Share

ตอนที่ 6 สร้างบ้าน

last update Huling Na-update: 2025-08-09 19:10:08

วันต่อมา เหว่ยหยางทำกิจวัตรเหมือนเดิม เขาพยุงมารดาไปทำธุระส่วนตัว ให้อาหารไก่ แล้วอาบน้ำยามเช้า ก่อนจะมานั่งลงข้างเล้าไก่ เอ่ยทักต้นหญ้าสีม่วงที่เติบโตขึ้นกว่าเดิม

“เจ้าต้นหญ้าน้อย เจ้ารู้หรือไม่ วันนี้เป็นวันที่ข้ามีความสุขที่สุด” เขาระบายความรู้สึกในใจอย่างผ่อนคลาย จ้องมองดอกไม้พลางเอื้อมมือแตะปลายใบอ่อนแผ่วเบา

เขารู้สึก… สบายอย่างประหลาด ทุกครั้งที่สัมผัสต้นหญ้านี้

ผ้าแพรที่สถิตอยู่ในต้นหญ้าเงียบฟังเรื่องราวของเด็กชายอย่างตั้งใจ นางอยากจะปลอบโยน อยากจะโอบกอดเขา แต่ก็ทำไม่ได้ ได้เพียงแค่สั่นไหวใบอ่อนเพื่อตอบรับอย่างสุดกำลัง

วันแล้ววันเล่า เหว่ยหยางมักจะมานั่งพูดคุยกับต้นหญ้าสีม่วงต้นนี้เป็นประจำ เขาระบายสิ่งต่าง ๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว ส่วนผ้าแพรก็เฝ้าฟังและเผลอผูกพันกับเด็กชายมากขึ้นทุกที… และในวันที่ไม่เห็นเขา นางก็รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก…

ก่อนที่ฤดูหนาวจะย่างกรายมาถึง เริ่นเหว่ยหยางได้ขอให้ป้าฟ่างหนิงช่วยแนะนำช่างที่ไว้ใจได้เพื่อมาสร้างบ้านหลังใหม่ ท่านป้าจึงพาเขาเข้าเมืองซานเฉิง และในที่สุดก็สามารถว่าจ้างช่างฝีมือคนหนึ่งตกลงราคากันที่สามตำลึงทอง

ฟ่านหนิงถึงกับตาโต เมื่อได้ยินราคาที่เด็กชายตกลงจ้าง “เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะสร้างบ้านในราคาสูงถึงเพียงนี้?” นางเอ่ยถามย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง

เหว่ยหยางเพียงแย้มยิ้มตอบกลับ “ข้ามั่นใจแล้วขอรับ ในเมื่อจะสร้างใหม่ทั้งที ข้าก็อยากให้มันกว้างขวางขึ้น และมีห้องเพิ่มขึ้นอีกหน่อย เท่านี้ยังถือว่าไม่แพงมากนัก” เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าก็จะไม่ขัดอะไรอีก” ป้าฟ่านหนิงพยักหน้า มองเด็กชายตรงหน้าด้วยความชื่นชม ตั้งแต่ที่มารดาของเขาล้มป่วย เหว่ยหยางก็เป็นผู้ดูแลทุกอย่างในบ้านด้วยตนเองอย่างเข้มแข็งเกินวัย

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็พามารดาย้ายไปพักชั่วคราวที่บ้านของป้าฟ่านหนิง ส่วนต้นหญ้าที่เขาผูกพันนัก ก็ถูกล้อมด้วยไม้ไผ่และกำชับกับช่างอย่างชัดเจนว่า ห้ามผู้ใดแตะต้องเด็ดขาด

ช่างทั้งห้าคนพากันหันมามองหน้ากันด้วยความฉงน เด็กผู้นี้ไม่มีเพื่อนเลยจนถึงขั้นตั้งเพื่อนเป็นต้นหญ้าหรือไร? หัวหน้าช่างพยักหน้ารับอย่างขำ ๆ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใดเพิ่มเติม เพียงรับปากว่าจะไม่ยุ่งกับต้นหญ้านั้นแน่นอน

เหว่ยหยางหันกลับไปมองต้นหญ้าอีกครั้งด้วยแววตาเสียดายเล็กน้อย ตั้งแต่เริ่มสร้างบ้าน เขาก็แทบไม่ได้มานั่งพูดคุยเหมือนเคย ใครจะเข้าใจความผูกพันของเขากับต้นหญ้าได้บ้างเล่า?

