LOGINทันทีที่รถยุโรปคันสีดำขับออกจากคฤหาสน์หรู บรรยากาศอบอุ่นที่เคยสัมผัสได้จากเจ้าของร่างสูงก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็นสุขุม
เวกัสยกมือขึ้นมากอดอกเสมองออกไปด้านนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเริ่มเอ่ยถึงประโยคที่ทำให้ลูกน้องคนสนิทซึ่งทำหน้าที่คนขับรถอยู่เกิดความรู้สึกกังวลใจ
“เมื่อคืนข้าวปั้นบอกว่าเห็นคนของเราขับรถวนรอบบ้าน คราวหลังระวังตัวกันมากกว่านี้”
ผู้เป็นเจ้านายออกปากเตือนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คาดเดาความรู้สึกไม่ได้ว่ากำลังโกรธหรือแค่เป็นห่วงว่าความลับที่ปกปิดมาตลอดหกปีจะเปิดเผย
“ขอโทษครับนาย ผมจะบอกคนของเราให้ระวังตัวมากกว่านี้”
คีรีกดใบหน้าลงแสดงความรู้สึกผิดออกมาผ่านกระจกหลัง ซึ่งเวกัสก็เหลือบมองมันเพียงชั่วครู่เท่านั้นและเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา
“หวังว่าบอดีการ์ดที่ขึ้นมาแทนชุดเก่ารอบนี้จะมีชีวิตอยู่เกินครึ่งปี” เขาเหนื่อยที่จะตอบคำถามภรรยา เวลาเธอถามถึงบอดีการ์ดชุดเก่าที่เขาเคยโกหกว่าเป็นลูกน้องที่บริษัท
‘คุณบีมไปไหนเหรอคะ ปั้นไม่เห็นเขามาบ้านเราสักพักแล้ว’
คำถามใสซื่อของภรรยาในวันนั้นทำให้เขาเงียบไปครู่ใหญ่
บีมคือลูกน้องคนสนิทอีกคนที่เขาเคยทำงานด้วย
หากคีรีคือสายทำงานเคียงข้างไปด้วยกันทุกที่ตลอดสิบปี บีมก็คือหน่วยข่าวกรองที่ไม่มีใครแทนได้ เวกัสบอกภรรยากับลูกสาวว่าทุกคนในเครือข่ายมาเฟียของเขาเป็นพนักงานของเพกาซัส ดีไซน์ แอนด์ คอนสตรัคชัน บริษัทออกแบบและรับเหมาครบวงจรที่มีตึกอยู่ใจกลางกรุงเทพสูงกว่า 88 ชั้น
บริษัทที่ถูกจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รับงานปีละไม่กี่สิบงานเอาไว้หลอกภรรยากับบรรดาญาติของเธอ แท้จริงแล้วที่นั่นไม่ต่างจากรังมาเฟีย สามสิบชั้นแรกและชั้นบนสุดคือม็อคอัพเอาไว้หลอกภรรยา อีกห้าสิบกว่าชั้นด้านบนเป็นที่พักอาศัยซึ่งเป็นสวัสดิการขององค์กร
เมื่อภรรยากับลูกถูกพาไปที่บริษัท เหล่าบอดีการ์ดทั้งหมดก็จะสวมบทบาทพนักงานออฟฟิศเพื่อให้ข้าวปั้นสบายใจ
เขาหลอกเธอได้ห้าปี แต่มั่นใจว่าจะไม่มีอะไรทำให้เมียของเขารู้ว่าหน้าที่การงานของเขาคืออะไร
‘บีมลาออกไปแล้ว’
‘ว้า~ ไม่ได้บอกลากันเลย ถ้าลูกรู้คงเสียใจแย่ รายนั้นชอบเล่นกับคุณบีมด้วย’
‘พี่ก็ไม่ได้ลาเหมือนกัน’
‘อ้าว…’
‘บีมทำงานวันสุดท้ายตอนที่พี่อยู่อิตาลี’
หนึ่งในคำโกหกที่เขาบอกภรรยาในวันนั้น
“นายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
คีรีเอ่ยถามขึ้น หลังจากรู้สึกว่าการสนทนาระหว่างตนเองกับเจ้านายเงียบลงกะทันหัน
“เดือนนี้โอนเงินให้ที่บ้านไอ้บีมมันหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ…นายคิดเรื่องไอ้บีม?”
