หน้าหลัก / แฟนตาซี / เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี / เจ้าจันทร์เมียยักษ์ บทที่ ๒ โฉมตรูผู้หยิ่งผยอง (๑)

แชร์

เจ้าจันทร์เมียยักษ์ บทที่ ๒ โฉมตรูผู้หยิ่งผยอง (๑)

ผู้เขียน: Madam Hangover
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-31 00:43:30

รุ่งสางของวันถัดมา นางสนมทั้งสิบเอ็ดนางนั่งอยู่ขนาบข้างบัลลังก์ทอง กษัตริย์อสุรานั่งมองความสวยความงามของหญิงสาวทั้งสิบเอ็ดนางที่เขาลงทุนลงแรงไปชิงมาด้วยการรุกรานเมืองของกษัตริย์ที่เป็นมนุษย์จนแตกพ่ายไปหลายเมือง เนื่องด้วยพละกำลังวังชา รวมถึงคาถาอาคมแก่กล้าไม่เท่ายักษาที่ดำรงอยู่มาถึงร้อยปีเช่นเขา

ช่วยไม่ได้... ถึงแม้จะหลงใหลเจ้าจันทร์สักเพียงใด แต่สำหรับบุรุษเพศ เมียเดียวนั้นไซร้คงจะไม่พอ

“ท่านสุวรรณราพณ์เพคะ มิพาสนมมาอีกได้หรือไม่เพคะ”

ตองนวล หญิงสาวที่งดงามรองลงมาจากเจ้าจันทร์ ซึ่งในระหว่างที่รอคอยจะชิงใจเจ้าจันทร์นั้น นางเคยเป็นสนมที่งามและเป็นที่โปรดปราณที่สุด เป็นที่เลื่องลือในกรุงยักษาว่ามินานจะต้องได้ขึ้นเป็นชายาเคียงคู่ท่านเป็นแน่ ตองนวลหลงใหลในตัวสุวรรณราพณ์นัก เธอเอื้อนเอ่ยสุ้มเสียงกังวานใสเว้าวอนผู้เป็นสามีของตน

ไม่ชอบใจนักที่พานังเด็กสาวนั่นมาแถมหมางเมินนางซึ่งเป็นคู่เคียงหลับนอนประจำของท่าน ดวงใจดวงน้อยเต็มไปด้วยความริษยาชิงชัง นังเด็กนั่นหน้าตาสะสวยจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ตรงกับสตรีที่ท่านสุวรรณราพณ์ชื่นชม

เมื่อคืนก็ชิงสนมมาอีกหนึ่ง แต่มิได้แวะเวียนไปร่วมลงหอกับนาง ปกติถ้าวันไหนชิงสนมมาเกินหนึ่งคนจะต้องร่วมหลับนอนกันทั้งสี่ รวมทั้งนางด้วย ท่านส่งนางเข้าหอทุกคราเพื่อให้สอนเด็กสาวเหล่านั้นปรนเปรอสามีอย่างที่สุวรรณราพณ์ต้องการอย่างถูกต้องถึงพระทัย

แต่เมื่อค่ำคืนนี้ หาได้เรียกหาข้าไม่

“เจ้ามิพึงใจรึ ที่เมื่อค่ำนี้ข้ามิได้เรียกเจ้ามาร่วมหลับนอนร่วมกับเจ้าจันทร์และบุศยา?” สุวรรณราพณ์ท้าวคางกับพนักบัลลังก์ถาม รู้ดีว่าสนมของตนแต่ละคนมีนิสัยใจคอเป็นเช่นไร

“มิบังอาจมิพึงใจท่านดอกเพคะ แต่ข้าแค่เพียงอ้อนวอนดูเท่านั้น” เสียงหวานแผ่วลง นี่คือมารยาหญิงร้อยเล่มเกวียณที่ชิงใจชายมานักต่อนักของนาง แสร้งเบือนหน้าใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาอย่างอ่อนไหว

“มิต้องใจน้อยดอกตองนวล เจ้าจักได้มีพี่มีน้องเยอะๆ” ผู้เป็นสามีเอ่ยคำที่ขัดใจนางขึ้นมาอย่างไม่สนพระทัย สีหน้าเรียบเฉยดูดุดันจนสาวเจ้าไม่อาจสำแดงกิริยาใจน้อยได้อีก

