“ถ้าไม่แต่งงั้นแกก็รอไปดูตัวกับโอเมก้าได้เลย”
˜
“ได้..โอเมก้าก็โอเมก้าสิ!”
เฟยเถียงพี่สาวกลับไปอย่างเกรี้ยวกราด แต่กลับกลายเป็นว่าสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง อีกทั้งยังดูตกใจเอามาก ๆ ก่อนที่เธอจะวิ่งเข้ามาเอามือแตะหน้าผากเฟยเพื่อวัดดูว่าอีกคนมีไข้ขึ้นสูงหรือไม่
“ตายแล้วน้องเจ๊ ถึงขั้นเอ่ยปากว่าจะดูตัวกับโอเมก้าทั้งที่แค่เดินผ่านแกก็ผื่นขึ้น หายใจไม่ออกแล้วเนี่ยนะ”
“ผื่นขึ้น? หายใจไม่ออก?”
“ก็เออน่ะสิ ลืมไปแล้วหรือไงว่าตัวเองแพ้โอเมก้าน่ะ”
“แพ้?”
เฟยไม่เข้าใจถึงสิ่งที่พี่สาวกำลังพูดถึงอยู่ เหตุใดเฟยคนก่อนถึงมีอาการแพ้โอเมก้าขึ้นมาได้ล่ะ แล้วแพ้ที่ว่ามันแค่อุปทาน หรือว่าแพ้จริง ๆ
พี่สาวที่เห็นสีหน้าของน้องชายก็มองว่าคงจะจำเรื่องที่เธอเอ่ยออกมาไม่ได้จริง ๆ จึงได้พาคนน้องไปนั่งเพื่อบอกถึงเหตุผลที่แท้จริงว่าเหตุใดยัยหนูเฟยคนนี้ถึงได้มีอาการแพ้โอเมก้าจนถึงขนาดหนักเช่นนี้
“ตอนสมัยมอต้น แกถูกเพื่อร่วมชั้นที่เป็นโอเมก้าลากไปขังไว้ในห้องเก็บของ เพราะอิจฉาที่แกหน้าตาสวยกว่าโอเมก้าแท้ ๆ อย่างพวกเธอ แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นคือในห้องนั้นกลับมีโอเมก้าคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงฮีตพอดี แล้วยัยนั่นก็พยายามจะข่มขืนแก ซึ่งตอนนั้นเพศรองยังปรากฏออกมาไม่ชัด แกถูกยัยโอเมก้านั่นจู่โจมจนแทบเสียสติ”
สีหน้าของเฟียแสดงออกมาอย่างชัดเจน ว่าสิ่งที่เธอกำลังบอกอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องโกหก
“แต่โชคดีที่หมิงมันบังเอิญเห็นตอนที่แกถูกยัยพวกนั้นลากไปขังพอดีก็เลยพาคนเข้าไปช่วย แต่ฟีโรโมนของแกก็ถูกกระตุ้นออกมาพร้อมกับอาการหวาดกลัวทำให้หมิงต้องช่วยทำให้แกสงบลง”
พอได้ฟังสิ่งที่พี่สาวเล่าก็พลันคิดในใจไปด้วยว่า อาจเป็นเพราะเรื่องนี้จึงทำให้ทั้งเฟียแล้วก็คุณลุงอยากให้เขากับหมอนั่นแต่งงานกัน
“แล้วที่ว่าทำให้สงบนี่มันยังไงอะเจ๊?” คำถามที่เจ้าหนูเฟยถามไปแบบตาใส ทว่ากลับทำพี่สาวรู้สึกหน้าร้อนผ่าวด้วยเพราะรู้สึกเขินอาย
“ก็...ทำแบบนั้นนั่นแหละ”
“แบบนั้น?” เฟยยังคงไม่เข้าใจในประโยคที่พี่สาวต้องการจะสื่อ จนสุดท้ายเธอก็ต้องเข้าไปกระซิบที่ข้างหู พลางยกมือขึ้นมาป้องปากกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาได้ยิน
“ก็เซ็กซ์ยังไงล่ะ”
แม้เธอจะกระซิบมันออกมาเบา ๆ ก็ตาม แต่มันกลับดังก้องเข้ามาในโสตประสาทจนเจ้าตัวอึ้งค้างไปชั่วขณะ ‘เฟยกับหมิงเคยมีอะไรกันมาก่อนแล้วอย่างนั้นเหรอ?’