“ไม่มีอะไร…”
บีมที่เป็นบอดีการ์ดสายข่าวกรองถูกพบเป็นศพอยู่ที่ป่าข้างทางในฮ่องกง สาเหตุการเสียชีวิตเป็นที่รู้กันว่าเกิดจากการยิงระยะไกลและอาวุธก็คือสไนเปอร์ เพราะเวกัสระแคะระคายว่ามีใครบางคนกำลังวางแผนลอบทำร้ายเขา จึงส่งให้ลูกน้องคนสนิทจัดการ
แต่บีมกลับถูกองค์กรนักฆ่าอิสระอย่างโกสท์เล่นงาน
การตายของลูกน้องเขาไม่เสียเปล่า เพราะข้อมูลที่บีมหามาได้ทั้งหมดถูกแอร์ดรอปมาที่เขาก่อนเวลาเสียชีวิตของลูกน้องเพียงห้านาที ทั้งพิธีศพและเรื่องของบีมถูกเก็บเป็นความลับภายในองค์กร ไม่มีใครรับรู้การจากไปของเขา แม้แต่พ่อแม่
เงินเดือนทั้งหมดของบีมถูกโอนเข้าบัญชีของพ่อแม่ทุกเดือน และเวกัสคิดจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ตลอดอายุขัยของพ่อกับแม่ลูกน้องคนสนิท เป็นการทดแทนที่ไม่สามารถเอาชีวิตลูกชายคนเดียวของพวกท่านกลับมาจากความตายได้
════♡════
การเจรจาธุรกิจขอเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งจากกำไรรายปีกับเดอะวิคตอรีผ่านไปได้ด้วยดี ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ถ่อสังขารมาคุยกับคนอย่างมาร์ติน แม็กคาร์ตนีย์ด้วยตนเอง
“ไอ้เหี้ย ที่คุยวันนี้ก็เหมือนกับในเอกสารที่ลูกน้องกูส่งมาให้ ทำไมไม่เซ็นให้จบๆ ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว”
เสียงทุ้มสบถใส่เพื่อนด้วยความหงุดหงิด แก้วรัมสีน้ำตาลเข้มถูกยกดื่มเกินครึ่งหนึ่ง
ส่วนคนถูกด่าก็หัวเราะแล้วยกแก้วของตนเองดื่มตาม ต่างกันตรงที่มาร์ตินยกดื่มจนหมดเหลือเพียงน้ำแข็งบอลนอนกลิ้งอยู่ในแก้ว
“แค่อยากหาเพื่อนดื่ม”
“ห่า มะรืนวันเกิดลูกกู”
“มีลูกมันดีไหม?”
“ดี ลูกกูน่ารัก สวยเหมือนแม่…” ยกยอเมียกับลูกจบก็สะดุดใจกับคำถามนั้น “มึงอยากมีลูก?”
“ก็คิดว่าจะมี…เดือนหน้ามางานครบรอบสามสิบปีของเดอะวิคตอรีสิ จะแนะนำให้รู้จัก”
“ชื่ออะไร? กูรู้จักไหม?”
“ชื่อวี วีนัส แอนเดอร์สัน”
“ไม่รู้จัก” เขาปฏิเสธออกไปทันทีที่ได้ยินชื่อ
ไม่คิดว่าคนอย่างมาร์ติน แม็คคาร์ตนีย์จะคบกับคนธรรมดาที่ไม่เป็นที่รู้จักในแวดวงการใดวงการหนึ่ง
“ไม่รู้จักก็ดี ถ้าคนอย่างมึงรู้จัก แปลว่าคนอื่นก็ต้องรู้จักวีเหมือนกัน”
คำพูดคำจาจากเพื่อนสนิทและหุ้นส่วนทางธุรกิจทำให้เวกัสเงียบลง วีนัสคงเป็นผู้หญิงที่มาร์ตินพยายามซ่อนจากอะไรบางอย่างถึงได้มีคำพูดแบบนั้นออกมา
แต่ช่างมัน ไม่ใช่เรื่องของเขา
“งั้นกูกลับก่อน พรุ่งนี้จะไปดิสนีย์แลนด์” เวกัสเอ่ยลาสั้นๆ พร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูง ใช้สองมือติดกระดุมเสื้อสูทที่แกะออกตอนนั่งให้เข้าที่เข้าทาง
“โตเป็นควายแล้วไปทำส้นตีนอะไรที่ดิสนีย์แลนด์”
“ซื้อของขวัญวันเกิดให้ลูกไอ้เวร กูไปล่ะ”
มือเรียวยกมือโบกลาเพื่อนสนิท ก่อนจะเดินออกจากห้องรับรองไป โดยมีบอดีการ์ดประกบหัวท้ายรักษาความปลอดภัยอีกที
════♡════
ภายในห้องพักโรงแรมหรูเครือลูซโซ ซึ่งเป็นกิจการที่นักธุรกิจหนุ่มถือหุ้นส่วนอยู่ด้วยไม่ต่างจากกาสิโนอย่างเดอะวิคตอรี
ลูซโซ เวิล์ดไวด์ เป็นธุรกิจที่พักและโรงแรมจากตระกูลรูซโซ ภายใต้เจ้าของและผู้นำตระกูลมาเฟียอย่างราฟาเอล และมีเซนน้องชายต่างมารดาของราฟาเอลเป็นผู้บริหารเบ็ดเสร็จในเขตเอเชีย
ปึก!