ปกติสามีของนางจะไม่หมางเมินเช่นนี้ ราวกับเบื่อน้ำพริกถ้วยเก่าถ้วยนี้ไปแล้วหรือไร

จนร่างแน่งน้อยก้าวเข้ามาด้านใน สนมทั้งสิบเอ็ดเหลือบขึ้นมองนางพร้อมเพรียงกัน ด้วยว่าอยากรู้ถึงโฉมกายของสนมคนใหม่

หญิงสาวตัวเล็ก ผิวขาวอมชมพู ผมยาวสลวยที่ถูกแปรงอย่างดี ก้าวเข้ามาพร้อมกับเครื่องแต่งกายสีหมากสุกทั้งกายา อันเป็นสีโปรดของนาง กำไลข้อเท้าที่ทำจากเพชรนิลจินดาเปล่งประกายสุกใส

ความงดงามนั้นทำให้สนมทั้งสิบเอ็ดคนขบฟัน บ้างก็นึกริษยาความงาม บ้างก็นึกตะลึงชื่นชมในตัวเด็กสาว

ช่างเป็นหญิงสาวที่งดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ก็มิปาน

“มาหาข้าสิ เจ้าจันทร์” สุ้มเสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจเอ่ยท่ามกลางห้องโอ่โถงที่เต็มไปด้วยสาวงามทั้งสิบเอ็ดที่นั่งรายล้อมสงบเสงี่ยม พร้อมกับตบหน้าตักหนาดังปึ่กๆ ดูดีๆ ก็เหมือนฮาเร็มในมังฮวาเกาหลีไม่หยอก

มธุรสหน้าบูดบึ้ง ไม่ชมชอบเลยนะ ผู้ชายหลายใจ แถมยังชีกออีก

สาวเจ้าไม่สนใจในคำสั่งของสุวรรณราพณ์ผู้เป็นกษัตริย์ครองเมืองนี้ เธอเดินอย่างสงบนิ่งแต่งดงามไปกระแทกตัวลงนั่งใกล้ๆ สาวน้อยที่ดูจะเยาว์วัยที่สุดในโถงใหญ่นี้

สนมทั้งสิบหน้าได้แต่หน้าซีดเผือด ไม่เคยมีสนมนางใดขัดใจท่านมาก่อน สนมนางที่มาใหม่นี่เป็นใครกัน ถึงบังอาจหมางเมินคำสั่งที่ราวกับอสุนีบาตลั่นกลางหุบเหวของสุวรรณราพณ์ได้เช่นนี้

“ไม่นั่งค่ะ” เสียงหวานกังวานใสหนักแน่น เธอคือสาวไทยสมัยใหม่หัวใจ ๒o๒๒ ผู้ซึ่งล้มเลิกวิถีชายเป็นใหญ่ไปตั้งนมตั้งนานแล้ว ไม่สนใจหรอกว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ในเมื่อเคยเกือบตายมาก็หลายหน แถมชีวิตก็ล้มลุกคลุกคลาน ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองตั้งแต่เด็ก

กับคนที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง มีพ่อแม่คอยป้อนทรัพย์สมบัติมรดกที่ดินให้ แถมยังเกิดมาด้วยกายที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังเหนือมนุษย์มนานั่นน่ะ มันคนละระดับกันค่ะ

ว่ากันตามตรง สุวรรณราพณ์เองก็ขัดเคืองใจมิใช่น้อย ที่สาวเจ้าซึ่งเขารอคอยทบมาเป็นเวลาร้อยกว่าปีนั้นไม่ได้ให้ความสนใจใดๆ กับตัวเขา แตกต่างจากสนมคนอื่นๆ ที่ชิงมา ที่เมื่อผ่านพ้นคืนร่วมหอก็จะหลงใหลในตนอย่างหัวปักหัวปำ รวมถึงคำสั่งจากสุรเสียงทรงอำนาจ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องกระทำตามทันที

