แชร์

บทที่ 9

ผู้เขียน: ซีไซต์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-15 15:42:29

บทที่ 9  ท่านลุงผู้ใจดี

"ไยข้าจะมาไม่ได้เล่า ข้ากับหานชางเหยียนเป็นสหายรักกันเจ้าไม่รู้หรือ"

ไฉไฉไม่ได้ฝันไปจริง ๆ คุณชายรูปงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงบัดนี้ยืนอยู่เบื้องหน้านางแล้ว

คุณชายฮวาผู้นี้มาจากตระกูลบัณฑิตมีบิดาเป็นท่านเจ้ากรมสำนักศึกษา มารดาเป็นยอดอาจารย์หญิงที่สั่งสอนองค์หญิงในวังหลวง ส่วนเขาคือบัณฑิตมากความสามารถที่เก่งรอบด้านที่สุดผู้หนึ่ง

ด้วยใบหน้างดงามดุจเทพเซียนและความสามารถด้านการบรรเลงเพลงพิณและเขียนพู่กันของเขาที่นับว่าเป็นยอดปรมาจารย์ทำให้มีสตรีน้อยใหญ่ต่อแถวกันถึงสามช่วงถนนเพื่อหมายแต่งงานกับเขา ทว่าเขากลับรักอิสรเสรีและยังเจ้าสำราญจึงไม่ยินยอมแต่งกับผู้ใด นามของเขาคือ 'ฮวาซานเหริน'

ไฉไฉเคยเห็นเขาในภาพวาดที่มีคนวาดขายในเมืองหลวงอยู่หลายครา แต่นางไม่เคยเห็นตัวจริงของเขามาก่อน เพราะเขาเป็นคนที่หาตัวยากนักไปมาไร้ร่องรอย แต่เพราะความโดดเด่นอันยากที่จะลืมเลือนของเขาเพียงนางเห็นใบหน้านี้ก็จำได้ทันทีว่าเขาคือผู้ใด

เขาปล่อยให้ไฉไฉดื่มด่ำกับใบหน้าของเขาครู่หนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยว่า 

"ในนี้มีตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงเป็นของชางเหยียนที่เตรียมเอาไว้ให้ฮูหยิน พรุ่งนี้ก็ไปไถ่ของที่จำนำกลับคืนมาเถิด ข้าได้หาบ้านหลังใหม่ให้ฮูหยินอยู่แล้ว พรุ่งนี้จะให้คนมารับ อ้อยังมีแม่นมที่ข้าได้คัดสรรมาช่วยฮูหยินเลี้ยงดูบุตรสาววันพรุ่งนี้ข้าจะให้นางมาพบฮูหยินเช่นกัน"

ไฉไฉยังตกตะลึง ในยามที่ฮวาซานเหรินยัดตั๋วเงินใส่มือของนาง ไฉไฉก็เผลอจับมือเรียวขาวผ่องดุจหยกเนื้อละเอียดของฮวาซานเหรินเอาไว้อย่างลืมตัว

ฮวาซานเหรินมองมือไฉไฉแต่ก็มิได้ดึงออก กระทั่งไฉไฉได้สติจึงรีบปล่อยมือแล้วกล่าวตะกุกตะกัก

"บ่าวขออภัยคุณชายเจ้าค่ะ"

ฮวาซานเหรินเห็นท่าทางของไฉไฉก็พลันอมยิ้ม

"เจ้าคงสงสัยว่าข้ามาได้อย่างไร เฮ้ย เรื่องของสหายก็คือเรื่องของข้า ที่ผ่านมาข้าเองก็ไม่เคยรู้ว่าเขาจะทำให้สตรีท้องแก่ลำบากเพียงนี้ เอาล่ะเมื่อหมดธุระแล้วข้าต้องขอตัวก่อน แม่นางเจ้าเองก็ต้องรักษาสุขภาพด้วย ข้าขอลา"

ฮวาซานเหรินผู้นี้ยังให้เกียรติไฉไฉ มิได้มองว่าเป็นสาวใช้ยิ่งทำให้ไฉไฉที่เดิมชื่นชอบเขาอยู่แล้วกลับชื่นชอบเขามากยิ่งขึ้น กระทั่งเขาขึ้นม้าสีขาวจากไปแล้วไฉไฉก็ยังยืนนิ่งค้างอยู่กับที่ครู่หนึ่ง

อ้ายอ้ายร้องจนเหนื่อยหลังจากดูดนมไปครู่หนึ่งก็หลับคาเต้า เมิ่งสืออีได้ยินเสียงคนขนข้าวของอยู่ด้านนอกก็พลันนึกประหลาดใจ

