Share

บทที่ 3

Aвтор: ซีไซต์
last update Последнее обновление: 2025-04-15 15:40:32

บทที่ 3 ต้องผ่านไปให้ได้

เมิ่งสืออีหลบอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งครึ่งคืนผ่านพ้น เมิ่งสืออีจึงไม่ได้ยินเสียงดาบและเสียงต่อสู้กันแล้ว นางออกจากที่หลบซ่อนอย่างระมัดระวังจากนั้นจึงเดินตามเส้นทางเล็ก ๆ มาเรื่อย ๆ และในที่สุดนางก็พบกับศพคนกลุ่มหนึ่งที่ล้มตายเป็นจำนวนมาก 

เมิ่งสืออีปิดปากตนเองเมื่อนางหวาดกลัวจนรู้สึกมวนท้องและเกือบจะอาเจียนออกมาเมื่อเห็นสภาพศพที่เต็มไปด้วยเลือดอันน่าสยดสยองนั้นในยามนั้นสายตาของนางก็กวาดมองไปจนพบร่างของสตรีผู้หนึ่งที่สวมอาภรณ์ผ้าไหมงดงาม

นะ...นั่นมิใช่อนุของท่านแม่ทัพหรอกหรือ

ถึงจะหวาดกลัวแต่เมิ่งสืออีก็ยังตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้กระทั่งนางเห็นสตรีนางนั้นชัดเจน ร่างทั้งร่างของสตรีนางนั้นถูกธนูยิงจนพรุนและตายสนิท 

เมิ่งสืออีตัวสั่นขึ้นมาทันใด หากเป็นนางที่มากับหานชางเหยียนก็คงมีสภาพไม่ต่างกันแล้วหานชางเหยียนเล่าอยู่ที่ใด นางย่อมรู้ว่ากำลังคนของหานชางเหยียนมีน้อยยิ่งนัก ถึงเขาจะเก่งกาจเพียงใดแต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เกรงว่าหานชางเหยียนอาจจะไม่รอดแล้ว

 เมิ่งสืออีเห็นคนตายเกลื่อนจึงรู้สึกหวาดผวา หูของนางแว่วเหมือนได้ยินเสียงของบุรุษตะโกนให้ฆ่า นางตกใจกลัวจึงสาวเท้าวิ่งหนีสุดชีวิตต้องรีบออกไปจากสถานที่อันซึ่งเต็มไปด้วยคนตายให้เร็วที่สุด ทว่าเมื่อวิ่งออกมาได้ครู่ใหญ่นางก็เหนื่อยจนต้องหยุดฝีเท้า

เมิ่งสืออีหอบหายใจได้ครู่หนึ่งและแล้วนางก็ได้ยินเสียงคนต่อสู้กันดังขึ้นไม่ไกลจากจุดที่นางยืนอยู่ เมิ่งสืออีหยุดเท้าแต่ไม่ทันแล้วเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งหันมาพบนางเข้าเสียก่อน

เมิ่งสืออีหันหลังคิดวิ่งหนี ผู้ชายคนนั้นก็ตะโกนเสียงดัง

"นั่นนางจับตัวนางเอาไว้"

จากนั้นก็มีคนวิ่งตามนางมา เพราะความมืดเมิ่งสืออีจึงสะดุดศพของคนผู้หนึ่งแล้วล้มกลิ้ง ทว่าก่อนที่นางจะถูกจับตัวก็มีใครคนหนึ่งมาช่วยนางเอาไว้ 

ที่แท้เป็นทหารในกองทัพของหานชางเหยียนที่เอาตัวบังดาบและถูกโจรสังหารแทนนาง โจรร้ายคิดจับตัวเมิ่งสืออีแต่ในยามนั้นก็มีคนหนึ่งมาช่วยนางเอาไว้ได้ทัน เขาจัดการสังหารคนร้ายสี่ห้าคนด้วยดาบเดียว เมิ่งสืออีตื่นตะลึง

"หานชางเหยียน"

เขาเดินมาใกล้นางร่างกายเต็มไปด้วยเลือด นางค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลโดยที่หานชางเหยียนไม่ช่วยนางเช่นเคย

"ท่านกลับมาช่วยข้าหรือ"

หานชางเหยียนมองนางเหยียด ๆ "เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ หากอยากคิดเข้าข้างตัวเองก็เชิญคิดตามสบาย"

