แชร์

2 บทนำ (2)

ผู้เขียน: บ้านเขมปัณณ์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-02 19:49:01

ซึ่งก่อนหน้านั้น นางถูกลากเข้ากระโจมของอีกฝ่ายที่อยู่กลางป่า กลางเขา โดยถูกจับโยนขึ้นหลังม้า ร่างกายเปลือยเปล่ามีเพียงชุดที่ทำจากขนจิ้งจอกแดงพันเอาไว้

        ฟ่านอวี้เหยาเจ็บช้ำทั้งกายและใจ แต่ต้องทนกล้ำกลืนอย่างจำยอม ทว่าต่อจากนี้ นางจะไม่ทนแบกรับความทุกข์ฝ่ายเดียวอีกต่อไป นางอยากมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม และสามารถยืนหยัดด้วยสองขาตน

        หญิงสาวเดินทางมากับกองทัพด้วยระยะทางหลายร้อยลี้ กระทั่งถึงค่ายหน้าด่านของกองทัพอาชาเหินหาว คนชั่วที่เป็นแม่ทัพใหญ่ ก็ตีค่าให้นางเป็นนางโลมที่ต้องมีป้ายแขวนคอ

        คนผู้นี้ ไร้สมอง ขาที่สามของเขาแข็งขันได้ตลอดเวลา เพียงแต่เห็นสิ่งสวยงาม และเขาจ้องแต่จะส่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ที่หัวฉ่ำน้ำหล่อลื่นทะลวงเข้ากลีบเนื้อฉ่ำแฉะของหญิงสาว  

        “ดี อ้าให้กว้างอีกนิด หน้าอกเจ้าก็ใช้มือเล่น และบีบยอดถันไปด้วย บีบแรงๆ สิ ให้หัวมันชูชัน และแดงแจ๋ไปเลย ข้าอยากเห็นมันระบม อยากให้เจ้าเป็นสตรีร่านๆ ที่บุรุษมีไว้สนองราคะ”

        นางที่นั่งอยู่ด้านบนกายแกร่ง ละอายใจยิ่ง ไม่กล้าทำตามที่เขาสั่ง มือข้างหนึ่งเลยยื่นไปบีบต้นแขนกำยำไว้

        และร่างกายนางยามนี้ มีความแข็งขันแทรกผ่านเข้าไปจนเต็มลำ

        เจ็บ จุก ทั้งอึดอัด แต่คงไม่ถึงกับตาย

        “หึๆ ๆ บีดรัดได้ดี น้ำเจ้าก็ไหลเยิ้มตลอด ข้างในอุ่นจัด ทั้งเต้นตุบๆ กระทำเช่นนี้ ถึงจะเรียกว่าการอุ่นเตียงของชายหญิง”

        คำพูดเขาหยาบคาย ไร้รสนิยม เป็นพวกมักมาก คือผู้ชายอย่างที่นางไม่เคยพบพาน ทั้งชาตินี้ และชาติก่อน

        “ข้าอาจไม่เป็นวรยุทธ์ เข้าครัวก็ด้อยฝีมือ งานเย็บปักเอาไหน แต่สตรีเช่นข้า เกิดมาเพื่อพาบุรุษขึ้นสวรรค์ และไม่แน่ อาจมีความสามารถ ถึงขั้นถีบพวกบ้าตัณหาลงนรกได้ในเวลาเดียวกัน และก่อนจะถีบแรงๆ ข้าคงตอนพวกเขาให้เป็นขันทีเสียก่อน อยากรู้นักบุรุษยามนั่งถ่ายเบา จะน่าขบขันเพียงใด”

        “เฮ้อ เจ้าถนัดใช้วาจาชั้นต่ำจริงๆ ไม่สมเป็นคุณหนูสกุลสูงศักดิ์ บรรพบุรุษเจ้าไม่เคยสั่งสอนหรือไร”