เวลานั้นไฉไฉเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับสั่งให้คนนำเตาอุ่นมาวางในห้องเล็กหลายจุด ห้องที่เย็นยะเยือกจึงอบอุ่นขึ้นภายในพริบตา พวกเขาล้วนทำงานอย่างเงียบเชียบเพราะไม่มีใครอยากรบกวนให้คุณหนูใหญ่ตื่น

เมิ่งสืออีเปิดม่านบังตาออกไฉไฉดูแลความเรียบร้อยจากนั้นจึงให้คนทั้งหมดออกไป ไฉไฉขยับเข้ามาใกล้เมิ่งสืออีเอ่ยเสียงเบา

"เป็นนายท่านที่สั่งเอาไว้เจ้าค่ะ บอกว่าพรุ่งนี้จะกลับมาใหม่ ฮูหยินนายท่านกลับมาแล้วต่อไปพวกเราไม่ลำบากแล้วเจ้าค่ะ บ่าวเห็นว่านายท่านครานี้ดูจะห่วงใยคุณหนูอยู่มาก กระทั่งยังไม่กล้าบังคับขัดใจท่าน หรือว่าความจริงแล้วนายท่านจะมีใจให้ฮูหยินแล้วเจ้าคะ"

เมิ่งสืออีช้อนสายตาขึ้นมองไฉไฉกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม

"เจ้ากล่าวเหลวไหลอันใด ถึงข้าจะไม่ได้คลุกคลีกับเขามากมายก็พอรู้จักเขาอยู่บ้าง หานชางเหยียนก็เพียงแค่รู้สึกผิดกับเจี่ยเอ๋อร์เขาจึงมีท่าทางเช่นนั้น หาได้เกี่ยวกับข้า"

"แต่บ่าวว่า..."

"ไม่ต้องว่าอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นหรือกระทั่งมาพบข้ายังพาสตรีนางนั้นมาด้วยเขาจะมีใจให้ข้าได้อย่างไร"

ไฉไฉย่นจมูก

"เพราะว่าฮูหยินรองเป็นบุตรสาวของอนุในจวนของท่านอัครเสนาบดี จึงได้รับการส่งเสริมให้แต่งกับนายท่าน นางเป็นเพียงบุตรสาวอนุย่อมไม่มีทางได้เป็นฮูหยินเอกอยู่แล้วคนที่เจียมตัวสมควรเป็นนาง"

"นางจะเจียมตัวได้อย่างไร ในเมื่อหานชางเหยียนรักนางเพียงนั้น เป็นข้าที่มาทีหลังข้าย่อมรู้ตัวดี"

"แต่ท่านคือภรรยาเอกนะเจ้าคะ ยังมีฐานะสูงส่งเป็นถึงคุณหนูท่านเจ้าเมือง ส่วนฮูหยินรองนางเป็นเพียงแค่บุตรสาวของอนุในจวนมหาเสนาบดีเท่านั้น ไม่อาจเทียบฐานะของท่านได้"

เมิ่งสืออีกล่าวถอนหายใจยาวกล่าวต่อ

"อย่ากล่าวเพ้อเจ้ออีกเลย เขาทำดีกับลู่ลี่เพียงนั้นเจ้าก็เห็นมิใช่หรือ ที่ผ่านมาคนของจวนแม่ทัพปล่อยให้ลู่ลี่รังแกพวกเราตามใจชอบ นั่นก็แสดงว่าพวกเขาเกรงใจและยังให้ท้ายนางผู้นั้นวันนี้ข้าเองก็ได้ยินกับหูเห็นกับตาแล้วว่าหานชางเหยียนเอาใจใส่ลู่ลี่เพียงใด ข้าไม่คิดพึ่งพาเขามานานแล้วตั้งแต่วันที่เขาไม่ยอมตอบจดหมายข้าแม้แต่ฉบับเดียวข้าก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว เจ้าเลิกพูดถึงคนคู่นั้นเถิด ข้าคิดถึงคราใดก็รู้สึกคลื่นไส้ทุกที"

ก่อนหน้านี้เมิ่งสืออีเป็นสตรีอ่อนแอนุ่มนิ่ม แต่เพียงไม่กี่เดือนที่นางอุ้มท้องอีเจี่ยเอ๋อร์ทั้งยังได้รับความไม่เป็นธรรมมาหลายอย่างยิ่งทำให้เมิ่งสืออีเข้มแข็งขึ้น

ไฉไฉเห็นฮูหยินของตนมีสีหน้าไม่สู้ดีเมื่อกล่าวถึงคนคู่นั้น นางจึงยิ้มเอาใจเมิ่งสืออีกล่าวเสียงอ่อน

