แชร์

บทที่ 1

ผู้เขียน: เฟยโฉ่โม่ว 费莫愁
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-21 18:16:32

“ซูเอ๋อร์” น้ำเสียงอันอบอุ่นอ่อนโยนเรียกชื่อดรุณีน้อยที่กำลังฟุบหน้าหลับใหลอยู่บนโต๊ะหนังสือ แต่เหมือนจะไม่เป็นผลเนื่องจากร่างบางไม่ได้มีการขยับใด ๆ ตอบรับ

“ซูเอ๋อร์ ตื่นได้แล้ว” เสียงเรียกดังขึ้นกว่าเดิม

“ท่านแม่...” ดรุณีน้อยที่จมดิ่งอยู่ในห้วงนิทราเหมือนจะได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยและโหยหา มือเรียวเล็กยกขึ้นบังแสงแดดที่ส่องแยงตา ก่อนค่อย ๆ ลืมตามอง ครั้นเห็นเบื้องหน้าเป็นใบหน้าของมารดา หลิ่วลู่เสียน เบื้องหลังเป็นจวนแม่ทัพที่คุ้นเคย ร่างเล็กพลันดีดตัวขึ้นอย่างตื่นตระหนก รวมถึงไม่อยากเชื่อว่าตรงหน้าคือมารดาที่กลับมาชีวิตอีกครั้ง

“ท่านแม่ ! ” ร่างเล็กโถมตัวไปหามารดาที่กำลังมองด้วยความสงสัยและตกใจว่าเกิดอันใดขึ้น

“ซูเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไปลูก” มือเรียวโอบรับร่างบางของบุตรสาวเข้ามาปลอบประโลม พร้อมทั้งใช้สายตาสอบถามไปยังบ่าวรับใช้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ข้าขอโทษท่านแม่ ฮือ ข้าขอโทษ” จางซูเจียวได้แต่ร่ำไห้กอดมารดา ด้วยเพราะจิตสำนึกสุดท้ายที่ตนตระหนักถึงคือร่างเย็นเยียบไร้วิญญาณของครอบครัวตนเอง

“ลูกทำอันใดลงไป หืม เจ้าใกล้จะหมั้นหมายกับรัชทายาทแล้ว หากยังทำตัวเยี่ยงเด็กน้อยเช่นนี้ เจ้าจะปกครองฝ่ายในของตำหนักบูรพาได้อย่างไร” หลิ่วลู่เสียนลูบหลังปลอบบุตรสาวพร้อมเอ่ยเย้า แต่คำถามที่เอ่ยออกมาทำให้จางซูเจียวหยุดชะงัก ในหัวขาวโพลนคิดสิ่งใดไม่ออกไปชั่วขณะ นอกจากห้วงเวลาสุดท้ายของตนที่กำลังจะจบชีวิตกลางป่าเขาที่เหน็บหนาวเพียงลำพัง

หญิงสาวผละออกจากอกมารดา ใบหน้าเนียนเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตากลมงามช้อนขึ้นมองมารดา จากนั้นก้มลงมองสำรวจตนเองที่อยู่ในอาภรณ์สีเขียวอ่อนที่นางชอบใส่ที่ทั้งสวยงามพร้อมทั้งง่ายต่อการเคลื่อนไหว ผิวพรรณนวลเนียนไร้รอยแผล ไม่มีร่องรอยของแส้ที่โดนลงทัณฑ์ยามต้องโทษถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ไม่มีรอยเลือดจากการต้องอาวุธขณะหลบหนี

เกิดอะไรขึ้น ! นางกำลังจะตายท่ามกลางป่าที่มืดมิดมิใช่หรือ ?!