น้ำเสียงของเขาอ่อนแรงจนนางจับสังเกตได้ และดูเหมือนว่าร่างสูงใหญ่จะยืนไม่มั่นคง

เมิ่งสืออีถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่นี่ด้วยเหตุใดก็ล้วนเป็นเรื่องดี นางไม่สนใจเรื่องน้อยเนื้อต่ำใจอะไรพวกนั้นแล้วนอกจากเรื่องรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ก่อน แต่ท่าทางของหานชางเหยียนเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส 

"ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"

ใบหน้าขาวหล่อเหลาของเขามีเลือดไหลลงมาเป็นทาง  นางตกใจจนพูดไม่ออกแล้วและในยามนั้นหานชางเหยียนก็เหยียดยิ้มเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

"เก่งนี่ เอาตัวรอดมาได้" และฉับพลันเข่าก็พลันอ่อนแรงร่างสูงทรุดลงทันใด

"ท่านแม่ทัพ!"

เมิ่งสืออีคว้าร่างของเขาเอาไว้ได้ทัน เขาเอ่ยเสียงเบาว่า

"ข้าถูกธนูอาบยาพิษจากคนที่ลอบสังหาร"

เมิ่งสืออีรู้มาเล็กน้อยว่ากำลังทหารของเขาส่วนใหญ่ยังรั้งอยู่ที่เมืองอวี เรื่องนี้คงเข้าถึงหูของศัตรูหรือไม่ก็พวกโจรที่หวังปล้นชิงสิ่งของ เพราะยามนี้รถม้าสินเดิมของนางก็หายไปจนเกลี้ยงแล้ว 

คงเพราะเขาตัวโตจนเกินไปนางจึงรับน้ำหนักประคองเขาไม่ไหว สุดท้ายคนทั้งคู่จึงทรุดลงไปบนพื้น มือของเมิ่งสืออีสั่นระริกในยามที่นางสำรวจลมหายใจของเขาและพบว่ามันรวยรินยิ่งนัก

"ท่านถูกยาพิษหรือ"

หานชางเหยียนพยักหน้า พยายามเปิดดวงตาที่กำลังจะปิดขึ้นแล้วจ้องมองนาง

"เจ้าไปเถิดข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า"

กล่าวคำถากถางระคายหูคนจบเขาก็ทรุดลงไปอีก  หัวใจของนางนั้นปวดจนชาชินแล้ว กระทั่งก่อนตายคนผู้นี้ก็ยังไม่อยากเห็นหน้า นางกลายเป็นตัวอะไรในสายตาของสามีไปแล้วกันนะ

คนใจร้ายคนนี้สมควรตายไปให้พ้น ๆ!

แต่ถึงใจหนึ่งจะคิดเช่นนี้ แต่เขาก็คือคนเดียวที่ยังทำให้ท่านพ่อท่านแม่ของนางรอดชีวิต นางย่อมรู้ว่าหากหานชางเหยียนตายต่อไปฮ่องเต้แคว้นลู่ต้องส่งผู้อื่นมาควบคุมเมืองอวี

 นางเคยได้ยินว่าแม่ทัพผู้อื่นโหดเหี้ยมนัก หากคนพวกนั้นไม่ละเว้นท่านพ่อท่านแม่เหมือนกับหานชางเหยียน พวกเขาอาจจะได้รับความลำบากกระทั่งอาจจะต้องเสี่ยงชีวิต

ดังนั้น หานชางเหยียนจะตายไม่ได้

เมิ่งสืออีปล่อยให้หานชางเหยียนพิงร่างของนางจากนั้นจึงเทของในถุงผ้าออกมาจนกระทั่งพบกล่องไม้ที่ใส่ยาของนาง ในนี้มียาวิเศษอยู่เม็ดหนึ่ง เป็นยาช่วยแก้สารพัดพิษของล้ำค่าที่มารดายกให้นางพกติดตัว

เมิ่งสืออีไม่รอช้ารีบยัดยาลูกกลอนเม็ดนั้นเข้าปากเขาทันใด

"ท่านแม่ทัพ นี่เป็นยาถอนพิษ ท่านกลืนลงไป"

หานชางเหยียนไม่ได้สงสัยอันใดหรือว่าเขาไม่มีใจคิดเรื่องอื่นเพราะกำลังจะตายแล้วก็เป็นได้จึงยอมกลืนยาเม็ดนั้นโดยดี เมิ่งสืออีรอคอยด้วยใจร้อนรน นางไม่กล้าขยับไปที่ใดได้แต่โอบร่างของเขาเอาไว้ท่ามกลางศพที่นอนตายเกลื่อนพื้น