"ไม่พูดแล้ว ๆ เจ้าค่ะ เช่นนั้นท่านทานข้าวเย็นหน่อยนะเจ้าคะ นมแพะชามเดียวไม่เพียงพอบำรุงร่างกายเจ้าค่ะ นายท่านให้คนนำอาหารมาให้เยอะเลย ของบำรุงร่างกายดี ๆ ล้วนเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนอยู่ไฟหลังคลอดช่วยเร่งบำรุงน้ำนมด้วยเจ้าค่ะ"

"เจ้ารู้ดีเพียงนี้"

"บ่าวมีน้องสองคนนี่เจ้าคะ ท่านป้ายังเป็นหมอตำแยบ่าวจึงรู้เรื่องพวกนี้ดี"

เมิ่งสืออีถูกไฉไฉประคองมานั่งที่โต๊ะ เมื่อสักครู่มีอาหารส่งมาจากจวนสกุลหานที่ทั้งร้อนและหอม หน้าตาน่ารับประทาน เมิ่งสืออีไม่ได้กินอาหารดี ๆ เช่นนี้มานานแล้วและไม่เชื่อว่าคนจากสกุลหานจะเอาใจใส่นางเพียงนี้ นางจึงไม่แน่ใจนักว่าอาหารพวกนี้ปลอดภัยหรือไม่

ไฉไฉเห็นท่าทางลังเลก็เดาออกว่าเมิ่งสืออีรู้สึกอย่างไร

"ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ไม่มียาพิษบ่าวลองชิมดูทุกอย่างแล้วไม่มีปัญหา"

เมิ่งสืออีตกใจยิ่งนัก

"เจ้าบ้าหรืออย่างไร หากมีพิษเล่า"

ไฉไฉเอ่ยสีหน้าราบเรียบ

"ก็นับว่าบ่าวได้ช่วยฮูหยินกับคุณหนูใหญ่เอาไว้แล้ว บ่าวยอมตายเจ้าค่ะ"

เมิ่งสืออีคาดไม่ถึงว่าไฉไฉจะปกป้องนางด้วยชีวิตเพียงนี้ เวลานี้จึงได้แต่นับความดีความชอบของไฉไฉเอาไว้แล้วต้องหาทางตอบแทนให้ดีในวันหนึ่ง

"หากข้าไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่รู้ว่าตนเองจะอยู่ในจวนนี้ได้อย่างไร"

ไฉไฉเอ่ยว่า

"ฮูหยินอย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ เป็นหน้าที่ของบ่าวอยู่แล้วตั้งแต่วันนั้นที่ฮูหยินเอาตัวมาบังให้บ่าวไม่ต้องถูกโบยแม้จะท้องแก่เพียงนั้นบ่าวก็ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ปกป้องฮูหยินตลอดไป"

เมิ่งสืออีจับมือของไฉไฉเอาไว้แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

"ไฉไฉเจ้าห้ามทำเช่นนี้อีกเป็นอันขาด ชีวิตเจ้ามีค่าต่อข้ามากข้าไม่ต้องการเห็นเจ้าเป็นอะไรไป เจ้าก็เหมือนน้องสาวของข้าคนหนึ่ง ญาติเพียงคนเดียวในเมืองหลวงแห่งนี้ของข้า"

ไฉไฉซาบซึ้งจนน้ำตาไหล เมิ่งสืออีก็เช่นกันสตรีทั้งสองล้วนมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันจากนั้นก็โผเข้ากอดกันทั้งน้ำตา ที่ผ่านมาช่างหนักหนายิ่งนัก

การอยู่ในจวนสกุลหานเหมือนอยู่ในถ้ำเสือ นอกจากเมิ่งสืออีจะถูกทรมานแล้วไฉไฉยังถูกพวกบ่าวด้วยกันดูถูกและกลั่นแกล้ง หลายครั้งที่นางยังถูกพ่นน้ำลายใส่หน้าอย่างสนุกสนาน คนพวกนั้นล้วนเป็นลิ่วล้อของลู่ลี่ทั้งหมดแต่ไฉไฉก็ไม่เคยคิดทิ้งฮูหยินไปที่ไหน เพราะสงสารฮูหยินที่แสนดีผู้นี้ด้วยใจจริง

ผ่านมาครู่ใหญ่เมิ่งสืออีก็รับประทานอาหารเสร็จแล้ว เวลานี้มีบ่าวรับใช้ที่ถูกส่งมาดูแลพวกเขาจะกลับหลังจากฮูหยินรับประทานอาหารเสร็จเพราะว่าเรือนหลังเล็กนี้ไม่มีที่ให้ผู้ใดนอนพักค้างแรมได้อีก

