สามวันต่อมา
หลี่อันหนิงได้รับการช่วยเหลือจากแม่เฒ่าจวงหญิงชราผู้เป็นหมอตำแยและหลานชายของนาง ทั้งสองเมื่อรู้จากปากของหลี่เฟิงหัวว่าเด็กน้อยตามขึ้นเขาและหายตัวไป จึงได้เร่งออกตามหานาง
เมื่อหญิงชราและหลานชายพบเด็กน้อยจึงได้เห็นว่านางกำลังนั่งกอดเด็กทารกเพศหญิงอยู่ข้างๆ ศพของมารดา แม่เฒ่าจวงรู้สึกอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ไม่รู้ว่าพวกนางเอาชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร
คนบ้านหลี่ถึงแม้จะรู้ว่าหลี่อันหนิงหายตัวไป ทว่ากลับไม่มีใครสนใจที่จะขึ้นเขาไปจะตามหานางสักนิด ยิ่งแม่เฒ่าหม่ายิ่งสาปแช่งให้เด็กหญิงถูกสัตว์ร้ายในภูเขาฆ่าตายไปเลยยิ่งดี
แม่เฒ่าจวงเมื่อเห็นสภาพของแม่ลูกที่น่าเวทนา นางก็ได้แต่สบถด่าทอความแล้งน้ำใจของคนตระกูลหลี่ไปสามสิบแปดชั่วโคตร จากนั้นจึงพาเด็กหญิงตัวน้อยและน้องสาวของนางกลับไปพักยังเรือนของตน
ส่วนศพของพานเยว่หลานจวงอี้ซิงหลานชายของแม่เฒ่าจวงขุดหลุมฝังร่างของนางเอาไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ทั้งยังทำป้ายหลุมศพไม้ให้นางเพื่อเป็นการไว้อาลัยครั้งสุดท้าย
หนึ่งปีผ่านไป
บิดาผู้ไม่เคยกลับมาเหยียบที่หมู่บ้านมู่โถวเลยสักครั้งหลังจากที่มารดาของหลี่อันหนิงจากไป วันนี้เขาได้กลับมาพร้อมสตรีแต่งหน้าหนาเตอะนางหนึ่ง
คนทั้งสองตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันที่หมู่บ้านมู่โถว และครั้งนั้นหลี่เจี๋ยเองก็ตัดสินใจยุติการเล่าเรียนที่สำนักศึกษาหมิงหลันด้วยเช่นกัน
ผ่านไปหลายปี หลี่อันหนิงถึงได้รู้ความจริงว่าสองคนนี้ลอบคบหากันตั้งแต่ที่ยังอยู่กับมารดาของนาง และที่เขาไม่ยอมกลับมาหมู่บ้านมู่โถวเพราะมัวแต่ขลุกอยู่กับหญิงหม้ายนางนี้
จางเหยาฮวา มารดาเลี้ยงของหลี่อันหนิง สตรีที่สามารถแต่งเข้าสกุลหลี่ได้เพียงเพราะว่าสินเดิมและสมบัติที่สามีเหลือทิ้งไว้ให้หลังจากเขาเสียชีวิตไปแล้ว
แม่เฒ่าหม่าผู้เป็นแม่สามีเมื่อได้รับสินบนมีหรือที่นางจะคัดค้าน กลับกันนางยินดีต้อนรับขับสู้หญิงหม้ายที่อายุมากกว่าบุตรชายของตนอย่างหน้าชื่นตาบาน
หลังจากทั้งสองแต่งงานกันได้เพียงไม่นาน จางเหยาฮวาก็ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายออกมา
แต่ถึงกระนั้นสิ่งเหล่านี้ก็มิได้มีผลกระทบต่อหลี่อันหนิงและน้องสาวแต่อย่างใด เพราะถึงอย่างไรเด็กทั้งสองก็มีชีวิตต่ำต้อยที่สุดในเรือนหลังนั้นอยู่แล้ว
