แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: ซีไซต์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-15 15:40:10

บทที่ 2 ถูกทอดทิ้ง

 หลังจากแต่งงานแล้วเมิ่งสืออีก็ไม่ได้พบหน้าสามีของนางอีกเลย และนางก็ไม่ได้รับอนุญาตให้พบกับบิดาและมารดาของตนเองเช่นกัน กระทั่งสิบวันผ่านมามารดาของนางจึงได้รับอนุญาตจากหานชางเหยียนให้มาพบกับบุตรสาวได้

ชีวิตของเมิ่งสืออีที่เคยวาดฝันอย่างงดงามเอาไว้บัดนี้พังทลายลงไปหลังจากแต่งงานกับเขา แต่เมื่อเห็นใบหน้าของมารดาเมิ่งสืออีกลับไม่อาจร้องไห้ออกมาได้ 

"แม่ขอโทษที่ปกป้องลูกไม่ได้ ทำให้ลูกต้องมากลายเป็นตัวประกันเพื่อพวกเราเช่นนี้ สืออีแม่ทำให้ลูกลำบากแล้ว ในคืนแต่งงานแม่ทัพหานเขาพาสตรีอื่นเข้าหอใช่หรือไม่" 

เมิ่งสืออีฝืนยิ้มแม้ว่าภายในใจระทมทุกข์เพียงใดนางก็ไม่อยากให้มารดารู้

"การแต่งงานเป็นลูกที่ตัดสินใจเองเจ้าค่ะ ลูกได้แต่งกับบุรุษในดวงใจลูกมีความสุขมาก ท่านแม่อย่าฟังความคนอื่นให้มากเลยเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพอาจจะละเลยไปบ้างแต่เพราะมีงานราชการต้องทำมากมาย ท่านแม่ก็รู้ว่าการแต่งงานที่เร่งด่วนของพวกเราเช่นนี้ ไม่อาจจะทำตามประเพณีได้ทุกอย่าง"

ถึงแม้ว่าบุตรสาวจะยิ้มแต่ดวงตากลับเศร้าหมอง ที่ระหว่างคิ้วยังเกิดร่องรอยเล็ก ๆ ทั้งใบหน้ายังอิดโรยยิ่งนัก มารดาจึงอดเอื้อมมือออกไปสัมผัสระหว่างคิ้วแล้วคลึงเบา ๆ เพื่อผ่อนคลายให้บุตรสาว

 สองแม่ลูกนิ่งเงียบไปชั่วขณะ แม้จะไม่เอ่ยออกมาแต่มารดาย่อมรู้ว่าบัดนี้ในใจของบุตรสาวเป็นเช่นใด

ในที่สุดมารดาก็พูดขึ้น

"แม่ทัพหานจะต้องกลับเมืองหลวงพรุ่งนี้ วันนี้จึงได้ให้แม่มาพบกับเจ้าได้"

เมิ่งสืออีตกตะลึง

"เร็วเพียงนี้หรือเจ้าคะ"

มารดาพยักหน้า  สองมือเหี่ยวย่นค่อย ๆ ดึงร่างบอบบางของบุตรสาวเข้าไปกอด

"แม่เฝ้าฟูมฟักเจ้ามาอย่างทะนุถนอม หลายคราที่ทะเลาะกับท่านพ่อของเจ้าด้วยเขาต้องการให้เจ้าร่ำเรียนเพลงยุทธ์และแม่ไม่ยินยอม ในยามนี้แม่กลับคิดว่าเป็นแม่ที่ทำพลาดไป หากเจ้ามีวรยุทธ์ยามจากไปไกลแม่คงไม่ห่วงเจ้าเช่นนี้"

ก่อนหน้านี้เมิ่งสืออีทำใจล่วงหน้าเรื่องลาจากเอาไว้แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาจริง ๆ นางกลับรู้สึกใจหายและหวาดกลัวเหลือเกิน เพราะนางรู้อยู่เต็มอกว่าสามีผู้นี้มิได้รักนางมิหนำซ้ำยังรังเกียจ แต่นางก็ยังฝืนเอาไว้ไม่อาจทำให้ท่านแม่ไม่สบายใจ

