แชร์

ตอนที่ 7 มิติที่เปิดออก

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-10 23:14:33

“เจ้าช่างโชคดีนัก ที่มีลูกชายกตัญญูเช่นนี้…” ฟ่านหนิงเอ่ยเสียงแผ่ว สายตามองไปยังแม่ลูกอย่างเงียบงัน ความทรงจำถึงลูกที่จากไปทำให้นางรู้สึกอ้างว้างในหัวใจ ฤดูหนาวปีนี้ นางต้องอยู่เพียงลำพังอีกครั้ง

เริ่นหรงฮวาจับความรู้สึกของนางได้ จึงกล่าวอย่างอ่อนโยน “ท่านป้า หากท่านไม่รังเกียจ มาอยู่กับพวกเราก็ได้นะเจ้าคะ ท่านจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว เราสองแม่ลูกยินดีต้อนรับท่านเสมอ”

ฟ่านหนิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ และเช็ดน้ำตาที่คลอหน่วย “ขอบใจในความหวังดีของพวกเจ้านะ… แต่ข้ายังละทิ้งบ้านที่เคยมีครอบครัวอยู่ด้วยกันไม่ลง หากวันใดข้าตัดใจได้ ข้าจะย้ายมาอยู่กับพวกเจ้าแน่นอน ตอนนี้… ดูแลตัวเองให้ดี หิมะกำลังตกหนักขึ้นทุกวัน ไม่ต้องเป็นห่วงข้า”

นางกล่าวลาทั้งสอง และหันหลังกลับไปด้วยแววตาที่ยังมีรอยเศร้า

ทางด้านผ้าแพรที่ยังคงสิงอยู่ในต้นหญ้า มองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความรู้สึกปนเป ความอบอุ่นระหว่างคนและบ้านใหม่ทำให้นางยิ่งรู้สึกเดียวดาย ‘นี่ข้ามาอยู่ที่นี่ได้เกินเดือนแล้วสินะ…’ ความคิดที่ผุดขึ้นมานั้น ทำให้จิตใจของผ้าแพรยิ่งหม่นหมอง ดอกหญ้าสีม่วงที่นางสิงสถิตอยู่ก็พลอยเหี่ยวเฉาลงด้วยอารมณ์ที่แปรเปลี่ยน

หลังจากย้ายเข้าบ้านใหม่ได้ไม่นาน เหว่ยหยางก็วุ่นวายกับการจัดเตรียมฟืนและเสบียงให้พร้อมรับฤดูหนาว ปีนี้เขาตุนฟืนไว้มากพอ ทำให้ไม่จำเป็นต้องขึ้นเขาอีกสักพัก ชีวิตที่ลำบากกำลังค่อย ๆ กลายเป็นความอบอุ่นที่จับต้องได้…

วันเวลาผ่านไปทีละวัน ผ้าแพรเฝ้ามองชีวิตของเริ่นเหว่ยหยางมาตลอดโดยไม่มีวันละสายตา นางได้รับรู้เรื่องราวทุกอย่างของเขาอย่างเงียบงัน หลายครั้งที่เด็กชายพามารดาออกมาเดินเล่นรับอากาศภายนอก ผ้าแพรรู้สึกว่าร่างกายของตนเริ่มมีพลังบางอย่าง จึงลองใช้พลังนั้นเพื่อช่วยรักษาอาการป่วยของแม่เหว่ยหยาง และดูเหมือนจะได้ผล เพราะอาการของนางดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว นับจนวันนี้ผ้าแพรมาอยู่ในโลกนี้ได้สามปีแล้ว ในตอนนี้นางพอจะรู้ว่าตนสามารถทำอะไรได้บ้าง ทว่าเรื่องหนึ่งที่ยังคงทำไม่ได้ก็คือการขยับเคลื่อนย้ายไปไหนตามใจต้องการ