        ฟ่านอวี้เหยาถลึงตาใส่แม่ทัพปู้ ก่อนขยับบั้นท้ายยกสูงกว่าเดิม แล้วกระแทกตัวลงไปบนเรือนกายเขาถี่รัวติดกันชุดใหญ่ ดวงตาเหยี่ยวหรี่ปรือ ริมฝีปากหยักสวยของเขาบิดเบี้ยว การหายใจรัวแรง พร้อมส่งเสียงทุ้มๆ ครางออกมา

        ยามนั้นปลายเท้าเขาเหยียดเกร็ง สองมือกำแน่น ยอดหน้าอกแข็งจัด ดูก็รู้ว่าเขาใกล้เสร็จสม

        โถ ปู้หว่านถิง เก่งกล้า และหยาบช้าเพียงใด ยามอยู่บนเตียงกับนางกลับอ่อนหัด ราวกับลูกสุนัขที่ยังไม่หย่านม นางคิดเช่นนั้น แต่หารู้ไม่ เขาเป็นพวกสติวิปลาส เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บางครายากเดาใจได้ ทั้งหมดคงเพราะนางอ่อนหัด จึงมองบุรุษอย่างเขาไม่ออกสักนิดว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงละครตบตา

        “เมื่อก้าวออกจากเรือนของตน ข้าก็ไม่ต่างจากน้ำที่ถูกสาดทิ้ง ยามนี้มีป้ายแขวนคอ นับว่าดีกว่าต้องกลายเป็นขอทานข้างถนน สตรีเช่นข้าพอมีฝีมืออยู่บ้าง คำกล่าวนี้ หาได้โป้ปดสักนิด ดูเอาเถิด แม่ทัพปู้แสดงให้ข้าเห็นว่า กำลังจะหลั่งออกมาง่ายๆ ราวกับเป็นเด็กหนุ่มไม่ประสีประสาในเรื่องนี้”

        ปู้หว่านถิง หัวเราะเสียงดุดัน คราแรกที่กระชากร่างทรงเสน่ห์เข้ากระโจม แทนการส่งเข้าไปรับใช้ทหารในค่าย ก็เพราะความงามล่มเมือง อีกทั้งนางคือลูกของศัตรู ฟ่านซุ่นซี ซึ่งทำหน้าที่หมอหลวงรักษาอาการของฉางอ๋อง ผู้เป็นฮ่องเต้แคว้นฉางไห่ในยามนี้

        เมื่อนางเป็นลูกศัตรู เขาย่อมเก็บนางเอาไว้ใกล้ๆ ตัว เพื่อแก้แค้น เรื่องนี้สมควรมิใช่หรือ

        ฝ่ายนางก็ดูบอบบาง ราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ หากให้ตกถึงมือผู้อื่น คาดว่าถูกข่มเหงไม่เกินหนึ่งชั่วยามวิญญาณก็คงหลุดออกจากร่าง

 ทว่าเมื่อใกล้ชิดกัน ได้กลั่นแกล้งนางพอให้เสียน้ำตา เขาพบว่า สตรีนางนี้กร้านโลกทั้งร่านราคะ เรื่องนี้ทำให้เขาประหลาดใจ

บางคราคาดคิดว่าอาจมีคนปลอมตัวเป็นฟ่านอวี้เหยา แต่ความคิดดังกล่าว ยากจะเป็นไปได้ เขาให้คนติดตามนางตั้งแต่ออกจากคฤหาสน์สกุลฟ่าน หลายครั้งหลายคนนางเกือบสิ้นชีพ ด้วยมีผู้ประสงค์ร้าย หวังฆ่าปิดปาก