นางลูบหลังปลอบประโลมท่านแม่อย่างเงียบเชียบ กลืนก้อนน้ำตาลงไปในอก ตั้งแต่วันนี้นางมิใช่คุณหนูใหญ่ของจวนท่านเจ้าเมืองที่บอบบางและอ่อนแอคนเดิม แต่นางกลายเป็นภรรยาผู้อื่นที่สามีไม่รัก

 มีเพียงความเข้มแข็งเท่านั้นที่จะเป็นเกราะกำบังและหลักยึดของนางเอาไว้ได้ในยามที่อยู่ห่างไกลบิดามารดา

"บุตรสาวที่แต่งงานแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออก ลูกจะอยู่กับท่านแม่ตลอดไปได้อย่างไรเจ้าคะ"

มารดาปาดน้ำตาของตนเองช้า ๆ ขยับกายออกจากอ้อมอกบอบบางของบุตรสาว

"สืออีของแม่โตแล้วสินะ เป็นเช่นนี้จริง ๆ"

"เจ้าค่ะ สืออีโตแล้วท่านแม่อย่าเศร้าโศกไปเลย ท่านยังจำได้หรือไม่ไยจึงตั้งชื่อของข้าว่าสืออี"

มารดาพยักหน้าพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ทั้งน้ำตา

"ไยจะลืมได้เล่า ในวันที่แม่เพิ่งรู้ว่าตั้งครรภ์เด็กในท้อง แม่ไปขอพรที่วัดเพื่อเสี่ยงเซียมซี ยังได้หมายเลขสิบเอ็ด คำทำนายที่ได้เป็นมงคลยิ่งนัก ในครรภ์ของแม่คือบุตรสาว และบุตรสาวของแม่มีวาสนาได้เป็นใหญ่ อนาคตจะมีผู้มีบุญคอยช่วยเหลือหนุนนำ ผู้ใดจะคาดคิดว่าแม่จะคลอดเจ้าออกมาเป็นหญิงจริง ๆ เพราะเหตุนี้เจ้าจึงได้มีนามว่าสืออี[1]"

"ท่านแม่ลูกรู้สึกว่าคำทำนายนั่นย่อมเป็นจริง ท่านแม่อย่าห่วงลูกเลยนะเจ้าคะ ลูกเพียงหวังอยากให้ท่านแม่อยู่ดีมีสุข ไม่ต้องกังวลกับลูกจนเกินไป อาจมีคนพูดให้ท่านแม่ไม่สบายใจเกี่ยวกับท่านแม่ทัพว่าห่างเหินลูก แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น ท่านแม่ทัพใส่ใจลูกมิใช่น้อยเจ้าค่ะ"

มารดาพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน

"แม่เชื่อเจ้า ลูกแม่เจ้าจากไปไกลแต่ไม่ต้องห่วงนะ สินเดิมของเจ้าแม่มีให้เป็นจำนวนมาก ถึงเวลานี้พวกเราจะแร้นแค้นแต่แม่ไม่ยินยอมให้ลูกลำบากเป็นอันขาด"

วันรุ่งขึ้นก่อนออกเดินทางเมิ่งสืออีทำพิธีกราบลาบิดามารดาด้วยความเศร้าโศก การกราบลาครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของนางก็เป็นได้

นางถูกสาวใช้ประคองขึ้นรถม้าโดยที่หานชางเหยียนตามนางเข้ามาด้วยสีหน้าราบเรียบท่าทางของเขามิได้เหมือนสามีที่เพิ่งแต่งภรรยา แต่เหมือนโจรป่าที่ฉุดคร่าหญิงงามมาเป็นตัวประกันเสียมากกว่า

 เมิ่งสืออีทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่กับเขาเพียงลำพัง นางจึงรินชาปรนนิบัติแต่เขากลับปัดจอกชาของนางทิ้ง