จนกระทั่งคืนหนึ่ง… วันที่พระจันทร์เต็มดวง มิติที่ผ้าแพรเฝ้ามองมานานก็เปิดออกอย่างเงียบงัน ร่างของนางปรากฏขึ้นภายในนั้นเป็นครั้งแรก หมอกขาวที่เคยบดบังสายตาค่อย ๆ จางลง เผยให้เห็นทิวทัศน์บางส่วน ขณะที่บางพื้นที่ยังคงถูกปิดบังไว้

นางไม่เข้าใจว่ามิตินี้มีไว้เพื่ออะไร แต่ภายในกลับมีบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง ตกแต่งครบถ้วน มีห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น และห้องนอน ทุกอย่างดูอบอุ่นและน่าอยู่ราวกับเคยเป็นบ้านของนางมาก่อนก็ไม่ปาน การรับรู้ของผ้าแพรชัดเจนขึ้นกว่าเดิมมาก จิตวิญญาณของนางไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในต้นหญ้าต้นเดียวอีกต่อไป หากบริเวณใดมีต้นหญ้าชนิดเดียวกัน นางก็สามารถย้ายสำนึกรับรู้ไปสัมผัสที่นั่นได้

เมื่อเดินออกจากบ้านหลังเล็ก นางพบกับบ่อน้ำพุที่มีพลังวิญญาณไหลเวียนอบอวล กลิ่นอายของมันทำให้ร่างวิญญาณสดชื่นขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ นางเฝ้าถามตัวเองว่าทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ แต่ก็ยังไร้คำตอบ

ระหว่างสำรวจจนถึงขอบเขตของมิติ นางพบว่าเส้นทางบางส่วนยังคงถูกหมอกปกคลุมไว้ ‘หรือว่าด้านหลังหมอกนั้นจะยังมีบางสิ่งซ่อนอยู่’ นางคิดอย่างสงสัย ทว่าในเวลานี้ สิ่งที่พอทำได้ก็คือสำรวจผ่านสายตาและจิตสำนึกเท่านั้น โดยเฉพาะในป่านอกมิติรอบหมู่บ้าน ที่แม้จะเต็มไปด้วยต้นหญ้า แต่น้อยนักที่จะมีต้นไม้ใหญ่เขียวชอุ่มให้เห็น

เมื่อสำรวจจนครบ ผ้าแพรก็กลับเข้าสู่ต้นหญ้าต้นเดิม ทว่า…นางยังไม่อาจรู้ได้ว่าต้นหญ้าที่สิงอยู่นี้คือพันธุ์ใด เพราะไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย

“เจ้าต้นหญ้า ได้ยินข้าหรือเปล่า?” เหว่ยหยางเอ่ยทักต้นหญ้าอย่างที่เคยทำเป็นกิจวัตรประจำวัน แต่ครั้งนี้…ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ

ผ้าแพรที่กำลังล่องลอยอยู่ ได้ยินเสียงเรียกของเขาก็สั่นไหวดอกหญ้าเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับ

เมื่อเห็นดอกหญ้าสะบัดเบา ๆ เหว่ยหยางก็ยิ้มอย่างโล่งใจ “ข้านึกว่าเจ้าโดนไก่จิกตายเสียแล้ว” เขาพูดหยอกอย่างขบขัน ใบหน้าของเด็กหนุ่มฉายแววสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

‘เมื่อไหร่ฉันจะหลุดพ้นจากสภาพนี้เสียทีนะ… ฉันเบื่อเหลือเกินกับการพูดไม่ได้แบบนี้’ ผ้าแพรคิดอย่างหงุดหงิด ลำต้นของนางค่อย ๆ เหี่ยวเฉาลงสะท้อนความรู้สึก

เมื่อเห็นต้นหญ้าเริ่มเหี่ยวเฉา เหว่ยหยางก็ตกใจ รีบลุกไปตักน้ำมารดรดให้โดยไม่ลังเล “เจ้าต้นหญ้า อยู่ดี ๆ ทำไมถึงได้ซึมเซาไปแบบนี้กันนะ”