“ทะ ที่นั่นมันโรงเรียนไม่ใช่เหรอเจ๊ แล้วพวกครูไม่มีเลยหรือไง?”
“มีสิ”
“แล้วทำไมไม่เข้ามาห้าม?”
“ที่ไม่ห้ามเพราะเป็นกฎไงจ๊ะ หากเด็กที่ยังไม่ปรากฏเพศรองถูกกระตุ้นจนมันตื่นขึ้นมากะทันหัน กรรมการนักเรียนต้องตัดสินใจว่าจะทำเช่นไรกับนักเรียนคนนั้น”
เธอเอ่ยออกมาพลางเงียบเสียงเพื่อเว้นวรรคแล้วจึงเผยรอยยิ้มออกมาราวกับว่ากรรมการนักเรียนคนนั้นคือหมิงนั่นเอง
“อย่าบอกนะ?”
“หมิงเป็นหนึ่งในกรรมการนักเรียน”
‘อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนั้นวะ’ เฟยคิดในใจ
“ปกติหมอนั่นก็ไม่ทำแบบนั้นหรอกนะ...แต่ว่า”
“แต่ว่าอะไรอีก!?”
“แต่ว่าฟีโรโมนอัลฟ่าของแกที่ถูกกระตุ้นออกมา ดันไปกระตุ้นหมอนั่นเข้าเต็มเปายังไงล่ะ แล้วตอนนั้นหมิงก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอีนิกม่า”
พอฟังจากปากของเฟียแล้ว เฟยถึงกับสับสนไปหมดเรื่องราวมันตีกันให้มั่วทำให้เขาต้องพยายามเรียบเรียงเรื่องพวกนั้นในหัวอีกครั้ง
เริ่มจากเฟยหน้าตาดีจนพวกโอเมก้าเกิดความอิจฉา และกลั่นแกล้งเขาด้วยการจับไปขังไว้ในห้องเก็บของ ทว่าภายในห้องกลับมีโอเมก้าที่กำลังติดสัด แล้วตอนนั้นเฟยก็ยังไม่ปรากฏเพศรองที่ชัดเจน พอมาถูกกระตุ้นด้วยโอเมก้าคนนั้นเข้ากลับทำให้เฟยรู้สึกหวาดกลัวรวมทั้งถูกกระตุ้นจนเพศรองปรากฏขึ้นมา
แต่ต่อมาหมิงที่รู้เฟยถูกเพื่อนกลั่นแกล้งก็รีบเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน แต่ก็ถูกฟีโรโมนของเฟยกระตุ้นจนปลุกสัญชาตญาณของอีนิกม่าขึ้นมาอีก
“งั้นก่อนหน้าที่หมิงจะเป็นอีนิกม่า...”