สตรีโง่งมเช่นนางเหมือนสวรรค์จะให้โอกาสกลับมาแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต หากจำไม่ผิดวันนี้คือวันที่นางกำลังขอร้องท่านแม่เรื่องออกไปยังค่ายทหารเพื่อเยี่ยมเยียนท่านพ่อและพี่ชายที่กำลังฝึกทหารอยู่นอกเมืองหลวง แต่มารดากลับแจ้งเรื่องการหมั้นหมายของนางกับตำหนักบูรพาซึ่งเป็นการหมั้นหมายจากสัญญาของมารดาและฮองเฮาเมื่อครั้งที่ทั้งสองคนยังอยู่ในวัยเยาว์ และในสองวันนี้นางก็จะได้พบกับบุรุษชั่วช้าที่ทำลายนางรวมถึงคนทั้งตระกูลจนพังพินาศ องค์รัชทายาทเจี้ยนเจี่ยงกั้ว

ดวงตาใสเผยแววรังเกียจอย่างไม่ปิดบังต่อหน้ามารดา “ชาตินี้ทั้งชาติ ข้าไม่ต้องการกลับไปยังวังวนอันน่ารังเกียจรวมถึงเป็นหมากเบี้ยให้กับผู้ใดอีกแล้ว”

“ซูเอ๋อร์ เจ้าพูดอันใด” หลิ่วลู่เสียนเอ่ยถามจางซูเจียวเมื่อได้ยินที่บุตรสาวพูดไม่ชัดเจน

“ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ ท่านแม่” จางซูเจียวตอบกลับมารดาพร้อมเผยรอยยิ้มสดใส

“คุณหนู” เสียงเรียกด้านหลังทำให้จางซูเจียวหันหลังกลับไปมอง พบว่าเป็นหนึ่งในสองสาวใช้ข้างกายนามว่าลี่ถัง ขอบตาพลันร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งยามหวนคิดถึงอดีต

สาวใช้นางนี้ เป็นคนเชื่องช้า ยามทำงานหลายครั้งหลายหนที่โดนสาวใช้อีกคนกดขี่และพาลให้นางไม่ค่อยชอบหน้าสาวใช้ผู้นี้ ซึ่งน่าแปลกที่เจ้าตัวกลับไม่เคยขุ่นเคืองใครแม้แต่น้อย ยังคงตั้งหน้าตั้งตารับใช้นางเป็นอย่างดี อีกทั้งในยามมีภัยก็กลับเป็นสาวใช้ผู้นี้ที่ยอมเสียสละปกป้องนางให้หนีจากการจับกุม ครั้นเมื่อนางกำลังจะตายอย่างอนาถกลางป่าเขา นางเองก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจุดจบของสาวใช้ที่นามว่าลี่ถังคนนี้จะเป็นเช่นไร

“คุณหนู ไฉนเผลอหลับได้เจ้าคะ บ่าวจัดเตรียมรถม้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ” ลี่ถังยอบกายลงมองร่างของเจ้านายด้วยความเป็นห่วง

“เอ๊ะ นี่ลูกเพิ่งมาขออนุญาตกับแม่จนเจ้าเผลอหลับไป แม่ยังไม่ทันได้ตอบตกลง แล้วเหตุใดเจ้าจึงให้คนเตรียมรถม้าเล่า”

“โธ่ ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านพ่อกับท่านพี่จะแย่อยู่แล้วนะเจ้าคะ” จางซูเจียวเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนมารดา ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องราวที่จะเกิดหลังจากออกเดินทางไปหาบิดาและพี่ชายกะทันหัน ไม่ใช่อีกสองวันที่จะได้พบกับองค์รัชทายาทเจี้ยนเจี่ยงกั้ว แต่เป็นวันนี้ที่คนผู้นั้นจะเปิดฉากแสดงละครเป็นวีรบุรุษช่วยหญิงงามจากโจรป่าระหว่างทาง ใช่สิ ! นี่เป็นแผนการล่อลวงให้นางตกหลุมรักแรกพบกับบุรุษชั่วผู้นั้น

ไม่ได้การละ !