ทางด้านผู้ใหญ่บ้าน เมื่อทราบข่าวว่ามีลูกบ้านสร้างบ้านใหม่ เขาก็เดินเข้ามายืนดูอยู่ริมรั้ว เห็นช่างทั้งห้าคนกำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ‘เจ้าเด็กนี่ไปหาเงินมาจากที่ใดกัน? ไม่นานก่อนยังเห็นเก็บผักป่ามาต้มกินอยู่แท้ ๆ’

ระหว่างที่กำลังจะเดินกลับ เขาก็พบว่าภรรยา ซูเหอ เดินตามมาด้วย

“เจ้าตามข้ามาทำไม?” เขาถามเสียงเรียบ

ซูเหอยิ้มบาง ๆ “ข้าเองก็สงสัยเหมือนท่าน ว่าเด็กผู้นั้นไปได้เงินมากมายมาจากไหน ได้ยินว่าไปพักอยู่กับป้าฟ่านหนิงกันทั้งครอบครัว”

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? เพิ่งมาถึงก่อนเจ้าด้วยซ้ำ หากอยากรู้มากนักก็ไปถามเอาเอง” เขาตอบด้วยน้ำเสียงขุ่น ก่อนจะเดินจากไป

ซูเหอเห็นเช่นนั้นก็ไม่ติดใจ นางหันเลี้ยวไปอีกทางเพื่อไปหาป้าฟ่านหนิงทันที

ด้านผ้าแพร วิญญาณที่ยังคงผูกพันอยู่ในร่างต้นหญ้า มองการสร้างบ้านอย่างเงียบงัน นางดีใจแทนเด็กชายผู้มีหัวใจเข้มแข็ง แม้นตัวเองจะยังไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ นางก็ยังมีความหวังว่าสักวันหนึ่ง… ความทุกข์ของตนจะสิ้นสุด

ที่บ้านป้าฟ่านหนิง บรรยากาศกลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง นางทำอาหารอย่างขะมักเขม้นให้ทั้งสามคนรับประทาน หลังจากสูญเสียลูกกับสามีมานาน นี่เป็นครั้งแรกที่มีเสียงหัวเราะกลับมาในบ้านหลังนี้ ครอบครัวของเหว่ยหยางคือแสงสว่างที่ทำให้นางอยากมีชีวิตอยู่ต่อ

ในขณะที่เหว่ยหยางช่วยป้าฟ่านหนิงจัดสวน เสียงร้องเรียกจากหน้าบ้านก็ดังขึ้น

“ท่านป้าฟ่านอยู่หรือไม่?”

เขาเดินไปดูและพบว่าคนที่เรียกคือภรรยาผู้ใหญ่บ้านจึงเปิดประตูออก

“ท่านป้าซูเหอมีธุระอะไรหรือขอรับ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบ

นางแสร้งทำสีหน้าประหลาดใจ “อ้าว…เหว่ยหยางหรือ? เจ้าอยู่ที่บ้านป้าฟ่านได้อย่างไรหรือ?”

เขาสังเกตท่าทางไม่แนบเนียนของนาง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้มากความ “บ้านของข้าโชคดี ได้ล่าสัตว์มาได้ตัวหนึ่ง จึงมีเงินพอจะสร้างบ้านใหม่ ท่านป้าก็รู้ดีว่าเรือนที่ข้าอาศัยอยู่ คงไม่รอดหน้าหนาวนี้แน่ เพราะมันเก่ามากเต็มทีแล้ว”