“ก็เคยเป็นอัลฟ่ามาก่อนไง...ในทางที่เข้าใจไปกันเองน่ะนะ”
เฟยยังคงคิดต่อว่าเพราะเหตุใดหมิงถึงกลายเป็นเช่นนั้นไปได้ หากแต่จะถามกับพี่สาวไปเรื่องมันอาจยืดยาวจนทำเขางงขึ้นมาอีก
“กลับมาเรื่องที่ผมแพ้โอเมก้าก่อนเจ๊”
“อ๋อ หลังจากเพศรองแกปรากฏขึ้นมา ความจริงโดยปกติแกก็จะรู้สึกสนใจโอเมก้านะ ยกตัวอย่างเช่นผู้ชายสนใจผู้หญิงนั่นแหละนะแต่เพราะวันนั้นที่แกเกือบโดนโอเมก้าข่มขืน กลับทำให้แกหวาดกลัวยัยพวกนั้นจนถึงขั้นไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลยละ”
“อ้าวแล้วลีเป็นโอเมก้า ทำไมเฟยไม่รู้สึกกลัวหมอนั่นล่ะ”
“จากความกลัวมันเลยกลายเป็นความเกลียดยังไงล่ะ หลังจากที่แกรู้ตัวว่ามีอาการแพ้โอเมก้า แกก็เริ่มหันไปคบหากับพวกอัลฟ่าด้วยกันแต่ไอ้บ้าพวกนั่นพอมันเจอโอเมก้าเข้าหน่อยก็ทิ้งแกไปทันที”
‘ถึงว่าเฟยคนก่อนดูจะเจ้าคิดเจ้าแค้นลีมาก ทั้งยังมีความคิดที่อยากจะฆ่าให้ตาย’ เฟยคิด ก่อนที่จู่ ๆ เขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้จึงรีบโดดเข้าไปเกาะแขนพี่สาวทันที
“งั้นเจ๊ลองพาโอเมก้ามาให้เฟยดูตัวก่อนได้ไหมครับ”
“ว่าไงนะ!? แกอยากตายหรือไง”
“อ้าว...มันก็แค่เกลียดนี่นา”
“แค่เกลียดก็จริง แต่ทุกครั้งที่แกเจอพวกนั้นร่างกายก็ยังแสดงอาการแพ้อยู่ดีไง ทุกวันนี้แกก็ยังกินยาแก้แพ้อยู่จำไม่ได้เหรอ?”
ได้ฟังดังนั้นเฟยก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในทุก ๆ ช่วงเช้าที่แม่บ้านมักจะเอายาบางอย่างมาตั้งคู่กับน้ำผักให้เขาทานหลังตื่นนอน
ที่เขาทานเข้าไปทุกวันมันคือยาแก้แพ้เองสินะ..
“แล้วถึงแกจะกินยาแก้แพ้เพื่อดูตัว แต่คิดเหรอว่าชีวิตข้างหน้าแกจะมีความสุขน่ะ”
“ฮึ่ย ทำอย่างกับถ้าแต่งกับหมอนั่นจะมีความสุขอย่างนั้นน่ะ”
เฟียพอได้ยินน้องชายเอ่ยประโยคตัดพ้อออกมา เธอก็กุมมือเขาแล้วมองด้วยสายตาเป็นห่วงพลางพูดว่า..
“อย่างน้อยหมิงมันก็สามารถปกป้องแกได้ เจ๊เชื่อแบบนั้น”
เฟยรู้สึกเริ่มท้อแท้ใจในความยึดมั่นของพี่สาว และเป็นฝ่ายเลิกต่อต้านความคิดของเธอแทน เอาเป็นว่าคงต้องฝากความหวังไปที่อีกคนภาวนาของให้เจ้าตัวยังคงยืนกรานว่าจะไม่แต่งงานกับตนด้วยเถิด
˜
ณ บริษัท Lucca
เฟยถูกลากมายังงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์เรื่องใหม่ที่บริษัท Lucca ซึ่งพี่สาวของเขาได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนชายในการก่อตั้ง ทั้งยังเป็นซีรีส์เรื่องแรกหลังจากที่พวกเขาหันมาจับตลาดผลิตซีรีส์ออนไลน์
“ทำไมต้องลากเฟยมาด้วยเนี่ยเจ๊” ยัยหนูขี้บ่นเอ่ยพลางทำสีหน้างอแงใส่พี่สาว
“ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้างไง รู้ตัวไหมตั้งแต่แกถูกหยางมันถอนหมั้นก็ดูเป็นคนเก็บตัวไปเลยนะ” เขาไม่ได้เก็บตัวซะหน่อยแค่เป็นมนุษย์ Introvert ก็เท่านั้น
“แล้วเจ๊ไม่คิดว่าถ้าเฟยมานี่แล้วจะสร้างความวุ่นวายหรือไงล่ะ?”
