LOGINแต่งงานกันมา 5 ปีจนมีพยานรักด้วยกัน หลายครั้งรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังมีความลับบางอย่างซ่อนเอาไว้ เมื่อความรักขาดความเชื่อใจ สุดท้ายการหย่าคือทางออก #เนื้อหาส่วนหนึ่งในนิยาย “คุยกันดีๆ ได้ไหม อย่าใช้อารมณ์…” “ปะ ปั้นผิดเหรอ?” น้องเงยหน้าขึ้นมามองผมทั้งน้ำตาด้วยความผิดหวัง “ปั้นผิดเหรอที่เสียใจ เพราะรู้ว่าโดนผัวตัวเองหลอกมาตลอดหกปี!!!” “พี่ไม่ได้ตั้งใจ…ฟังกันหน่อยได้ไหม” “ไม่ได้ตั้งใจเหี้ยอะไร!! ขอถามหน่อย...ตั้งแต่รู้จักกันมาอะไรเป็นความจริงบ้าง!?” เพียะ! รอบนี้น้องตบจริง หน้าผมสะบัดไปตามแรงมือนั้นจนเลือดออกจากมุมปาก พอหันกลับมาก็ต้องเผชิญกับแววตาสั่นระริกของภรรยา “ปั้นจะหย่า…”
View Moreความรัก...ที่เริ่มจากการโกหกตั้งแต่ประโยคแรก
_______________________
หกปีก่อน
มะ ไม่มี...
ในนี้ก็ไม่มี...
ข้าวปั้นเปิดกระเป๋าสะพายสีดำตนเองดูทุกซอกทุกมุม แต่กลับไม่เจอ 'สิ่งนั้น'
นักศึกษาสาวชั้นปีสุดท้ายคณะบริหารธุรกิจเอกวิชาการเป็นเจ้าของธุรกิจเงยหน้ามองพนักงานร้านกาแฟใต้ตึกคณะตนเองพร้อมกับส่งยิ้มแหย
บัตรเครดิตที่บิดาให้ไว้หายไปอย่างไร้ร่องรอย เธอจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่หยิบมันขึ้นมาใช้ คือตอนไปเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่งและคงลืมเอาคืน
หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดในความสะเพร่าของตนเอง แต่ตอนนี้เธอต้องจัดการปัญหาตรงหน้าก่อน
"ขอโอนแทนนะคะ"
"ได้ค่ะ"
มือถือเครื่องสีดำถูกหยิบขึ้นมาแทน แบตเตอรี่สิบเปอร์เซ็นต์คงพอทำให้เธอผ่านวิกฤตินี้ไปได้ ระหว่างรออินเทอร์เน็ตดาวน์โหลดหน้าระบบแอปพลิเคชันธนาคาร ธนบัตรสีเทาหนึ่งใบก็ถูกยื่นผ่านหน้าเธอไปให้พนักงาน
ใบหน้าหล่อเหลาผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลเข้มลึกล้ำ ขนตายาวสวยพร้อมกลิ่นหอมจากน้ำหอมราคาแพงทำให้ผู้ชายคนนั้นดูสวยสำอางยิ่งกว่าผู้หญิง ข้าวปั้นไม่แปลกใจเลยหากจะรู้สึกประหม่าที่จะยืนอยู่ข้างๆ จนต้องขยับตัวหลีกทางให้อีกฝ่ายสนทนากับพนักงานได้สะดวกขึ้น
ระหว่างที่ขยับถอยหลัง ดวงตากลมโตก็แอบสำรวจการแต่งกายของเขาไปด้วย
เสื้อเชิ้ตสีดำกับกางเกงสแล็กส์สีเดียวกันดูเนี้ยบไร้ที่ติ สายเข็มขัดคาดเอวหัวรูปตัวเอช (H) ยิ่งเสริมให้เขาดูดีขึ้นหลายเท่า
"น้องจะมองพี่อีกนานไหมครับ ^^"
เฮือก!!