ซูเหอฟังคำตอบด้วยความสนใจ เมื่อได้รู้แหล่งที่มาของเงินก็ไม่คิดจะเซ้าซี้อีก

“อย่างนั้นหรือ ก็ดีแล้ว เจ้าช่างโชคดีนัก ข้าไม่รบกวนป้าฟ่านหนิงแล้วละ พอดีต้องรีบกลับไปทำอาหารที่บ้านพอดี” พูดจบ นางก็รีบหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว

เริ่นเหว่ยหยางส่ายหน้าเบา ๆ พลางถอนหายใจอย่างอ่อนล้า เขาเริ่มเหนื่อยใจกับความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนในหมู่บ้านเสียเหลือเกิน ขณะกำลังจะหันหลังกลับ ก็ได้ยินเสียงเรียกจากป้าฟ่านหนิงดังออกมาจากในบ้าน

“ใครมาร้องเรียกข้าหรือ?”

เหว่ยหยางจึงเดินไปบอกเล่าเรื่องของซูเหอให้ฟังอย่างคร่าว ๆ จากนั้นก็หันกลับไปทำงานที่ยังค้างอยู่ เขาคิดไว้แล้วว่าอีกสองสามวันค่อยแวะกลับไปดูความคืบหน้าที่บ้านน่าจะเหมาะกว่า

เวลาผ่านไปกว่าสิบวัน เด็กชายจึงตัดสินใจเดินกลับไปดูบ้านด้วยตนเอง และพบว่าบ้านหลังใหม่ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เขาไม่รอช้า เข้าไปพูดคุยกับหัวหน้าช่างเกี่ยวกับการสร้างรั้วไม้ไผ่ที่แข็งแรงทนทาน เพราะทุกครั้งเมื่อฤดูหนาวมาเยือน มักมีสัตว์ป่าหลุดลงมาคุกคามอยู่เสมอ โชคดีที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขายังไม่เคยเจอสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่อาจประมาทได้

อีกหนึ่งเดือนผ่านไป หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า อากาศหนาวเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด อาการของมารดาก็เริ่มดีขึ้น ด้วยความช่วยเหลือจากป้าฟ่านหนิง ที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด วันนี้เหว่ยหยางเตรียมย้ายเข้าบ้านใหม่ พร้อมทั้งบอกลากับป้าฟ่านหนิงที่อุตส่าห์ขับเกวียนลามาส่งด้วยตนเอง แม้จะมีอายุเกือบห้าสิบปีแล้ว แต่ก็ยังคงแข็งแรงคล่องแคล่ว

“ท่านแม่ขอรับ นี่คือบ้านใหม่ของพวกเรา… ต่อไปท่านจะได้ไม่ต้องทนหนาวลำบากอีกแล้วนะขอรับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า

เริ่นหรงฮวามองลูกชายด้วยความซาบซึ้ง “เจ้าเก่งมาก ลูกของแม่เติบโตขึ้นจนดูแลแม่ได้แล้ว ต่อจากนี้ แม่เองก็จะพยายามฟื้นตัวให้แข็งแรง และดูแลเจ้ากลับบ้างเช่นกัน”

