“ไม่เจอกันแค่แป๊บเดียว...ดูหล่อขึ้นเป็นกองเลยนะ”
˜ เสียงทุ้มนุ่มฟังดูรื่นหูเอ่ยพลางเดินเข้ามาปรากฏตัวตรงหน้าสองพี่น้องตัว ฟ. ทว่ายัยคนน้องกลับรู้สึกไม่คุ้นหน้าเขาเลยสักนิด นัยน์ตามองอีกฝ่ายด้วยความว่างเปล่าจนทำเอาคนทักถึงกับหน้าเสีย “นี่...กูพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า? เอ่อ...ขอโทษนะ” เขารีบกล่าวขออภัยเฟยทันทีเพราะเกรงว่าจะสร้างความไม่พอใจให้อีกคน เพียงแต่ยัยหนูเฟยผิดกับคนตรงข้ามที่ตอนนี้ไม่รู้จะตอบกลับเขาคนนั้นออกไปเช่นไร จึงได้แต่แอบสะกิดแขนคนข้างกายพลางกระซิบถามด้วยความอยากรู้ “ใครอะเจ๊” เฟียที่เข้าใจดีว่าตอนนี้น้องชายของเธอสติเลอะเลือนจำใครต่อใครไม่ค่อยได้ จึงหันไปกระซิบตอบ “นี่หวังเพื่อนเจ๊...แล้วก็เป็นหุ้นส่วนอีกคนของบริษัทแถมแกก็ยังสนิทกับหมอนี่ด้วยนะ” พอได้ยินเช่นนั้นเฟยก็นึกขึ้นมาได้ว่าในเนื้อเรื่องเฟยคนก่อนมีพี่ที่สนิท ซึ่งเป็นเพื่อนของพี่สาวเขาตัวแปรสำคัญ เนื่องจากเฟยคนก่อนมักจะสั่งให้เขาคอยทำเรื่องไม่ดี แต่ที่พีคสุดคือหวังเองก็แอบชอบเฟย เชาจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะใจคนน้องเข้าสักวัน ทว่ายัยหนูเฟยคนนั้นกลับเห็นเขาเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง.. “สวัสดีครับเฮียหวัง เอ่อ...ขอบคุณที่ชมนะครับ” การตอบโต้ของเฟยทำเอาหวังรู้สึกแปลกใจชอบกลไหนจะคำพูด และท่าทางที่ปฏิบัติกับเขาราวกับคนละคน “เอ่อ...กูว่าเข้าไปในงานดีกว่านะ อยู่ข้างนอกนานเดี๋ยวหน้ากูจะเยิ้มซะก่อน แฮะ ๆ” เฟียรีบเบี่ยงเบนความสนใจของเพื่อนสนิทโดยยื่นมือแตะไปยังข้อศอกของคนข้าง ๆ สะกิดให้เขาเข้าไปในงานอย่างรวดเร็ว ลุคใหม่ของเฟยสะดุดตาผู้คนในงานเอามาก ๆ พอผนวกกับการที่ถูกแต่งเสริมเติมหล่อเข้าไปอีกก็ทำเอาเหล่าโอเมก้าอยากจะรีบเข้ามารายล้อมรอบตัวเขามากขึ้น “อึก...เจ๊ว่าบรรยากาศมันแออัดไปป่ะ?” ทั้งที่ไม่มีใครเข้ามารุมล้อมรอบตัวคนพูดเลยสักคน แต่กลับทำให้รู้สึกราวกับหายใจไม่ออกแถมยังรู้สึกคันยิบ ๆ ขึ้นมาในบริเวณใต้รร่มผ้าอีกด้วย “อาการแพ้โอเมก้ากำเริบแน่เลยอะ แกรีบอัดยาเข้าไปอีกเม็ดเร็วเข้า!” เฟียรีบหยิบเอาขวดยาที่นำติดมา พร้อมกับหยิบไปหยิบแก้วน้ำจากเด็กเสิร์ฟส่งให้น้องชายทันที สิ่งที่เฟียคาดการณ์ผิดไปคือรูปลักษณ์ของเฟยดันสะดุดตาเหล่าโอเมก้าจนพากันปล่อยฟีโรโมนใส่น้องของเธอจนอาการแพ้กำเริบขนาดตัวเธอเองที่เป็นอัลฟ่ายังรู้สึกขนลุกขึ้นมาเหมือนกัน “เป็นเพราะมึงแต่งมาหล่อเกินไงมั้ง” หวังเดินมาขนาบข้างแล้วเอ่ยแซวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ “แล้วทำไมอยู่ดี ๆ ถึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองล่ะเนี่ย หืม?” เขากอดคอคนน้องแล้วเอ่ยถามโดยแกล้งทำเป็นกระซิบที่ข้างหูเพื่อกันโอเมก้าที่กำลังจ้องมาตาเป็นมันให้ค่อย ๆ ล่าถอยออกไป “2025 แล้วครับเปลี่ยนบ้างอะไรบ้าง” “อืม ก็ดีนะ...ลุคนี้ใช้ได้เลยล่ะ” แววตาที่หวังมองทางอีกคนนั้นทำเอาเฟยรู้ได้ในทันทีว่าเขามีความรู้สึกเช่นไรต่อเฟยคนก่อน เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่ใช่เฟยคนนั้นอีกแล้ว ทางที่ดีที่สุดเพื่อกันไม่ให้ตัวเขาต้องไปพบกับจุดจบแบบต้นฉบับ นั่นก็คือการแสดงออกอย่างชัดเจนไปเลยว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรกับอีกคน “เจ๊กับเฮียน่าจะต้องไปเตรียมตัวขึ้นเวทีแล้วนะครับ นี่เฟยก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะทั้งคู่รีบไปกันก่อนจะดีกว่า” เฟยแกะแขนที่โอบรอบคอเขาออก พร้อมกับที่ขยับตัวเดินหนีจากอีกคนแล้วกลับไปยืนอยู่ข้างพี่สาว “อยู่คนเดียวได้แน่นะ” เจ๊เฟียถามย้ำ “ครับ” เฟยตอบกลับพร้อมยิ้มกว้าง หลังจากที่สองคนนั้นไปเตรียมตัวเพื่อขึ้นแถลงข่าว เฟยซึ่งไม่รู้ว่าจะทำตัวเช่นไรจึงหยิบเครื่องดื่มจากพนักงาน พลางตรงไปยังโต๊ะของว่างที่จัดไว้เพื่อรับรองแขกเหรื่อ ปึ่ก! “ขอโทษ...อ้าวเฟยมางานนี้ด้วยเหรอ?” ใครคนหนึ่งเดินมาชนยัยน้องจากด้านหลังร่างสูงโปร่งนัยน์ตาคมคิ้วเรียงเส้นสวย อีกทั้งการแต่งตัวดูภูมิฐานผิดกับช่วงวัยที่ควรจะเป็นไป ทว่าก็ไม่ได้ทำให้ลุคของเขาดูแย่เลยสักนิด ออร่าความเด่นที่ทะลุออกมา หากเป็นโลกก่อนคนคนนี้คงได้เป็นดาราตัวท็อประดับพระเอกไปแล้ว “เฮียหยางคุยกับ...ใคร” กลับมีอีกร่างที่เดินเข้ามาคว้าแขนชายตรงหน้าเอ่ยถามอย่างสนิทสนมกับอีกฝ่าย แต่เมื่อเขาเห็นเฟยก็กลับชะงักประโยคที่พูดทันที หยาง? หรือว่าเขาคนนี้จะเป็นหยางพระเอกของเรื่อง เช่นนั้นคนข้าง ๆ ก็คงจะเป็นลีนายเอกอีกคนสินะ.. เรือนร่างที่ไม่สูงจนเกินไปบอบบางจนดูน่าทะนุถนอมผิวขาวเรียบเนียนเหมาะกับสีเสื้อที่เขาสวมใส่ ใบหน้ากลมมนเรียวเล็กปากนิดจมูกหน่อยดูสมกับเป็นโอเมก้ายีนเด่นตามที่เฟียบอกมาไม่มีผิด “คะ คุณเฟย” สีหน้าของลีเกิดอาการหวาด ๆ ขึ้นมาทันทีที่เห็นอีกฝ่าย