แต่ว่ากันว่า... ของที่ได้มายากแค่ไหน มักจะเป็นของดีเลิศทั้งนั้น

ช่างดื้อดึงไม่เข็ดหลาบ แต่ก็น่าเอ็นดูเหลือคณา

ยักษาหนุ่มกระทำการโต้ตอบสาวเจ้าเพียงแค่กระตุกยิ้มบาง ไม่ได้แสดงอาการเกรี้ยวกราดใดๆ กับสนมหน้าใหม่ จนสนมหน้าเก่าหลายๆ คนก็พาตกตะลึงไปตามๆ กัน

เป็นไปได้อย่างไร ที่ท่านสุวรรณราพณ์อารมณ์ร้ายตนนั้น ไม่ฟาดงวงฟาดงากับสนมคนใหม่ที่ไม่ยอมเอาใจท่านอย่างเด็กสาวคนนี้

โฉมตรูไม่ยอมแพ้ เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาแกร่งที่ทอดพระเนตรมายังนางอยู่ตลอดเพลานั้น หญิงสาวตัวจ้อยจึงได้ทอดสายตาสู้ พร้อมกับสำรวจอีกฝ่ายไปด้วยพร้อมๆ กัน

กายาใหญ่โตสวมสังวาลย์ทอง มีมัดกล้ามเป็นลอนสวย ผิวขาวหากแต่สมบุกสมบันอย่างผู้สูงศักดิ์ รวมถึงใบหน้าคมกร้าวดุดัน แต่ทว่ากลับรูปงาม ทรงผมยาวหยักศกเกล้ามวยแบบมิเรียบร้อยนัก เมื่อสวมอาภรณ์ที่งดงามเหล่านั้น รวมเป็นชายหนุ่มแบดบอยผู้พราวเสน่ห์อย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่นึกแปลกใจเลยที่มีเมียเยอะถึงขนาดนี้

มือหนาท้าวคางมองหญิงสาวที่สำรวจตน เลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อเธอจดจ้องอย่างสนใจใคร่รู้ ยักษ์หนุ่มจึงหลับตาลง ยินดีให้เจ้าจันทร์สำรวจความรูปงามของตนได้ตามใจชอบ

มีเพียงเจ้ากับบุศยาสนมที่ไปชิงเมืองหลังจากรับเจ้ามาเท่านั้น ที่ข้ายังมิได้ร่วมเสพสวาทด้วย

ตองนวลที่นั่งอยู่ซีกขวามือของสุวรรณราพณ์และใกล้เคียงกับบัลลังก์ของเขาที่สุดแอบชายตาแลมองเด็กสาวนงเยาว์ที่นั่งกระฟัดกระเฟียดใส่สามีของนาง ท่าทางมิดูชมแถมยังมิน่าเอ็นดูเอาเสียเลย ไร้เสน่ห์อย่างที่อิสตรีควรจะเป็น

สาวเจ้าเบ้ปาก เหตุใดกันสุวรรณราพณ์ถึงตามอกตามใจนางเช่นนั้น

หรือว่าในเรือนหอเมื่อคืนวาน นางจักบำเร็จบำเรอท่านได้ถึงพระทัยยิ่งกว่าข้า?

คิดได้เช่นนั้นก็นั่งอยู่มิสุขเสียทีเดียว จนสาวรับใช้ที่คอยพัดวีให้ต้องรีบโบกพัดอย่างสุดตัวเนื่องจากกลัวว่าพระสนมของตนจะร้อนรุ่มจนจับไข้ อากาศวันนี้ก็ร้อนอบอ้าวใช้ได้เลยทีเดียว

นั่งกระวนกระวายไม่ทันไร สามีก็หยัดกายใหญ่โตลุกขึ้นสุดความสูง สนมทั้งสิบเอ็ดไม่กล้าแม้แต่จะสบตาสามีของตนเอง ด้วยอำนาจและท่าทางอันน่ายำเกรงของสุวรรณราพณ์ แถมยังเป็นอมนุษย์อีกต่างหาก นั่นแปลว่าหากกระทำสิ่งใดไม่ถูกใจท่าน อาจจะโดนฆ่าเอาได้