ชีวิตนี้นางไม่เคยต้องหวาดกลัวสิ่งใด ทว่าตั้งแต่ได้พบกับหานชางเหยียนความน่ากลัวและความทรมานในโลกนี้ที่มีนางได้ประสบพบเจอมาทั้งหมดและเกือบจะทำให้นางกลายเป็นหญิงวิปลาศไปแล้ว

เดิมทีเมิ่งสืออีเป็นคนเชื่อในพระพุทธองค์ คิดว่าคนที่ทำดีย่อมได้ดีตามคำกล่าวสั่งสอนแต่ยามนี้นางรู้สึกสงสัยในคำสอนอยู่หลายครั้ง

 นางไม่เคยร้ายกับผู้ใดแต่สิ่งที่ได้รับกลับตรงกันข้าม กระนั้นในเวลานี้นางก็ยังสวดอ้อนวอนขอให้ยานี้ช่วยชีวิตหานชางเหยียนได้ นางยังขอให้เขาปลอดภัย เพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นเกราะคุ้มกันภัยให้ครอบครัวของนางได้

หนึ่งก้านธูปต่อมาหานชางเหยียนจึงได้ลืมตาขึ้น เมิ่งสืออีดีใจจนร้องไห้ออกมา

"หานชางเหยียนท่านฟื้นแล้ว"

เมื่อนางกล่าวจบคำหานชางเหยียนก็ไอรุนแรงแล้วกระอักเลือดสีดำออกมาคำโต ดูเหมือนว่าชีวิตของนางจะยังไม่รันทดเพียงพอเมื่อจู่ ๆ นางก็ได้ยินเสียงของหมาป่าหอนดังสนั่น หานชางเหยียนที่พ่นเลือดออกมาจนหมดคล้ายเขาจะมีแรงขึ้นมาแล้วจึงเอ่ยว่า

"ต้องรีบไปจากที่นี่ ไม่เช่นนั้นสัตว์ป่าจะออกมาแทะศพ และพวกมันจะสนใจสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้มากกว่าศพพวกนั้น"

เมิ่งสืออีกลัวจนร่างเย็นเฉียบ แต่นางก็ยังฝืนพูดออกมา

"ท่านลุกไหวหรือไม่"

หานชางเหยียนพยักหน้าเขารวบรวมกำลังและปล่อยให้นางช่วยประคองลุกขึ้นยืนสำเร็จจากนั้นพวกเขาก็เริ่มเดินช้า ๆ เสียงฟ้าร้องพลันดังขึ้น เมิ่งสืออีตกใจเสียงฟ้าผ่าที่ดังอยู่ใกล้ ๆ จนเผลอหวีดร้องและกอดเขาแน่น เขาไม่ผลักนางออกคงเพราะไม่มีแรง

ฝนตกลงมาอย่างหนักเมิ่งสืออีกลัวว่าหานชางเหยียนจะไม่สบายนางจึงยอมสละเสื้อคลุมกันฝนของตนเองให้เขาสวม ส่วนตัวเองยอมตากฝนหนาวจนฟันกระทบกันดังกึก ๆ  มือและเท้าของนางยังเย็นเยียบยังบังเกิดอาการชาและรู้สึกเหมือนร่างกายจะหลุดออกเป็นชิ้น ๆ

หานชางเหยียนใกล้จะไม่ได้สติแล้ว แม้ตอนนี้พิษจะถูกกำจัดออกไปแล้วแต่ก็ยังเหลือตกค้างหานชางเหยียนยังได้รับบาดเจ็บจากแผลที่ถูกธนูยิงและแผลจากดาบที่ไหล่เป็นทางยาวอีกหนึ่งแผลเขาจึงบังเกิดอาการไข้ขึ้น

ในเวลานั้นนั่นเองที่พวกเขาพบรถม้าคันหนึ่ง เมิ่งสืออีไม่แน่ใจว่าเป็นมิตรหรือศัตรูแต่หานชางเหยียนได้ยินเสียงเห่าของสุนัขดังขึ้นเขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

"พวกเรารอดแล้ว นั่นอาเจาลูกน้องของข้า"

ฉับพลันก็มีสุนัขตัวใหญ่วิ่งเข้ามาหาหานชางเหยียนพร้อมกับเด็กหนุ่มอายุราวสิบสี่สิบห้าผู้หนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดทหารของแคว้นลู่ แต่ว่าเป็นคนที่เมิ่งสืออีไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

"หัวหน้า ข้าพบท่านแล้วข้าพบท่านแล้ว เพราะฝนตกทำให้กลิ่นของท่านหายไปยากแก่การติดตามข้าขอโทษ อ๊ะ หัวหน้าท่านได้รับบาดเจ็บ"

หานชางเหยียนบัดนี้ไม่มีแรงแม้จะตอบคำ และพร้อมที่จะทิ้งร่างลงบนพื้นตลอดเวลา

"หัวหน้า!"

เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจเมิ่งสืออีรีบเข้ามาประคองหัวหน้าของตนเองขึ้นรถม้าเมิ่งสืออีตามขึ้นมาในรถ

เมื่อเห็นเขาชัดเจนจากแสงตะเกียงในรถม้าเช่นนี้ก็ทำให้นางตกใจยิ่งนักเพราะใบหน้าของหานชางเหยียนนั้นขาวเหมือนคนตายและเสื้อผ้าของเขาแม้ไม่ได้เปียกฝนแต่กลับเปียกชุ่มไปด้วยเลือดที่ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของผู้ใดบ้าง

เด็กหนุ่มเองก็ดูตื่นตระหนกไม่ใช่น้อย เมิ่งสืออีจึงเอ่ยว่า

"เขาถูกธนูอาบยาพิษยิงเข้าไปที่ไหล่ แต่ข้าให้ยาถอนพิษแก่เขาแล้ว ยาของข้าเป็นยาวิเศษถอนพิษได้สารพัดเจ้าไม่ต้องห่วง"

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองนาง จากนั้นจึงเผยรอยยิ้มงดงามคงเพราะเขายังโตไม่เต็มที่ใบหน้านี้จึงงดงามมากกว่าหล่อเหลา เขาประสานมือมองนางด้วยสายตาซาบซึ้งใจ

"ขอบคุณพี่สาวที่ช่วยหัวหน้าของข้าเอาไว้ แต่ข้าทำแผลไม่เป็นท่านจะช่วยเขาทำแผลหรือไม่ ข้าจะออกไปขับรถม้าพวกเราต้องรีบไปจากที่นี่ ยาและผ้าพันแผลอยู่ตรงนี้ อ้ะ อยู่ตรงไหนนะ"

เด็กหนุ่มค้นข้าวของในรถม้าครู่หนึ่งก่อนจะส่งให้นาง เมิ่งสืออีรับมามือของนางยังสั่นด้วยความหนาว

"อ้อ พี่สาวคงเป็นฮูหยินของหัวหน้า เช่นนั้นก็ช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยนะขอรับ ส่วนท่านก็ถอดเสื้อผ้าพวกนี้ออกเถิด เปียกหมดแล้วไม่ต้องห่วงข้าเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ ท่านคือฮูหยินของหัวหน้าก็คือหัวหน้าของข้าด้วย ข้าจะปกป้องท่านด้วยชีวิต"

เมิ่งสืออียอมรับว่ารู้สึกซาบซึ้งใจเช่นกัน เด็กหนุ่มคนนี้บอกจะปกป้องนางด้วยชีวิตแต่หัวหน้าของเขากลับพาอนุหนีไปอย่างไร้เยื่อใย และหากนางไม่เดินมาจนถึงที่นี่เขาอาจจะลืมไปแล้วก็เป็นได้ว่าได้ทิ้งสตรีนางหนึ่งเอาไว้ในป่า

ว่าแต่ว่าอนุของเขาหายไปที่ใดกัน

"น้องชาย เดี๋ยวก่อน"

"พี่สาวพวกเราไม่อาจช้าได้ ค่อยคุยกันนะขอรับ"

แม้ว่าเมิ่งสืออียังมีเรื่องอยากถาม แต่เด็กหนุ่มไม่ฟังนางเขารีบออกไปขับรถม้าอย่างรวดเร็ว เมิ่งสืออีจึงได้แต่หันมามองหานชางเหยียนพร้อมกับถอนหายใจยาวออกมา

ฝนยังตกหนักแต่รถม้าก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัว นางมีเรื่องสงสัยมากมายแต่คงต้องรีบช่วยหานชางเหยียนเสียก่อน

เมิ่งสืออีใบหน้าแดงก่ำหลังจากถอดเสื้อผ้าของเขาออกจนเหลือเพียงกางเกงตัวในตัวเดียว ร่างกายของหานชางเหยียนร้อนมากราวกับทะเลเพลิง แต่ร่างของนางกลับเย็นยิ่งกว่าก้อนน้ำแข็ง

ในนี้ไม่ได้มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนแต่มีผ้าห่มอยู่หนึ่งผืนที่พอช่วยคลายหนาวได้