เมิ่งสืออีเจ็บแต่ไม่ร้องออกมา นางกัดฟันเพราะถูกน้ำชาร้อนหกลวกมือ เขาเพียงปลายสายตามองเล็กน้อยและไม่เอ่ยคำใดและไม่ใส่ใจว่านางจะได้รับแผลน้ำร้อนลวกเพราะฝีมือของตนเอง 

ถึงนางจะเจ็บแต่นางกลับไม่ลนลานและไม่กรีดร้อง สตรีนางนั้นยังนั่งตัวตรงสง่า ใบหน้าสะคราญนิ่วลงเล็กน้อยนางเก็บถ้วยน้ำชาที่หล่นลงพื้นขึ้นมาแล้วเปลี่ยนถ้วยน้ำชาใบใหม่

นางรินน้ำชาให้เขาใหม่แต่ไม่ยกให้แล้วเพียงแต่เลื่อนมาวางตรงหน้าโดยไม่เอ่ยคำใด จากนั้นก็คว้ากล่องไม้เล็กออกมาจากถุงผ้าที่ปักลวดลายดอกไม้แดงสลับชมพู ในนั้นคงเป็นกล่องยาของนาง เขาสังเกตได้ว่ามีขวดยาเล็ก ๆ หลายขวดวางเรียงอยู่ในนั้น

เมิ่งสืออีหยิบขวดยาที่เขียนว่ายาทาแผลน้ำร้อนไฟไหม้ออกมาขวดหนึ่ง

 เขามองนิ้วเรียวของนางในยามที่สัมผัสเนื้อยาสมุนไพรสีเหลืองอ่อนแล้วทาลงบนหลังมืออย่างเพลิดเพลิน ท่วงท่าของนางช่างอ่อนช้อยนุ่มละไมดุจกิ่งหลิวต้องลม 

 ทหารที่วัน ๆ เอาแต่ขลุกอยู่กับชายหนุ่มในสนามรบเห็นแล้วก็พลันรู้สึกว่าช่างแปลกตาและดึงดูดใจยิ่งนัก

นางตั้งหน้าตั้งตาทายาให้ตนเองอย่างเบามือจนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยจึงรู้สึกเหมือนว่าตนเองถูกจ้องมองอยู่ นางจึงเหลือบเนตรงามขึ้นมองเล็กน้อยพลันสบกับดวงตาคมของเขาโดยไม่ตั้งใจ

หานชางเหยียนถูกจับได้ว่าแอบมองคนจึงตัวแข็งทื่อจากนั้นจึงส่งเสียง "หึ" แก้เก้อออกไปคำหนึ่ง ท่าทางปั้นปึ่งเย็นชาเช่นเคย

เมิ่งสืออีก้มหน้าลง หัวใจของนางปวดร้าวยิ่งนักกับท่าทางเย็นชาของเขา นางเพิ่งเคยรักผู้ชายเป็นครั้งแรกในชีวิต และผู้ชายที่นางรักก็ยังเป็นสามีของนาง นางทำผิดอันใดไยสวรรค์จึงได้ลงโทษให้หัวใจของนางเจ็บปวดเช่นนี้

ดูท่าแล้วคำทำนายในเซียมซีของท่านแม่นั้นจะไม่แม่นเสียแล้ว!

หลังจากออกเดินทางได้หลายวัน เมิ่งสืออีก็เริ่มชินกับความเย็นชาของสามี จู่ ๆ หานชางเหยียนก็สร้างเรื่องที่ทำให้นางรู้สึกปวดใจร่างกายแข็งชาจนน้ำตาเล็ด เมื่อเขาพาสตรีนางหนึ่งขึ้นรถม้ามาด้วย

เขาบอกกับนางว่าสตรีนางนี้คืออนุของเขาที่จะพากลับเมืองหลวงไปพร้อมกัน

ชายหนุ่มหญิงสาวเอียงคอออเซาะ หานชางเหยียนก็ไม่เกรงใจนางแม้แต่น้อยเขาทำกับว่านางเป็นท่อนไม้ท่อนหนึ่งในยามที่เคลียคลอกอดประคองหญิงสาวนางนั้น

"อาหลันป้อนข้าสิ"

สตรีนางนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงถ่อมตน

"ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยเกรงใจฮูหยินเจ้าค่ะ"

หานชางเหยียนเอ่ย

"ไม่มีสิ่งใดให้เจ้าต้องเกรงใจทั้งนั้น อีกอย่างข้าคือสามีของเจ้า ไยต้องใช้คำห่างเหินเช่นนั้น เรียกข้าว่าท่านพี่สิ"

เมิ่งสืออีสะอึก นางเคยเรียกเขาว่าท่านพี่ แต่เขากลับตำหนินาง ทว่ากลับสตรีอื่นเขากลับร้องขอให้นางเรียกเขาว่าท่านพี่

เมิ่งสืออีกำมือแน่น หากว่าการแต่งงานครานี้ไม่ใช่เพราะว่านางต้องเป็นตัวประกันให้กับท่านพ่อท่านแม่ นางคงร้องขอหนังสือหย่าจากเขาไปแล้ว

เมื่อเห็นพวกเขาพลอดรักกันคาตา นางเจ็บปวดจนไม่อาจมองได้ จึงทำได้เพียงหลับตานั่งหันหลังให้คนทั้งคู่

 ก่อนหน้านี้นางตระหนักได้แล้วว่าเขาไม่รักนาง แต่นางก็ทำใจได้แล้วและตั้งใจจะไม่ยุ่งกับเขาและจะอยู่เพียงเงียบ ๆ ลำพังแต่เขาก็ยังทำให้นางลำบากใจและเจ็บปวดไม่หยุดหย่อน เขาให้สตรีนางนั้นแต่งกายงดงามด้วยเสื้อผ้าไหมหนานุ่มราคาแพง ในขณะที่เมิ่งสืออีกลับถูกเขาสั่งให้สวมเพียงชุดธรรมดาและเสื้อกันลมแบบมีหมวกที่เนื้อหยาบกร้านด้วยเหตุผลที่ว่า

"ข้าไม่ชอบสตรีอวดตน ยิ่งสตรีที่มาจากสกุลเมิ่งเช่นเจ้าก็ยิ่งต้องเจียมตัว"

ที่แท้อาภรณ์งดงามเหล่านั้นเขาก็ตั้งใจมอบให้อนุของเขา ในที่สุดเมิ่งสืออีก็ทนไม่ไหว

"ท่านแม่ทัพ ให้ข้าลงไปเถิดเจ้าค่ะ พวกท่านทำสิ่งใดจะได้สะดวก หรือไม่ให้ข้าไปอยู่ด้านนอกก็ได้"

หานชางเหยียนหัวเราะหยัน ก้มลงจูบแก้มอนุฟอดใหญ่แต่น้ำเสียงที่เอ่ยกับนางช่างเย็นชายิ่งนัก

"ทำไมหรือ ทนดูไม่ได้หรือ หึ ถึงจะทนดูไม่ได้ก็ต้องทนดู เจ้าจะได้เห็นว่าการที่แต่งกับคนเช่นข้าโดยที่ข้าไม่เต็มใจแล้วรังเกียจเจ้าเช่นนี้ทำให้เจ้าทรมานเพียงใด ไม่ต้องไปที่ใดทั้งนั้นแม้จะขัดหูขัดตาข้าแต่การมีเจ้าอยู่ที่นี่ก็สนุกดีเหมือนกัน"

คนทั้งคู่คลอเคลียกันอยู่ทั้งวันกระทั่งเวลาล่วงเข้ายามเย็นก่อนที่จะถึงจุดพักรถม้า จู่ ๆ เมิ่งสืออีก็ได้ยินเสียงครึกโครมที่ด้านนอกพร้อมกับเสียงของทหารที่ตะโกนขึ้นมาว่า

"ท่านแม่ทัพ มีคนร้ายดักซุ่มโจมตีขอรับ"

อนุของหานชางเหยียนหวีดร้องขึ้นมาทันใด

"ว๊าย ท่านพี่ข้ากลัวเจ้าค่ะ"