“ตอนแรกเจ๊ก็กลัวเหมือนกันนะ แต่ช่วงหลัง ๆ ไม่เห็นแกอาลัยอาวรณ์ไอ้หยางแถมไม่คิดวางแผนทำอะไรไอ้เด็กลีนั่นด้วย ก็เลยคิดว่าแกน่าจะตัดใจได้แล้วน่ะ” เธอบอกออกมาเช่นนั้นพร้อมกับแกล้งเขี่ยคางคนน้องเล่นอย่างเอ็นดู
ทั้งคู่ลงจากรถลีมูซีนที่หน้างาน ซึ่งทันทีที่เท้าแตะถึงพื้นผู้คนก็ต่างหันมามองเขาด้วยความสนใจ
“นั่นใครลงจากรถมากับคุณเฟียน่ะ”
“หล่อมากกก!”
“เป็นดาราใหม่ในสังกัด หรือเปล่านะ?”
“แถมเป็นอัลฟ่าซะด้วย”
“หล่อสะบัด”
เสียงผู้คนที่รายล้อมต่างพากันเอ่ยชมยัยหนูเฟยไม่ขาดปากทำเอาพี่สาวอย่างเฟียอดรู้สึกภูมิใจไปด้วยไม่ได้
“ได้ยินไหมคนเขาชมว่าแกหล่อสะบัด” เธอกระทุ้งสีข้างน้องชายเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มยียวนหมายจะแกล้งแซวให้คนน้องรู้สึกเขิน
“พอเลยเจ๊...อายจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”
เหตุผลที่เฟยเอ่ยเช่นนั้นเป็นเพราะตั้งแต่เช้า พี่สาวของเขาได้สั่งให้ป้าหลี่พาช่างหน้าช่างผมของเธอไปรุมร่างทำให้น้องชาย เพราะพอเห็นเฟยเปลี่ยนลุคจากหนุ่มหน้าสวยสุดเซ็กซี่ เป็นหล่อสมาร์ตกระชากใจสาว ก็ทำให้เจ้าหล่อนนึกไอเดียเติมความหล่อของเฟยให้จึ้งกระแทกตาคนที่มองมาเข้าไปอีก
“ไม่เจอกันแค่แป๊บเดียวดูหล่อขึ้นเป็นกองเชียวนะ”
โปรดติดตามตอนต่อไป..
“หรือมึงไม่อยาก?”แม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่ทว่าแรงปรารถนาเองก็มีมากพอสมควร“เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะไม่ได้ทำแบบนี้แล้ว”ขณะเฟยกำลังก้มหน้าลงไปใช้ปากช่วยทำให้คนพี่อยู่นั้นกลับหลุดถ้อยคำที่ทำให้หมิงถึงกับต้องหยุดค้างไปกลางคัน“อีกหน่อยจะไม่ได้ทำ? หมายความว่าไง?”หมิงถามทวนอีกครั้งพร้อมกับช้อนคางคนด้านล่างให้เงยหน้าขึ้น ทั้งสองจ้องตากันอยู่สักพัก ก่อนจะเป็นยัยน้องเองที่เป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาแล้วผุดลุกขึ้นนั่งข้างกายหมิง“กูตัดสินใจว่าจะไปเรียนแลกเปลี่ยนน่ะ”ราวกับฝันที่หมิงวาดไว้พังลงตรงหน้า เมื่อเฟยเอ่ยออกมาถึงการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่เขาเองก็ไม่ได้คิดถึงมันมาก่อน“ความจริงกูตั้งใจว่า...หลังหย่าค่อยไปน่ะ แต่ตอนนี้คุณลุงเขาไม่ได้เร่งรัดอะไรแล้วไง กูก็เลย...