ต่อมา ในปีที่หลี่อันหนิงอายุครบสิบสองก็ได้เกิดภัยแล้งขึ้นทั่วทั้งแผ่นดินต้าเหลียง
น้องสาวของนางหลี่ซางเป่าถูกแม่เฒ่าหม่าที่เป็นย่าแท้ๆ ขายไปเป็นเจ้าสาวผีให้กับบ้านเศรษฐีที่อยู่ในตำบล ในราคายี่สิบตำลึงเงิน
เด็กน้อยถูกฝังร่างทั้งเป็นไปพร้อมกับบุตรชายที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรของเศรษฐีผู้นั้น โดยที่หลี่อันหนิงไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย
เหตุผลที่แม่เฒ่าหม่าทำเช่นนั้นเพราะหลี่เจียนเจียนบุตรสาวคนเล็กของนางกำลังจะแต่งงานออกเรือน หญิงสาวรู้สึกอับอายที่หลี่ซางเป่าถูกเด็กในหมู่บ้านล้อเลียนว่าเป็นเด็กปัญญาอ่อน นางกังวลว่าบ้านเจ้าบ่าวจะรับไม่ได้ที่ตนมีหลานสาวไม่เต็มเต็ง
สองปีต่อมา
น้ำฝนสักหยดก็ยังไม่ตกลงมา ลำธารที่ไหลผ่านหมู่บ้านเริ่มแห้งขอดไร้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ต้นไม้บนภูเขาต่างยืนต้นตายแม้แต่สัตว์ป่าที่เคยชุกชุมก็อพยพย้ายถิ่นฐาน
ชาวบ้านในหมู่บ้านมู่โถวไร้อาหารไร้ผู้ช่วยเหลือ ทุกชีวิตแทบจะกินรากไม้เพื่อประทังชีวิต เพราะทางราชสำนักยังไม่สามารถจัดการกับภัยพิบัติครั้งนี้ได้
อีกทั้งทางชายแดนเหนือเองก็อยู่ในช่วงตึงเครียด ต้องเฝ้าระวัง เพราะถูกแคว้นข้างเคียงโจมตีอยู่ตลอดเวลา
เสบียงอาหารที่มีอยู่ในคลังหลวงจึงถูกส่งลำเลียงไปเลี้ยงดูเหล่าทหารจนหมด
ผู้คนทั่วทั้งแคว้นต่างอดอยากหิวโหย ชาวบ้านธรรมดาผันตนเองไปเป็นโจรเพื่อปล้นสะดมเหล่าเศรษฐี ฮ่องเต้รัชสมัยนี้บริหารบ้านเมืองได้อย่างล้มเหลว แต่ถึงกระนั้นเหล่าองค์ชายต่างก็ไม่สนใจว่าประชาชนจะมีความเป็นอยู่อย่างไร เพราะในใจพวกเขามีเพียงการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจในราชบัลลังก์
หลี่อันหนิงที่อายุใกล้ครบสิบห้าใบหน้าและผิวพรรณของนางเริ่มละม้ายกับพานเยว่หลาน นั่นยิ่งเป็นเหตุให้แม่เฒ่าหม่าเห็นนางเมื่อใดก็ยิ่งรู้สึกเกลียดชัง อีกทั้งภัยแล้งทำให้บ้านหลี่แทบล้มละลายเงินเก็บสะสมที่นางหม่าอดออมมาหลายปีบัดนี้กำลังร่อยหรอ
ทางเดียวที่จะยื้อชีวิตของคนบ้านหลี่ให้มีชีวิตต่อไปได้คือการขายหลี่อันหนิงออกไป ลดหนึ่งปากแต่เงินในกระเป๋าหนักขึ้น
เมื่อนางหม่าตัดสินใจได้ดังนั้นก็มิได้ปรึกษากับสามีเฒ่า นางพาสะใภ้รองเข้าไปยังตัวอำเภอเพื่อจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบเชียบ
หลี่อี้เจ๋อ พี่ชายฝาแฝดของหลี่ซางเป่าที่กำลังร่ำเรียนอยู่ในสำนักศึกษาหมิงหลัน ได้พบแม่เฒ่าหม่าและอาสะใภ้รองโดยบังเอิญ เมื่อเห็นพวกนางมีท่าทีลับๆ ล่อๆ จึงได้แอบตามไป
หลังจากแม่เฒ่าหม่ากลับมายังหมู่บ้านมู่โถวอีกครั้ง นางได้มอบชุดเก่าของหลี่เจียนเจียนให้แก่หลานสาวที่ตนรังเกียจ ทั้งยังสั่งให้นางอาบน้ำชำระร่างกายและแต่งตัวเสียใหม่
หลี่อันหนิงที่รู้สึกสงสัยจึงได้แอบฟังการสนทนาของท่านย่าและอาสะใภ้รอง เมื่อได้ยินว่าตนเองกำลังจะถูกขายไปยังหอคณิกา เด็กสาวจึงคิดหาทางหนีเอาตัวรอด
แต่นางที่ไม่เคยออกจากหมู่บ้านไหนเลยจะรู้ว่าควรไปที่ใด หลี่อันหนิงรีบไปขอความช่วยเหลือจากแม่เฒ่าจวง และการที่นางทำเช่นนั้นทำให้หญิงชราและหลานชายถูกทำร้ายไปด้วย
แม่เฒ่าจวงที่ถูกคนจากหอนางโลมทำร้ายกลับสั่งให้เด็กสาวรีบหนีไป หญิงสาวทำตามคำสั่งของแม่เฒ่าอย่างลนลาน นางวิ่งหนีเหล่าชายฉกรรจ์หลายคนจากหอคณิกาที่ออกตามล่านางทั้งคืน
หลี่อันหนิงวิ่งจนหมดแรงสุดท้ายก็ยังหนีไม่รอด
เด็กสาวตัดสินใจหันกลับไปสู้โดยไม่คิดยอมแพ้ต่อชะตากรรม ทว่าไหนเลยสตรีผอมบางเช่นนางจะสามารถสู้กำลังของบุรุษได้ ผลสุดท้ายหญิงสาวถูกทุบตีทำร้ายจนแทบปางตาย
ก่อนถูกพาตัวกลับไปยังหอคณิกา เสียงควบม้าหลายตัวก็ตรงดิ่งมาที่นาง
หลี่อันหนิงที่ใบหน้าบวมปูดจนดวงตาสองข้างแทบมองไม่เห็น แต่ภาพตรงหน้าที่เหล่าชายฉกรรจ์จากหอคณิกาถูกสังหารราวกับใบไม้ร่วง นางกลับมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน
หญิงสาวแม้จะรู้ว่าตนเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย ถึงกระนั้นนางกลับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างที่ถูกบุรุษหลายคนซ้อมอย่างหนักกระตุกสองสามทีก่อนกระอักเลือดออกมา
ชายวัยกลางคนที่เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้นจับชีพจรของนาง จากนั้นจึงส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง
ณ เรือนตระกูลหลี่“กลับมาแล้วหรือเจ้าพวกตัวซวย หายหัวไปทั้งคืนยังกล้ากลับมาที่นี่อีกนะ”เสียงแหลมสากของแม่เฒ่าหม่าดังขึ้นด้านหลัง ในระหว่างที่สองพี่น้องกำลังย่องกลับไปยังห้องเก็บฟืน“ท่านย่า”หญิงชรามีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ที่เด็กสาวหันมาพูดกับตนด้วยสีหน้าเย็นชา ทั้งที่ในยามปกติมักจะแสดงท่าทีขลาดกลัวเป็นครั้งแรกที่ได้พบหญิงชราหลังจากย้อนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลี่อันหนิงกำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธแค้นที่ปะทุขึ้นภายในใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตนเป็นเพราะหญิงชราผู้นี้ วันหน้านางจะต้องตอบแทนอย่างสาสมให้สมกับที่ครอบครัวของตนได้รับมาหลี่อันหนิงสบถสาบานในใจ“ท่าย่ามีอะไรจะใช้ข้าหรือ”เด็กสาวถามเสียงห้วน ไร้ท่าทีขลาดกลัวดั่งเช่นวันวาน“วันนี้พวกแกสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้ทานอาหาร ต้องทำงานที่เหลือจากเมื่อวานให้เสร็จทั้งหมด จากนั้นก็ขึ้นเขาไปเก็บผักป่ามาซะ”หลี่อันหนิงบิดปากเล็กน้อย ห้ามทานอาหารหรือ อาหารที่แม้แต่หมูยังไม่อยากทานใครมันจะกลืนลงท้องได้ เด็กน้อยทั้งสองไม่ตอบโต้ กลับทำตามที่หญิงชราสั่งอย่างว่าง่าย ซึ่งต่างจากท่าทีเฉยชาที่แสดงออกหลี่เจียนเจียนเดินผ่านสองพี่น้องที่กำล
กลางดึก ในระหว่างที่พี่น้องกำลังหลับสนิท เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังก้องสะท้านขึ้นที่ด้านนอกถ้ำ หลี่อันหนิงและหลี่ซางเป่าสะดุ้งรู้สึกตัวขึ้นพร้อมกันเด็กสาวมิได้เล่าเรื่องที่ตนได้ยินเจ้าก้อนขนสีดำพูดคุยกันให้น้องสาวฟัง ไม่คิดว่าแม่ของมันจะกลับมาในคืนนี้ ในระหว่างที่หลี่อันหนิงกำลังคิดหาทางหนี เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดของเจ้าสัตว์ร้ายด้านนอกดังขึ้นแผ่วเบาในหัวของนางได้ยินเสียงของมันรำพึงถึงลูกน้อยทั้งสอง เด็กสาวมองไปยังฝั่งตรงข้ามของบ่อน้ำร้อน ก่อนตัดสินใจเดินออกไปดูในความมืดสลัวราง หลี่ซางเป่าจับแขนเสื้อของพี่สาวเอาไว้มั่น“พี่ใหญ่ไปไหนหรือ”“ซางเป่ารอพี่อยู่ที่นี่ได้หรือไม่ ไม่นานพี่จะกลับมา”เด็กน้อยส่ายหน้าปฏิเสธแสดงท่าทีหวาดกลัว นางเห็นน้องน้อยแสดงท่าทางเช่นนั้นออกมา ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ“ได้ๆ เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถิด”หญิงสาวจับมือของน้องสาวเดินออกมาทางปากถ้ำ ที่ยังคงได้ยินเสียงร้องครางของสัตว์บาดเจ็บชัดเจน เมื่อไปถึงบริเวณปากถ้ำที่นั่นมีคบเพลิงมากมายถูกจุดโดยมนุษย์ดวงตาดำสนิทของเจ้าสัตว์ร้ายจ้องมองมายังนางและน้องสาวที่ซ่อนตัวอยู่ เจ้าก้อนขนทั้งสองที่ไม่รู้ว่าตามมาตั้งแ