เมิ่งสืออีเองก็หวาดวิตก นางไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ธนูหลายดอกพุ่งทะลุเข้ามาในรถม้า  เมิ่งสืออีถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งกดใบหน้านางลงไปบนโต๊ะเพื่อหลบลูกดอก จากนั้นเขาก็ตะโกนเสียงดัง

"จอดรถม้าข้างทางตรงที่สามารถหลบได้"

เพราะเขากดศีรษะของนางเร็วไปจนซีกแก้มข้างหนึ่งกระแทกกับโต๊ะตัวเล็กในรถม้าทำให้แก้มของนางแดงช้ำเมิ่งสืออีเจ็บจนพูดไม่ออกแล้ว

"หมอบลงกับพื้นหากไม่อยากถูกลูกธนู"

นางคิดว่าเขาบอกนาง แต่น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นย่อมมิใช่ ที่แท้เขากำลังบอกอนุของเขานางนั้น แต่ในเมื่อได้ยินแล้วเมิ่งสืออีก็ไม่รอช้า นางหมอบลงไปบนพื้นมือคว้าถุงผ้าที่มีของสำคัญในนั้นมาได้

ในยามนั้นรถม้าก็จอดสนิท

"รีบลงมาเร็วเข้า"

เมิ่งสืออีรีบลงจากรถม้า จากนั้นก็ถูกสั่งให้วิ่งเข้าไปในป่ายังได้ยินเสียงของเขาตะโกนดังก้อง 

"เมิ่งสืออีหากไม่อยากตายก็หลบให้ดี"

เขามิได้อยู่คอยปกป้องนางแต่รีบคว้าข้อมือของอนุอันเป็นที่รักและพาขึ้นม้าตัวหนึ่งควบจากไปอย่างไร้เยื่อใย เมิ่งสืออีไม่มีเวลาให้เสียใจแล้ว เมื่อทหารสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันเอาเป็นเอาตายและรถม้าคันนั้นก็ถูกธนูไฟยิงกระหน่ำจนไฟลุกพรึ่บขึ้นมา

เมิ่งสืออีกอดถุงผ้าของตนเองแน่นจากนั้นก็ดึงหมวกขึ้นมาคลุมศีรษะโชคดีที่นางสวมชุดคลุมสีดำจึงกลืนไปกับความมืด เมิ่งสืออีทำตามที่หานชางเหยียนสั่ง

นางวิ่งไปหาที่หลบซ่อนอย่างรวดเร็ว เบื้องหลังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งบัดนี้จึงมีสตรีที่น่าสงสารนางหนึ่งซ่อนกายอย่างเงียบเชียบ และใบหน้าของนางนั้นนองไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสายด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจปนหวาดกลัว

หัวใจของนางแหลกสลายกลายเป็นผุยผงไปแล้วเมื่อเห็นคาตาว่าสามีของตนเองคว้ามืออนุแล้วพาขึ้นม้าหนีไปด้วยกัน ทิ้งนางซึ่งเป็นภรรยาแต่งเอาไว้เบื้องหลังโดยไม่แยแสว่านางจะเป็นจะตายเลยแม้แต่น้อย

เชิงอรรถ

^ สืออี คือ เลข 11 ในภาษาจีน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 55 ตอนพิเศษ 2