มีแต่เจ้าจันทร์เท่านั้น ที่จ้องตาสู้กับเขาที่เดินมาหยุดตรงหน้าอย่างสงสัย

อสุราหนุ่มคว้าข้อมือของหญิงสาวฉุดให้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพียงร้อยห้าสิบเซนติเมตร ตัวกะจ้อยร่อยราวกับหนูน้อย ยังริอ่านกล้ามาจ้องตาสู้กับเขา ช่างเป็นหญิงสาวที่หาญกล้าเสียจริงๆ

“อะ...! อะไรคะ” คนตัวเล็กยื้อแขนกลับ แม้จกรู้ว่าสู้แรงคนตัวยักษ์อย่างอีกฝ่ายไม่ได้ก็ตาม หากแต่เขาก็ไม่ได้ลงแรงใส่นางไปเต็มแรงเช่นกัน

“เมื่อคืนสลบไสลเนื้อตัวสกปรกไปด้วยน้ำหวานจากเกสรของเจ้า ควรไปชำระกายาเสียหน่อยเป็นดี” อสุราหนุ่มเอ่ยเสียงดังฟังชัดจนสาวเจ้าหน้าแดงแจ๋ปัดป้องมือไปมาพัลวัน เพราะนอกจากสนมทั้งสิบเอ็ดของเขาจะอยู่ในห้องโอ่โถงนี้แล้ว ยังมีทหารอารักขา และสาวรับใช้ร่างใหญ่ของสนมแต่ละท่านด้วย

พูดจาสัปดนต่อหน้าคนหมู่มาก นอกจากจะหลายใจ หลายเมีย ชีกอ แล้วยังชอบโชว์อีกด้วย

ค่าความประทับใจของมธุรสที่มีต่อสุวรรณราพณ์ติดลบอย่างไม่ต้องสงสัย

โฉมงามตัวจ้อยถูกกึ่งลากกึ่งจูงมาที่สระบัวที่อยู่นอกวังไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เป็นสระบัวที่ใหญ่โตและงดงาม น้ำใสแจ๋วจนเห็นตัวปลาที่แหวกว่ายไปมา ดอกบัวสีหวานและใบบัวดูใหญ่โตอุดมสมบูรณ์ คอสะพานสิ้นสุดแค่ตรงต้นน้ำเพียงเท่านั้น

มธุรสยืนตะลึงกับความงดงามและกว้างใหญ่ของกรุงยักษา น่านน้ำรวมถึงธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ดี บ่งบอกว่าเมืองแห่งนี้ร่ำรวยเพียงใด จนมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อสุราที่ปล่อยข้อมือเล็กของเธอทำท่าจะปลดผ้าผ่อน ปลดทับทรวง รวมถึงสังวาลย์ทองด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ว้ายตาเถรหลุดตกกะได!” มธุรสหวีดร้องเสียงหลง ตั้งแต่เกิดมายี่สิบห้าปี ไม่เคยได้เห็นสรีระของผู้ชายอกสามศอกออกเจ้าชู้มาก่อน นอกซะจากในเว็บพอร์นฮับ “มาถอดผ้าผ่อนอะไรตรงนี้วะคะ!”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๕) จบบริบูรณ์