“ท่านแม่ไปกับลูกดีหรือไม่เจ้าคะ ท่านพ่อก็คงคิดถึงท่านแม่” เมื่อจางซูเจียวนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตได้แล้ว จึงชักชวนมารดาพลางขบคิดหาทางแก้ไขให้ตนไม่ต้องพบเจอกับชายชั่วผู้นั้น

“ไม่ล่ะ อีกไม่กี่วัน แม่ต้องพาเจ้าเข้าวังหลวงเพื่อพบกับฮองเฮา แม่ต้องเตรียมของอีกหลายอย่าง” หลิ่วลู่เสียนปฏิเสธพลางเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าบุตรสาว “ว่าแต่เหตุใด เจ้าถึงร้องไห้ขอโทษขอโพยกับแม่ได้ล่ะ ซูเอ๋อร์”

“ลูกแค่ฝันร้ายเจ้าค่ะท่านแม่” จางซูเจียวหลับตาซบไหล่มารดาเพื่อขับไล่ความหวาดกลัวภายในใจ

“ลูกฝันว่าเมื่อออกเรือนไปแล้ว ลูกทำให้ท่านพ่อ ท่านแม่ และท่านพี่ต้องมีภัย” ร่างบางเอ่ยเสียงเศร้า “มิแต่งได้หรือไม่เจ้าคะ”

“...” ไร้เสียงตอบจากหลิ่วลู่เสียน ดวงตาของผู้เป็นแม่มองไปยังร่างของบุตรสาว เนื่องจากไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้มาก่อน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยามคุยเรื่องการหมั้นหมายที่จะเกิดขึ้น บุตรสาวของตนมีท่าทีเอียงอาย พร้อมทั้งแลดูจะมีความตื่นเต้นที่จะได้เข้าวังหลวงเสียด้วยซ้ำ

“เหตุใดเล่า เจ้าบอกแม่ได้หรือไม่ เพราะฝันร้ายหรือ” หลังสำรวจท่าทางของบุตรสาวเสร็จแล้ว หลิ่วลู่เสียนจึงเอ่ยถามอีกครั้ง

“ลูกอยากอยู่ข้างกายท่านพ่อ ท่านแม่ หากแต่งเข้าตำหนักบูรพาลูกก็ต้องอยู่แต่ในวังหลวงเท่านั้น กฎเกณฑ์ทั้งหลายที่มีลูกคงรับไม่ไหว” จางซูเจียวบอกเหตุผลพร้อมทั้งระลึกถึงช่วงเวลาที่นางแต่งเข้าไปยังตำหนักบูรพาแล้ว หลังคืนเข้าหอที่นางหลงคิดว่าเป็นค่ำคืนอันวิเศษแล้ว พ้นจากคืนนั้นเป็นต้นมา ตนเองต้องมาจัดการเรื่องวุ่นวายของตำหนักใน ต้องรับมือกับบรรดาชายารองและอนุขององค์รัชทายาทไม่เว้นแต่ละวัน เพื่อให้ครองใจชายชั่วผู้นั้นนางจำเป็นต้องทำทุกอย่างให้เพียบพร้อมไร้ที่ติให้สมกับฐานะพระชายาเอก

ช่างโง่เขลาเหลือเกิน !

ดวงตาดำขลับเริ่มปรากฏหยาดน้ำใส ๆ เอ่อล้นออกมาอีกครั้ง หลิ่วลู่เสียนเช็ดน้ำตาให้บุตรสาวอย่างอ่อนโยน จริง ๆ แล้วเรื่องคำสัญญาในวัยเด็กของตนในครั้งนั้นตัวนางเองก็ไม่ได้คาดคิดไปถึงว่าในอนาคตสหายรักในวัยเยาว์ของตนผู้นั้นจะมีดวงชะตาหงส์ สวรรค์ลิขิตให้เป็นมารดาแห่งแผ่นดิน เพราะนางเองก็มิได้อยากให้บุตรสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของนางเข้าไปอยู่ในวังวนอันน่ากลัวของวังหลวงเช่นกัน เพียงแค่สามีและบุตรชายเป็นทหารที่เข้าสนามรบปกป้องแว่นแคว้นต้องต่อสู้กับข้าศึก เผชิญคมอาวุธ หอก ดาบกระบี่ไร้ดวงตา แต่นางกลับทำได้เพียงสวดมนต์ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้ทั้งสองคนปลอดภัยก็เป็นที่น่าหวาดหวั่นพอแล้ว