บทสนทนาอันอบอุ่นของสองแม่ลูกอยู่ในสายตาของผ้าแพรและป้าฟ่านหนิงตลอดเวลา

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 10 ทำลายหลักฐาน

    “ใครส่งพวกเจ้ามา?” เริ่นหรงฮวาถามเสียงเข้มข้น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นฮวาอี้ซึ่งอยู่ในกระถางต้นหญ้า มองเห็นสองแม่ลูกที่ยังไม่ลงมือเสียที นางจึงส่งเสียงเตือน“เหว่ยหยาง เจ้าควรรีบจัดการพวกมัน เดี๋ยวฤทธิ์เกสรจะเสื่อมเสียก่อน”เสียงจากต้นหญ้าทำให้เริ่นหรงฮวาหันขวับไปมอง สลับสายตาระหว่างต้นหญ้ากับลูกชาย นางอยากจะเอ่ยถามแต่สถานการณ์ตรงหน้าเร่งด่วนเสียยิ่งกว่า“ข้ารู้ว่าท่านแม่คงมีคำถามมากมาย เอาไว้จัดการพวกมันก่อนเถิด แล้วลูกจะอธิบายให้ฟังทุกอย่าง” เหว่ยหยางรีบพูดพลางส่งสายตาขอความเชื่อมั่นเริ่นหรงฮวาพยักหน้าแน่น พลันกระชับมีดในมือแน่นก่อนจะเดินเข้าไปปาดคอชายคนหนึ่งอย่างเยือกเย็นเหว่ยหยางเบิกตากว้าง นึกไม่ถึงว่ามารดาผู้แสนอ่อนโยนจะสามารถฆ่าคนได้อย่างไม่ลังเล เขาจึงเร่งจัดการกับชายที่เหลือตามด้วยความเด็ดขาดชายชุดดำที่ยังพอรู้สึกได้มองเพื่อนของตนตายไปทีละคนด้วยความหวาดกลัว เขาพลาดไปแล้ว เขาควรระวังตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้เริ่นหรงฮวาหันไปเห็นสายตาหวาดหวั่นของอีกคนที่ยังเหลืออยู่ นางแสยะยิ้ม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“เจ้ากลัวหรือ? เจ้าคงไม่รู้สินะว่าการฆ่าสามีของข้า ทำ

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 9 บุกรุก

    ลูกน้องทั้งสี่พยักหน้ารับคำ ต่างแยกย้ายปลอมตัวเข้าไปสืบข่าวตามบ้านเรือน เมื่อได้ข้อมูลที่อยู่ของสองแม่ลูกชัดเจนแล้ว ทั้งห้าคนก็กลับมารวมตัวและซุ่มดูอยู่หน้าบ้านเงียบ ๆ อย่างมีพิรุธด้านฮวาอี้ ขณะนั้นนางเริ่มชินกับพลังเวทที่สามารถใช้สอดส่องสิ่งรอบตัวผ่านต้นหญ้าชนิดเดียวกัน เมื่อนางตรวจสอบพื้นที่รอบหมู่บ้าน ก็พบกับชายแปลกหน้าห้าคนที่กำลังแอบซุ่มดูบ้านของเหว่ยหยางอย่างน่าสงสัย กลิ่นอายของพวกมันเต็มไปด้วยเจตนาร้าย นางขมวดคิ้ว รู้ได้ทันทีว่าคนพวกนี้ต้องเป็นศัตรูอย่างแน่นอนความกังวลเริ่มกัดกินใจ ฮวาอี้รู้ว่าเหว่ยหยางคงไม่สามารถต่อกรกับคนทั้งห้าได้ หากพวกมันบุกเข้ามาจริง นางจึงตั้งใจจะเตือนเขาให้เตรียมตัวรับมือ และคิดหาทางช่วยอีกแรงหนึ่งระหว่างที่นางกำลังไตร่ตรองอยู่นั้น เหว่ยหยางก็กลับมาจากการล่าสัตว์บนเขา เขาเดินมาหาต้นหญ้าน้อยเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อเห็นว่าต้นหญ้าเหี่ยวเฉาลงเล็กน้อย เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความห่วงใย“เจ้าต้นหญ้าน้อย วันนี้ดูเจ้าจะไม่สดใสเลยนะ”ฮวาอี้ไม่รอช้า นางรีบบอกสิ่งที่พบให้เขารับรู้ทันที “เหว่ยหยาง รอบ ๆ บ้านของเจ้าตอนนี้ ข้าตรวจพบชายแปลกหน้าห้าคน ข้าเชื่อว่า