อยากใช้โอกาสนี้รีบไปก่อนที่เขาจะไม่อนุญาต”ช่วงที่ผ่านเหตุการณ์ลักพาตัวครั้งนั้น เฟยก็รู้ถึงความรู้สึกจริง ๆ ที่ตัวเองมีต่อหมิงแล้ว นั่นไม่ใช่แค่ความรู้สึกหวั่นไหวแต่เป็นความรู้สึกชอบ เป็นห่วง คิดถึงจนสามารถเรียกได้ว่ามันเป็นความรักได้เลยเพียงแต่เฟยไม่รู้ว่าอีกคนคิดเช่นไร แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากรู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกอะไรกับตัวเองหรือไม่ เพราะเฟยกลั
ณ คอนโดแห่งหนึ่งย่านชานเมือง“นอนห้องนี้แล้วกัน”หวังเดินนำไปยังห้องนอนห้องหนึ่ง พลางเปิดประตูแล้วบอกให้อีกคนเข้าพักที่นี่ เฟยได้แต่ทำว่าง่ายทว่าสายตากลับพยายามสอดส่ายมองว่ามีบริเวณไหนบ้างที่ตนจะสามารถหลบหนีออกไปได้ก่อนหน้านั้นโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวก็ถูกลียึดไว้แล้วส่งให้หวังไปเรียบร้อยแล้ว การจะติดต่อกับคนภายนอกจึงถูกตัดไป“ทะ ทำไมระเบียงเป็นกระจกปิดตายล่ะครับ? แบบนี้ได้อึดอัดตายกันพอดี” สายตากวาดไปรอบห้องแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าระเบียง ที่ปกติตามคอนโดทั่วไปจะสามารถเปิดออกได้“กูสั่งให้คนเอาประตูเลื่อนออกน่ะ มึงจะได้หนีไปไม่ได้ไง”เรื่องนี้หวังคงคิดมาอย่างดี เพราะแม้ว่าเขาจะรู้จักเฟยคนนี้ดีแค่ไหน ทว่าคนตรงหน้านี้กลับดูแตกต่างราวกับคนละคน ซึ่งเขามั่นใจว่าถ้ามีช่องทางให้หนีได้ละก็ไม่ว่าจะระเบียง หรือแค่หน้าต่างโง่ ๆ เจ้าตัวก็คงสามารถหนีตนไปแน่นอน“หึ เฮียกะจะขังไว้ที่นี่เลยสินะครับ?”“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่จนกว่างานแต่งนั่นจะยกเลิกไปน่ะ”ยามนี้เฟยคิดถึงหมิง คิดถึงเฟียสุดหัวใจ ไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะสามารถตามรอยจากมือถือ และหาที่อยู่ของเขาเจอหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องหาหนทางด้ว
ณ คอนโดแห่งหนึ่งย่านชานเมือง“เข้าไป! พวกมึงจับมันดี ๆ สิวะ!” ลีตะโกนออกคำสั่งให้ลูกน้องที่หวังส่งไปลักพาตัวเฟยมา ให้นำเข้ามาในห้องพักย่านห่างไกลจากการตามหาของหมิง และเฟียสภาพยัยหนูเฟยที่ถูกนำตัวเข้ามามีแต่รอยช้ำจากการถูกตบถูกทำร้าย และมีเลือดออกที่บริเวณมุมปากหวังที่ได้ยินเสียงก็รีบวิ่งมาดู ทว่าก็กลับต้องชักสีหน้าเมื่อเห็นสภาพของคนน้องไม่เป็นไปตามที่ตนกำชับ“กูสั่งไปแล้วเหรอ...