 เมิ่งสืออีไม่มีทางเลือกในที่สุดนางก็จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นของตนเองออกจนหมดก่อนจะหนาวตาย นางห่มผ้าห่มปิดบังเนื้อขาวเนียนของตนเองแต่ความหนาวกลับไม่บรรเทาลงเลยแม้แต่น้อย กระนั้นก็ยังฝืนทนทำแผลให้หานชางเหยียน

เมิ่งสืออีพอมีวิชาแพทย์อยู่บ้างเพราะเคยช่วยท่านแม่ดูแลทหารที่บาดเจ็บจากสงครามอยู่หลายครั้ง แม้ว่าแผลของหานชางเหยียนจะลึกเพราะหานชางเหยียนใช้มีดคว้านลูกดอกธนูออกมาแต่นางก็ยังสามารถเย็บแผลได้อย่างเรียบร้อยราวกับท่านหมอเทวดาผู้หนึ่ง

แน่นอนว่านางมีฝีมือในการปักเย็บไม่ว่าจะแผลแบบใดนางก็ทำให้งดงามได้ทั้งนั้น

ร่างกายของหานชางเหยียนยังร้อนอย่างน่าตกใจ คงเป็นเพราะไอเย็นที่แผ่ออกจากร่างของนาง มือแข็งแรงคู่นั้นจึงรั้งร่างของนางไปกอดเอาไว้แนบแน่น หัวใจของเมิ่งสืออีเต้นระรัวนางขยับตัวหนีแต่เขากลับเอ่ยว่า

"เจ้าเป็นฮูหยินของข้า"

นางอยากจะถามเขานักว่าไม่รังเกียจนางแล้วหรือ แต่ตอนนี้คนป่วยดูเหมือนจะหลับสบายไปแล้วหลังจากได้กอดตระกองร่างอันเย็นชื้นของนาง ส่วนนางเองก็ค่อย ๆ รู้สึกว่าร่างกายอบอุ่นขึ้น แม้ว่าเมิ่งสืออีจะพยายามฝืนตนเองเพียงใดแต่คงเป็นเพราะนางเหนื่อยมากเกินไปในที่สุดนางก็นอนหลับทั้ง ๆ ที่ร่างกายเปล่าเปลือยในอ้อมกอดของเขา

รุ่งเช้าวันต่อมาเมิ่งสืออีตื่นขึ้นและพบว่าตนเองบัดนี้ถูกบุรุษผู้หนึ่งกักเอาไว้ใต้ร่างของเขา นางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเขากล่าวว่า

"ในเมื่อลงทุนถึงเพียงนี้ ข้าจะตอบแทนเจ้าสักหน อย่างไรข้าก็เป็นบุรุษเห็นร่างกายขาว ๆ นุ่มนิ่มของเจ้าข้าก็ย่อมทนไม่ไหว ได้...เช่นนี้พวกเราก็เป็นสามีภรรยากันอย่างที่เจ้าต้องการ ถือว่าข้าตอบแทนเจ้าที่ช่วยชีวิตจากนี้จะได้ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันอีก"

หานชางเหยียนฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและดูแข็งแรงราวกับวัวกับม้า ดวงตาคู่นี้ของเขาเหมือนมีไฟที่พร้อมจะแผดเผาร่างของนางให้มอดไหม้ เมิ่งสืออีส่ายหน้าเมื่อนางเข้าใจโดยพลัน

"ข้าไม่ได้..."

เสียงของนางขาดหายลงไปในลำคอเมื่อถูกเขาช่วงชิงจุมพิตอย่างเร่าร้อน หานชางเหยียนกำลังคิดว่านางยั่วเขา เพราะนางกอดเกยเขาในขณะที่ร่างกายเปล่าเปลือย ถึงอยากจะขัดขืนแต่นางก็ไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย สัมผัสของเขาทำให้นางไร้เรี่ยวแรงวาจาของเขาทำให้นางหมดกำลังจะต่อต้าน

"เจ้าอยากให้ข้าคุ้มครองบิดามารดา เจ้าอยากมีสถานะเป็นฮูหยินแม่ทัพ ข้าทำเพื่อตอบแทนเจ้า แต่แค่ฐานะเท่านั้น มิใช่ความรัก"

ถ้อยคำของเขาทำให้นางเจ็บช้ำ แต่กระนั้นนางก็ยังถูกสัมผัสของเขายั่วเย้า นางเจ็บไม่พอใช่หรือไม่จึงได้เป็นเช่นนี้ เมิ่งสืออีเกลียดตนเองเหลือทนแล้ว และยิ่งเกลียดเมื่อนางได้พบความจริงที่กำลังตบหน้าอย่างร้ายกาจ...