หลี่อันหนิงพยักหน้าพลางลูบผมของเด็กน้อยซางเป่าอย่างภูมิใจ ตอนนี้ตนเองเป็นเพียงเด็กเท่านั้นไม่อาจทำตามใจตนดั่งเช่นผู้ใหญ่ได้ หากต้องการปกป้องน้องทั้งสองนางจำต้องมีอำนาจในมือและแล้วหลี่อันหนิงก็หวนกลับไปนึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาที่แสนเย็นชาของท่านขุนนางหนุ่ม เพียงเท่านั้นในหัวใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด“พี่ใหญ่ข้ารู้ว่าที่ใดที่เราสามารถใช้นอนได้”เด็กสาวมองหน้าน้องน้อยของตนด้วยสีหน้าสนใจ หลี่ซางเป่าเดินลิ่วนำหน้าไปเหมือนกับคุ้นเคยเส้นทางบนภูเขา หลี่อันหนิงผู้เป็นพี่สาวรีบวิ่งตามจนกระทั่งทั้งสองไปถึงผาหินที่มีต้นไม้และเถาวัลย์ขึ้นรกชัฏแห่งหนึ่ง“เป่าเอ๋อเราใช้ที่นี่นอนไม่ได้หรอกนะ มันรกเกินไปอีกอย่างอาจมีงูพิษออกมาก็ได้ รู้หรือไม่ว่ามันอันตราย”หลี่ซางเป่าเกาหัวตนเองเบาๆ นางแสดงสีหน้ามั่นใจก่อนจะหันไปดึงแขนเสื้อของพี่สาว“ได้เรานอนที่นี่ได้ นางบอกว่าคืนนี้ให้เรานอนที่นี่”นางหรือ...ใครกัน หลี่อันหนิงมองใบหน้าที่เล็กกว่าฝ่ามือของน้องสาวอย่างงุนงง สายตาสำรวจมองไปรอบๆ ไม่เห็นมีที่ใดเลยที่จะสามารถใช้นอนได้ แล้วเหตุใดซางเป่าถึงพูดเช่นนั้นออกมา“ใครเป็นคนบอกน้องหรือ เป่าเอ๋อ”“ท่านแ
แม่เฒ่าจวงจีบปากจีบคือเอ่ย พลางหันไปถามความเห็นของเหล่าจีนมุงที่ตอนนี้เริ่มมากขึ้นทุกทีหลี่เจียนเจียนผู้ที่ถูกตามใจมาตั้งแต่ยังเล็ก คิดไม่ถึงว่าจะถูกหญิงชราตรงหน้าตอกกลับเช่นนี้ นางกำหมัดกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ ก่อนตวาดแหวออกไปอีกครั้ง“เจ้า!! ยายเฒ่า เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด ข้าบอกให้ส่งนางเด็กสารเลวสองคนนั้นออกมา”ใบหน้าของหลี่เจียนเจียนเริ่มแดงก่ำด้วยความโกรธ นางไม่รู้วิธีจัดการกับคนอย่างหญิงชราผู้นี้ เพราะที่ผ่านมาเป็นนางที่เป็นผู้กระทำมาตลอด“เจ้าหมายความว่าอย่างไร เรือนหลังนี้มีเพียงข้าและหลานชายอาศัยอยู่ หากจะพูดว่ามีเด็กสารเลวที่นี่ก็มีแต่เจ้าคนเดียว”แม่เฒ่าจวงลอยหน้าลอยตาเอ่ย โดยไม่สนใจในใบหน้าที่เริ่มเขียวคล้ำดำมืดของหลี่เจียนเจียน“กรี๊ด!!! ยายเฒ่าจวง กล้าว่าข้าสารเลวหรือ”หญิงสาวพุ่งเข้าใส่แม่เฒ่าจวงแต่ถูกจวงอี้ซิงเอาตัวขวางเอาไว้ เขาและนางอายุสิบเจ็ดเท่ากันทว่าเด็กหนุ่มกลับสูงใหญ่และแข็งแรงมากกว่า อาจเพราะเขาทำงานหนักมาตั้งแต่ยังเล็กหลี่เจียนเจียนไม่สนใจว่าคนที่ขวางทางตนจะเป็นใคร นางใช้เล็บข่วนเด็กหนุ่มตรงหน้าเพื่อระบายโทสะของตน แต่สิ่งที่หลี่เจียนเจียนทำไม่สามารถสร้างความ