“หากซูเอ๋อร์ไม่ต้องการแต่งเข้าตำหนักบูรพา แม่ก็ควรจะหาทางปรึกษากับพ่อของเจ้า เช่นนั้นพวกเราไปหาท่านพ่อกับพี่ชายของเจ้ากันเถอะ”

ครั้นเมื่อเห็นว่ามารดาเข้าใจตนเอง หญิงสาวก็พลันร่าเริงขึ้นมาทันใด

“เช่นนั้นพวกเราไปเตรียมตัวกันเถิดเจ้าค่ะ” จางซูเจียวตอบกลับอย่างดีใจพลันเรียกสาวใช้ของมารดาให้พานางไปเปลี่ยนชุดสำหรับเดินทาง จากนั้นตนเองก็เดินนำลี่ถังเพื่อไปเปลี่ยนชุดเช่นกัน

“คุณหนูเจ้าคะ อยู่นี่เอง บ่าวเตรียมชุดเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” เจี่ยลี่ สาวใช้คนสนิทอีกคนของนางก็เอ่ยพลางออกมาต้อนรับนางที่หน้าเรือน

“เจี่ยลี่ เจ้าเองหรือ” เจี่ยลี่ เป็นอีกหนึ่งในสองสาวใช้ข้างกายของจางซูเจียว นิสัยฉอเลาะ วาทศิลป์เป็นเลิศ ชอบโยนความผิดทั้งหมดทั้งมวลให้ลี่ถัง ทำให้จางซูเจียวสนิทกับเจี่ยลี่มากกว่า แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นหอกดาบทิ่มแทงนางผู้เป็นนาย

“บ่าวเองเจ้าค่ะ คุณหนูของบ่าวเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ” จางซูเจียวส่ายหน้า แววตามองไปยังเจี่ยลี่ด้วยสายตาโกรธเคืองอย่างเก็บอาการไม่อยู่

“คุณหนู บ่าวทำอะไรผิดหรือเจ้าคะ ชุดของคุณหนูบ่าวเตรียมให้พร้อมแล้ว เชิญคุณหนูตรวจสอบได้นะเจ้าคะ ” เจี่ยลี่เมื่อเห็นเจ้านายมองตนด้วยสายโกรธเคืองโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงรีบคุกเข่าพลางเอ่ยถามอย่างร้อนใจ

“เปล่า มิมีอันใดหรอก” จางซูเจียวตอบกลับ จากนั้นก็ละสายตาเดินเข้าไปในเรือนเพื่อผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เตรียมเดินทาง

เจี่ยลี่ได้แต่มองตามหลังผู้เป็นนายพร้อมทั้งส่งสายตาตักเตือนไปยังลี่ถังที่กำลังจะเดินผ่านหน้าตนเองให้หยุด ตนเองจะเป็นผู้ช่วยเปลี่ยนชุดให้คุณหนูเอง ทว่าจางซูเจียวกลับเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน

“เจี่ยลี่เจ้าไปเตรียมของอย่างอื่นเถอะ ให้ลี่ถังมาช่วยข้าเปลี่ยนชุด” ฝั่งลี่ถังเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนเองเปลี่ยนไป ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากสอบถาม ครั้นเห็นร่างบอบบางหายลับเข้าไปในเรือน นางจึงเร่งรุดตามเข้าไป เจี่ยลี่เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนผิดแปลกไปจากปกติก็ลนลานรีบออกจากเรือนไป