นางยังคงรักเขาอยู่...แม้ว่าบุรุษผู้นี้จะร้ายกาจกับนางเพียงใดก็ตาม

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 55 ตอนพิเศษ 2

    ตอนจบ ตอนพิเศษอ้ายอ้ายมองน้องสี่ที่มีสีหน้าอิ่มเอิบท่าทางครุ่นคิด บัดนี้น้องสี่ของนางกลายมาเป็นผู้ช่วยบิดาในการสอนเขียนอักษรให้กับเด็ก ๆ ที่โรงรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เขากลายเป็นอาจารย์ผู้หนึ่งไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกเขาทุกคนต่างชื่นชมฝีมือการเขียนอักษรอันยากจะหาผู้ใดเปรียบของน้องสี่เขายังได้พบกับคนรักซึ่งเป็นเด็กกำพร้าผู้หนึ่งซึ่งเป็นสาวใช้ของเขาเอง ฮวาซานเหรินเห็นพวกเขารักใคร่จริงใจจึงจัดงานสมรสให้พวกเขาตามประเพณี บัดนี้คนที่มีความสุขที่สุดก็คงจะเป็นน้องสี่แล้วในเมื่อทุกคนให้อ้ายอ้ายเป็นคนตัดสินใจนางจึงเอ่ยว่า“ก็แค่ส่งคนผู้หนึ่งไป ไม่ยากอันใดเขาอยากให้ทำสิ่งใดข้าก็จะทำสิ่งนั้น ในเมื่อเขาอยากเจอพวกเราก็ไปพบเขากันดีหรือไม่”ทุกคนล้วนพยักหน้าส่งเสียงอืมในลำคอในวันต่อมาฮวาซานเหรินพาครอบครัวใหญ่ของเขาขึ้นรถม้าไปพบหานชางเหยียนที่นอนอยู่ที่โรงหมอแห่งหนึ่ง ท่านหมอประสานมือคารวะเขาแล้วเอ่ยว่า“นายท่าน ขอทานคนนี้ไร้ทางรักษาจริง ๆ แล้วขอรับ”ฮวาซานเหรินพยักหน้า“ไม่เป็นไร ท่านทำดีที่สุดแล้ว”จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งลงบนตั่งไม้ข้างเตียงโดยมีบุตรและภรรยาเดินตามทุกคนล้วนจับจ้องที่ใบหน้าของบุรุษชราผู้หน

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 54 ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1ในยามที่อ้ายอ้ายตื่นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาที่แสงอาทิตย์นอกหน้าต่างระยิบระยับดุจทองคำ นางบิดขี้เกียจพร้อมกับลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ หลังจากที่ป่วยอยู่หลายวันตื่นขึ้นมาในวันนี้อ้ายอ้ายรู้สึกสดชื่นเป็นที่สุดแล้ว“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”อ้ายอ้ายพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสว สาวใช้เห็นสีหน้าของนางสดชื่นเช่นนี้จึงเอ่ยว่า“ดูเหมือนว่าคุณหนูจะไข้ทุเลาแล้วนะเจ้าคะ”“สบายดีมากเลยตอนนี้ น่าจะเป็นเช่นนั้น”สาวใช้ยิ้มยินดี“บ่าวให้คนไปเรียนนายท่านกับฮูหยินนะเจ้าคะ เมื่อสักครู่เพิ่งมาดูอาการของท่านพร้อมกับองค์รัชทายาท”อ้ายอ้ายเบิกตากว้างจากนั้นก็ส่งเสียงใสแจ๋วออกมา“องค์รัชทายาทกลับมาแล้วหรือ”“เจ้าค่ะ มาตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ มาเยี่ยมคุณหนูแล้วแต่ว่าคุณหนูยังไม่ตื่นจึงได้ไปสนทนากับนายท่านที่เรือนรับรอง”“ข้าจะไปหาพี่ชายรัชทายาท”อ้ายอ้ายสั่งให้สาวใช้ปรนนิบัตินางล้างหน้าเปลี่ยนอาภรณ์ ทว่าสาวใช้กลับเอ่ยว่า“คุณหนูเพิ่งหายจากไข้ เกรงว่านายท่านจะตำหนิบ่าวเจ้าค่ะ ให้บ่าวไปเรียนนายท่านเถิดนะเจ้าคะ”อ้ายอ้ายส่ายหน้า“ไม่เอาข้าจะไปหาพี่ชายเอง ทำตามที่ข้าบอกเถิด”ผู้ใดก็รู้ว่าคุณหนูรองผู้นี้เป็นที