เขารีบเดินไปหลบอยู่ด้านหลังของหยางทำราวกับกลัวว่าจะถูกยัยหนูเฟยจับกินอย่างไรอย่างนั้น “ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้ป่ะ ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” ปกติแล้วเฟยไม่ใช่คนที่พูดจาเช่นนี้กับคนที่ไม่รู้จัก ทว่าหากเขาไม่แสดงท่าทีแบบปกติก็อาจทำให้ฝั่งตรงข้างสงสัยเอาได้ “ถ้าจะมาก่อกวนที่นี่ละก็ มึงรีบกลับไปเหอะ” “ก่อกวนอะไร!? นี่ก็อยู่เฉย ๆ ป่ะวะมีแต่เด็กมึงนั่นแหละ อยู่ดี ๆ ก็มาทำท่าทำทางเหมือนกลัวจะถูกจับกินซะอย่างนั้น” เฟยสวนกลับก่อนจะกระดกน้ำในแก้วนั้นแล้วเดินเลี่ยงออกมาอย่างหัวเสีย ซึ่งนั่นทำให้หยางกับลีแปลกใจมากเพราะถ้าหากเป็นเมื่อก่อน อีกคนคงได้สาดเครื่องดื่มในมือใส่คนทั้งสองนี้ไปแล้ว “เดี๋ยวนี้หัดควบคุมอารมณ์ได้แล้วสินะ” เดินออกมาจากสองคนนั้นได้ไม่นานเฟยกลับได้ยินเสียงของใครสักคนเอ่ยด้วยถ้วยคำเหน็บแนม พอหันไปก็เห็นว่าเป็นหมิงที่กำลังเดินออกมาจากมุมหนึ่งในห้องโถง “ไม่เข้าไปทักทายแฟนเก่าซะหน่อยเหรอ...วันนี้หมอนั่นแต่งตัวมาซะสวยเลยนะ” เรื่องอะไรที่เฟยจะปล่อยให้อีกฝ่ายเหน็บแนมได้อยู่คนเดียวล่ะ พูดจบก็ทำทีเป็นมองไปยังคู่รักหยางลีตรงนั้น แต่สายตากลับแสดงความเย้ยหยันใส่ร่างสูงที่ยืนตรงหน้าจนเขาเริ่มรู้สึกหมั่นไส้ “ให้มันน้อย ๆ หน่อย อย่างน้อยกูก็อายุมากกว่ามึง” “แต่มึงก็ไม่เคยแสดงท่าทีให้น่าเคารพเลยไม่ใช่เหรอ?” หมิงเริ่มคันไม้คันมืออยากเขกกะโหลกคนตรงหน้าชะมัดไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ทำไมเด็กนี่ถึงได้พูดจากวนเบื้องล่างเสียเหลือเกิน หากเป็นเมื่อก่อนเจ้าตัวคงด่าสวน ไม่ก็พุ่งเข้ามาใช้กำลังจนคนทั้งงานแตกตื่นกันหมด “เอ่อ...สวัสดีค่ะ นี่ใช่คุณเฟยน้องของคุณเฟียหรือเปล่าคะ?” ขณะนั้นเองจู่ ๆ กลับมีหญิงสาวคนหนึ่งที่มีกลิ่นของฟีโรโมนของโอเมก้าจาง ๆ เธอเดินเข้ามาทักด้วยสีหน้าเคอะเขิน หากเป็นในโลกก่อนเขาคงวิ่งใส่ผู้หญิงคนนี้ไปแล้ว ทว่าพอมาอยู่ในร่างนี้กลับรู้สึกกระอักกระอ่วน มันเริ่มอึดอัดหายใจก็ไม่ทั่วท้องแถมยังรู้สึกคับยุบยิบที่หลังคออีกด้วย เธอคนนั้นเห็นเฟยเริ่มดูไม่ค่อยสบายตัวนัก จึงเอื้อมมือไปหวังจะแตะตัวแล้วถามไถ่อาการ.. “คุณเฟยไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า..” “ขอบคุณที่เป็นห่วงหมอนี่นะครับ แต่ผมกับเขาต้องไปที่อื่นต่อน่ะ” เป็นหมิงที่เอี้ยวตัวเข้ามาบังเฟยเอาไว้ กันไม่ให้โอเมก้าสาวเข้ามาจับตัวเขาได้ หมิงคว้ามือคนน้องแล้วพาเดินออกมา เพื่อหวังให้เจ้าตัวได้หายใจสะดวกมากขึ้น “กินยาแก้แพ้มาหรือเปล่า?” หมิงถามเฟยที่กำลังพยายามสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด โดยลอบมองสำรวจตามเนื้อตัวว่าผื่นจากอาการแพ้ผุดขึ้นมาแล้วหรือยัง “กินแล้ว แต่น่าจะเอาไม่อยู่” เฟยตอบเขาไม่คิดมาก่อนว่าอาการแพ้นี่จะรุนแรงมากขนาดนี้ คนน้องหยิบยาดังกล่าวออกมาอีกครั้งแล้วทานมันเข้าไปทั้งที่ไม่มีน้ำ “ทำอะไรของมึงเนี่ย!?” เฟยถามขณะที่อีกคนยังคงจ้องมองมาที่ตัวเขาโดยรอดผ่านเข้ามาในร่มผ้า พลางรีบดึงคอเสื้อขึ้นมาเพื่อกันไม่ให้อีฝ่ายทำอะไรพิลึกพิลั่น “แค่จะดูว่ามีผื่นขึ้นหรือเปล่า” หมิงกลับดึงคอเสื้อด้านหลังของเฟยออก จ้องมองเข้าไปด้านในแล้วพบผื่นแดงเกิดขึ้นเป็นจ้ำเล็ก ๆ “มึงนี่นะ...รู้ว่าแพ้ก็ยังมา” หมิงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบเอาตลับสีแดงเล็ก ๆ อันหนึ่งออกมาเปิดฝาใช้นิ้วแต้มเนื้อครีมที่อยู่ในตลับนั่น พลางทาลงมายังต้นคอด้านหลังของเฟย “ไอ้...” “อยู่เฉย ๆ” เสียงทุ้มออกคำสั่งบังคับให้ยัยหนูเฟยจำต้องยืนอยู่นิ่ง ๆ ก่อนที่เขาจะทามันลงมายังต้นคอเบา ๆ แล้วใช้ปากเป่าให้เนื้อครีมซึมผ่านลงสู่ผิวให้เร็วขึ้น ‘ดู ๆ ไปหมอนี่ก็ไม่ได้เลวร้ายแบบที่ดูมาเลยแฮะ’ ภาพในซีรีส์ที่ตัวละครหมิงจับเฟยกดลงบนโซฟาแล้วทำเรื่องอย่างว่าแบบโหดร้าย ผุดเข้ามาทำให้เฟยต้องรีบสลัดความคิดชั่ววูบนั้นออกไปโดยเร็ว พลางเด้งตัวขยับหนีจากอีกคนทันที “ไม่ต้องมายุ่ง! กูดูแลตัวเองได้” โปรดติดตามตอนต่อไป..“หรือมึงไม่อยาก?”แม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่ทว่าแรงปรารถนาเองก็มีมากพอสมควร“เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะไม่ได้ทำแบบนี้แล้ว”ขณะเฟยกำลังก้มหน้าลงไปใช้ปากช่วยทำให้คนพี่อยู่นั้นกลับหลุดถ้อยคำที่ทำให้หมิงถึงกับต้องหยุดค้างไปกลางคัน“อีกหน่อยจะไม่ได้ทำ? หมายความว่าไง?”หมิงถามทวนอีกครั้งพร้อมกับช้อนคางคนด้านล่างให้เงยหน้าขึ้น ทั้งสองจ้องตากันอยู่สักพัก ก่อนจะเป็นยัยน้องเองที่เป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาแล้วผุดลุกขึ้นนั่งข้างกายหมิง“กูตัดสินใจว่าจะไปเรียนแลกเปลี่ยนน่ะ”ราวกับฝันที่หมิงวาดไว้พังลงตรงหน้า เมื่อเฟยเอ่ยออกมาถึงการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่เขาเองก็ไม่ได้คิดถึงมันมาก่อน“ความจริงกูตั้งใจว่า...