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 8 พบเจอ

    ผ้าแพรแทบกลั้นยิ้มไม่ได้ นางดีใจยิ่งนักที่จะได้ออกไปจากบริเวณนี้เสียที “เจ้าช่วยขุดข้าไปปลูกที่อื่นได้ไหม ข้าเบื่อเจ้าไก่พวกนี้เต็มที!”เมื่อได้ยินคำขอร้องแรก เหว่ยหยางหลุดหัวเราะเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ “ได้สิ ข้าจะย้ายเจ้าไปปลูกในกระถางดี ๆ สักใบ…แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่เป็นอะไร?”“เจ้าขุดพร้อมกับดินที่ข้าอยู่ด้วยก็แล้วกัน ข้าอาจจะเงียบไปสักพักหนึ่ง เพราะรู้สึกว่าพลังของข้ากำลังอ่อนลง” เสียงของผ้าแพรเบาลงตามแรงวิญญาณที่ค่อย ๆ ถดถอยเหว่ยหยางไม่รอช้า เขารีบหากระถางพร้อมตักดินโดยรอบต้นหญ้ามาด้วยอย่างระมัดระวัง ในขณะที่มือขุดดินอยู่นั้น เขารู้สึกได้ถึงพลังอบอุ่นบางอย่างจากต้นหญ้า หรือเขาจะคิดไปเอง?เมื่อจัดการย้ายต้นหญ้าเสร็จแล้ว เขานำกระถางไปวางไว้ใต้ชายคา ให้แสงแดดอ่อนส่องถึงอย่างพอดี ขณะนั้นเอง มารดาเดินผ่านมาเห็นเข้าโดยบังเอิญเริ่นหรงฮวาเลิกคิ้ว มองกระถางในมือของลูกชายด้วยความฉงน “เจ้าปลูกต้นหญ้าไปทำไมกัน?”เหว่ยหยางหันมายิ้มบาง ๆ “ต้นหญ้าต้นนี้เป็นเพื่อนของข้าน่ะขอรับ ข้ารู้สึกผูกพันกับมันเหลือเกิน ว่าแต่…ท่านแม่รู้จักชื่อของต้นหญ้านี้หรือไม่?”เริ่นหรงฮวาเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ แล้วพยักหน

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 7 มิติที่เปิดออก

    “เจ้าช่างโชคดีนัก ที่มีลูกชายกตัญญูเช่นนี้…” ฟ่านหนิงเอ่ยเสียงแผ่ว สายตามองไปยังแม่ลูกอย่างเงียบงัน ความทรงจำถึงลูกที่จากไปทำให้นางรู้สึกอ้างว้างในหัวใจ ฤดูหนาวปีนี้ นางต้องอยู่เพียงลำพังอีกครั้งเริ่นหรงฮวาจับความรู้สึกของนางได้ จึงกล่าวอย่างอ่อนโยน “ท่านป้า หากท่านไม่รังเกียจ มาอยู่กับพวกเราก็ได้นะเจ้าคะ ท่านจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว เราสองแม่ลูกยินดีต้อนรับท่านเสมอ”ฟ่านหนิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ และเช็ดน้ำตาที่คลอหน่วย “ขอบใจในความหวังดีของพวกเจ้านะ… แต่ข้ายังละทิ้งบ้านที่เคยมีครอบครัวอยู่ด้วยกันไม่ลง หากวันใดข้าตัดใจได้ ข้าจะย้ายมาอยู่กับพวกเจ้าแน่นอน ตอนนี้… ดูแลตัวเองให้ดี หิมะกำลังตกหนักขึ้นทุกวัน ไม่ต้องเป็นห่วงข้า”นางกล่าวลาทั้งสอง และหันหลังกลับไปด้วยแววตาที่ยังมีรอยเศร้าทางด้านผ้าแพรที่ยังคงสิงอยู่ในต้นหญ้า มองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความรู้สึกปนเป ความอบอุ่นระหว่างคนและบ้านใหม่ทำให้นางยิ่งรู้สึกเดียวดาย ‘นี่ข้ามาอยู่ที่นี่ได้เกินเดือนแล้วสินะ…’ ความคิดที่ผุดขึ้นมานั้น ทำให้จิตใจของผ้าแพรยิ่งหม่นหมอง ดอกหญ้าสีม่วงที่นางสิงสถิตอยู่ก็พลอยเหี่ยวเฉาลงด้วยอารมณ์ที่แปรเปลี