เสียงสิ่งของบางอย่างหล่นลงพื้น ทำให้เวกัสต้องเดินเข้าไปดู ปรากฏว่าต้นเสียงเมื่อครู่เกิดจากลูกแก้วกลมใสหลุดออกมาจากปากรูปปั้นมังกรที่ถูกวางตกแต่งในห้องนอน
ร่างสูงจึงย่อการก้มลงเก็บอย่างช่วยไม่ได้ แบบนี้พนักงานโรงแรมคงคิดว่าเป็นฝีมือของเขาแหง
เพล้ง!
ปัง!
เสียงกระจกแตกดังขึ้น ก่อนที่จะตามด้วยเสียงกระสุนพุ่งเฉียดสีข้างตนเองกระทบรูปปั้นมังกรจนส่วนศีรษะแตก
“เหี้ยเอ้ย...” มาเฟียหนุ่มหมอบลงกับพื้น สบถด้วยความเจ็บใจ
สไนเปอร์…
เวกัสรีบหนีเข้าไปอยู่ด้านหลังตู้ข้างทีวี มองจากตรงนี้เขามั่นใจว่าลำกล้องถูกเล็งมาจากตึกฝั่งตรงข้าม เพียงแต่ตึกมันมีมากจนไม่รู้ว่ามาจากตึกไหน
ก่อนอื่นเขาต้องปิดผ้าม่านก่อน…
คิดได้ดังนั้นจึงค่อยๆ คลานผ่านมุมอับสายตาไปใกล้ผ้าม่าน จัดการรูดปิดป้องกันไม่ให้มือสไนเปอร์ระบุพิกัดของตนเองได้ และรีบต่อสายหาลูกน้องที่อยู่อีกชั้นทันที
(ครับนาย)
“มึงไม่ได้ยินเสียงปืน?” เขาสบถอย่างหัวเสีย
(ปืน? นายปลอดภัยใช่ไหมครับ?)
ตอนนี้ทั้งปวดแผลจากการโดนยิงจนเริ่มหอบ แอลกอฮอล์ที่เขาดื่มกับมาร์ตินในตอนเย็นทำให้ความดันสูงจนเลือดไหลออกมาเยอะกว่าปกติ
น้ำเสียงตกใจของลูกน้องดังออกมาจากปลายสาย เวกัสได้ยินเสียงดังจากอีกฝั่งสลับกับเสียงวิ่งไปมาในห้องราวๆ ห้านาที
“มึงทำอะไร?”
(ขอโทษครับนาย ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ)
มิน่าถึงไม่ได้ยินเสียงปืน...