จางซูเจียวมองตามหลังของเจี่ยลี่ที่ดูเร่งรีบออกไป นางนึกไม่ถึงว่าเมื่อก่อนนั้นตนจะตาบอดมองไม่เห็นความผิดปกติของบ่าวคนสนิท ดวงตากลมโตแวววาวไปด้วยความโกรธเมื่อนึกถึงอดีตอีกครั้ง ใช่แล้วเป็นเจี่ยลี่ที่นำข่าวการเดินทางไปหาท่านพ่อของนางไปบอกกับคนของรัชทายาท ทำให้เขาสามารถกลายมาเป็นวีรบุรุษของนาง ช่วยให้พ้นภัยจากโจรร้ายได้ ทั้งที่โจรร้ายนั้นก็คือคนของเขาเองทั้งนั้น เพื่อแลกกับตำแหน่งสาวใช้อุ่นเตียงหลังจากที่นางแต่งเข้าไปตำหนักบูรพาเพียงไม่ถึงเดือน เจี่ยลี่ผู้นี้ถึงกับแสดงตัวตนว่าได้รับใช้อดีตสวามีของนางแล้ว เพื่ออำนาจนางถึงกับยอมแทงข้างหลังข้า จางซูเจียวผู้นี้ !

“ลี่ถัง เจ้านำกระดาษใบนี้ไปให้พ่อบ้านจางที ห้ามให้ใครเห็นเด็ดขาด”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   บทที่ 2

    รถม้าทั้งสองคันเคลื่อนตัวออกจากจวนแม่ทัพตระกูลจางมุ่งหน้าไปยังค่ายฝึกทหารที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง การเดินทางในวันนี้จางซูเจียวได้บอกให้ลี่ถังแจ้งพ่อบ้านจางแล้วว่าครั้งนี้นางจะใช้รถม้าแยกจากมารดาเนื่องจากต้องการจะเดินทางไปในอีกเส้นทางหนึ่งเพื่อชมทิวทัศน์ และได้บอกมารดาให้เดินทางล่วงหน้าไปก่อนโดยแลกกับการที่จะมีองครักษ์คอยดูแลนางเพิ่ม ซึ่งให้หลิ่วลู่เสียนแปลกใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยินยอมแต่โดยดีครั้งนี้จางซูเจียวนำเพียงแค่ลี่ถังให้ติดตามมาคอยรับใช้เท่านั้น โดยให้เหตุผลว่าคนที่ไปด้วยนั้นเพียงพอแล้ว นางมองข้ามสายตาตัดพ้อของเจี่ยลี่ที่ส่งมา ‘เพราะชาติที่แล้วข้าเห็นใจเจ้า แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้ข้ารับรู้แล้วว่าผู้ใดดีหรือชั่ว’“คุณหนู เป็นอะไรไปเจ้าคะ” ลี่ถังเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนมองกลับไปยังประตูจวนที่มีพ่อบ้านและเจี่ยลี่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู“ไม่มีอะไร” จางซูเจียวพลันดึงม่านปิดหน้าต่าง นางหันกลับมามองหน้าลี่ถัง “ลี่ถัง ข้าขอโทษที่ในอดีตเคยทำไม่ดีต่อเจ้า”“คุณหนู” ลี่ถังตะลึงงัน ปากอ้าค้างด้วยความตกใจพร้อมทั้งหาเสียงของตนเองไม่เจอชั่วขณะ “บ่าวยินดีรับใช้คุณหนูอย่างยิ่งเจ้าค่ะ” ดวงต