กระทั่งมาที่ท่าเรือเมืองโยว เขาจึงสั่งให้หน่วยของตนถอนกำลัง เพื่อฟ่านอวี้เหยาจะได้รู้จักเอาตัวรอดด้วยตนเอง ซึ่งเป็นตอนนั้นที่ทำให้พบเรื่องหงุดหงิดใจ ทหารที่มาจากเมืองหลวง และเพิ่งเข้ามารายงานเสริมกองทัพเขาได้ไม่ถึงเดือน พวกมันล้วนไร้ระเบียบวินัย ทั้งยังกระทำสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นอันธพาลสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว ส่งผลให้ชื่อเสียงเขาดูแย่ อีกทั้งมีกลุ่มคน พยายามปล่อยข่าวเสียหายหวังให้ประชาชนเกลียดชังกองทัพอาชาเหินหาว ต้องการยุยงให้เกิดความขัดแย้ง ในบ้านเมือง พร้อมสรรเสริญคนชั่วอย่างเจียงโม่ขุนนางกังฉินว่าเป็นคนดี ขณะเดียวกัน ก็อ้างว่าทหารของเขา ต้องการฆ่าปิดปากสามสกุลใหญ่ที่ทำการค้าในแคว้นฉางไห่ หนึ่งในนั้นคือ สกุล เซียว ซึ่งเป็นของเจ้าบ่าวฟ่านอวี้เหยานั่นเอง

        “หากข้าสามารถย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กน้อย และอ่อนด้อยประสบการณ์เรื่องอุ่นเตียงคงดีไม่น้อย

        ตัวข้า อยากเป็นคนแรกของสตรีที่พยายามทำตัวกร้านโลก ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่พยายยามกัดฟันสู้ไม่ถอย คุณหนูฟ่านช่างใจกล้าบ้าบิ่น ถึงขั้นท้าทายกำลังบุรุษ

        รู้หรือไม่ อีกมินาน กลีบดอกไม้หวานฉ่ำของเจ้าย่อมต้องบอบช้ำ ด้วย ปาก ลิ้นสากๆ ของข้า ทั้งสองมือใหญ่นี้

         และความแข็งแกร่งที่จะแทรกผ่านร่างกายเจ้า อาจทำให้ร่างกายบอบบาง แตกออกเป็นเสี่ยงๆ”

        ร่างที่นั่งทับบนตัวเขา สั่นกว่าเดิม ถึงอย่างนั้นนางก็ยังไม่เปลี่ยนความคิด

        “ข้าจะทำให้ท่านไม่อาจมีความสุขกับสตรีคนใดได้อีก กลิ่นกายนี้ เรือนร่างนี้ และความบีบรัดของข้า จะทำให้ปู้หว่านถิง เพ้อหาทั้งยามตื่น และหลับตา”

        “ฮ่าๆ ๆ หากมีความสามารถเช่นนั้น คุณหนูฟ่านจงเร่งมือมอบความสุขให้ข้าเถิด” 

        เขาบอกนาง พลางคิดในใจว่า ฟ่านอวี้เหยาย่อมเป็นได้แค่สตรีที่เขามีไว้ปล่อยน้ำวิสุทธิ์ราดรดเรือนร่างก็เท่านั้น นางมีค่าก็แค่สตรีที่มีป้ายแขวนคอไว้รับใช้บุรุษยามต้องการปลดปล่อยความสุข ซึ่งสาสมแล้วที่บิดาของนางกล้าเป็นศัตรูกับเขา

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่ใต้อาณัติแม่ทัพวิปลาส    48 อ๋องเอวดุ (ตอนพิเศษ จบ)

    ดังนั้นแม้พวกนางยังมีตำแหน่ง แต่กลับไร้อำนาจ แถมโต้วเซ่าเหล่ยยังคาดโทษไว้สูงสุดด้วย ห้ามไม่ให้กลับเมืองหลวง และห้ามไม่ให้มีทายามสืบต่อไป ซึ่งทั้งเหยาเหอซาน กับปิงจือจือก็ยอมรับชะตากรรมของตนแต่โดยดี อย่างน้อยพวกนางก็มีชีวิตอยู่ และนั่นคือสิ่งที่รั่วตงอวิ๋นบอกแก่เขา ให้พวกนางมีชีวิตจนผมหงอก ฟันล่วงหมดปาก ป่วยตายด้วยโรคชรา พร้อมยังมีตำแหน่งชายาของเหล่ยอ๋อง “พวกนางรอดได้ก็เพราะอวิ๋นชินของข้าที่แสนดี” โต้วเซ่าเหล่ยเอ่ย ฝ่ายรั่วตงอวิ๋นก้าวตามชายหนุ่มไป และอีกฝ่ายจับมือนาง บีบเบาๆ ส่งมอบไออุ่น และความรักแก่นาง “เพราะตัวข้าพบเรื่องเลวร้ายมา ชีวิตเกือบต้องพังลงเพราะน้ำคำผู้ชาย ถึงพวกนางอาจมีความผิดบ้าง แต่การมอบโอกาสให้ผู้อื่นได้มีลมหายใจอีกครั้งย่อมดีที่สุด ที่สำคัญเหล่ยอ๋อง ใจร้ายกับพวกนางมิน้อย ข้าเลยต้องชดเชยให้แก่เหอซาน และจือจือ เรือนนอกนั้น แม้ไกลเมืองหลวง แต่มีอาหารและสภาพอากาศดี อาจเปลี่ยวกายยามค่ำคืนบ้าง แต่ข้าเชื่อเหลือเกิน พวกนางย่อมมีทางออก” “เจ้าหมายความเช่นไร” รั่วตงอวิ๋นหัวเราะน้อยๆ และตอบเขา “ทั้งหนังสือ ตำราภาพบุรุษงา