ไฉไฉปรนนิบัติเมิ่งสืออีล้างหน้าบ้วนปากจากนั้นก็ประคองมานั่งข้างเตาไฟอุ่น เวลานี้ไฉไฉก็ห่อตัวให้เมิ่งสืออีจนนางกลายเป็นซาลาเปาลูกใหญ่ลูกหนึ่ง

"ฮูหยินเจ้าคะ คุณชายฮวาฝากตั๋วเงินไว้ให้ท่านพันตำลึง ยังบอกว่าได้หาบ้านให้ใหม่แล้วพรุ่งนี้จะมารับเจ้าค่ะ พวกเราจะได้ย้ายบ้านกันแล้วนะเจ้าคะ คุณชายฮวาผู้นี้ช่างดียิ่งนัก"

เมิ่งสืออีมองใบหน้าแดงก่ำในยามที่เอ่ยถึงบุรุษของไฉไฉ นางขมวดคิ้วมุ่น

"ผู้ใดคือคุณชายฮวา แล้วไยต้องฝากเงินให้ข้า ข้าไม่รู้จักเขา"

ไฉไฉอมยิ้ม

"เขาเป็นสหายของนายท่านเจ้าค่ะ เป็นคุณชายรูปงาม หล่อเหลาปานเทพเซียนบนสวรรค์ ฐานะไม่ธรรมดาเป็นคุณชายผู้เพียบพร้อมจากสกุลบัณฑิตนับเป็นคุณชายอันดับหนึ่งในเมืองหลวง"

เมิ่งสืออีกะพริบตาปริบ ๆ

"ข้าไม่ได้ต้องการหาคู่ครองคนใหม่ เจ้าไม่จำเป็นต้องยกยอคนปานนั้น ข้าเพียงอยากรู้ว่าไยคนผู้นั้นต้องมาช่วยข้า"

"คุณชายฮวาเป็นสหายของนายท่านเจ้าค่ะ นายท่านคงขอให้เขาดูแลฮูหยินเจ้าค่ะ"

นางรับตั๋วเงินจำนวนหนึ่งพันตำลึงมาถือเอาไว้ในมือ ตั้งแต่นางมาอยู่ที่นี่ได้รับเงินเบี้ยหวัดเพียงน้อยนิดไม่พอจะซื้อแป้งชาดสักกระปุกเลยด้วยซ้ำ  นางจึงไม่เคยเห็นเงินมากมายเช่นนี้มานานแล้ว

"เงินของคุณชายฮวาหรือ"

"เงินนายท่านเจ้าค่ะ บอกว่าให้คุณชายฮวาจัดการ"

เมิ่งสืออีหัวเราะแต่ดวงตากลับไม่ยิ้ม นางรู้สึกสมเพชเวทนาคนผู้นั้นขึ้นมาโดยพลัน

"เขาคงกลัวว่าหากตนเองจัดการด้วยตัวเองจะทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิ หรือไม่ก็ทำให้ลู่ลี่เข้าใจเขาผิดว่ามีใจให้ข้าแม่ลูก จึงได้วานเรื่องนี้ให้ผู้อื่นทำ หานชางเหยียนหนอหานชางเหยียน เสียแรงเจ้าเป็นแม่ทัพเสียเปล่าแต่กลับไร้ความสามารถเช่นนี้ ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก"

จวนสกุลหาน

หานชางเหยียนจามไม่หยุดหลังจากเขากลับมาถึงจวนไม่นานฮวาซานเหรินก็มาพบเขา คนทั้งสองจึงมาสนทนากันที่เรือนหลักของหานชางเหยียน

ฮวาซานเหรินมองหน้าสหายเมื่อเห็นว่าหานชางเหยียนจามอยู่หลายครั้ง

"ทำไมไม่สบายหรือ หรือว่ามีผู้ใดนินทาจึงได้มีอาการเช่นนี้"

"ผู้ใดจะกล้านินทาข้า"

"คนที่อยากนินทาเจ้ามีเยอะมาก ยิ่งตั้งแต่รู้ว่าจวนสกุลหานขับไล่สตรีท้องแก่ที่มีตำแหน่งเป็นถึงฮูหยินเอกท่านแม่ทัพออกจากจวน ทั้งยังปล่อยให้นางคลอดบุตรเพียงลำพัง เรื่องในจวนนี้รวมทั้งเรื่องของตัวเจ้าชั่วพริบตาในเมืองหลวงนี้ไม่มีผู้ใดไม่พูดถึง"

หานชางเหยียนยกมุมปากเล็กน้อย

"เจ้าจะพูดมากไปไย คิดตอกย้ำให้ข้าปวดใจหรืออย่างไร ถ้าเจ้าคิดทำเช่นนั้นยินดีด้วยเจ้าทำสำเร็จแล้ว ข้าปวดใจจริง ๆ"

ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า

"ข้ารู้ว่าเจ้าปวดใจ แต่ข้าก็ยังจะตอกย้ำเช่นเดิม สหายควรจะซื่อตรงต่อกัน เรื่องที่สกุลหานทำกับฮูหยินเอกนั้น หากเรียกว่าอำมหิตก็คงไม่เกินไป"

หานชางเหยียนไม่โต้ตอบเพราะเขารู้ว่านี่คือเรื่องจริง หากในเวลานั้นหาหมอตำแยไม่ได้เมิ่งสืออีและบุตรสาวของเขาอาจจะไม่รอดชีวิตจริง ๆ เขาไม่ชอบเมิ่งสืออีแต่เขาก็ไม่เคยคิดจะทำให้นางตาย เมื่อคิดถึงใบหน้าสองแม่ลูกแล้วก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

"ซานเหรินข้ายังมีเรื่องอยากจะบอกเจ้า"

ฮวาซานเหรินขมวดคิ้วประหลาดใจในท่าทางที่เปลี่ยนไปกระทันหันของหานชางเหยียน

"มีเรื่องอันใด"

หานชางเหยียนยกยิ้มมุมปาก สีหน้าระรื่น

"เจี่ยเอ๋อร์ของข้า นางน่าเอ็นดูจริง ๆ เป็นเด็กทารกที่ไม่เหมือนผู้ใด นางพิเศษมากจริง ๆ เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่"

ฮวาซานเหรินส่ายหน้า ก่อนจะรั้งสายตากลับมามองจอกสุราของตนเอง

"เจ้าพูดคำนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว บอกตามตรงข้าเบื่อที่จะฟังแล้ว"

หลังจากดื่มสุราไปหลายจอก ใบหน้าขาว ๆ ของฮวาซานเหรินก็เริ่มกลายเป็นสีแดง เขาขยับเข้ามาใกล้หานชางเหยียนพร้อมกับเอ่ยว่า

"ซินแสผู้นั้นที่เจ้าให้ข้าสืบข้าสืบได้ความแล้ว"

หานชางเหยียนมองหน้าสหายรัก

"เขาเป็นผู้ใด"

"เป็นซินแสจริง แต่ข้าว่ามีเรื่องสำคัญที่เจ้าจำเป็นต้องรู"

"เรื่องอันใด"

ฮวาซานเหรินน้ำเสียงต่ำลง

"ข้าพูดได้แต่อยากให้เจ้าทำใจก่อน"

"ยังจะพูดมากอีก สืบได้ความว่าอย่างไรรีบพูด"

ฮวาซานเหรินสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาโดยพลัน

"คนที่ชักนำให้ซินแสรู้จักกับท่านย่าของเจ้าเป็นคนของอนุหมิ่นมารดาของลู่ลี่ ดูเหมือนว่าจะเป็นความตั้งใจที่จะทำให้ท่านย่าของเจ้าได้พบกับซินแสผู้นั้นเพื่อใส่ความคน เรื่องนี้เกี่ยวกับลู่ลี่ของเจ้า"

หานชางเหยียนยังคงเข้าข้างลู่ลี่

"เจ้าหมายความว่าอย่างไร หากจะเกี่ยวข้องจริงก็แค่ชักนำให้รู้จักกันมิใช่หรือ ผู้ใดก็รู้ว่าท่านย่าของข้าชอบเรื่องดูดวงชะตายิ่งนัก"

ฮวาซานเหรินเอ่ยต่อ

"ถ้าหากซินแสผู้นั้นรับเงินเพื่อใส่ความคนเล่า เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร"

“ข้า...”

“หลักฐานชัดเจน ข้ามอบให้เจ้า”

ฮวาซานเหรินดึงหลักฐานตั๋วเงินที่มีสัญลักษณ์จวนสกุลลี่เอาไว้ด้านล่างให้หานชางเหยียนแล้วเอ่ยต่อ

“ของสิ่งนี้ข้าได้มากจากซินแสคนนั้นและเขาก็สารภาพทั้งหมด ข้าให้หม่าเจาคุมขังซินแสเอาไว้แล้วหากเจ้าต้องการสอบถามก็ให้ไปหาหม่าเจาหมดหน้าที่ของข้าแล้วคืนนี้ข้าเองก็มีนัดกับแม่นางคนงาม ไม่เสียเวลาพูดคุยกับเจ้าแล้ว”

กล่าวจบฮวาซานเหรินก็ลุกขึ้นขอตัวกลับไป หานชางเหยียนมองตามแผ่นหลังของสหายแล้วสายตาเคลื่อนมาจับจ้องตั๋วเงินที่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นจึงเรียกคนออกมา

