แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: เฟยโฉ่โม่ว 费莫愁
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-21 18:17:03

รถม้าทั้งสองคันเคลื่อนตัวออกจากจวนแม่ทัพตระกูลจางมุ่งหน้าไปยังค่ายฝึกทหารที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง การเดินทางในวันนี้จางซูเจียวได้บอกให้ลี่ถังแจ้งพ่อบ้านจางแล้วว่าครั้งนี้นางจะใช้รถม้าแยกจากมารดาเนื่องจากต้องการจะเดินทางไปในอีกเส้นทางหนึ่งเพื่อชมทิวทัศน์ และได้บอกมารดาให้เดินทางล่วงหน้าไปก่อนโดยแลกกับการที่จะมีองครักษ์คอยดูแลนางเพิ่ม ซึ่งให้หลิ่วลู่เสียนแปลกใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยินยอมแต่โดยดี

ครั้งนี้จางซูเจียวนำเพียงแค่ลี่ถังให้ติดตามมาคอยรับใช้เท่านั้น โดยให้เหตุผลว่าคนที่ไปด้วยนั้นเพียงพอแล้ว นางมองข้ามสายตาตัดพ้อของเจี่ยลี่ที่ส่งมา ‘เพราะชาติที่แล้วข้าเห็นใจเจ้า แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้ข้ารับรู้แล้วว่าผู้ใดดีหรือชั่ว’

“คุณหนู เป็นอะไรไปเจ้าคะ” ลี่ถังเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนมองกลับไปยังประตูจวนที่มีพ่อบ้านและเจี่ยลี่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู

“ไม่มีอะไร” จางซูเจียวพลันดึงม่านปิดหน้าต่าง นางหันกลับมามองหน้าลี่ถัง “ลี่ถัง ข้าขอโทษที่ในอดีตเคยทำไม่ดีต่อเจ้า”

“คุณหนู” ลี่ถังตะลึงงัน ปากอ้าค้างด้วยความตกใจพร้อมทั้งหาเสียงของตนเองไม่เจอชั่วขณะ “บ่าวยินดีรับใช้คุณหนูอย่างยิ่งเจ้าค่ะ” ดวงตาโศกของลี่ถังเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส ริมฝีปากคลี่ยิ้มด้วยดีใจ

“ขอบใจเจ้า ที่ยอมดูแลข้า” จางซูเจียวเช็ดน้ำตาให้กับลี่ถังด้วยความอ่อนโยน นางมองไปยังดวงตาที่กระจ่างใสของลี่ถัง แววตาไร้การเสแสร้ง ทำให้ความมุ่งมั่นในใจของนางเพิ่มขึ้น ชาตินี้นางจะเป็นจางซูเจียวที่จะนำพาทุกคนที่นางรักและรักนางให้รอดพ้นจากภัยอันตรายในภายภาคหน้าให้ได้

“หยุด !!!!!” เสียงองครักษ์ที่นำขบวนตะโกนดังขึ้น ทำให้ขบวนรถม้าของจางซูเจียวหยุดชะงักลงทันที

“คุณหนูระวังเจ้าค่ะ” ด้วยความไม่ระวังที่จู่ ๆ รถม้าก็หยุดกะทันหัน ลี่ถังเมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางเสียหลักหัวเกือบจะโขกกับผนังรถม้าก็รีบเอามือมาป้องกันทันที

“พวกเจ้า ! เหตุใดจึงหยุดรถม้ากระทันหันเช่นนี้เล่า” ลี่ถังเอ่ยตวาดถามสารถีที่อยู่ด้านนอกทันทีพลางสำรวจว่าคุณหนูของตนบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่

“ข้าไม่เป็นไร” จางซูเจียวเอ่ยบอกพลางอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทีตื่นตูมของลี่ถัง พลางคิดในใจว่าคงไม่ใช่โจรหรอกกระมัง นางก็เลี่ยงเส้นทางที่จะเกิดขึ้นแล้วแถมท่านแม่ก็ไปอีกทางเส้นทางเช่นกัน ยังไงก็คงไม่พบเจออันตรายใด ๆ แน่นอน

“ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นหรือ องครักษ์จิ้ง” จางซูเจียวเอ่ยถามหลังจากที่เห็นว่าสถานการณ์เงียบไป

“เรียนคุณหนู ข้างหน้าจู่ ๆ ก็มีคนเร่ร่อนมาขวางทางขอรับ” องครักษ์จิ้งหนึ่งในองครักษ์ที่คอยดูแลข้างกายหญิงสาวในครั้งนี้เป็นคนที่บิดาของตนนั้นมอบให้พร้อมกับองครักษ์หลินซึ่งครั้งนี้ก็ติดตามมาด้วยเช่นกัน

