาดคิดเลยว่า เว่ยอ๋องจะมีนิสัยชอบแอบลักลอบกินของหลังจวนผู้อื่นเช่นนี้!”คิ้วของเว่ยอ๋องขมวดแน่นเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงงไม่กระจ่างแจ้ง ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างขุ่นเคือง “นายท่านเซี่ย โปรดระวังคำพูดด้วย”เว่ยจิ้นหลานไม่เข้าใจนักว่าบุรุษผู้นี้เกิดคลุ้มคลั่งอะไรขึ้นมา จู่ๆ ถึงได้บุกเข้าจวนเว่ยอ๋องบุ่มบ่ามตามหาภรรยา ทั้งยังมีท่าทีโกรธเกรี้ยวประหนึ่งหากม

  • เกิดใหม่อีกคราข้าจะพาลูกหนีสามีชั่ว   ๓ หลีกหนีจากอดีต

    หลายปีก่อน ตั้งแต่จำความได้ นางก็เอ่ยปากเรียกบุรุษผู้นั้นว่าท่านพี่มาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งก้าวเข้าสู่จวนสกุลเซี่ยในฐานะภรรยาของเซี่ยจวิ้นอี้ ความคุ้นชินนั้นก็ยังไม่เคยเลือนหายไปความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาในฐานะสามีภรรยา ไม่เคยมีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นหรือบางทีอาจเป็นเพียงความเคยชินที่รู้นิสัยใจคอมานานหาได้มีเรื่องอันใดต้องปรับตัวเข้าหากันไป๋ซูหนิงเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของสกุลไป๋ ทว่าไม่ใช่บุตรเพียงคนเดียวของนายท่านไป๋และไป๋ฮูหยินนางยังมีพี่ชายร่วมสายเลือดอีกสามคนในยามนั้นกิจการค้าของสกุลไป๋กำลังเฟื่องฟูยิ่งนัก ทั้งบิดา มารดาและเหล่าพี่ชายต่างเดินทางค้าขายไปต่างแคว้นอยู่บ่อยครั้ง นางจึงถูกส่งเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงกับท่านย่า เพราะฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่านางเป็นสตรีและยังเด็กเกินไปไม่สมควรเดินทางไกลนับตั้งแต่ตอนนั้นนางจึงต้องห่างเหิมกับครอบครัวบางทีเรื่องราวทั้งหมดคงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น…ตั้งแต่วันที่นางย้ายมาอยู่กับท่านย่า และได้ผูกชะตาชีวิตกับบุรุษผู้นี้อย่างแน่นหนาเกินกว่าจะคลายออกได้ท่านย่าของนางเป็นภรรยาของขุนนางผู้เคยทรงอำนาจในวังหลวง มีทายาทเพียงสองคนคือบิดาของนางและท่านลุง แต่

  • เกิดใหม่อีกคราข้าจะพาลูกหนีสามีชั่ว   ๒ หวนคืนกลับมา

    อากาศช่วงนี้แปรปรวนเสียจริง กลางวันแดดออกแต่พอตกกลางคืนกลับมืดครึ้ม ฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักจนไม่ทันตั้งตัวเปรี้ยง!เสียงฟ้าคำรามดังก้องฟาดลงกลางลานจวนสกุลเซียวราวกับมีว่าผู้ใดกล้าฝ่าฝืนกฎสวรรค์ไป๋ซูหนิงสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมากลางดึก ลมหายใจหอบถี่จนหน้าอกกระเพื่อมสั่นไหว กรอบใบหน้าคนงามเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ผุดพราย ริมฝีปากแห้งเหือดคล้ายปลาขาดน้ำ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งสั่นระริกเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกนี่คือเรือนของนางมิใช่หรือ…?แต่เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่เมื่อคืนสมควรต้องตายอย่างอนาถอยู่กลางลานจวนแล้วมิใช่หรือ!ความหนาวเหน็บเย็นยะเยือกพลันกัดกร่อนลึกถึงกระดูก ความร้อนผ่าวของยาพิษรสเฝื่อนที่ไหลลงคอ ความเจ็บปวดหน่วงในหน้าท้อง…ความรู้สึกเหล่านั้นช่างสมจริงราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่แต่พอนางลืมตาตื่นขึ้นมากลับพบว่าเป็นเพียงแค่ความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้นหรือ?ไป๋ซูหนิงหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะผ่อนออกยาวราวกับระบายความคิดและความหวาดกลัวที่เอ่อท่วมอกเรือนผมงามที่ปรกกรอบใบหน้ายังคงชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อ นางลุกขึ้นนั่งบนเตียง ตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ยกมือที่สั่นเครือด้วยความ

  • เกิดใหม่อีกคราข้าจะพาลูกหนีสามีชั่ว   ๑ ชาตินี้...ภพนี้ ขาดสะบั่น

    วันนี้ฝนตกหนักตลอดทั้งวันไร้วี่แววว่าจะหยุดลงราวกับว่าพายุห่าใหญ่พัดผ่านมาไม่สิ้นสุด เสียงท้องฟ้าคำรามดังกึกก้องสั่น สะเทือนสะท้อนไปทั่วราวกับสวรรค์กำลังโกรธเกรี้ยวณ จวนเซี่ย ผู้คนทั้งจวนแทนที่จะยืนหลบฝนแต่กลับกางร่มท่ามกลางสายฝนที่สาดกระหน่ำลงมาไม่หยุด บางคนถึงกับตัวสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บจากละอองฝนแต่ไม่ลดละจากไป สายตาทุกคู่จับจ้องมองไปยังร่างของสตรีชุดขาวผู้หนึ่งที่คุกเข่าอยู่หน้าห้องบรรพชนมานานหลายชั่วยาม ไร้วี่แววจะลุกหรือหาที่หลบฝน“…”อาภรณ์ของนางเปียกชุ่มด้วยน้ำฝน ใบหน้าคนงามซีดเซียว ริมฝีปากบางที่เคยอวบอิ่มกลับซีดสลดจนคล้ำคล้ำจางๆ“พี่หญิงก็ยอมรับมาเถอะเจ้าค่ะ ว่าท่านสวมหมวกเขียวให้ท่านพี่จริงๆ ความสัมพันธ์ของท่านกับเว่ยอ๋องลึกซึ้งเกินกว่าจะเป็นสหายสนิท!” น้ำเสียงหวานตะโกนดังลั่นแข่งกับเสียงฝนสาดกล่าวออกมาอย่างเหน็บแนมไร้ซึ่งความเห็นใจ“ไฉนเลยบุรุษและสตรีจะเป็นเพียงสหายกันได้”เหม่ยจินฮวายืนหลบฝนอยู่ใต้ชายคา เยื้องจากห้องบรรพชนเล็กน้อย สายตาของนางทอดมองสตรีตรงหน้าด้วยความสมเพชฉายออกมาอย่างปิดไม่มิด ขัดกับน้ำเสียงอ่อนหวานราวกับเห็นใตเมื่อครู่…ร่างที่ตากฝนมาหลายชั่วยาม หาก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status