“มันอยู่ตึกตรงข้าม แต่กูไม่รู้ว่ามาจากตึกไหน”
(ผมส่งข้อความให้ลูกน้องเราขึ้นไปตรวจสอบแล้วครับ คาดว่ามันอยู่ที่ดาดฟ้าตึกฝั่งทิศใต้ติดอ่าววิคตอเรีย คงคิดจะหนีกันทางเรือ)
เวกัสคลี่ชายผ้าม่านสีขาวมองไปยังตึกที่ว่า ทันทีที่ปล่อยชายผ้าม่านลงคีรีก็รายงานความคืบหน้าให้เขาทราบ
(จัดการแล้วครับนาย รอบนี้มันมาคนเดียวเลยไม่ทันระวังตัว อีกไม่เกินห้านาทีแพทย์จากทีมเราจะไปถึง)
“มึงไปจัดการบนดาดฟ้าให้เรียบร้อย แล้วกลับมาให้คำตอบกูว่าคราวนี้พลาดเพราะอะไร”
นิ้วเรียวกดวางสายด้วยความหงุดหงิด ยิ่งโมโหความดันก็ยิ่งสูงขึ้นจนทำให้เลือดไหนออกมาไม่หยุด ภาวะเสียเลือดมากทำให้สติสัมปชัญญะค่อยๆ เลือนราง
ทั้งๆ ที่เขาเองก็ระวังไม่ให้ตนเองได้รับบาดแผล เพื่อที่จะไม่ต้องตอบคำถามเมีย แต่การปกปิดเรื่องการเป็นมาเฟียทำให้บอดีการ์ดต้องทำงานด้วยความระมัดระวังไม่ให้ข้าวปั้นระแคะระคาย ความสูญเสียและข้อผิดพลาดจึงมีเยอะขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
════☆♡☆════
กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปี 2019 ใครจะคิดว่าเวกัสจะเป็นคนสปอยล์แฟนตัวเองขนาดนี้ เพียงแค่เธอเอ่ยเล่นๆ ว่าอยากมางานครบรอบสามสิบปีของเครื่องประดับแบรนด์อเมทิสต์เป็นของขวัญรับปริญญา อาทิตย์ต่อมาเขาก็ลากเธอขึ้นเครื่องบินส่วนตัวมายืนอยู่ในสวนสาธารณะช็องเดอมาร์ส ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประมูลเครื่องประดับและอัญมณีในค่ำคืนนี้ ยอมรับว่าแสงสีส้มของเมืองปารีสตัดกับความมืดของท้องฟ้าทำให้ข้าวปั้นรู้สึกมีความสุขมาก คนตัวเล็กสวมชุดเดรสสีดำขนาดพอดีตัวกับรองเท้าบูทส้นเข็มที่แฟนหนุ่มจัดหาให้ มือเล็กคล้องแขนเขาเดินชมภาพสินค้าที่ถูกจัดแสงถ่ายแขวนตามข้างผนัง ไม่ต่างจากงานแสดงนิทรรศการภาพถ่ายเครื่องประดับด้วยความตื่นเต้น บ่อยครั้งที่มีชาวต่างชาติเดินเข้ามาทักทายเวกัสด้วยภาษาฝรั่งเศสที่เธอฟังไม่ออก แต่เดาได้ว่าน่าจะเป็นการคุยเกี่ยวกับธุรกิจส่วนตัวของแฟนหนุ่ม ซึ่งเธอตั้งใจว่าจะไม่ก้าวก่ายหรือถามให้เขาอึดอัดใจ “ปั้นชอบชิ้นไหนที่สุดในงานวันนี้?” ข้าวปั้นไม่กล้าตอบ กลัวใจว่าเขาจะควักเงินซื้อให้ แม้จะอ่านภาษาฝรั่งเศสไม่ออก แต่แฟนอเมทิสต์อย่างเธอรู้ดีว่าม
ความสัมพันธ์ระหว่างเวกัสและข้าวปั้นพัฒนาแบบก้าวกระโดด นับจากวันนั้นที่ทั้งคู่ศึกษาดูใจกัน ผ่านไปสี่เดือนทั้งสองก็ตกลงปลงใจเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ เวกัสยังเข้านอกออกในบ้านของแฟนสาวเป็นกิจจะลักษณะ แม้จะไม่ค่อยได้พูดคุยกับพ่อของข้าวปั้น แต่กับผู้เป็นแม่ เวกัสแทบจะกลายเป็นลูกชายคนโตของบ้านไปแล้ว ระยะหลังข้าวปั้นรู้สึกว่าพ่อตนเองกำลังมีความเครียดบางอย่างจากการทำงาน หลายครั้งที่เธอพบว่าพ่อเมากลับมาที่บ้าน