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 6 สร้างบ้าน

    วันต่อมา เหว่ยหยางทำกิจวัตรเหมือนเดิม เขาพยุงมารดาไปทำธุระส่วนตัว ให้อาหารไก่ แล้วอาบน้ำยามเช้า ก่อนจะมานั่งลงข้างเล้าไก่ เอ่ยทักต้นหญ้าสีม่วงที่เติบโตขึ้นกว่าเดิม“เจ้าต้นหญ้าน้อย เจ้ารู้หรือไม่ วันนี้เป็นวันที่ข้ามีความสุขที่สุด” เขาระบายความรู้สึกในใจอย่างผ่อนคลาย จ้องมองดอกไม้พลางเอื้อมมือแตะปลายใบอ่อนแผ่วเบาเขารู้สึก… สบายอย่างประหลาด ทุกครั้งที่สัมผัสต้นหญ้านี้ผ้าแพรที่สถิตอยู่ในต้นหญ้าเงียบฟังเรื่องราวของเด็กชายอย่างตั้งใจ นางอยากจะปลอบโยน อยากจะโอบกอดเขา แต่ก็ทำไม่ได้ ได้เพียงแค่สั่นไหวใบอ่อนเพื่อตอบรับอย่างสุดกำลังวันแล้ววันเล่า เหว่ยหยางมักจะมานั่งพูดคุยกับต้นหญ้าสีม่วงต้นนี้เป็นประจำ เขาระบายสิ่งต่าง ๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว ส่วนผ้าแพรก็เฝ้าฟังและเผลอผูกพันกับเด็กชายมากขึ้นทุกที… และในวันที่ไม่เห็นเขา นางก็รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก…ก่อนที่ฤดูหนาวจะย่างกรายมาถึง เริ่นเหว่ยหยางได้ขอให้ป้าฟ่างหนิงช่วยแนะนำช่างที่ไว้ใจได้เพื่อมาสร้างบ้านหลังใหม่ ท่านป้าจึงพาเขาเข้าเมืองซานเฉิง และในที่สุดก็สามารถว่าจ้างช่างฝีมือคนหนึ่งตกลงราคากันที่สามตำลึงทองฟ่านหนิงถึงกับตาโต เมื่อได้ยินราคาที

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 5 ความสัมพันธุ์ที่แปลก

    ขณะที่เริ่นเหว่ยหยางบังคับเกวียนลามุ่งหน้ากลับหมู่บ้าน เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีตั้งแต่ยังไม่พ้นเขตเมือง สัมผัสแปลก ๆ เหมือนมีสายตาคอยจับจ้องอยู่เบื้องหลังตั้งแต่ตอนที่เขาขายกวางตัวนั้นมือเล็ก ๆ กำแน่นตรงหน้าอก ที่ซ่อนเงินทั้งหมดไว้ในเสื้อผ้าชั้นใน ความกังวลเกาะกินหัวใจ เขาได้แต่ภาวนาว่า ขอให้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในคืนที่ดึกดื่นเช่นนี้เมื่อเดินทางมาได้ครึ่งทาง ชายผู้หนึ่งก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้กระโจนเข้าขวางเกวียนของเขา ชายคนนั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาดวิ่น ร่างผอมโซจนแทบเห็นกระดูก เหว่ยหยางรีบหยุดเกวียนด้วยความตกใจเขาจับจ้องชายเบื้องหน้าด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนเอ่ยเสียงนิ่ง“เจ้าคือใคร? มาขวางทางข้าทำไม?”ขณะนั้น ดวงตาของเขากวาดไปสองข้างทาง สำรวจว่าอาจมีใครซ่อนตัวอยู่อีกชายขอทานหัวเราะในลำคอ พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เจ้าหนูน้อย ข้ารู้นะว่าเจ้าเพิ่งขายของมีค่า ได้เงินมาไม่น้อย เอามาแบ่งข้าบ้างสิ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ”ได้ยินเช่นนั้น เหว่ยหยางกลับแสยะยิ้มเย็น มองชายตรงหน้าขึ้นลงราวกับประเมินศัตรู“เจ้าก็มีมือมีเท้าครบ เหตุใดไม่ไปหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง ต้องมาดักปล้นเด็กเช่นข้า เจ้านึกว่าข้

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status