“อาเสิ่น”

อาเสิ่นองครักษ์ผู้หนึ่งของเขาเผยตัวตามคำสั่ง หานชางเหยียนเอ่ยน้ำเสียงเยือกเย็น

“ไปหาหม่าเจาบอกว่าข้าต้องการตัวซินแสผู้นั้น”

“ขอรับ ข้าจะนำตัวคนมาเดี๋ยวนี้”

อาเสิ่นกำลังจะออกไปแล้ว หานชางเหยียนกลับเอ่ยประโยคหนึ่ง

“ไม่ต้องพาตัวคนมาหาข้า ฆ่าทิ้งได้ทันที”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 55 ตอนพิเศษ 2

    ตอนจบ ตอนพิเศษอ้ายอ้ายมองน้องสี่ที่มีสีหน้าอิ่มเอิบท่าทางครุ่นคิด บัดนี้น้องสี่ของนางกลายมาเป็นผู้ช่วยบิดาในการสอนเขียนอักษรให้กับเด็ก ๆ ที่โรงรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เขากลายเป็นอาจารย์ผู้หนึ่งไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกเขาทุกคนต่างชื่นชมฝีมือการเขียนอักษรอันยากจะหาผู้ใดเปรียบของน้องสี่เขายังได้พบกับคนรักซึ่งเป็นเด็กกำพร้าผู้หนึ่งซึ่งเป็นสาวใช้ของเขาเอง ฮวาซานเหรินเห็นพวกเขารักใคร่จริงใจจึงจัดงานสมรสให้พวกเขาตามประเพณี บัดนี้คนที่มีความสุขที่สุดก็คงจะเป็นน้องสี่แล้วในเมื่อทุกคนให้อ้ายอ้ายเป็นคนตัดสินใจนางจึงเอ่ยว่า“ก็แค่ส่งคนผู้หนึ่งไป ไม่ยากอันใดเขาอยากให้ทำสิ่งใดข้าก็จะทำสิ่งนั้น ในเมื่อเขาอยากเจอพวกเราก็ไปพบเขากันดีหรือไม่”ทุกคนล้วนพยักหน้าส่งเสียงอืมในลำคอในวันต่อมาฮวาซานเหรินพาครอบครัวใหญ่ของเขาขึ้นรถม้าไปพบหานชางเหยียนที่นอนอยู่ที่โรงหมอแห่งหนึ่ง ท่านหมอประสานมือคารวะเขาแล้วเอ่ยว่า“นายท่าน ขอทานคนนี้ไร้ทางรักษาจริง ๆ แล้วขอรับ”ฮวาซานเหรินพยักหน้า“ไม่เป็นไร ท่านทำดีที่สุดแล้ว”จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งลงบนตั่งไม้ข้างเตียงโดยมีบุตรและภรรยาเดินตามทุกคนล้วนจับจ้องที่ใบหน้าของบุรุษชราผู้หน

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 54 ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1ในยามที่อ้ายอ้ายตื่นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาที่แสงอาทิตย์นอกหน้าต่างระยิบระยับดุจทองคำ นางบิดขี้เกียจพร้อมกับลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ หลังจากที่ป่วยอยู่หลายวันตื่นขึ้นมาในวันนี้อ้ายอ้ายรู้สึกสดชื่นเป็นที่สุดแล้ว“คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”อ้ายอ้ายพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มสว่างไสว สาวใช้เห็นสีหน้าของนางสดชื่นเช่นนี้จึงเอ่ยว่า“ดูเหมือนว่าคุณหนูจะไข้ทุเลาแล้วนะเจ้าคะ”“สบายดีมากเลยตอนนี้ น่าจะเป็นเช่นนั้น”สาวใช้ยิ้มยินดี“บ่าวให้คนไปเรียนนายท่านกับฮูหยินนะเจ้าคะ เมื่อสักครู่เพิ่งมาดูอาการของท่านพร้อมกับองค์รัชทายาท”อ้ายอ้ายเบิกตากว้างจากนั้นก็ส่งเสียงใสแจ๋วออกมา“องค์รัชทายาทกลับมาแล้วหรือ”“เจ้าค่ะ มาตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ มาเยี่ยมคุณหนูแล้วแต่ว่าคุณหนูยังไม่ตื่นจึงได้ไปสนทนากับนายท่านที่เรือนรับรอง”“ข้าจะไปหาพี่ชายรัชทายาท”อ้ายอ้ายสั่งให้สาวใช้ปรนนิบัตินางล้างหน้าเปลี่ยนอาภรณ์ ทว่าสาวใช้กลับเอ่ยว่า“คุณหนูเพิ่งหายจากไข้ เกรงว่านายท่านจะตำหนิบ่าวเจ้าค่ะ ให้บ่าวไปเรียนนายท่านเถิดนะเจ้าคะ”อ้ายอ้ายส่ายหน้า“ไม่เอาข้าจะไปหาพี่ชายเอง ทำตามที่ข้าบอกเถิด”ผู้ใดก็รู้ว่าคุณหนูรองผู้นี้เป็นที