คนถูกถามสะดุ้งตกใจ เพราะไม่ค่อยได้เจอผู้ชายที่แต่งตัวดูดีขนาดนี้ในรั้วมหาวิทยาลัย จึงทำให้เธอเผลอมองสำรวจเขาอย่างเสียมารยาท
"ขะ ขอโทษค่ะ!!" โค้งตัวแทนการไหว้อย่างลืมตัว สีหน้าของหญิงสาวในตอนนี้ไม่ต่างจากตอนถูกรุ่นพี่รับน้องด้วยการเรียกถามชื่อเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมง
ประหม่าไปหมด!!
"อเมริกาโน่เย็นไม่หวาน จ่ายรวมกับของน้องคนนี้ครับ"
มือข้างที่จับแบงก์สีเทาชี้มาทางข้าวปั้น ก่อนจะยื่นมันให้พนักงานนำไปคิดเงิน
"อะ เอ่อ ปั้นจ่ายเองได้ค่ะ"
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใคร ไม่อยากมีปัญหาหรือติดหนี้บุญคุณกันทีหลังเพราะเงินไม่กี่ร้อย
"ดูเหมือนจะมีปัญหาเรื่องเงินอยู่ไม่ใช่เหรอ นั่นน่ะ มือถือดับไปแล้ว"
หญิงสาวรีบยกมือถือตนเองมาดู และพบว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ
"ถ้าไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครจะยืมก่อนก็ได้ พี่เรียนป.โทที่นี่ คงได้เจอกันอีก"
คำพูดไม่คิดอะไรของอีกฝ่ายทำให้ใบหน้าสวยพยักหน้า ยกมือไหว้ขอบคุณและขอตัวออกจากร้านกาแฟไป
ส่วนเจ้าของร่างสูงก็เดินออกจากร้านกาแฟทันทีที่ได้เครื่องดื่ม คนที่บอกว่าตนเองเรียนปริญญาโทที่นี่ยื่นบัตรเครดิตสีทองให้ลูกน้องคนสนิท ซึ่งนั่งประจำตำแหน่งคนขับอยู่ด้านหน้า
"ครับ?"
คีรีรับมาถือพร้อมกับเปล่งเสียงสูงอย่างไม่เข้าใจ ไม่ยักรู้มากก่อนว่าเจ้านายตนเองมีบัตรเครดิตธรรมดาแบบนี้
"ไปตามสืบประวัติเจ้าของบัตรมา"
อ้อ...
"ครับนาย ผมจะรีบจัดการให้หลังจากกลับจากอิตา..."
"คืนนี้...กูต้องได้ข้อมูลทั้งหมดคืนนี้ก่อนขึ้นเครื่อง"
"ครับ..." คีรีรับคำสั่งพร้อมกับโค้งศีรษะรับทราบ
ถ้าคนอย่างเวกัสเร่งรัดจะเอาคำตอบอะไร ก็แปลว่าสิ่งนั้น 'สำคัญ'
"แล้วก็ทำเรื่องเรียนต่อป.โทที่นี่ให้กูด้วย เอาให้เหลือแค่เรียนอีกปีเดียวก็พอ"
ลูกน้องหนุ่มมองเจ้านายตนเองผ่านกระจกหลังคนขับอย่างไม่เข้าใจ เจ้านายของเขาเรียนจบปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกามาแล้วหนึ่งใบจะเรียนซ้ำทำไมอีก
คีรีเก็บความสงสัยไว้ในใจ คนอย่างวัชริศร์ อัศวยุทธานนท์เป็นคนมีความคิดเหนือชั้น บางทีอาจจะมีเหตุผลสำคัญที่ยังไม่สามารถบอกใครตอนนี้ได้
"ได้ครับ ประวัติและเกรดเฉลี่ยของการเรียนปีแรกจะมีในระบบของมหาวิทยาลัยภายในสัปดาห์นี้ ส่วนบัตรนักศึกษาผมจะเอามาให้หลังจากนายกลับจากดูธุรกิจกับลูซโซที่อิตาลี"
คนนั่งหลังรถยิ้มพอใจ นั่งไขว่ห้างมองออกไปนอกรถพลางคิดเรื่องสำคัญในหัว บางครั้งคีรีมองเห็นเจ้านายก้มมองหน้าจอมือถือที่เปิดค้นบางอย่างไปด้วย
ปั้น...