ทั้งที่ปกติรองผู้กำกับขจรเดชไม่ดื่มแอลกอฮอล์ในวันที่ปฏิบัติงาน ไม่ว่าจะนอกเวลาหรือในเวลา ในขณะที่ข้าวปั้นกำลังจูงมือแฟนหนุ่มของตนเองเดินชอปปิงที่ห้างสรรพสินค้าใกล้มหาวิทยาลัยหลังเลิกเรียน เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของคนตัวเล็กก็ดังขึ้นจนต้องหยุดเดินและกดรับกลางคัน “พ่อโทรมาค่ะ ^^” เธอบอกแฟนตนเองว่าใครที่โทรเข้ามาเวลานี้ ข้าวปั้นมักจะเป็นแบบนี้เสมอ ไม่มีเรื่องปิดบังปกปิดสร้างความไม่สบายใจให้อีกฝ่าย มีอะไรก็เอามาเล่าให้ฟังหมด ซึ่งมันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีและทำให้เวกัสสบายใจทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน “ค่ะพ่อ” (ไอ้ปั้น! วันนี้ไม่ต้อง
ผ่านไปได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ เวกัสเข้านอกออกในบ้านเธอเป็นว่าเล่น ทั้งยังช่วยเธอทำวิจัยจนข้าวปั้นแทบจะเอาดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้ให้สาแก่ใจกับความเป็นพ่อพระของอีกฝ่าย และแม้รถของข้าวปั้นจะซ่อมเสร็จและออกจากศูนย์เรียบร้อย รุ่นพี่หนุ่มก็ยังขอเป็นคนไปรับไปส่งเธอด้วยเหตุผลที่ว่า ตอนเย็นเขาต้องมาฝากท้องที่บ้านนี้ประจำจึงอยากให้ข้าวปั้นมาด้วยกันจะได้ประหยัดพลังงาน หล่อไม่พอ รักษ์โลกอีก... แต่เพราะวันนี้พ่อไปเข้าเวรดึก ส่วนแม่ก็ไปช่วยงานศพของคนรู้จัก ดังนั้นที่บ้านจึงไม่มีคนอยู่รอให้รีบกลับไป ข้าวปั้นจึงถือโอกาสชวนคนตัวโตไปฝากท้องที่ผัดไทยกระทะร้อนหลังมหาวิทยาลัยก่อนกลับ ซึ่งเวกัสก็ตามใจรุ่นน้องสาวดังเช่นทุกครั้ง แม้บรรยากาศในช่วงเย็นจะเต็มไปด้วยบรรดานักศึกษามาเดินหาของกินหลังมหาวิทยาลัยกันขวักไขว่ และร้านก็เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาจนส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจไปทั้งร้าน แต่ทั้งคู่กลับไม่รู้สึกรำคาญหรือเบื่อแม้แต่น้อย เวกัสชวนคุยฆ่าเวลาเก่ง เริ่มต้นด้วยการคุยดินฟ้าอากาศ จนมาจบที่ซีรีส์เรื่องที่คนตัวเล็กกำลังติดงอมแงมได้ลื่นไหลอย่างเหลือเชื่อ “ปั
หลังจากรับประทานมื้อเย็นเรียบร้อย ข้าวปั้นก็รีบปลีกตัวขึ้นมาอาบน้ำและลงมือปั่นงานวิจัยตนเองต่อ ข้าวปั้นตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำให้อุปสรรคเพียงเท่านี้ส่งผลต่อการเรียนจบของตนเอง ติ๊ด! เสียงแจ้งเตือนดังมาจากเครื่องโน้ตบุ๊กสีเงิน ทำเอาคนที่กำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานตกใจจนสมาธิกระเจิง แถบแสดงค่าแบตเตอรี่ระบุว่าเหลือพลังงานเพียงสิบสามเปอร์เซ็นต์ ทำให้ข้าวปั้นลุกลี้ลุกลนหาสายชาร์จเพื่อนำมาเสียบกับตัวเครื่อง ไม่มี... จะว่าไปในกระเป๋าเป้ที่ได้มาก็มีเพียงโน้ตบุ๊กหนึ่งเครื่องเท่านั้น หรือพี่เวกัสจะลืมใส่สายชาร์จมาด้วย หญิงสาวชำเลืองสายตามองหน้าจอก็พบว่าตอนนี้คือเวลาเกือบตีสอง เธอทำงานจนลืมง่วงไปเลย โทรศัพท์ส่วนตัวกับนามบัตรที่เขาให้มาเมื่อตอนเย็นถูกนำมากำเอาไว้แน่น ลังเลว่าควรโทรไปหาในยามวิกาลเช่นนี้หรือไม่ แต่หากมัวแต่รักษามารยาท กว่าจะได้สายชาร์จก็อาจจะเป็นวันมะรืน สุดท้ายเจ้าของมือเรียวจึงตัดใจกดเบอร์ตามหน้าบัตร ก่อนจะกดโทรออก...════♡════ -Khaopun Calling- เสียงเรียกเข้าดังเป็นหนที่ส