  • เกิดใหม่ใต้อาณัติแม่ทัพวิปลาส    47 อ๋องเอวดุ (ตอนพิเศษ)

    มีดสั้นของอ๋องเอวดุ ซิงอี คือแม่นางน้อยที่เดินได้เร็วกว่าวัยของตน และพูดได้เร็วมาก ตอนนี้ สิ่งที่ติดปากแม่นางน้อยคือ “ข้าจะกิน จะกินเมีย ฮึ่มๆ ๆ กินมูมมาก และดื่มนมจ๊วบๆ ด้วย!” สิ่งที่เกิดขึ้น ใครเล่าจะปวดหัวที่สุด หากไม่ใช่เหล่ยอ๋อง ผู้เป็นบิดาและตัวเขาก็เหมือนจะพลาดหลายสิ่งไป ในช่วงที่ห่างจากรั่วตงอวิ๋นพอสองแฝดเกิดก็ไม่ได้อุ้มชูใกล้ชิด กระทั่งพวกเขาเริ่มโต จึงได้ทำหน้าที่บิดา อย่างเต็มที่ กระนั้นก็มีปัญหาเล็กน้อยตามมาไม่หยุด ยามนี้แม่นางน้อยไม่ยอมเรียกเขาทว่า ท่านพ่อ อีกทั้งชอบมองด้วยสายตาที่อยากเอาชนะ นอกจากนั้น ยังเรียกว่าเขาว่า “ยาจก... ท่านมีไม้เท้าตีสุนัขด้วย” แน่นอน ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะฝาแฝดผู้เป็นน้องชายของนาง ยังช่วยเสริมว่า “อ๋องๆ อ๋องผี! เขาเป็นอ๋อง ผะ ปะ ปี...จ๊าด!” เมื่อซีห่าวเอ่ยพร้อมทำท่ากลัวจนตัวสั่น คนเป็นพี่ก็เสริมอย่างฉะฉานว่า “ข้าจะปกป้อง ห่าวเกอ จากยาจกและอ๋องปีศาจ แฮ่ร!” ทั้งภาพและเสียงที่เกิดขึ้นทำให้ รั่วตงอวิ๋นหัวเราะชอบใจ และนี่คงเป็นการแก้แค้นของเมียรัก ที่บอกว่าเขาหายหัวไปหลายปี แต่ให้ตายเถิด สิ