    ตอนจบ ตอนพิเศษอ้ายอ้ายมองน้องสี่ที่มีสีหน้าอิ่มเอิบท่าทางครุ่นคิด บัดนี้น้องสี่ของนางกลายมาเป็นผู้ช่วยบิดาในการสอนเขียนอักษรให้กับเด็ก ๆ ที่โรงรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เขากลายเป็นอาจารย์ผู้หนึ่งไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกเขาทุกคนต่างชื่นชมฝีมือการเขียนอักษรอันยากจะหาผู้ใดเปรียบของน้องสี่เขายังได้พบกับคนรักซึ่งเป็นเด็กกำพร้าผู้หนึ่งซึ่งเป็นสาวใช้ของเขาเอง ฮวาซานเหรินเห็นพวกเขารักใคร่จริงใจจึงจัดงานสมรสให้พวกเขาตามประเพณี บัดนี้คนที่มีความสุขที่สุดก็คงจะเป็นน้องสี่แล้วในเมื่อทุกคนให้อ้ายอ้ายเป็นคนตัดสินใจนางจึงเอ่ยว่า“ก็แค่ส่งคนผู้หนึ่งไป ไม่ยากอันใดเขาอยากให้ทำสิ่งใดข้าก็จะทำสิ่งนั้น ในเมื่อเขาอยากเจอพวกเราก็ไปพบเขากันดีหรือไม่”ทุกคนล้วนพยักหน้าส่งเสียงอืมในลำคอในวันต่อมาฮวาซานเหรินพาครอบครัวใหญ่ของเขาขึ้นรถม้าไปพบหานชางเหยียนที่นอนอยู่ที่โรงหมอแห่งหนึ่ง ท่านหมอประสานมือคารวะเขาแล้วเอ่ยว่า“นายท่าน ขอทานคนนี้ไร้ทางรักษาจริง ๆ แล้วขอรับ”ฮวาซานเหรินพยักหน้า“ไม่เป็นไร ท่านทำดีที่สุดแล้ว”จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งลงบนตั่งไม้ข้างเตียงโดยมีบุตรและภรรยาเดินตามทุกคนล้วนจับจ้องที่ใบหน้าของบุรุษชราผู้หน

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 54 ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1ในยามที่อ้ายอ้ายตื่นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาที่แสงอาทิตย์นอกหน้าต่างระยิบระยับดุจทองคำ นางบิดขี้เกียจพร้อมกับลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ หลังจากที่ป่วยอยู่หลายวันตื่นขึ้นมาในวันนี้อ้ายอ้ายรู้สึกสดชื่นเป็นที่สุดแล้ว“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”อ้ายอ้ายพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสว สาวใช้เห็นสีหน้าของนางสดชื่นเช่นนี้จึงเอ่ยว่า“ดูเหมือนว่าคุณหนูจะไข้ทุเลาแล้วนะเจ้าคะ”“สบายดีมากเลยตอนนี้ น่าจะเป็นเช่นนั้น”สาวใช้ยิ้มยินดี“บ่าวให้คนไปเรียนนายท่านกับฮูหยินนะเจ้าคะ เมื่อสักครู่เพิ่งมาดูอาการของท่านพร้อมกับองค์รัชทายาท”อ้ายอ้ายเบิกตากว้างจากนั้นก็ส่งเสียงใสแจ๋วออกมา“องค์รัชทายาทกลับมาแล้วหรือ”“เจ้าค่ะ มาตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ มาเยี่ยมคุณหนูแล้วแต่ว่าคุณหนูยังไม่ตื่นจึงได้ไปสนทนากับนายท่านที่เรือนรับรอง”“ข้าจะไปหาพี่ชายรัชทายาท”อ้ายอ้ายสั่งให้สาวใช้ปรนนิบัตินางล้างหน้าเปลี่ยนอาภรณ์ ทว่าสาวใช้กลับเอ่ยว่า“คุณหนูเพิ่งหายจากไข้ เกรงว่านายท่านจะตำหนิบ่าวเจ้าค่ะ ให้บ่าวไปเรียนนายท่านเถิดนะเจ้าคะ”อ้ายอ้ายส่ายหน้า“ไม่เอาข้าจะไปหาพี่ชายเอง ทำตามที่ข้าบอกเถิด”ผู้ใดก็รู้ว่าคุณหนูรองผู้นี้เป็นที