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 53 ตอนจบ

    บทที่ 53 ตอนจบหานชางเหยียนขอร้องฝ่าบาทให้ส่งฮวาซานเหรินกับองค์รัชทายาทมาเป็นตัวแทนพระองค์ในวันแต่งงานของเขาระหว่างทางกลับหานชางเหยียนที่ส่งผู้อื่นไปเข้าหอแทนตนเองก็วางแผนการสังหารองค์รัชทายาทกับฮวาซานเหรินไปพร้อม ๆ กันคืนนี้ฮวาซานเหรินดื่มสุราเพียงน้อยนิด ส่วนองค์รัชทายาทไม่อาจปฏิเสธผู้อื่นได้อีกทั้งเขาอายุยังน้อยเพิ่งเริ่มหัดดื่มสุราดื่มไปเพียงจองสองจอกก็เมามายไร้สติแล้วแม้ขบวนรถม้าขององค์รัชทายาทจะมีคนคุ้มกันมากเพียงใด แต่ทหารหลวงบัดนี้อยู่ในมือของหานชางเหยียนเขาจึงสับเปลี่ยนคนอ่อนแอมาอารักขาเมื่อรถม้ามาถึงจุดที่วางเอาไว้ ผงยาสลบจำนวนมากก็ถูกโปรยลงจากท้องฟ้าด้วยการยิ่งธนูขึ้นสูงและทำให้ถุงพวกนั้นแตกกระจายเพราะไม่คาดคิดว่าจะเจอแผนการรบเช่นนี้จึงทำให้ทหารคุ้มกันขององค์รัชทายาทสลบไสลไร้สติล้มไปกองลงบนพื้นหานชางเหยียนที่อยู่ในชุดดำบัดนี้จึงปรากฏกาย เขาหัวเราะในลำคอ“การที่ข้าไม่ลงมือมิใช่ว่าข้าหวาดกลัว เพียงแต่ให้โอกาสพวกเจ้าก็เท่านั้น ในเมื่อไม่สำนึกว่าควรเชื่อฟังผู้ใดก็จงตายไปด้วยกันเสีย”เขาสั่งให้คนลากองค์รัชทายาทออกจากรถม้าซึ่งภายในรถม้าคันนั้นแน่นอนว่ามีฮวาซานเหรินอยู่ด้วย

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 52

    บทที่ 52 กฎแห่งกรรมที่แท้การแก้ไขปัญหาม้าที่ต้องส่งไปยังซีชวนก็คือการซื้อม้าจากดินแดนซยงหนู อ้ายอ้ายเพียงแต่จดจำได้ว่าช่วงเวลานี้ดินแดนซยงหนูต้องการพัฒนาการเกษตรเพราะพวกเขาไม่สามารถปลูกผลผลิตได้เพราะขาดคนเชี่ยวชาญในขณะที่แคว้นลู่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ปกติซยงหนูจะทะนงตนไม่ยอมส่งม้าขายให้ผู้อื่น พวกเขายังนับว่าเป็นดินแดนที่เลี้ยงม้ามากที่สุด เมื่อองค์รัชทายาทยื่นข้อเสนอขอซื้อม้าราคาถูกเพื่อแลกกับการช่วยเหลือการเกษตรส่งเสริมเครื่องมือและกำลังคนช่วยซยงหนูในการปลูกพืชเพื่อเลี้ยงตนเองอย่างแต่งที่ อีกทั้งยังมอบสัญญาแต่งงานตอบแทนเพื่อเป็นการยืนยันว่าแคว้นลู่จะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทั้งยังได้ฮองเฮาช่วยเจรจาอีกแรงเรื่องนี้จึงสัมฤทธิผลการจัดหาม้าส่งไปยังซีชวนทำได้ทันเวลา องค์รัชทายาทได้รับการกล่าวขานว่าเก่งกาจที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ทำให้ขุนนางยกย่องยิ่งนักองค์หญิงที่มาแต่งงานเป็นองค์หญิงสายรองซึ่งหากนับญาติก็เป็นหลานสาวของฮองเฮา นางเดินทางมาถึงเมืองหลวงแคว้นลู่อย่างเร่งด่วนเพราะฮองเฮาขอร้องเพื่อให้มาร่วมงานเลี้ยง และพวกนางได้วางแผนการเอาไว้แล้ว องค์หญิงผู้นี้รักอ