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 53 ตอนจบ

    บทที่ 53 ตอนจบหานชางเหยียนขอร้องฝ่าบาทให้ส่งฮวาซานเหรินกับองค์รัชทายาทมาเป็นตัวแทนพระองค์ในวันแต่งงานของเขาระหว่างทางกลับหานชางเหยียนที่ส่งผู้อื่นไปเข้าหอแทนตนเองก็วางแผนการสังหารองค์รัชทายาทกับฮวาซานเหรินไปพร้อม ๆ กันคืนนี้ฮวาซานเหรินดื่มสุราเพียงน้อยนิด ส่วนองค์รัชทายาทไม่อาจปฏิเสธผู้อื่นได้อีกทั้งเขาอายุยังน้อยเพิ่งเริ่มหัดดื่มสุราดื่มไปเพียงจองสองจอกก็เมามายไร้สติแล้วแม้ขบวนรถม้าขององค์รัชทายาทจะมีคนคุ้มกันมากเพียงใด แต่ทหารหลวงบัดนี้อยู่ในมือของหานชางเหยียนเขาจึงสับเปลี่ยนคนอ่อนแอมาอารักขาเมื่อรถม้ามาถึงจุดที่วางเอาไว้ ผงยาสลบจำนวนมากก็ถูกโปรยลงจากท้องฟ้าด้วยการยิ่งธนูขึ้นสูงและทำให้ถุงพวกนั้นแตกกระจายเพราะไม่คาดคิดว่าจะเจอแผนการรบเช่นนี้จึงทำให้ทหารคุ้มกันขององค์รัชทายาทสลบไสลไร้สติล้มไปกองลงบนพื้นหานชางเหยียนที่อยู่ในชุดดำบัดนี้จึงปรากฏกาย เขาหัวเราะในลำคอ“การที่ข้าไม่ลงมือมิใช่ว่าข้าหวาดกลัว เพียงแต่ให้โอกาสพวกเจ้าก็เท่านั้น ในเมื่อไม่สำนึกว่าควรเชื่อฟังผู้ใดก็จงตายไปด้วยกันเสีย”เขาสั่งให้คนลากองค์รัชทายาทออกจากรถม้าซึ่งภายในรถม้าคันนั้นแน่นอนว่ามีฮวาซานเหรินอยู่ด้วย

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 52

    บทที่ 52 กฎแห่งกรรมที่แท้การแก้ไขปัญหาม้าที่ต้องส่งไปยังซีชวนก็คือการซื้อม้าจากดินแดนซยงหนู อ้ายอ้ายเพียงแต่จดจำได้ว่าช่วงเวลานี้ดินแดนซยงหนูต้องการพัฒนาการเกษตรเพราะพวกเขาไม่สามารถปลูกผลผลิตได้เพราะขาดคนเชี่ยวชาญในขณะที่แคว้นลู่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ปกติซยงหนูจะทะนงตนไม่ยอมส่งม้าขายให้ผู้อื่น พวกเขายังนับว่าเป็นดินแดนที่เลี้ยงม้ามากที่สุด เมื่อองค์รัชทายาทยื่นข้อเสนอขอซื้อม้าราคาถูกเพื่อแลกกับการช่วยเหลือการเกษตรส่งเสริมเครื่องมือและกำลังคนช่วยซยงหนูในการปลูกพืชเพื่อเลี้ยงตนเองอย่างแต่งที่ อีกทั้งยังมอบสัญญาแต่งงานตอบแทนเพื่อเป็นการยืนยันว่าแคว้นลู่จะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทั้งยังได้ฮองเฮาช่วยเจรจาอีกแรงเรื่องนี้จึงสัมฤทธิผลการจัดหาม้าส่งไปยังซีชวนทำได้ทันเวลา องค์รัชทายาทได้รับการกล่าวขานว่าเก่งกาจที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ทำให้ขุนนางยกย่องยิ่งนักองค์หญิงที่มาแต่งงานเป็นองค์หญิงสายรองซึ่งหากนับญาติก็เป็นหลานสาวของฮองเฮา นางเดินทางมาถึงเมืองหลวงแคว้นลู่อย่างเร่งด่วนเพราะฮองเฮาขอร้องเพื่อให้มาร่วมงานเลี้ยง และพวกนางได้วางแผนการเอาไว้แล้ว องค์หญิงผู้นี้รักอ