หลังหย่าค่อยไปน่ะ แต่ตอนนี้คุณลุงเขาไม่ได้เร่งรัดอะไรแล้วไง กูก็เลย...อยากใช้โอกาสนี้รีบไปก่อนที่เขาจะไม่อนุญาต”ช่วงที่ผ่านเหตุการณ์ลักพาตัวครั้งนั้น เฟยก็รู้ถึงความรู้สึกจริง ๆ ที่ตัวเองมีต่อหมิงแล้ว นั่นไม่ใช่แค่ความรู้สึกหวั่นไหวแต่เป็นความรู้สึกชอบ เป็นห่วง คิดถึงจนสามารถเรียกได้ว่ามันเป็นความรักได้เลยเพียงแต่เฟยไม่รู้ว่าอีกคนคิดเช่นไร แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากรู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกอะไรกับตัวเองหรือไม่ เพราะเฟยกลั
ณ คอนโดแห่งหนึ่งย่านชานเมือง“นอนห้องนี้แล้วกัน”หวังเดินนำไปยังห้องนอนห้องหนึ่ง พลางเปิดประตูแล้วบอกให้อีกคนเข้าพักที่นี่ เฟยได้แต่ทำว่าง่ายทว่าสายตากลับพยายามสอดส่ายมองว่ามีบริเวณไหนบ้างที่ตนจะสามารถหลบหนีออกไปได้ก่อนหน้านั้นโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวก็ถูกลียึดไว้แล้วส่งให้หวังไปเรียบร้อยแล้ว การจะติดต่อกับคนภายนอกจึงถูกตัดไป“ทะ ทำไมระเบียงเป็นกระจกปิดตายล่ะครับ? แบบนี้ได้อึดอัดตายกันพอดี” สายตากวาดไปรอบห้องแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าระเบียง ที่ปกติตามคอนโดทั่วไปจะสามารถเปิดออกได้“กูสั่งให้คนเอาประตูเลื่อนออกน่ะ มึงจะได้หนีไปไม่ได้ไง”เรื่องนี้หวังคงคิดมาอย่างดี เพราะแม้ว่าเขาจะรู้จักเฟยคนนี้ดีแค่ไหน ทว่าคนตรงหน้านี้กลับดูแตกต่างราวกับคนละคน ซึ่งเขามั่นใจว่าถ้ามีช่องทางให้หนีได้ละก็ไม่ว่าจะระเบียง หรือแค่หน้าต่างโง่ ๆ เจ้าตัวก็คงสามารถหนีตนไปแน่นอน“หึ เฮียกะจะขังไว้ที่นี่เลยสินะครับ?”“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่จนกว่างานแต่งนั่นจะยกเลิกไปน่ะ”ยามนี้เฟยคิดถึงหมิง คิดถึงเฟียสุดหัวใจ ไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะสามารถตามรอยจากมือถือ และหาที่อยู่ของเขาเจอหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องหาหนทางด้ว
ณ คอนโดแห่งหนึ่งย่านชานเมือง“เข้าไป! พวกมึงจับมันดี ๆ สิวะ!” ลีตะโกนออกคำสั่งให้ลูกน้องที่หวังส่งไปลักพาตัวเฟยมา ให้นำเข้ามาในห้องพักย่านห่างไกลจากการตามหาของหมิง และเฟียสภาพยัยหนูเฟยที่ถูกนำตัวเข้ามามีแต่รอยช้ำจากการถูกตบถูกทำร้าย และมีเลือดออกที่บริเวณมุมปากหวังที่ได้ยินเสียงก็รีบวิ่งมาดู ทว่าก็กลับต้องชักสีหน้าเมื่อเห็นสภาพของคนน้องไม่เป็นไปตามที่ตนกำชับ“กูสั่งไปแล้วเหรอ...