เนื่องจากวันนี้เป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัย และคณะที่ข้าวปั้นเรียนอยู่เป็นหนึ่งในห้าคณะที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาพร้อมกับมหาวิทยาลัยตั้งแต่แรก ดังนั้นเหล่าศิษยานุศิษย์จึงรวมใจกันมางานรำลึกที่คณะจนไม่เหลือที่ให้นักศึกษาปัจจุบันที่จ่ายค่าเทอมได้ใช้สถานที่จอดรถ จุดฝากรถราคาหลักสิบจึงเป็นทางเลือก เพราะอยู่ใกล้รั้วมหาวิทยาลัยเพียงแค่ข้ามถนน แม้จะไม่มีหลักคาไว้กันแดดกันฝนให้รถก็ไม่เป็นไร รถเธอแข็งแรง แต่แล้วข้าวปั้นก็เห็นข้อเสียของมันหลังจากกลับมาที่รถ “ฉิบหาย!” ใครจะคิดว่าคนสวยๆ แบบเธอจะสบถคำหยาบในที่สาธารณะได้ แต่ฉิบหายจริงๆ เพราะกระจกทึบประตูฝั่งคนขับถูกเปิดทิ้งไว้จนเกือบสุด เธอไม่ได้ลืมมันแน่ๆ เพราะปกติเปิดแอร์ขับรถ คนตัวเล็กรีบวิ่งเข้าไปดูด้วยความตื่นตกใจ สิ่งแรกที่สังเกตเห็นคือโน้ตบุ๊กราคาหลักหมื่นหายไปจากเบาะข้างคนขับ “กรี๊ดดดด~!!!” เท่านั้นแหละนักศึกษาสาวแผดร้องเสียงแหลมขึ้นมาด้วยความโมโหทันที ในนั้นมีวิจัยที่ใช้ทำเป็นตัวจบอยู่ แถมกำหนดส่งคือเทอมนี้! เธอทุ่มเทชีวิตและเวลานอนในการอ่านหนังสือเกือบ
ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาข้าวปั้นใช้เวลาหลังเลิกเรียน หมดไปกับการตามหารุ่นพี่นักศึกษาปริญญาโทคนนั้นเพื่อคืนเงิน แม้จำนวนเงินจะเป็นเพียงสามร้อยกว่าบาท แต่เธอถือคติยืมเขามาก็ต้องคืน โชคร้ายมากที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาสักนิด แต่เขาหล่อและเป็นใบหน้าที่เธอลืมไม่ลง ต่อให้เห็นแค่เงาก็มั่นใจว่าจำเขาได้ “ไอ้ปั้น แกแน่ใจนะว่ารุ่นพี่คนนั้นแกเป็นคน” ลูกตาลเพื่อนสนิทเอ่ยถามด้วยความระแวง เนื่องจากตัวเธอเองก็ติดสอยห้อยตามช่วยเพื่อนตามหาผู้ชายที่มีลักษณะตามที่เพื่อนกล่าวอ้างมาเกือบสัปดาห์เช่นกัน อยู่มหาวิทยาลัยนี้มาจะสี่ปีเต็มยังไม่เคยเห็นผู้ชายร่วมคณะคนไหนจะตัวสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเลย แถมยังมาบอกว่าตัวหอม ผิวขาว แขนมีเส้นเลือดเซ็กซีๆ “คนสิ ผีอะไรจ่ายเงินได้” “อ้าว! แกไม่เคยฟังรายการพี่แจ็คเหรอ พี่เอาเงินจ่ายหนี้ ผีเอาเงินจ่ายค่าแท็กซี่” “ถ้าผีจะสภาพคล่องทางการเงินดีขนาดนั้น ฉันก็อยากเป็นผีบ้างเหมือนกัน” ข้าวปั้นเถียงเพื่อนด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง จนอีกฝ่ายกลอกตาใส่ด้วยความรำคาญ “อย่าม