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 53 ตอนจบ

    บทที่ 53 ตอนจบหานชางเหยียนขอร้องฝ่าบาทให้ส่งฮวาซานเหรินกับองค์รัชทายาทมาเป็นตัวแทนพระองค์ในวันแต่งงานของเขาระหว่างทางกลับหานชางเหยียนที่ส่งผู้อื่นไปเข้าหอแทนตนเองก็วางแผนการสังหารองค์รัชทายาทกับฮวาซานเหรินไปพร้อม ๆ กันคืนนี้ฮวาซานเหรินดื่มสุราเพียงน้อยนิด ส่วนองค์รัชทายาทไม่อาจปฏิเสธผู้อื่นได้อีกทั้งเขาอายุยังน้อยเพิ่งเริ่มหัดดื่มสุราดื่มไปเพียงจองสองจอกก็เมามายไร้สติแล้วแม้ขบวนรถม้าขององค์รัชทายาทจะมีคนคุ้มกันมากเพียงใด แต่ทหารหลวงบัดนี้อยู่ในมือของหานชางเหยียนเขาจึงสับเปลี่ยนคนอ่อนแอมาอารักขาเมื่อรถม้ามาถึงจุดที่วางเอาไว้ ผงยาสลบจำนวนมากก็ถูกโปรยลงจากท้องฟ้าด้วยการยิ่งธนูขึ้นสูงและทำให้ถุงพวกนั้นแตกกระจายเพราะไม่คาดคิดว่าจะเจอแผนการรบเช่นนี้จึงทำให้ทหารคุ้มกันขององค์รัชทายาทสลบไสลไร้สติล้มไปกองลงบนพื้นหานชางเหยียนที่อยู่ในชุดดำบัดนี้จึงปรากฏกาย เขาหัวเราะในลำคอ“การที่ข้าไม่ลงมือมิใช่ว่าข้าหวาดกลัว เพียงแต่ให้โอกาสพวกเจ้าก็เท่านั้น ในเมื่อไม่สำนึกว่าควรเชื่อฟังผู้ใดก็จงตายไปด้วยกันเสีย”เขาสั่งให้คนลากองค์รัชทายาทออกจากรถม้าซึ่งภายในรถม้าคันนั้นแน่นอนว่ามีฮวาซานเหรินอยู่ด้วย

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 52

    บทที่ 52 กฎแห่งกรรมที่แท้การแก้ไขปัญหาม้าที่ต้องส่งไปยังซีชวนก็คือการซื้อม้าจากดินแดนซยงหนู อ้ายอ้ายเพียงแต่จดจำได้ว่าช่วงเวลานี้ดินแดนซยงหนูต้องการพัฒนาการเกษตรเพราะพวกเขาไม่สามารถปลูกผลผลิตได้เพราะขาดคนเชี่ยวชาญในขณะที่แคว้นลู่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ปกติซยงหนูจะทะนงตนไม่ยอมส่งม้าขายให้ผู้อื่น พวกเขายังนับว่าเป็นดินแดนที่เลี้ยงม้ามากที่สุด เมื่อองค์รัชทายาทยื่นข้อเสนอขอซื้อม้าราคาถูกเพื่อแลกกับการช่วยเหลือการเกษตรส่งเสริมเครื่องมือและกำลังคนช่วยซยงหนูในการปลูกพืชเพื่อเลี้ยงตนเองอย่างแต่งที่ อีกทั้งยังมอบสัญญาแต่งงานตอบแทนเพื่อเป็นการยืนยันว่าแคว้นลู่จะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทั้งยังได้ฮองเฮาช่วยเจรจาอีกแรงเรื่องนี้จึงสัมฤทธิผลการจัดหาม้าส่งไปยังซีชวนทำได้ทันเวลา องค์รัชทายาทได้รับการกล่าวขานว่าเก่งกาจที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ทำให้ขุนนางยกย่องยิ่งนักองค์หญิงที่มาแต่งงานเป็นองค์หญิงสายรองซึ่งหากนับญาติก็เป็นหลานสาวของฮองเฮา นางเดินทางมาถึงเมืองหลวงแคว้นลู่อย่างเร่งด่วนเพราะฮองเฮาขอร้องเพื่อให้มาร่วมงานเลี้ยง และพวกนางได้วางแผนการเอาไว้แล้ว องค์หญิงผู้นี้รักอ