อะไรปั้น?
ปั้นชา ปั้นหยา ปั้นจั่น ปั้นสิบ ปั้นข้าว...
ข้าวปั้น... :)
══☆♡☆══
กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปี 2019 ใครจะคิดว่าเวกัสจะเป็นคนสปอยล์แฟนตัวเองขนาดนี้ เพียงแค่เธอเอ่ยเล่นๆ ว่าอยากมางานครบรอบสามสิบปีของเครื่องประดับแบรนด์อเมทิสต์เป็นของขวัญรับปริญญา อาทิตย์ต่อมาเขาก็ลากเธอขึ้นเครื่องบินส่วนตัวมายืนอยู่ในสวนสาธารณะช็องเดอมาร์ส ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประมูลเครื่องประดับและอัญมณีในค่ำคืนนี้ ยอมรับว่าแสงสีส้มของเมืองปารีสตัดกับความมืดของท้องฟ้าทำให้ข้าวปั้นรู้สึกมีความสุขมาก คนตัวเล็กสวมชุดเดรสสีดำขนาดพอดีตัวกับรองเท้าบูทส้นเข็มที่แฟนหนุ่มจัดหาให้ มือเล็กคล้องแขนเขาเดินชมภาพสินค้าที่ถูกจัดแสงถ่ายแขวนตามข้างผนัง ไม่ต่างจากงานแสดงนิทรรศการภาพถ่ายเครื่องประดับด้วยความตื่นเต้น บ่อยครั้งที่มีชาวต่างชาติเดินเข้ามาทักทายเวกัสด้วยภาษาฝรั่งเศสที่เธอฟังไม่ออก แต่เดาได้ว่าน่าจะเป็นการคุยเกี่ยวกับธุรกิจส่วนตัวของแฟนหนุ่ม ซึ่งเธอตั้งใจว่าจะไม่ก้าวก่ายหรือถามให้เขาอึดอัดใจ “ปั้นชอบชิ้นไหนที่สุดในงานวันนี้?” ข้าวปั้นไม่กล้าตอบ กลัวใจว่าเขาจะควักเงินซื้อให้ แม้จะอ่านภาษาฝรั่งเศสไม่ออก แต่แฟนอเมทิสต์อย่างเธอรู้ดีว่าม
ความสัมพันธ์ระหว่างเวกัสและข้าวปั้นพัฒนาแบบก้าวกระโดด นับจากวันนั้นที่ทั้งคู่ศึกษาดูใจกัน ผ่านไปสี่เดือนทั้งสองก็ตกลงปลงใจเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการ เวกัสยังเข้านอกออกในบ้านของแฟนสาวเป็นกิจจะลักษณะ แม้จะไม่ค่อยได้พูดคุยกับพ่อของข้าวปั้น แต่กับผู้เป็นแม่ เวกัสแทบจะกลายเป็นลูกชายคนโตของบ้านไปแล้ว ระยะหลังข้าวปั้นรู้สึกว่าพ่อตนเองกำลังมีความเครียดบางอย่างจากการทำงาน หลายครั้งที่เธอพบว่าพ่อเมากลับมาที่บ้าน ทั้งที่ปกติรองผู้กำกับขจรเดชไม่ดื่มแอลกอฮอล์ในวันที่ปฏิบัติงาน ไม่ว่าจะนอกเวลาหรือในเวลา ในขณะที่ข้าวปั้นกำลังจูงมือแฟนหนุ่มของตนเองเดินชอปปิงที่ห้างสรรพสินค้าใกล้มหาวิทยาลัยหลังเลิกเรียน เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของคนตัวเล็กก็ดังขึ้นจนต้องหยุดเดินและกดรับกลางคัน “พ่อโทรมาค่ะ ^^” เธอบอกแฟนตนเองว่าใครที่โทรเข้ามาเวลานี้ ข้าวปั้นมักจะเป็นแบบนี้เสมอ ไม่มีเรื่องปิดบังปกปิดสร้างความไม่สบายใจให้อีกฝ่าย มีอะไรก็เอามาเล่าให้ฟังหมด ซึ่งมันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีและทำให้เวกัสสบายใจทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน “ค่ะพ่อ” (ไอ้ปั้น! วันนี้ไม่ต้อง