    หลังจากที่จันทร์ดาได้พบกับแม่ที่แท้จริงของตนเอง แถมกรรณิกาอัปสรกับพระสุวรรณราพณ์ก็คิดจะจับมือกันเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ต่อลูกอีก ต้องยอมรับว่าเธอมีความสุขมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว “จันทร์ดา เจ้านี่ฝีมือดีจริงหนา” หญิงสาวยิ้มเขินเมื่อมารดาของตนยกผ้าทอมือที่ถูกปักจากขนของครุฑขึ้นมาเชยชม แค่สอนการเย็บปักถักร้อยไม่กี่เดือน นับว่าลูกสาวของเธอหัวไวมากทีเดียว ถึงกับเย็บชุดสไบทรงเครื่องมาให้เลย แถมยังงามจับตาเสียด้วย “เจ้านี่มีพรสวรรค์น่าดู ข้าละภาคภูมิใจเสียจริงๆ” “เป็นเพราะท่านแม่สอนสั่งข้าเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ” ฝ่ายจันทร์ดาเองก็ถ่อมตัวและยกย่องความดีความชอบไปให้แม่ของตนเองแทน กรรณิกาอัปสรที่นั่งอยู่ร่วมกันที่ศาลาริมบึงบัวอดไม่ได้ที่จักแย้มยิ้มปิติยินดี เพราะตอนนี้แม่ลูกได้เข้าใจกันโดยสมบูรณ์ แถมยังสนิทสนมกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอีกด้วย ดูเหมือนจันทร์ดาเองก็ค่อยๆ เปิดใจให้เธอแล้วเช่นเดียวกัน บางคราหญิงสาวก็มองมาราวกับจะสื่อความขอบคุณ ตั้งแต่วันนั้น พระสุวรรณราพณ์ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในทุกกิจกรรมของลูกโดยที่เธอไม่จำเป็นต้องบอก ในตอนนี้เหลือเพียงแค่จันทร์ดาที่ยังคงรักษาเอาไว้ได้ เขาจึงพยายามเข้าหาล

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๔)

    กว่าจักรู้สึกตัวก็โน้มดวงหน้าลงไป คุกเข่าลงเพื่อให้ร่างใหญ่ได้พอดีกับร่างกายเล็กๆ ของนาง ริมฝีปากของหญิงชายใกล้กันจนเอื้อมถึง แต่น้องคนดีกลับเบี่ยงหน้าหนีในทันใด“ข้าบอกพี่แล้วนะ ว่าข้ามีสามีแล้ว” นางยังคงใจแข็งแม้นดวงใจจักเต้นรัวราวกับกลองทับ ดวงหน้าคมคายจึงผละออกไป พระสุวรรณราพณ์ไม่คิดบังคับใจหล่อน หากพร้อมกลับมาคืนใจเมื่อใด เขาจักรออยู่ที่นี่เสมอ “ข้าอยากมาพูดคุยเรื่องอินทร์มุก... ข้ารู้มาว่าบุตรชายของเจ้าพี่หายตัวไป”“ข้าเองก็จนปัญญาที่จักอบรมบ่มสันดานไอ้ลูกชายคนนี้แล้ว ในคุกหลวงก็เหมือนกับว่าจักลักพาพระสนมเนตรเกล้าไปด้วย มันอาจหลงรักนางเข้าจริงๆ” กรรณิกาอัปสรนึกครุ่นคิดถึงชื่อหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในบทสนทนา เนตรเกล้า... คงเป็นผู้หญิงปากเสียที่จักเข้ามาทำร้ายเธอในตอนนั้น ไม่น่าเชื่อว่าลูกชายเราหลงรักผู้หญิงร้ายกาจตนนั้น “นางถูกคุมขังเพราะเล่นชู้กับพระโอรส พี่กลัดกลุ้มใจเหลือเกิน”อัปสรสาวนึกตกใจ ไม่คิดว่าลูกชายที่เคยตัวเล็กน่ารักเพียงครึ่งข้อขาคนนั้นจักเติบโตมาเกเรอาจหาญเล่นชู้กับผู้หญิงได้ แถมยังเป็นพระสนมของพ่อตนเอง ดูท่าว่าการเอาใจใส่ของเขานั้นจักมีปัญหา ลูกจึงเสียนิสัยไปได้ไกลเช่นน

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๓)