ผ้าแพรเห็นว่าเขาเป็นห่วงจึงคลายความเศร้า หยาดน้ำจากมือของเขาหยดลงลำต้น สัมผัสถึงความอบอุ่นจนต้นหญ้ากลับมาตั้งตรงได้อีกครั้ง

‘ตอนนี้เขาอายุสิบสามแล้วสินะ ยิ่งโตยิ่งหล่อขึ้นทุกวันแน่ ๆ’ ผ้าแพรคิดพลางจ้องเขาด้วยสายตาอบอุ่น

และไม่รู้อะไรดลใจ นางจึงเปล่งเสียงเรียกชื่อเขาออกมาเป็นครั้งแรกในรอบสามปี “เหว่ยหยาง…”

เด็กชายหยุดชะงักทันที มือที่กำลังรดน้ำค้างอยู่กลางอากาศ “ใคร… ใครเรียกข้า?”

ผ้าแพรเบิกตากว้าง ‘เขาได้ยินเสียงของข้าแล้ว!’ นางสั่นใบหญ้าอีกครั้ง แล้วพยายามเปล่งเสียงออกมาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

“เหว่ยหยาง… ข้าอยู่ตรงนี้… ตรงหน้าของเจ้า…”

เหว่ยหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย ‘อยู่ตรงหน้าข้าหรือ?’ เขาก้มหน้าลงมองพื้นเบื้องหน้า และสายตาก็หยุดที่ต้นหญ้าเล็ก ๆ ต้นหนึ่งซึ่งกำลังสั่นไหวคล้ายยินดีที่เขาหันมาสนใจมัน

“เสียงเมื่อครู่…เจ้าหรือต้นหญ้า?” เขาถามออกมาเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“เจ้าได้ยินข้าแล้วใช่ไหม?” ผ้าแพรเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจสุดขีด นับตั้งแต่นางมาอยู่ในโลกนี้ นางได้เรียนรู้และเปลี่ยนแปลงตนเองมากมาย แม้แต่ภาษาที่ใช้ก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา

เริ่นเหว่ยหยางเบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น “เจ้า… เจ้าเป็นต้นหญ้าวิเศษหรือ?”

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ข้าเป็นอะไร และไม่รู้ว่าจะสามารถพูดคุยกับเจ้าได้นานแค่ไหน…แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยากจะขอร้องเจ้า” เสียงของผ้าแพรแผ่วเบา แต่เจือด้วยความจริงจัง

“เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร บอกมาเถิด ข้ายินดีทำให้ทุกอย่าง” เหว่ยหยางเอ่ยรับคำทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความตั้งใจ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 48 แต่งงาน

    เมื่อคิดถึงฟ่านอิง เด็กน้อยก็คลานเข้ามาหานางพอดี เขายังดูน่ารักมากขึ้นทุกวัน ฮวาอี้อุ้มเขาไว้ในอ้อมแขน เดินชมร้านไปพลาง เด็กน้อยก็มองนางด้วยสายตาใสซื่อราวกับกำลังพยายามจดจำใบหน้าของผู้คนรอบตัวอย่างจริงจังเวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน จนถึงกำหนดวันแต่งงาน ฮวาอี้กลับไปพักที่บ้านของเหว่ยหยาง และเข้าไปเตรียมตัวที่ร้านในเมืองหลวงเมื่อถึงวันงาน เหว่ยหยางส่งเกี้ยวแปดคนหามมาอย่างยิ่งใหญ่เพื่อรับตัวเจ้าสาว ผู้คนริมทางต่างพากันชื่นชมและยินดี เมื่อเกี้ยวหยุดหน้าบ้าน เขาก็เป็นผู้มารับตัวนางด้วยตนเองฮวาอี้สวมชุดเจ้าสาวสีแดงสดงดงาม ผ้าคลุมหน้าสีเดียวกันปิดบังใบหน้าไว้ บนศีรษะประดับด้วยปิ่นที่เหว่ยหยางเคยมอบให้นางเมื่อครั้งก่อน แซมด้วยปิ่นหยกอันใหม่ที่ส่องประกายเจิดจรัสยิ่งนักหลังพิธีเสร็จสิ้น เหว่ยหยางพานางเข้าห้องหอ ซึ่งเป็นห้องเดิมที่นางเคยนอนป่วยอยู่ บัดนี้ถูกประดับตกแต่งด้วยผ้าแพรสีแดงสด ดูอบอุ่นและเป็นสิริมงคลยิ่งนัก“ฮวาอี้…” เขาเอ่ยเรียกนางเบา ๆ“เจ้าค่ะ” เสียงตอบรับของนางนุ่มนวล เจือความเขินอาย“ตอนนี้เจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเสียเปรียบอีก คืนนี้เจ้าตรวจร่างกายของข้าได้เต็มที