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 51

    บทที่ 51 ถึงเวลาเอาคืนร่างกายของสตรีทั้งสองเย็นเยียบ รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งร่างราวกับว่าบัดนี้ตนเองกำลังถูกคลื่นยักษ์สาดซัดอย่างรุนแรงกระแทกฝั่งเป็นธรรมเนียมที่ทุกคนต้องเข้าแถวยกจอกสุราถวายพระพร ทว่าบัดนี้ฮองเฮากลับตรัสว่า“ไท่ผินชรามากแล้ว ไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นข้าเองไม่ถือสาเรื่องตำแหน่ง ผู้ชราก็ควรได้รับการดูแล”จากนั้นฮองเฮาพลันลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ฮูหยินชราโดยที่เด็กน้อยผู้นั้นเดินประกบข้างซ้ายและเมิ่งสืออีประกบข้างขวาภาพที่ฮูหยินชราเห็นอยู่ตามนี้ทำให้จิ้งจอกเฒ่าแทบลมจับ“ไท่ผินข้าเป็นผู้น้อยอย่างไรก็ต้องขอคารวะท่าน”มือของฮูหยินชราสั่นจนแทบจะยกจอกสุราไม่ไหวแล้ว พริบตานั้นจอกสุราก็พลันร่วงหล่นลงมาฮองเฮาเลิกคิ้ว“ดูสีหน้าซีดเซียวแล้วไท่ผินคงไม่สบายกระทั่งจอกสุรายังยกไม่ไหว”เมิ่งสืออีเอ่ยว่า“ฮองเฮาเพคะ ให้ท่านย่าผู้นี้ไปพักที่ห้องข้างดีหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะพาไปเอง”ฮองเฮาแย้มยิ้ม“เช่นนั้นก็ลำบากเสี่ยวสือแล้ว”เมิ่งสืออียอบกายก่อนจะขยิบตาให้อ้ายอ้ายเดินตามมา เด็กน้อยเอ่ยว่า“ฮองเฮาอ้ายอ้ายไปกับท่านแม่นะเจ้าคะ”ฮองเฮาพยักหน้า “ไปเถิด”จิ้งจอกเฒ่าสั่นไปทั้งร่างนางหวาดกลัวจนพิษในกาย

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 50

    บทที่ 50 ตื่นตะลึงหลังเมิ่งสืออีและอ้ายอ้ายดื่มยาคลายกังวลพวกนางก็นอนหลับไปพร้อม ๆ กัน ฮวาซานเหรินดูแลนางจนวางใจจึงกลับมาหารือกับรัชทายาทที่ตำหนักบูรพารัชทายาทกลับมาที่ตำหนักบูรพาพร้อมกับฮวาซานเหรินเพื่อหารือ จากนั้นก็สั่งให้เสิ่นกงกงรีบตามหมอหลวงอีกคนมาดูอาการของเขา“อาจารย์ท่านได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่ขอรับ”ฮวาซานเหรินนั่งลงบนเตียงเขาขัดสมาธิเดินพลังครู่หนึ่งจึงกระอักเลือดคั่งออกมาคำโตก็พลันรู้สึกดีขึ้น เขารับผ้าซับเลือดมาจากเสิ่นกงกงพร้อมกับเอ่ยว่า“ข้าไม่เป็นอันใดไม่จำเป็นต้องเรียกหมอหลวง”ทว่ารัชทายาทไม่ยินยอมฮวาซานเหรินจึงคิดว่า“ข้าจะต้องเอาผิดเขาให้ได้ ข้าจะกราบทูลเสด็จพ่อ”ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า“ข้าคิดว่าฝ่าบาทจะเข้าข้างเขา นอกจากคนของเราแล้วก็ไร้หลักฐาน คนของหานชางเหยียนที่จับได้ล้วนเป็นนักรบเดนตายพวกเขาฆ่าตัวตายไปหมดแล้ว”“แต่หานชางเหยียนผู้นี้เหิมเกริมนัก หากเขาลงมืออีกเล่า”ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า“เขาบาดเจ็บหนักไม่น้อยคงต้องรักษาตัวพักใหญ่ อีกอย่างด้วยนิสัยระแวงระวังของเขาในเวลานี้คงยังไม่ลงมือ เกรงว่าจะถูกพวกเราวางแผนโต้กลับ”รัชทายาทเอ่ยว่า“ที่ท่านไม่ให้ข้าทูลเรื่องนี้เพราะ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status