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   บทที่ 1

    “ซูเอ๋อร์” น้ำเสียงอันอบอุ่นอ่อนโยนเรียกชื่อดรุณีน้อยที่กำลังฟุบหน้าหลับใหลอยู่บนโต๊ะหนังสือ แต่เหมือนจะไม่เป็นผลเนื่องจากร่างบางไม่ได้มีการขยับใด ๆ ตอบรับ“ซูเอ๋อร์ ตื่นได้แล้ว” เสียงเรียกดังขึ้นกว่าเดิม“ท่านแม่...” ดรุณีน้อยที่จมดิ่งอยู่ในห้วงนิทราเหมือนจะได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยและโหยหา มือเรียวเล็กยกขึ้นบังแสงแดดที่ส่องแยงตา ก่อนค่อย ๆ ลืมตามอง ครั้นเห็นเบื้องหน้าเป็นใบหน้าของมารดา หลิ่วลู่เสียน เบื้องหลังเป็นจวนแม่ทัพที่คุ้นเคย ร่างเล็กพลันดีดตัวขึ้นอย่างตื่นตระหนก รวมถึงไม่อยากเชื่อว่าตรงหน้าคือมารดาที่กลับมาชีวิตอีกครั้ง“ท่านแม่ ! ” ร่างเล็กโถมตัวไปหามารดาที่กำลังมองด้วยความสงสัยและตกใจว่าเกิดอันใดขึ้น“ซูเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไปลูก” มือเรียวโอบรับร่างบางของบุตรสาวเข้ามาปลอบประโลม พร้อมทั้งใช้สายตาสอบถามไปยังบ่าวรับใช้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่“ข้าขอโทษท่านแม่ ฮือ ข้าขอโทษ” จางซูเจียวได้แต่ร่ำไห้กอดมารดา ด้วยเพราะจิตสำนึกสุดท้ายที่ตนตระหนักถึงคือร่างเย็นเยียบไร้วิญญาณของครอบครัวตนเอง“ลูกทำอันใดลงไป หืม เจ้าใกล้จะหมั้นหมายกับรัชทายาทแล้ว หากยังทำตัวเยี่ยงเด็กน้อยเช่นนี้ เจ้าจะปกคร

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   บทนำ

    ท้องฟ้าในยามรัตติกาลอันเหน็บหนาวมีเพียงแสงริบหรี่จากดวงดาวบนฟากฟ้า สายลมที่กรรโชกแรงผ่าม่านราตรี ก่อให้เกิดเสียงหวีดหวิวไปมาราวกับเสียงครางครวญของภูติผีที่กรีดร้องเขย่าขวัญเฝ้าหลอกหลอนผู้คน ณ กลางผืนป่ารกร้างแห่งหนึ่งที่อยู่เหนือสุดของเมืองหลวงแคว้นเจี้ยน ปรากฏร่างผอมบางของสตรีนางหนึ่ง ทั่วทั้งร่างนั้นเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วนกำลังนอนหายใจรวยรินโดยมิอาจขยับเขยื้อนไปที่ใดได้ ชุดที่สวมใส่อยู่บนร่างของหญิงสาวมีรอยไหม้และขาดวิ่น ทั้งจากรอยแส้และกิ่งไม้ที่กรีดผ่านร่างยามวิ่งเข้ามาในป่า เผยให้เห็นผิวเนื้อด้านในว่ามีรอยแผลทั้งเก่าและใหม่ปะปนกัน คราบเลือดเกรอะกรังเต็มทั่วร่างส่งกลิ่นคาวคลุ้งทั่วไปหมดเนื่องจากช่วงท้องของร่างบางมีรอยแผลขนาดใหญ่ทำให้เลือดไหลรินออกมาเป็นระยะ หากมีใครมาพบสภาพหญิงสาวในยามนี้ ผู้ใดเล่าจะยอมเชื่อว่าสตรีผู้นี้คือคุณหนูใหญ่จากจวนแม่ทัพ บุตรสาวเพียงคนเดียวของแม่ทัพจางผู้ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเจี้ยนที่กุมอำนาจทหารครึ่งหนึ่งของแคว้น และนางมีศักดิ์เป็นถึงพระชายาเอกของตำหนักบูรพาแต่นั่นก็เพียงแค่อดีตเนื่องจากทั้งตระกูลของนางต้องโทษก่อกบฏล้มล้างราช

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status