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 47 ฟื้นแล้ว

    “เจ้าเช็ดน้ำลายเสียหน่อยเถิด” เหว่ยหยางเอ่ยยิ้ม ๆฮวาอี้รีบยกมือเช็ดปากทันที ทว่ากลับไม่มีอะไรอย่างที่เขาว่า นางจึงหันมามองเขาตาขวางเหว่ยหยางหัวเราะเสียงดัง เขารู้สึกว่าการมีนางอยู่ให้หยอกเย้าเช่นนี้ คือความสุขที่แท้จริงของเขา“ข้าอยากออกไปข้างนอกแล้ว” ฮวาอี้รีบเปลี่ยนเรื่อง“ได้เลย หากทุกคนได้เห็นเจ้า คงดีใจกันไม่น้อย โดยเฉพาะท่านแม่ของข้า” เขาตอบก่อนจะเข้ามาพยุงนาง แม้นางจะเดินได้แล้ว แต่เขาก็ยังคงห่วงใยอย่างไม่คลายฮวาอี้รับรู้ถึงความใส่ใจของเขา จึงยินยอมให้เขาช่วยพยุงโดยไม่ขัดขืน นางกลับรู้สึกอบอุ่น… อยากให้เขาเอาใจใส่เช่นนี้ตลอดไปจริง ๆเมื่อเดินออกมานอกเรือน กลับไม่พบผู้ใดอยู่เลยแม้แต่คนเดียว เป็นเรื่องแปลกที่ไม่มีบ่าวมาคอยดูแล“ทุกคนไปไหนกันหมดหรือ?” ฮวาอี้ถามอย่างสงสัย“ตอนนี้ท่านแม่ไปช่วยงานที่อีกเรือนหนึ่ง ข้าจะพาเจ้าไปดูด้วยตนเอง”“ช่วยงานอะไรหรือ? ที่นี่มีงานให้ทำด้วยหรือ?” นางถามอย่างแปลกใจเหว่ยหยางไม่ปล่อยให้ความสงสัยนั้นอยู่นาน เขาจูงมือนางมายังเรือนหลังหนึ่งซึ่งมีบ่าวรับใช้นั่งทำงานกันอยู่หลายคน และตรงกลางเรือนก็คือมารดาของเขาเมื่อสายตาของฮวาอี้มองไปยังสิ่งที่พวกเขา