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 51

    บทที่ 51 ถึงเวลาเอาคืนร่างกายของสตรีทั้งสองเย็นเยียบ รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งร่างราวกับว่าบัดนี้ตนเองกำลังถูกคลื่นยักษ์สาดซัดอย่างรุนแรงกระแทกฝั่งเป็นธรรมเนียมที่ทุกคนต้องเข้าแถวยกจอกสุราถวายพระพร ทว่าบัดนี้ฮองเฮากลับตรัสว่า“ไท่ผินชรามากแล้ว ไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นข้าเองไม่ถือสาเรื่องตำแหน่ง ผู้ชราก็ควรได้รับการดูแล”จากนั้นฮองเฮาพลันลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ฮูหยินชราโดยที่เด็กน้อยผู้นั้นเดินประกบข้างซ้ายและเมิ่งสืออีประกบข้างขวาภาพที่ฮูหยินชราเห็นอยู่ตามนี้ทำให้จิ้งจอกเฒ่าแทบลมจับ“ไท่ผินข้าเป็นผู้น้อยอย่างไรก็ต้องขอคารวะท่าน”มือของฮูหยินชราสั่นจนแทบจะยกจอกสุราไม่ไหวแล้ว พริบตานั้นจอกสุราก็พลันร่วงหล่นลงมาฮองเฮาเลิกคิ้ว“ดูสีหน้าซีดเซียวแล้วไท่ผินคงไม่สบายกระทั่งจอกสุรายังยกไม่ไหว”เมิ่งสืออีเอ่ยว่า“ฮองเฮาเพคะ ให้ท่านย่าผู้นี้ไปพักที่ห้องข้างดีหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะพาไปเอง”ฮองเฮาแย้มยิ้ม“เช่นนั้นก็ลำบากเสี่ยวสือแล้ว”เมิ่งสืออียอบกายก่อนจะขยิบตาให้อ้ายอ้ายเดินตามมา เด็กน้อยเอ่ยว่า“ฮองเฮาอ้ายอ้ายไปกับท่านแม่นะเจ้าคะ”ฮองเฮาพยักหน้า “ไปเถิด”จิ้งจอกเฒ่าสั่นไปทั้งร่างนางหวาดกลัวจนพิษในกาย

  • เกิดใหม่อีกคราเป็นผู้ช่วยตัวน้อยของมารดาที่บิดาไม่รัก!   บทที่ 50

    บทที่ 50 ตื่นตะลึงหลังเมิ่งสืออีและอ้ายอ้ายดื่มยาคลายกังวลพวกนางก็นอนหลับไปพร้อม ๆ กัน ฮวาซานเหรินดูแลนางจนวางใจจึงกลับมาหารือกับรัชทายาทที่ตำหนักบูรพารัชทายาทกลับมาที่ตำหนักบูรพาพร้อมกับฮวาซานเหรินเพื่อหารือ จากนั้นก็สั่งให้เสิ่นกงกงรีบตามหมอหลวงอีกคนมาดูอาการของเขา“อาจารย์ท่านได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่ขอรับ”ฮวาซานเหรินนั่งลงบนเตียงเขาขัดสมาธิเดินพลังครู่หนึ่งจึงกระอักเลือดคั่งออกมาคำโตก็พลันรู้สึกดีขึ้น เขารับผ้าซับเลือดมาจากเสิ่นกงกงพร้อมกับเอ่ยว่า“ข้าไม่เป็นอันใดไม่จำเป็นต้องเรียกหมอหลวง”ทว่ารัชทายาทไม่ยินยอมฮวาซานเหรินจึงคิดว่า“ข้าจะต้องเอาผิดเขาให้ได้ ข้าจะกราบทูลเสด็จพ่อ”ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า“ข้าคิดว่าฝ่าบาทจะเข้าข้างเขา นอกจากคนของเราแล้วก็ไร้หลักฐาน คนของหานชางเหยียนที่จับได้ล้วนเป็นนักรบเดนตายพวกเขาฆ่าตัวตายไปหมดแล้ว”“แต่หานชางเหยียนผู้นี้เหิมเกริมนัก หากเขาลงมืออีกเล่า”ฮวาซานเหรินเอ่ยว่า“เขาบาดเจ็บหนักไม่น้อยคงต้องรักษาตัวพักใหญ่ อีกอย่างด้วยนิสัยระแวงระวังของเขาในเวลานี้คงยังไม่ลงมือ เกรงว่าจะถูกพวกเราวางแผนโต้กลับ”รัชทายาทเอ่ยว่า“ที่ท่านไม่ให้ข้าทูลเรื่องนี้เพราะ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status