  • เกิดใหม่ใต้อาณัติแม่ทัพวิปลาส    46 อ๋องเอวดุ

    “นะ นั่น ที่แท้ก็เป็นนางโลม... เหตุใดถึงให้เข้าทางประตูหน้า โถ... กลับเมืองหลวงครั้งนี้ องค์ชายเจ็ดคงสติฟั่นเฟือนอย่างที่เขาว่ากันแน่ๆ ยกหญิงชั้นต่ำมาเป็นอนุภรรยา” เสียงชาวบ้านดังขึ้น ในขณะที่รถม้าหยุดอยู่หน้าตำหนัก และหูของสตรีที่นั่งอยู่ด้านในก็กระดิกไปมา นางได้ยิน และยังคันปากยิบๆ ผิดแต่ต้องการให้ผู้คนโจษจันถึงเรื่องของนางมากกว่านี้ จะได้สมกับการปรากฏตัวหน้าตำหนักอ๋องผู้ที่ยามนี้คงวิปลาสเป็นแน่ ที่จู่ๆ แต่งตั้งให้นางโลม เป็นอี๋เหนียง*ของตน (อนุภรรยา) อีกอย่างเขาหายหัวไปนาน จนนางลืมไปแล้วว่า ตนเคยมีสามี และลูกของนางมีบิดาเป็นถึงองค์ชายเจ็ด “สตรีนางนั้นมีบุตรด้วย โถ... แล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่าเป็นองค์หญิงและองค์ชาย ที่มีสายเลือดขององค์ชายเจ็ด!” “เช่นนี้ เป็นการหลอกลวงเบื้องสูงหรือไม่” อีกเสียงดังขึ้น และทำให้รั่วตงอวิ๋นอยากออกจากรถม้า และจับคนพวกนั้นฉีกปากเหลือเกิน “เอาล่ะ ไข่เน่า และเลือดหมู รวมถึงขี้วัวพวกเจ้าเตรียมพร้อมหรือยัง” สิ่งที่ฝ่ายนั้นเตรียมการ ย่อมมาจากปิงจือจือ และเหยาเหอซานร่วมมือกัน รั่วตงอวิ๋นได้ยินเสียงด

  • เกิดใหม่ใต้อาณัติแม่ทัพวิปลาส    45 อ๋องเอวดุ

    สามปีผ่านไป เมืองฝาง (เมืองหลวงแคว้นต้าเหลียง) ในยามนี้ไม่ใคร่สงบสักเท่าใด ประชนชนอยู่กันอย่างอกสั่นขวัญแขวน บ้างก็มีข่าวลือวงในว่า อาจเกิดการก่อกบฏ ด้วยฮ่องเต้อายุมากแล้ว ส่วนรัชทายาทนั้นอ่อนแอ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนตัว เนื่องจากเมื่อต้นปีเขาถูกวางยา แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจแก่ทุกคนก็คือ ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า โต้วเซ่าเหล่ยหรือองค์ชายเจ็ด หายสาปสูญในเหตุการณ์ภูเขาถล่ม แต่จู่ๆ เขาก็เหมือนปีศาจที่ฆ่าไม่ตาย สามารถฟื้นคืนชีพ และกลับมาเมืองหลวงในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองคับขัน และโต้วเซ่าเหล่ยก็คือ คนที่ผีเห็นยังหวั่น อีกทั้งชอบทำตัวราวกับจอมาร หน้ากากที่สวมไว้ครึ่งหน้า ไม่ยอมถอดออก ทั้งที่ความจริง เขาเป็นบุรุษรูปงาม แต่แสร้งทำตนอัปลักษณ์ ที่เขาทำตัวเช่นนั้น เพราะไม่อยากถูกผู้อื่น คิดว่าเขาจะแย่งบัลลังก์จากพี่ชาย (โต้วเซ่าเหล่ยกับรัชทายาท มีมารดาเป็นฮองเฮา) อีกอย่างเขาต้องการให้ตนหายใจหายคอสะดวก ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องมีสายตาใครจับจ้อง โดยเฉพาะพวกขุนนางทั้งหลาย จางคังฉิก มองเจ้านายของตน ที่นั่งดื่มสุราไปหลายจอก และดูเหมือนไม่ทันใจ เขาเลยยกกาสุราเทกรอกปากตัว