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 46 กลับบ้าน

    “ข้าไม่ขอกลับไปยังโลกเดิมอีก… ในเมื่อที่แห่งนี้มีคนที่รักข้ารออยู่ ข้าย่อมไม่หนีเขาไปที่ใดได้อีก ท่านสามารถส่งข้ากลับไปได้หรือไม่?” หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงสั่น น้ำตาไหลพรากลงมาตามพวงแก้มชายชราแย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “หากเจ้าเลือกเช่นนี้ ตัวตนของเจ้าในโลกเดิมจะสูญสลายไปทันที… เจ้ายอมรับได้แล้วจริงหรือ?”“ข้ายอมรับ” ฮวาอี้ตอบด้วยแววตามุ่งมั่น น้ำเสียงหนักแน่นเปี่ยมความเชื่อมั่นเมื่อได้รับคำยืนยันอีกครั้ง ชายชราก็โบกมือเบา ๆ ภาพของร่างในโรงพยาบาลค่อย ๆ จางหาย พร้อมกับเรื่องราวในโลกเดิมที่นางเคยดำรงอยู่“บัดนี้ เจ้าหาได้มีตัวตนในโลกเดิมอีกต่อไปแล้ว… เจ้าจงใช้ชีวิตที่เจ้าเลือกให้คุ้มค่า ส่วนมิติที่ข้ามอบให้ จะยังคงอยู่ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของเจ้า ขอให้เจ้าพบความสุขในสิ่งที่เลือกไว้เถิด”เมื่อกล่าวจบ ร่างของชายชราก็ค่อย ๆ เลือนหายไปจากสายตา เหมือนสายลมที่พัดผ่านฮวาอี้ตกใจ รีบร้องเรียกเสียงหลง “เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ! ท่านยังไม่ส่งข้ากลับไปเลย ข้าจะกลับไปโลกนั้นได้อย่างไร!” นางโอดครวญอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดเขาจึงไม่เคยบอกอะไรให้นางรู้ล่วงหน้าสักครั้งแต่ไม่นานนัก เส้นทางสีขาวสว่างไสวก็ปรากฏขึ้นตร

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 45 ความฝัน

    ไป๋จิ้งอวี่รับดาบนั้นไว้ แต่แรงปะทะรุนแรงจนเขากระอักเลือดออกมา ร่างกายของเขาเองก็อ่อนแรงเต็มที ทว่าในห้วงสุดท้ายนั้น เขาก็เหลือบไปเห็นนักฆ่าคนสนิทปรากฏตัวขึ้น เขาซ่อนรอยยิ้มไว้ในเงามืด ศึกครั้งนี้เขายังไม่แพ้!นักฆ่าในชุดดำที่เพิ่งมาถึง รีบพุ่งเข้าหาด้วยความรวดเร็ว ดาบในมือฟาดลงมาเพื่อช่วยเจ้านายของตนโดยไม่ลังเลฮวาอี้ที่เห็นดังนั้น รีบผลักเหว่ยหยางให้พ้นทาง แล้วรับคมดาบแทน ร่างของนางทรุดลงทันทีตรงหน้าชายคนรัก“ไม่!!” เหว่ยหยางตะโกนลั่น ก่อนจะใช้ดาบในมือตวัดแทงทะลุร่างของไป๋จิ้งอวี่ทันที ศัตรูตัวฉกาจล้มลงในบัดดลเหว่ยหยางรีบโผเข้าประคองร่างของฮวาอี้ไว้ในอ้อมแขน “ฮวาอี้… เจ้าฟังข้าอยู่หรือไม่… อย่าเป็นอะไรไปเลย…” เสียงของเขาสั่นเครือ มือของเขากุมมือของนางไว้แน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นคมดาบเล่มนั้นปักกลางอกซ้ายของนางพอดี เลือดสีแดงไหลรินลงมาเปื้อนเสื้อคลุมสีอ่อนอย่างน่าสลดใจชายชุดดำอีกคนที่เหลืออยู่เห็นท่าไม่ดี พยายามหนีเอาตัวรอด แต่ยังไม่ทันพ้นระยะ ก็ถูกชายหน้าหวานผู้หนึ่งแทงร่างจนสิ้นใจไป๋เทียนวิ่งตรงเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ เมื่อมองเห็นหญิงสาวในอ้อมแขนของเหว่ยหยาง เขา