ว่าห้ามใครทำร้ายเฟย!” รอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจในตอนแรกเปลี่ยนกลับมาเป็นโกรธเกรี้ยวขึ้นมา“ใครใช้ให้มีปากดีใส่กูล่ะ อีกอย่างก็เพราะมันเสือกโทรหาหมิงไงล่ะ ดีนะที่กูจับได้” นายเอกของซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้คีพความเป็นนายเอกอีกต่อไป สีหน้าหงุดหงิด และรังเกียจ ทุกแสดงออกมาจนหมดเฟยได้เห็นอีกมุมของทั้งสองคนจากที่ต่างออกไปมาก เมื่อก่อนที่มักเห็นทั้งคู่เป็นคนสุภาพ แต่บัดนี้ไม่มีแม้แต่คราบของตัวละครที่เขาดูมาก่อนเลยสักนิด“พวกมึงกลับไปได้ล่ะ โดยเฉพาะมึงไอ้ลี...อย่าคิดนะว่ามึงจะเอาเหตุผลเหี้ยอะไรนั่นมาอ้างแล้วกูจะปล่อยมึงไป ถ้าไม่ติดว่ามึงยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง...มึงได้ตายห่าอยู่ข้างถนนไปนานแล้ว!”หวังกระชากคอเสื้อลีเข้า
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 วันก่อน..˜“เฟยนอนหรือยัง เจ๊เข้าไปหาได้ไหม?”เฟียพยายามเคาะเรียกน้องชายหลังจากที่เธอไล่ให้เพื่อนสนิทกลับไปก่อน เพราะอยากให้ทั้งสองฝ่ายอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยมาคุยกัน ซึ่งไม่นานเฟยก็เป็นฝ่ายเดินมาเปิดประตูให้ร่างบางเดินนำพี่สาวเข้าไปด้านใน ก่อนจะนั่งลงบนเตียงหลังกว้างด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ...บอกเจ๊ได้ไหม?”เฟียเดินไปนั่งลงข้าง ๆ โอบไปยังไหล่ของเฟยพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้คาดคั้น“เรื่องมันยาวอะเจ๊ แต่สรุปสั้น ๆ เลยก็คือลีมันจ้างคนมาทำร้ายตัวเองเพื่อใส่ร้ายเฟย แล้วหยางกับหมิงก็เชื่อ”เฟยเล่าเพียงแค่นั้น ทว่าเฟียก็พอจะเดาสถานการณ์ที่เหลืออยู่ออก เธอต่อยมือลงบนที่นอนเพื่อระบายโกรธ ซึ่งไม่ได้โกรธที่ลีทำแบบนั้น แต่เธอโกรธที่ตัวเองไม่ดื้อตามน้องชายไปด้วย เพราะอย่างน้องเธอนี่แหละที่จะสามารถเป็นพยานยืนยันได้ว่าเฟยไม่ได้เป็นคนทำ“เจ๊ขอโทษนะ ฮึก” เฟียขอโทษน้องชายเสียงสั่ง เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถปกป้องน้องชายผู้เป็นที่รักได้“ขอโทษทำไม เจ๊ไม่เกี่ยวซะหน่อย” พอเฟยได้ยินเช่นนั้นก็หันไปโอบไหล่เล็ก ๆ ของพี่สาวพลางลูบเบา ๆ เพื่อปลอบ“เจ๊จะไปบอกไ