    หากแต่เด็กหนุ่มที่มองจ้องมาทางหล่อนนั้น ชวนให้รู้สึกแปลกๆ ราวกับเขาจ้องมองมาด้วยความใคร่อยากจักรู้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย แลไม่ได้ไว้ใจในตัวของหญิงสาวชาวมนุษย์นักไกรสรไม่ได้รับรู้เรื่องราวได้ชัดเจนสักเท่าไร เนื่องจากเจอแม่อีกทีก็ตอนที่พระสุวรรณราพณ์เล่าเรื่องราวทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว รู้แค่เพียงว่ามารดาพานางมาเพื่อต้องการชดเชยความผิดจากอดีตที่ทำต่ออีกฝ่าย เขาไม่ได้มาในตอนที่กรรณิกาเสกดวงตาที่ชิงมากลับไปให้เจ้าจันทร์ หรือแม้แต่เห็นตอนที่อีกฝ่ายอยู่ในฐานะที่น่าอดสู จึงยังคงมีความคลางแคลงในตัวของเจ้าจันทร์อยู่พอสมควรเมื่อนึกถึงอดีต... ภาพของจันทร์ดาก็หวนคืนกลับมา ชวนให้เขารู้สึกเศร้าใจอยู่เล็กน้อย ที่ถึงแม้มารดาของตนจักเป็นฝ่ายเจรจาให้เอง แต่ชายผู้นั้นคือบิดาของจันทร์ดา เขาคงไม่มีวันให้อภัยอสุราตนนั้นที่เคยทำร้ายแม่ เหมือนที่แม่ให้อภัยเขาได้หรอกไกรสรคงไม่กล้าอาจหาญครองรักกับจันทร์ดา ในขณะที่มองดูแม่ที่เคยผิดหวังจากความรักต่ออสุราผู้นั้นได้ หากมีแม่กับผู้หญิงที่สมควรจะรัก เขาคงเลือกแม่ตนเองอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะแม่คือทุกอย่างของเขา แม่ผู้ให้กำเนิด แม่ที่ทำให้เขาเติบใหญ่มาอย่างดีที่สุ

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๒)

    ณ เมืองจันทร์ในเวลานั้น“เจ้าหญิงงั้นรึ! ที่พระราชวังมิมีองค์หญิงอีกต่อไปแล้ว นางโดนราชายักษ์จับกินจนมิเหลือแม้แต่กระดูก แลเจ้าเองก็มิใช่องค์หญิง เจ้าตาบอด นำนังคนบ้านี่ออกไปนอกอาณาเขตราชวัง นี่เป็นรับสั่งจากกษัตริย์!”กว่าจักใช้ปีกน้อยๆ นั้นบินฝ่าเมฆหมอกมาสู่เมืองที่เคยจากมา จำต้องใช้สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดสูง เจ้าจันทร์ในร่างนกการเวกตาบอดโผบินแลกลายเป็นร่างหญิงสาวในชุดไทยวิจิตร หากแต่ดวงตาที่บอดสนิททั้งสองข้างนั้น พร้อมทั้งท่าทางที่ราวกับคนไม่สมประกอบ ทำให้ชาวบ้านที่หลงเหลืออยู่ต่างพากันเข้าใจว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนบ้าใบ้สติไม่ดี เจ้าจันทร์นั้นเดินโซเซด้วยตีนเปล่ามาจนถึงหน้าประตูวังตามกลิ่นลมรอบตัว แต่กลับถูกนายทหารไล่ตะเพิดออกมาดูเหมือนว่าเมืองจักถูกซ่อมแซม เกณฑ์ประชาชนที่ยังมีชีวิตรอดมาสร้างเมืองใหม่ แม้จักทุลักทุเลแต่ก็กลับมาแทบจะเหมือนเก่า เพราะกษัตริย์ยักษ์ตนนั้นมิได้คิดจักทำลายไปทั้งเมือง คงต้องขอบใจในวาสนาของลูกสาวที่เป็นตัวตายตัวแทน แลนางคงไม่มีวันกลับมา ว่ากันว่ายักษ์นั้นดุร้าย ป่านนี้คงไม่เหลือแม้แต่ซากเป็นแน่เอาเถอะ ขอแค่เมืองแลพระราชารอดพ้นวิกฤตนี้ไปก็พอใช่ เสด็จพ่อที่ดู

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๓ จำต้องปล่อยมือจากเจ้า (๑)