ว่าห้ามใครทำร้ายเฟย!” รอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจในตอนแรกเปลี่ยนกลับมาเป็นโกรธเกรี้ยวขึ้นมา“ใครใช้ให้มีปากดีใส่กูล่ะ อีกอย่างก็เพราะมันเสือกโทรหาหมิงไงล่ะ ดีนะที่กูจับได้” นายเอกของซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้คีพความเป็นนายเอกอีกต่อไป สีหน้าหงุดหงิด และรังเกียจ ทุกแสดงออกมาจนหมดเฟยได้เห็นอีกมุมของทั้งสองคนจากที่ต่างออกไปมาก เมื่อก่อนที่มักเห็นทั้งคู่เป็นคนสุภาพ แต่บัดนี้ไม่มีแม้แต่คราบของตัวละครที่เขาดูมาก่อนเลยสักนิด“พวกมึงกลับไปได้ล่ะ โดยเฉพาะมึงไอ้ลี...อย่าคิดนะว่ามึงจะเอาเหตุผลเหี้ยอะไรนั่นมาอ้างแล้วกูจะปล่อยมึงไป ถ้าไม่ติดว่ามึงยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง...มึงได้ตายห่าอยู่ข้างถนนไปนานแล้ว!”หวังกระชากคอเสื้อลีเข้า
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 วันก่อน..˜“เฟยนอนหรือยัง เจ๊เข้าไปหาได้ไหม?”เฟียพยายามเคาะเรียกน้องชายหลังจากที่เธอไล่ให้เพื่อนสนิทกลับไปก่อน เพราะอยากให้ทั้งสองฝ่ายอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยมาคุยกัน ซึ่งไม่นานเฟยก็เป็นฝ่ายเดินมาเปิดประตูให้ร่างบางเดินนำพี่สาวเข้าไปด้านใน ก่อนจะนั่งลงบนเตียงหลังกว้างด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ...บอกเจ๊ได้ไหม?”เฟียเดินไปนั่งลงข้าง ๆ โอบไปยังไหล่ของเฟยพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้คาดคั้น“เรื่องมันยาวอะเจ๊ แต่สรุปสั้น ๆ เลยก็คือลีมันจ้างคนมาทำร้ายตัวเองเพื่อใส่ร้ายเฟย แล้วหยางกับหมิงก็เชื่อ”เฟยเล่าเพียงแค่นั้น ทว่าเฟียก็พอจะเดาสถานการณ์ที่เหลืออยู่ออก เธอต่อยมือลงบนที่นอนเพื่อระบายโกรธ ซึ่งไม่ได้โกรธที่ลีทำแบบนั้น แต่เธอโกรธที่ตัวเองไม่ดื้อตามน้องชายไปด้วย เพราะอย่างน้องเธอนี่แหละที่จะสามารถเป็นพยานยืนยันได้ว่าเฟยไม่ได้เป็นคนทำ“เจ๊ขอโทษนะ ฮึก” เฟียขอโทษน้องชายเสียงสั่ง เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถปกป้องน้องชายผู้เป็นที่รักได้“ขอโทษทำไม เจ๊ไม่เกี่ยวซะหน่อย” พอเฟยได้ยินเช่นนั้นก็หันไปโอบไหล่เล็ก ๆ ของพี่สาวพลางลูบเบา ๆ เพื่อปลอบ“เจ๊จะไปบอกไ