ผ่านไปได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ เวกัสเข้านอกออกในบ้านเธอเป็นว่าเล่น ทั้งยังช่วยเธอทำวิจัยจนข้าวปั้นแทบจะเอาดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้ให้สาแก่ใจกับความเป็นพ่อพระของอีกฝ่าย และแม้รถของข้าวปั้นจะซ่อมเสร็จและออกจากศูนย์เรียบร้อย รุ่นพี่หนุ่มก็ยังขอเป็นคนไปรับไปส่งเธอด้วยเหตุผลที่ว่า ตอนเย็นเขาต้องมาฝากท้องที่บ้านนี้ประจำจึงอยากให้ข้าวปั้นมาด้วยกันจะได้ประหยัดพลังงาน หล่อไม่พอ รักษ์โลกอีก... แต่เพราะวันนี้พ่อไปเข้าเวรดึก ส่วนแม่ก็ไปช่วยงานศพของคนรู้จัก ดังนั้นที่บ้านจึงไม่มีคนอยู่รอให้รีบกลับไป ข้าวปั้นจึงถือโอกาสชวนคนตัวโตไปฝากท้องที่ผัดไทยกระทะร้อนหลังมหาวิทยาลัยก่อนกลับ ซึ่งเวกัสก็ตามใจรุ่นน้องสาวดังเช่นทุกครั้ง แม้บรรยากาศในช่วงเย็นจะเต็มไปด้วยบรรดานักศึกษามาเดินหาของกินหลังมหาวิทยาลัยกันขวักไขว่ และร้านก็เต็มไปด้วยแขกมากหน้าหลายตาจนส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจไปทั้งร้าน แต่ทั้งคู่กลับไม่รู้สึกรำคาญหรือเบื่อแม้แต่น้อย เวกัสชวนคุยฆ่าเวลาเก่ง เริ่มต้นด้วยการคุยดินฟ้าอากาศ จนมาจบที่ซีรีส์เรื่องที่คนตัวเล็กกำลังติดงอมแงมได้ลื่นไหลอย่างเหลือเชื่อ “ปั
หลังจากรับประทานมื้อเย็นเรียบร้อย ข้าวปั้นก็รีบปลีกตัวขึ้นมาอาบน้ำและลงมือปั่นงานวิจัยตนเองต่อ ข้าวปั้นตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำให้อุปสรรคเพียงเท่านี้ส่งผลต่อการเรียนจบของตนเอง ติ๊ด! เสียงแจ้งเตือนดังมาจากเครื่องโน้ตบุ๊กสีเงิน ทำเอาคนที่กำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานตกใจจนสมาธิกระเจิง แถบแสดงค่าแบตเตอรี่ระบุว่าเหลือพลังงานเพียงสิบสามเปอร์เซ็นต์ ทำให้ข้าวปั้นลุกลี้ลุกลนหาสายชาร์จเพื่อนำมาเสียบกับตัวเครื่อง ไม่มี... จะว่าไปในกระเป๋าเป้ที่ได้มาก็มีเพียงโน้ตบุ๊กหนึ่งเครื่องเท่านั้น หรือพี่เวกัสจะลืมใส่สายชาร์จมาด้วย หญิงสาวชำเลืองสายตามองหน้าจอก็พบว่าตอนนี้คือเวลาเกือบตีสอง เธอทำงานจนลืมง่วงไปเลย โทรศัพท์ส่วนตัวกับนามบัตรที่เขาให้มาเมื่อตอนเย็นถูกนำมากำเอาไว้แน่น ลังเลว่าควรโทรไปหาในยามวิกาลเช่นนี้หรือไม่ แต่หากมัวแต่รักษามารยาท กว่าจะได้สายชาร์จก็อาจจะเป็นวันมะรืน สุดท้ายเจ้าของมือเรียวจึงตัดใจกดเบอร์ตามหน้าบัตร ก่อนจะกดโทรออก...════♡════ -Khaopun Calling- เสียงเรียกเข้าดังเป็นหนที่ส