    “มธุรสวดี งั้นเจ้ายินดีจักกลับไปอยู่กับพี่ใช่หรือไม่ เจ้ารู้ความในใจของพี่แล้ว แลพี่เองก็มิรู้ว่าจักชดเชยความรู้สึกที่เสียไปของเจ้าเช่นไร พี่โป้ปดเจ้า พี่ทำให้เจ้าช้ำอุรา พี่รู้ดี...”“พี่สุวรรณราพณ์ ข้าเคยมีความรักอันดีต่อพี่ ข้ามอบใจให้พี่ แลตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง” ท้าวไกรสิงห์สยายปีกสีชาดด้วยสีหน้าขุ่นหมองราวกับไม่อยากรับฟังสิ่งใดต่อจากนั้นอีกต่อไปแล้ว เขารู้ดีว่านางยังคงมอบดวงใจเฝ้ารักไอ้อสุราตนนั้น แลไม่มีเหตุผลที่จักไม่กลับไป ตลอดมาเขาทำได้เพียงรักแลถนอมนางให้ดีที่สุด“...”“แต่ข้าคงมิอาจตอบตกลงเพื่อกลับไปหาพี่ได้ ข้าค้นพบสถานที่ที่ข้าต้องอยู่แล้ว”“...”“แม้นจักไม่เทียบเท่าที่เคยมอบให้พี่ แต่ข้าไว้เนื้อเชื่อใจที่จักมอบชีวิตให้พี่ไกรสิงห์ แลข้าเอง... ก็มีลูกชายที่ต้องดูแลในฐานะมารดาต่อจากนี้”“...!!”“หากพี่เข้าใจแลกลับไปแต่โดยดี ข้าอาจจักขอมากไป แต่ข้าขอฝากอินทร์มุกแลจันทร์ดาไว้กับพี่ด้วย ข้าอยากให้พี่ดูแล มอบความรักให้พวกเขาราวกับเป็นลูกแท้ๆ ของเรา... ถึงแม้ว่าข้าจักมิได้ตั้งท้องพวกเขามาก็ตาม”“...”“แต่ถ้าหากพี่ยังดึงดันจักฆ่าพี่ไกรสิงห์ ก็เอาชีวิตของข้าไปแท

  • เกิดใหม่เป็นเมียยักษ์ในวรรณคดี   ภาค ๒ เจ้าจันทร์เมียยักษ์ ๒๒ ทวงคืนเจ้า (๔) จบตอน

    ความมืดที่กลืนกินสุวรรณราพณ์นั้นทำให้เมื่อครบวันตามกำหนด เขาจึงเคลื่อนทัพด้วยตัวคนเดียว ฝ่ามือกุมดาบทมิฬไว้แน่น ดวงตาวาวโรจน์ ร่างกายถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดจนเห็นเป็นเพียงเรือนกายสีทมิฬ เขาเหาะเหินเดินอากาศไปตามนภา ขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์พร้อมความพยาบาท บีบเค้นอัปสรบนท้องฟ้าเพียงถามหาทางไปวิมานฉิมพลี ด้วยความกลัวเพราะพญายักษ์นั้นเสียสติไปแล้ว เหล่าอัปสรชี้ไปทางเมฆที่เกาะกลุ่มแน่นหนาที่สุด เพียงขว้างศาสตราวุธไปทางกลุ่มเมฆเหล่านั้น ก็เกิดอัสนีบาตรจนกลุ่มเมฆเผยเส้นทางภายในที่เต็มไปด้วยแผ่นดินลอยฟ้า ปกคลุมไปด้วยต้นงิ้วออกดอกสีแดงฉานห้อยระย้าดูงดงามตระการตา แต่บัดนั้นสีแดงจักเป็นสีของโลหิตเหล่าประชาชนเมืองครุฑให้สาสมใจเขาเคลื่อนตัวออกจากเมืองยักษาโดยมิได้แจ้งจักษ์แก่ผู้ใดในเมือง มิว่าจักเป็นราชครูผู้สนิท หรือแม้แต่เหล่าอำมาตย์ผู้ภักดี เมื่อใช้เพลาจนสังวรีราพณ์สามารถกัดกินจิตใจได้เกินครึ่ง เขาจึงใช้แรงอสุรกายทมิฬขับเคลื่อนท่องคาถาเหาะเหินเดินอากาศหวังเพียงได้ฆ่าเผ่าพันธุ์ครุฑให้เหี้ยนแลพาอัปสรสุดที่รักกลับมาแลถ้าหากนางมิกลับมาที่นี่ เขาจักยอมดับดิ้นไปพร้อมกับคำสัตย์สาบานที่ว่ามิว่าชาติไหน ก็จ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status