  • เกิดใหม่ใต้อาณัติแม่ทัพวิปลาส    44 อ๋องเอวดุ

    หลายเดือนผ่านไป ลี่ชุนวางสีหน้ายุ่งยากใจมาก นางบอกให้รั่วตงอวิ๋นว่า อย่างไรจงอย่าได้ตั้งครรภ์ แต่คนดื้อรั้นย่อมเป็นเช่นนี้ แต่ก็โชคดี ที่ไม่มีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้น ด้วยลี่ชุนพอจะล่วงรู้ว่า เด็กในครรภ์นั้นเป็นลูกของผู้ใด และการรับนอนกับคุณชายท่านนั้น ทำให้อีกฝ่ายไถ่ถอนตัวเองจากการเป็นนางโลม และยังช่วยอีกหลายชีวิตให้มีความสุข กระนั้นรั่วตงอวิ๋นก็ยืนยันจะใช้ชีวิตที่หอวสันต์รัญจวน อีกทั้งนางเป็นผู้ซื้อกิจการจากลี่ชุน ด้วยนอกจากนั้นยังจะไม่ให้มีการหลับนอนกับแขกอย่างไม่ยินยอม ทั้งการทำงานที่ตรอกโคมเขียวนี้ สตรีทุกคนต้องทำอย่างถูกกฎหมาย อาชีพนี้ต้องได้รับเกียรติ ผู้ใดก็ห้ามดูถูก แม้นางจะมีหัวก้าวหน้าคิดอ่านไม่เหมือนคนยุคสมัยนั้น แต่คนทั่วไป ก็ยังมองตรอกโคมเขียว เป็นพื้นที่คาวโลกีย์เช่นเดิม หมางจูวิ่งเข้าวิ่งออก ห้องโถงที่มีหมอตำแยคลอดช่วยเหลือคนที่กำลังจะคลอดอยู่ กระนั้นสถานการณ์ยามนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย “หมอ เราต้องการหมอที่สำนักการแพทย์” นางเอ่ยกับลี่ชุน น้ำเสียงร้อนใจเต็มที “เสี่ยวจูจู เจ้าปัญญาทึบแล้วหรือไร หมอพวกนั้นไฉนจะลดตัวมารักษาพวกเรา

  • เกิดใหม่ใต้อาณัติแม่ทัพวิปลาส    43 อ๋องเอวดุ

    ณ ตำหนัก หูเหยียน นอกวังหลวง โต้วเซ่าเหล่ยกลับมาจากเมืองหน้าด่านและใช้ชีวิตเสเพล โดยการปลอมตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญเกือบสองเดือน และเขาเข้าออกวังหลวงได้พบฮ่องเต้ และเหล่าองค์ชายที่สนิทกัน เพื่อปรึกษาเรื่องการรับมือกบฏที่กำลังคิดร่วมมือกับต่างแคว้น พอทุกอย่างสะสางเรียบร้อย เขาก็กลับมา สวมบทบาทเหล่ยอ๋องผู้ที่เหี้ยมโหด และบ้าอำนาจเช่นเดิม โต้วเซ่าเหล่ยอยู่ที่ตำหนักหูเหยียนอย่างไม่ใคร่จะสบายตา สบายใจ นั่นเป็นเพราะชายาเอก เหยาเหอซาน กับชายารองนาม ปิงจือจือ ที่ร้อยวันพันปีนับแต่แต่งเข้ามา พวกนางไม่เคยคิดจะกล้ามายุ่มย่ามกับเขา ต่างจับมือกันแน่น และบอกว่าอยากได้รับโอกาสปรนนับัติชายหนุ่ม และเขารู้ว่า ที่เป็นเช่นนั้น ด้วยทั้งคู่ถูกสกุลของตนบีบบังคับเพื่อเร่งให้มีทายาทกับเขา นอกจากนั้นพวกนางยังพลาดพลั้งมีความสัมพันธ์กับนักเล่านิทานผู้หนึ่ง เรื่องนี้เขาย่อมล่วงรู้ แต่ก็ปล่อยให้ทั้งคู่ หลงระเริงสักพัก หากพวกนางคิดได้ ก็จงสภาพผิด และหย่าขาดออกไปเสีย เพื่อปกป้องทั้งชีวิตตน กับสกุลเดิมของตน “บิดาหม่อมฉันคิดว่าถึงเวลาที่ต้อง มีบุตรให้เหล่ยอ๋องแล้ว” เหยาเหอซานว่าอย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status