เนื่องจากวันนี้เป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัย และคณะที่ข้าวปั้นเรียนอยู่เป็นหนึ่งในห้าคณะที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาพร้อมกับมหาวิทยาลัยตั้งแต่แรก ดังนั้นเหล่าศิษยานุศิษย์จึงรวมใจกันมางานรำลึกที่คณะจนไม่เหลือที่ให้นักศึกษาปัจจุบันที่จ่ายค่าเทอมได้ใช้สถานที่จอดรถ จุดฝากรถราคาหลักสิบจึงเป็นทางเลือก เพราะอยู่ใกล้รั้วมหาวิทยาลัยเพียงแค่ข้ามถนน แม้จะไม่มีหลักคาไว้กันแดดกันฝนให้รถก็ไม่เป็นไร รถเธอแข็งแรง แต่แล้วข้าวปั้นก็เห็นข้อเสียของมันหลังจากกลับมาที่รถ “ฉิบหาย!” ใครจะคิดว่าคนสวยๆ แบบเธอจะสบถคำหยาบในที่สาธารณะได้ แต่ฉิบหายจริงๆ เพราะกระจกทึบประตูฝั่งคนขับถูกเปิดทิ้งไว้จนเกือบสุด เธอไม่ได้ลืมมันแน่ๆ เพราะปกติเปิดแอร์ขับรถ คนตัวเล็กรีบวิ่งเข้าไปดูด้วยความตื่นตกใจ สิ่งแรกที่สังเกตเห็นคือโน้ตบุ๊กราคาหลักหมื่นหายไปจากเบาะข้างคนขับ “กรี๊ดดดด~!!!” เท่านั้นแหละนักศึกษาสาวแผดร้องเสียงแหลมขึ้นมาด้วยความโมโหทันที ในนั้นมีวิจัยที่ใช้ทำเป็นตัวจบอยู่ แถมกำหนดส่งคือเทอมนี้! เธอทุ่มเทชีวิตและเวลานอนในการอ่านหนังสือเกือบ
ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาข้าวปั้นใช้เวลาหลังเลิกเรียน หมดไปกับการตามหารุ่นพี่นักศึกษาปริญญาโทคนนั้นเพื่อคืนเงิน แม้จำนวนเงินจะเป็นเพียงสามร้อยกว่าบาท แต่เธอถือคติยืมเขามาก็ต้องคืน โชคร้ายมากที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาสักนิด แต่เขาหล่อและเป็นใบหน้าที่เธอลืมไม่ลง ต่อให้เห็นแค่เงาก็มั่นใจว่าจำเขาได้ “ไอ้ปั้น แกแน่ใจนะว่ารุ่นพี่คนนั้นแกเป็นคน” ลูกตาลเพื่อนสนิทเอ่ยถามด้วยความระแวง เนื่องจากตัวเธอเองก็ติดสอยห้อยตามช่วยเพื่อนตามหาผู้ชายที่มีลักษณะตามที่เพื่อนกล่าวอ้างมาเกือบสัปดาห์เช่นกัน อยู่มหาวิทยาลัยนี้มาจะสี่ปีเต็มยังไม่เคยเห็นผู้ชายร่วมคณะคนไหนจะตัวสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเลย แถมยังมาบอกว่าตัวหอม ผิวขาว แขนมีเส้นเลือดเซ็กซีๆ “คนสิ ผีอะไรจ่ายเงินได้” “อ้าว! แกไม่เคยฟังรายการพี่แจ็คเหรอ พี่เอาเงินจ่ายหนี้ ผีเอาเงินจ่ายค่าแท็กซี่” “ถ้าผีจะสภาพคล่องทางการเงินดีขนาดนั้น ฉันก็อยากเป็นผีบ้างเหมือนกัน” ข้าวปั้นเถียงเพื่อนด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง จนอีกฝ่ายกลอกตาใส่ด้วยความรำคาญ “อย่าม
Comments