“ยกเลิกงานแต่งไปซะ”หลังประโยคนั้นบรรยากาศกลับเงียบลงทันตา เฟยนิ่งคิดว่าที่อีกคนนัดตนมาแล้วพูดเช่นนี้เพราะอะไรกันแน่“หึ แล้วกูต้องทำตามที่มึงพูดด้วยเหรอ?” ยัยหนูเฟยสวนกลับกลอกตาทำเหมือนไม่ใส่ใจฟังที่ลีบอก พลางยกขาขึ้นมาไขว่ห้างทำราวกับไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร“ไม่แปลกใจหน่อยเหรอที่ผมก็มาคุยกับคุณเรื่องนี้น่ะ”แน่นอนว่าเฟยก็ต้องแปลกใจอยู่แล้ว เพียงแต่จะให้แสดงทีท่าเช่นนั้นต่อหน้าฝ่ายตรงข้ามก็อาจเป็นการเผยไต๋ให้อีกคนคาดเดาความคิดของเขาได้“ก็ไม่นี่ แล้วไง...สรุปนี่เรียกมาคุยแค่นี้ใช่ไหม? งั้นกูขอตัว”“ดูท่าจะมั่นใจมากสินะว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้เฮียหยางหันกลับไปสนใจน่ะ...ไม่คิดบ้างเหรอว่าลูกไม้แค่นี้มันอ่อนเกินไปหน่อยน่ะ เฮ้ออ ถ้าเป็นผมคงทำได้ดีกว่านี้” คำพูดยืดยาวทำให้ เฟยต้องหยุดฟังโดยไม่ทันรู้ตัวทำไมกันนี่เขายังแสดงออกไม่พออีกเหรอว่าตัวเองไม่ได้สนใจในตัวของหยางอีกต่อไปแล้ว..“เฮ้ออ พูดจนปากเปียกปากแฉะ มึงก็ไม่เข้าใจอยู่ดีสินะว่าที่กูแต่งงานน่ะ...ไม่ใช่เพราะไอ้หยาง”“แล้วมันเพราะอะไรล่ะ? จะบอกว่าเป็นเพราะคุณชอบเฮียหมิงงั้นเหรอ หึ ๆ อย่ามาพูดให้ขำหน่อยเลย เอาตรง ๆ นะที่พวกคุณเล่นละครว่าร
“ช่วยกูแยกเฟยออกจากไอ้หมิงซะ”“หึ ชอบมันมากสินะ” พอได้ยินเช่นนั้นก็ทำเอาลีพ่นเสียงหัวเราะในลำคอออกมาอย่างนึกขบขัน ไม่คิดว่าคนอย่างหวังจะมีความคิดอยากแย่งชิงแบบนี้กับเขาด้วย“คิดว่าคนอย่างมึงมีสิทธิ์จะมาเรียกเฟยว่ามันงั้นเหรอ?”เบต้าหนุ่มยกเหล้าขึ้นจิบเบา ๆ พลางมองแก้วในมือก่อนจะเงยหน้าจ้องไปที่อีกคนด้วยสายตาดูถูก“ทำไม!? มันมีดีกว่าตรงไหน ก็แค่คุณหนูเอาแต่ใจ...”เพล้ง!แก้วถูกเขวี้ยงผ่านหน้าไปยังด้านหลังโอเมก้าหนุ่ม ก่อนมันจะตกกระทบลงพื้นดังสนั่น ทำเอาร่างบางสะดุ้งตกใจหน้าซีดไม่คิดว่าคนสุภาพเช่นนั้นจะมีมุมน่ากลัวแบบนี้ด้วย“ต้องถามว่ามึงมีอะไรเอามาเทียบกับเฟยได้หรือเปล่ามากกว่า”“เฮีย!”“หรือว่าไม่จริง?” ลีถึงกับพูดไม่ออกได้แต่คว้าแก้วค็อกเทลของตัวเองมาดื่มรวดเดียวจนหมด สีหน้าเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก“ถ้าช่วยแล้วจะได้อะไรล่ะ?”“ก็ได้ไอ้หมิงคืนไปไม่ใช่หรือไง?”“ทำไมพูดแบบนั้นอะ! ลีไม่ได้...คิดอะไรกับเฮียหมิงแล้วซะหน่อย” ทำเป็นเฉไฉไปอย่างนั้น ทว่าในใจกลับรู้สึกเต้นเร่าเพราะถูกอีกคนจับทางเอาได้ หากยังด้อแพร่งไม่ให้ความร่วมมือต่อไปดีไม่ดีเรื่องนี้คงได้ไปเข้าหูของหยางอย่างแน่นอน“เฮียจะทำยังไง