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 51

    บทที่ 51 ถึงเวลาเอาคืนร่างกายของสตรีทั้งสองเย็นเยียบ รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งร่างราวกับว่าบัดนี้ตนเองกำลังถูกคลื่นยักษ์สาดซัดอย่างรุนแรงกระแทกฝั่งเป็นธรรมเนียมที่ทุกคนต้องเข้าแถวยกจอกสุราถวายพระพร ทว่าบัดนี้ฮองเฮากลับตรัสว่า“ไท่ผินชรามากแล้ว ไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นข้าเองไม่ถือสาเรื่องตำแหน่ง ผู้ชราก็ควรได้รับการดูแล”จากนั้นฮองเฮาพลันลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ฮูหยินชราโดยที่เด็กน้อยผู้นั้นเดินประกบข้างซ้ายและเมิ่งสืออีประกบข้างขวาภาพที่ฮูหยินชราเห็นอยู่ตามนี้ทำให้จิ้งจอกเฒ่าแทบลมจับ“ไท่ผินข้าเป็นผู้น้อยอย่างไรก็ต้องขอคารวะท่าน”มือของฮูหยินชราสั่นจนแทบจะยกจอกสุราไม่ไหวแล้ว พริบตานั้นจอกสุราก็พลันร่วงหล่นลงมาฮองเฮาเลิกคิ้ว“ดูสีหน้าซีดเซียวแล้วไท่ผินคงไม่สบายกระทั่งจอกสุรายังยกไม่ไหว”เมิ่งสืออีเอ่ยว่า“ฮองเฮาเพคะ ให้ท่านย่าผู้นี้ไปพักที่ห้องข้างดีหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะพาไปเอง”ฮองเฮาแย้มยิ้ม“เช่นนั้นก็ลำบากเสี่ยวสือแล้ว”เมิ่งสืออียอบกายก่อนจะขยิบตาให้อ้ายอ้ายเดินตามมา เด็กน้อยเอ่ยว่า“ฮองเฮาอ้ายอ้ายไปกับท่านแม่นะเจ้าคะ”ฮองเฮาพยักหน้า “ไปเถิด”จิ้งจอกเฒ่าสั่นไปทั้งร่างนางหวาดกลัวจนพิษในกาย

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 50

    บทที่ 50 ตื่นตะลึงหลังเมิ่งสืออีและอ้ายอ้ายดื่มยาคลายกังวลพวกนางก็นอนหลับไปพร้อม ๆ กัน ฮวาซานเหรินดูแลนางจนวางใจจึงกลับมาหารือกับรัชทายาทที่ตำหนักบูรพารัชทายาทกลับมาที่ตำหนักบูรพาพร้อมกับฮวาซานเหรินเพื่อหารือ จากนั้นก็สั่งให้เสิ่นกงกงรีบตามหมอหลวงอีกคนมาดูอาการของเขา“อาจารย์ท่านได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่ขอรับ”ฮวาซานเหรินนั่งลงบนเตียงเขาขัดสมาธิเดินพลังครู่หนึ่งจึงกระอักเลือดคั่งออกมาคำโตก็พลันรู้สึกดีขึ้น เขารับผ้าซับเลือดมาจากเสิ่นกงกงพร้อมกับเอ่ยว่า“ข้าไม่เป็นอันใดไม่จำเป็นต้องเรียกหมอหลวง”ทว่ารัชทายาทไม่ยินยอมฮวาซานเหรินจึงคิดว่า“ข้าจะต้องเอาผิดเขาให้ได้ ข้าจะกราบทูลเสด็จพ่อ”ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า“ข้าคิดว่าฝ่าบาทจะเข้าข้างเขา นอกจากคนของเราแล้วก็ไร้หลักฐาน คนของหานชางเหยียนที่จับได้ล้วนเป็นนักรบเดนตายพวกเขาฆ่าตัวตายไปหมดแล้ว”“แต่หานชางเหยียนผู้นี้เหิมเกริมนัก หากเขาลงมืออีกเล่า”ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า“เขาบาดเจ็บหนักไม่น้อยคงต้องรักษาตัวพักใหญ่ อีกอย่างด้วยนิสัยระแวงระวังของเขาในเวลานี้คงยังไม่ลงมือ เกรงว่าจะถูกพวกเราวางแผนโต้กลับ”รัชทายาทเอ่ยว่า“ที่ท่านไม่ให้ข้าทูลเรื่องนี้เพราะ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status