“ยกเลิกงานแต่งไปซะ”หลังประโยคนั้นบรรยากาศกลับเงียบลงทันตา เฟยนิ่งคิดว่าที่อีกคนนัดตนมาแล้วพูดเช่นนี้เพราะอะไรกันแน่“หึ แล้วกูต้องทำตามที่มึงพูดด้วยเหรอ?” ยัยหนูเฟยสวนกลับกลอกตาทำเหมือนไม่ใส่ใจฟังที่ลีบอก พลางยกขาขึ้นมาไขว่ห้างทำราวกับไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร“ไม่แปลกใจหน่อยเหรอที่ผมก็มาคุยกับคุณเรื่องนี้น่ะ”แน่นอนว่าเฟยก็ต้องแปลกใจอยู่แล้ว เพียงแต่จะให้แสดงทีท่าเช่นนั้นต่อหน้าฝ่ายตรงข้ามก็อาจเป็นการเผยไต๋ให้อีกคนคาดเดาความคิดของเขาได้“ก็ไม่นี่ แล้วไง...สรุปนี่เรียกมาคุยแค่นี้ใช่ไหม? งั้นกูขอตัว”“ดูท่าจะมั่นใจมากสินะว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้เฮียหยางหันกลับไปสนใจน่ะ...ไม่คิดบ้างเหรอว่าลูกไม้แค่นี้มันอ่อนเกินไปหน่อยน่ะ เฮ้ออ ถ้าเป็นผมคงทำได้ดีกว่านี้” คำพูดยืดยาวทำให้ เฟยต้องหยุดฟังโดยไม่ทันรู้ตัวทำไมกันนี่เขายังแสดงออกไม่พออีกเหรอว่าตัวเองไม่ได้สนใจในตัวของหยางอีกต่อไปแล้ว..“เฮ้ออ พูดจนปากเปียกปากแฉะ มึงก็ไม่เข้าใจอยู่ดีสินะว่าที่กูแต่งงานน่ะ...ไม่ใช่เพราะไอ้หยาง”“แล้วมันเพราะอะไรล่ะ? จะบอกว่าเป็นเพราะคุณชอบเฮียหมิงงั้นเหรอ หึ ๆ อย่ามาพูดให้ขำหน่อยเลย เอาตรง ๆ นะที่พวกคุณเล่นละครว่าร
“ช่วยกูแยกเฟยออกจากไอ้หมิงซะ”“หึ ชอบมันมากสินะ” พอได้ยินเช่นนั้นก็ทำเอาลีพ่นเสียงหัวเราะในลำคอออกมาอย่างนึกขบขัน ไม่คิดว่าคนอย่างหวังจะมีความคิดอยากแย่งชิงแบบนี้กับเขาด้วย“คิดว่าคนอย่างมึงมีสิทธิ์จะมาเรียกเฟยว่ามันงั้นเหรอ?”เบต้าหนุ่มยกเหล้าขึ้นจิบเบา ๆ พลางมองแก้วในมือก่อนจะเงยหน้าจ้องไปที่อีกคนด้วยสายตาดูถูก“ทำไม!? มันมีดีกว่าตรงไหน ก็แค่คุณหนูเอาแต่ใจ...”เพล้ง!แก้วถูกเขวี้ยงผ่านหน้าไปยังด้านหลังโอเมก้าหนุ่ม ก่อนมันจะตกกระทบลงพื้นดังสนั่น ทำเอาร่างบางสะดุ้งตกใจหน้าซีดไม่คิดว่าคนสุภาพเช่นนั้นจะมีมุมน่ากลัวแบบนี้ด้วย“ต้องถามว่ามึงมีอะไรเอามาเทียบกับเฟยได้หรือเปล่ามากกว่า”“เฮีย!”“หรือว่าไม่จริง?” ลีถึงกับพูดไม่ออกได้แต่คว้าแก้วค็อกเทลของตัวเองมาดื่มรวดเดียวจนหมด สีหน้าเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก“ถ้าช่วยแล้วจะได้อะไรล่ะ?”“ก็ได้ไอ้หมิงคืนไปไม่ใช่หรือไง?”“ทำไมพูดแบบนั้นอะ! ลีไม่ได้...คิดอะไรกับเฮียหมิงแล้วซะหน่อย” ทำเป็นเฉไฉไปอย่างนั้น ทว่าในใจกลับรู้สึกเต้นเร่าเพราะถูกอีกคนจับทางเอาได้ หากยังด้อแพร่งไม่ให้ความร่วมมือต่อไปดีไม่ดีเรื่องนี้คงได้ไปเข้าหูของหยางอย่างแน่นอน“เฮียจะทำยังไง