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 44 ไม่คาดคิด

    “เจ้าช่างปากหวานเสียจริง…” ฮวาอี้ยิ้มบาง “แล้วเจ้าส่งคนไปดูทางขบวนเจ้าบ่าวหรือยัง?”“ข้าน้อยส่งไปแล้วตามที่นายหญิงสั่งเจ้าค่ะ” ลัวหยูตอบด้วยความเคารพ นางไม่เข้าใจนักว่านายหญิงกังวลสิ่งใด เพราะเหว่ยหยางเองก็เป็นผู้มีฝีมือสูงส่ง ไม่มีใครกล้ารังแกได้ง่าย ๆ“ดี…ข้าค่อยวางใจได้หน่อย” ฮวาอี้พึมพำเบา ๆ พลางลูบต้นหญ้าปักกิ่งในมืออย่างแผ่วเบา หากเกิดเหตุร้ายใด ๆ ขึ้น นางยังมีวิธีช่วยเหลือเขาทางฝั่งของ เหว่ยหยางเขาสวมชุดเจ้าบ่าวสีแดงเข้มอย่างสง่างาม แววตาเต็มไปด้วยความสุข ในที่สุด…วันที่เขารอคอยก็มาถึงระหว่างทางขบวนขันหมากกำลังเคลื่อนตัวอย่างสงบ ผ่านเส้นทางแคบในหุบเขา ท่ามกลางเสียงดนตรีและเสียงหัวเราะเบา ๆ ของผู้ร่วมขบวนกระทั่ง…เงาดำหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า!ชายในชุดดำกระโจนออกมายืนขวางทางรถม้าอย่างไม่เกรงกลัวสายตาใด ๆ“นายท่าน! เกิดเรื่องแล้วขอรับ!”เสียงอู๋หยวนดังขึ้นอย่างร้อนรน ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดผิดปกติ…“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” เหว่ยหยางขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียด รู้สึกถึงลางร้ายบางอย่าง“มีชายชุดดำขวางหน้ารถม้าของเราขอรับ!”“ถ้าเช่นนั้น ฆ่ามันเสีย!” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงกร้าว โม

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 43 ตอบรับแต่งงาน

    “เจ้า…ปลูกมันขึ้นมาได้เช่นไร?” เขาเอ่ยถามเสียงสั่นอย่างไม่เชื่อสายตา“ข้าก็ปลูกมันลงในดินธรรมดาเท่านั้น มันก็ขึ้นมาเอง ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลยขอรับ” เหว่ยหยางพูดออกมาด้วยท่าทางโอ้อวดเล็กน้อยเจ้าของร้านขายยามองทั้งสองด้วยสายตาเคลือบความหมั่นไส้ แต่ในใจก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอันใด เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมิใช่เรื่องธรรมดา ต้นโสมสวรรค์จะเติบโตได้ต้องอาศัยปัจจัยบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ง่ายดาย เช่นเดียวกับโชคชะตาและบุญวาสนา และแม้จะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายใช้วิธีใด แต่เรื่องนี้ก็ไม่สมควรถามออกไปตรง ๆ“แล้วต้นโสมต้นนี้… เจ้าจะนำกลับไปหรือไม่? หากไม่ ข้าขอซื้อต่อในราคาที่สูงกว่าหลายเท่า” เขาถามพลางจับต้นโสมแน่นราวกับกลัวว่ามันจะหลุดมือเหว่ยหยางแย้มยิ้มบาง “หากไม่ใช่เพราะท่านมอบเมล็ดให้ข้า ข้าก็ไม่มีวันได้ต้นโสมต้นนี้มา ข้ามอบมันให้ท่านโดยไม่คิดสิ่งตอบแทนใด ๆ ถือว่าข้าได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว และเมื่อสัญญานั้นสิ้นสุด ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมาพบท่านอีกหรือไม่”เจ้าของร้านขายยาพลันยิ้มกว้างด้วยความยินดีที่ได้ต้นโสมสวรรค์มาโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่ตำลึงเดียว แต่เมื่อได้ยินว่าเหว่ยหยางจะจากไป ก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status