“อันหนิง!! อันหนิงลูกแม่ ลูกต้องช่วยน้องชายของเจ้านะ อย่าปล่อยให้เขาต้องเดินทางผิดเช่นในอดีต บัดนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถนำทางให้เขากลับมาเดินในเส้นทางที่ถูกต้องได้”ในความมืดมิดอันเวิ้งว้าง เด็กสาวได้ยินเสียงคุ้นเคยของผู้เป็นมารดาดังแว่วอยู่ไกลๆ นางมองสถานที่ที่ไม่คุ้นตานี้ด้วยสีหน้าสงสัย แม้รอบกายจะมืดทะมึนแต่กลับมิได้ให้บรรยากาศที่น่าหวาดกลัวหลังจากเงี่ยหูฟังว่าเสียงของมารดามาจากที่ใด นางจึงตัดสินใจเดินตามเสียงนั้น กระทั่งได้เห็นภาพเหตุการณ์ของชายหนุ่มรูปงามในชุดขาว ราวกับเทพสงครามกำลังเข่นฆ่าสังหารผู้อื่นด้วยใบหน้าเฉยชาเด็กสาวตกใจกับภาพตรงหน้าจนถอยกรูดไปด้านหลัง ทว่าภายในใจกลับคิดว่าดวงตาของคนผู้นี้ช่างดูคุ้นเคยยิ่งนักเมื่อหลี่อันหนิงมองเพ่งมองให้ชัดๆ นางเห็นไฝเม็ดเล็กที่อยู่ใต้ดวงตาขวาของเขาแล้วภาพของเด็กชายตัวน้อยที่ถือตำราในมือก็ผุดขึ้นมาในหัวของนาง บ้านหลี่มีเพียงเด็กสองคนที่เกิดมาพร้อมกัน และพวกเขามีไฝน้ำตาอยู่คนละฝั่งหลี่ซางเป่ามีไฝเม็ดเล็กใต้ดวงตาข้างซ้าย เช่นนั้นเขาก็คือหลี่อี้เจ๋อ น้องชายคนรองของนาง ทว่าภาพตรงหน้ามันคืออันใด เหตุใดเขาถึงได้กลายเป็นคนโหดเหี้ยมอำ
“อวัยวะภายในของนางและกระดูกหลายส่วนถูกทำลายจนสิ้น ต่อให้ช่วยได้ในตอนนี้นางก็คงอยู่ไม่พ้นเดือน ทำได้เพียงใช้สมุนไพรยื้อชีวิตไปเรื่อยๆ เท่านั้น อีกอย่างเราอยู่ในภารกิจที่เร่งด่วน จำเป็นต้องปล่อยนางไป เฮ่อ!! ช่างน่าเวทนานัก นางยังเด็กอยู่เลยกลับต้องมาพบกับชะตากรรมอันเลวร้ายเช่นนี้”ชายหนุ่มรูปงามที่แต่งกายด้วยชุดสีดำทั้งตัว เส้นผมสีดำสนิทถูกรวบสูงและสวมกวานหยก เขาประคองร่างบางขึ้นอย่างทะนุถนอม แม้ร่างกายของนางจะเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน แต่ถึงกระนั้นเขากลับกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างไม่นึกรังเกียจชายหนุ่มยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเลือดที่ใบหน้าของหลี่อันหนิงอย่างแผ่วเบา นางไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนตั้งแต่ที่มารดาจากไป หญิงสาวส่งยิ้มให้กับบุรุษตรงหน้าเพื่อเป็นการขอบคุณ จากนั้นเขาจึงก้มลงกระซิบที่ข้างหูของนาง“ข้าคือขุนนางที่ฮ่องเต้ส่งมา เด็กน้อยเจ้ามีคำขออื่นใดหรือไม่”หลี่อันหนิงได้ยินคำถามนั้นก็รู้แล้วว่าอีกไม่ช้าชีวิตของตนก็คงจะถูกพรากไป แต่ก็ยังดี อย่างน้อยนางสามารถเลือกที่จะตายด้วยน้ำมือของใครได้เด็กสาวใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระซิบเอ่ยตอบกลับไป“รบกวนช่วย!!...ฆ่า!!ข้า อย่าให้ข้าต้อ