“งั้นหรือ เขาเป็นอะไรมากหรือไม่” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความห่วงใย

“มิเป็นไรขอรับ แต่ตอนนี้เหมือนจะสลบไปแล้วคุณหนูต้องการให้ข้าน้อยทำเช่นไรดีขอรับ”

“ข้าจะลงไปดูเอง” จางซูเจียวเอ่ยตอบ พลางก้าวขาลงจากรถม้าโดยมีลี่ถังคอยประคองอยู่ด้านข้าง

หญิงสาวเดินไปดูบุรุษที่องครักษ์หลินกำลังประคองอยู่ ขณะนี้ชายหนุ่มปริศนาผู้นั้นนอนสลบไสล ร่างกายของเขาล้วนเต็มไปด้วยคราบสกปรกและบาดแผล เมื่อจางซูเจียวเห็นคนตรงหน้าก็จำได้ทันที ชายผู้นี้คือคนที่เคยช่วยเหลือนางเมื่อครั้งหลบหนีในชีวิตก่อนให้ผ่านประตูเมืองหลวง นางจำชุดที่ชายขอ

ผู้นี้ใส่ได้เป็นอย่างดี นึกไม่ถึงว่านางจะมีวาสนาได้พบผู้มีพระคุณเร็วถึงเพียงนี้

“เขาสลบไปด้วยเหตุใดหรือ องครักษ์หลิน”

“เหมือนเขาจะสลบไปเนื่องจากขาดน้ำและอาหารขอรับคุณหนู”

“เช่นนั้นพาเขาเดินทางไปกับพวกเราเถิด ถึงอย่างไรที่ค่ายของท่านพ่อมีหมอคอยรักษาอยู่”

“เอ่อ คุณหนูหากชายผู้นี้เป็นคนร้ายล่ะเจ้าคะ” ลี่ถังรีบแย้งทันที

“ไม่หรอก ลี่ถัง คนผู้นี้เป็นคนดี” จางซูเจียวตอบพลางบอกองครักษ์ทั้งสองให้นำร่างชายหนุ่มไปยังรถขนเสบียงที่นางนำมาด้วย “ข้ารู้สึกได้”

ไม่รู้ว่าสิ่งใดดลใจให้นางเอ่ยคำนี้ออกมา อาจจะเป็นเพราะบุญคุณที่ชายผู้นี้เคยช่วยเหลือให้นางหลบหนีออกจากประตูเมืองก็เป็นได้

“เราเดินทางกันต่อเถอะ” จางซูเจียวเมื่อเห็นทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนางก็บอกให้ทุกคนออกเดินทางต่อ จนกระทั่งไปถึงค่ายทหารอย่างราบรื่นโดยไม่พบเหตุการณ์ใด ๆ ในอีก 2 ชั่วยามต่อมา

เมื่อมาถึงยังค่ายทหาร รถม้าของจางซูเจียวเคลื่อนมาหยุดลงตรงหน้ากระโจมของแม่ทัพจางทันที ดรุณีร่างบางรีบลงจากรถม้าเพื่อเข้าไปหาบิดาและพี่ชายของตนเองที่อยู่ด้านใน ลี่ถังเมื่อเห็นคุณหนูของตนแสดงท่าทางเร่งรีบ นางก็รุดไปประคองเพื่อป้องกันอันตรายให้กับคุณหนูของนาง

“คุณหนูช้า ๆ หน่อยเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ กับท่านรองแม่ทัพไม่หนีท่านไปไหนแน่นอนเจ้าค่ะ” ลี่ถังเอ่ยย้ำด้วยความเป็นห่วง

“ข้าอยากรีบไปหาท่านพ่อกับท่านพี่” จางซูเจียวเร่งฝีเท้าก้าวเข้าไปภายในกระโจมเพื่อพบหน้าบิดาและพี่ชายซึ่งขณะนี้ทั้งสองกำลังรอคอยการมาถึงของนางอยู่ด้านใน

ครั้นเมื่อหญิงสาวมองเห็นร่างสูงกำยำของชายวัยกลางคนที่กำลังยืนเคียงข้างมารดาของตนซึ่งกำลังมองสำรวจชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงข้าม จางซูเจียวไม่รอช้านางเร่งฝีเท้าวิ่งเข้าไปก่อนจะกระโดดกอดบิดาด้วยความคิดถึงระคนดีใจ

“ท่านพ่อ ! ” จางเจียวจิ้นหันตามเสียงเรียกเมื่อเห็นว่าบุตรสาวของตนเองพุ่งตัวกระโดดเข้ามาหาก็อ้าแขนรับร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด

“ลูกคิดถึงท่าน” จางซูเจียวบอกด้วยเสียงสั่นเครือ ครอบครัวของนางทุกคนยังมีชีวิตอยู่ ช่างดีเหลือเกิน

“ซูเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่าลูก” แม่ทัพจางเห็นบุตรสาวแปลกไปก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“นั่นสิ ซูเอ๋อร์ น้องเป็นอะไร หรือมีใครมารังแกเจ้าระหว่างที่พี่กับท่านพ่อไม่อยู่ที่จวน” จางเจียวคุนมองน้องสาวของตนเองพร้อมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ลี่ถัง เจ้ารายงานมามีใครรังแกคุณหนูของเจ้า”

“ไม่มีใครรังแกซูเอ๋อร์หรอกเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ท่านพี่” ยังไม่ทันที่ลี่ถังจะได้ตอบจางซูเจียวพูดขึ้น “เป็นเพราะลูกคิดถึงท่านพ่อ และเป็นห่วงท่านพี่ก็เท่านั้น” ร่างบางเอ่ยตอบเสียงหวานพร้อมรอยยิ้ม

“ดีแล้ว เจ้าผ่านพ้นพิธีปักปิ่นครบปีแล้วยังไม่โตเป็นสาวอีกหรือลูกพ่อ” จางเจียวจิ้นเย้าบุตรสาวตัวน้อยของตน

“นั่นสิ ซูเอ๋อร์ แม่สอนเจ้าว่าอย่างไร.....”

“ท่านแม่ อย่างไรข้าก็เป็นลูกของท่านพ่อกับท่านแม่นะเจ้าคะ” ยังไม่ทันที่หลิ่วลู่เสียนจะได้เริ่มเอ่ยปากอบรม จางซูเจียวก็รีบขัดขึ้นทันทีพร้อมทั้งออดอ้อนบิดาและพี่ชายให้ช่วยปกป้อง “ท่านพ่อ ท่านพี่ดูสิเจ้าคะ ท่านแม่ดุซูเอ๋อร์”

“ฮ่า ๆ เอาน่าฮูหยิน เจ้าก็อย่าได้เข้มงวดกับซูเอ๋อร์นักเลย” จางเจียวจิ้นช่วยบุตรสาวพลางเข้าไปปลอบฮูหยินของตนเอง

“ท่านพี่ตามใจซูเอ๋อร์เกินไปแล้ว” หลิ่วลู่เสียนตอบกลับสามีด้วยน้ำเสียงตำหนิ

“ท่านแม่ ซูเอ๋อร์เพียงแค่คิดถึงพวกเราเท่านั้นขอรับ นางเป็นคนรู้ความ” จางเจียวคุนรีบเอ่ยช่วยน้องสาวอีกคน

“พวกเจ้านี่นะ ให้ท้ายนางจนเสียผู้เสียคน”

“ท่านแม่เจ้าคะ ลูกขออภัยเจ้าค่ะ อย่าโกรธลูกเลยนะเจ้าคะ” จางซูเจียวเมื่อเห็นมารดาเริ่มโกรธ จึงรีบเข้าไปเอาอกเอาใจมารดา เมื่อหลิ่วลู่เสียนเห็นบุตรสาวมาออดอ้อนก็ใจอ่อน มือเรียวยาวยกขึ้นมาลูบศีรษะบุตรสาว “เจ้านี่นะ”

“คุณหนูขอรับ ชายผู้นั้นจะให้จัดการอย่างไรดีขอรับ” องครักษ์หลินเดินเข้ามาในกระโจมพร้อมเอ่ยถามจางซูเจียวเกี่ยวกับชายเร่ร่อนที่นางให้นำตัวมาทางรถขนเสบียง

“หืม เกิดอะไร องครักษ์หลิน” จางเจียวจิ้นได้ยินก็สอบถามทันที

“เป็นชายเร่ร่อนที่มาสลบขวางทางเดินรถม้าของคุณหนูขอรับท่านแม่ทัพ คุณหนูให้นำคนผู้นั้นมาด้วยขอรับ”

“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกเห็นแล้วสงสารก็เลยช่วยไว้ ให้ท่านหมอหลี่ช่วยรักษาได้หรือไม่เจ้าคะ” จางซูเจียวรีบอธิบายต่อเมื่อเห็นว่าบิดาของตนมองมาด้วยความสงสัยพร้อมทั้งเอ่ยปากขอให้ท่านหมอประจำค่ายทหารนี้ช่วยรักษา

“เช่นนั้น เจ้าพาคนผู้นั้นไปที่กระโจมของท่านหมอหลี่ได้เลย” จางเจียวจิ้นมองบุตรสาวไม่พบสิ่งใดผิดปกติก็หันไปสั่งการกับองครักษ์หลินทันที

“ท่านพ่อ ท่านแม่ลูกหิวแล้วเจ้าค่ะ ไปกินอาหารกันเถอะเจ้าค่ะ” จางซูเจียวเมื่อเห็นว่าเข้าช่วงเวลาของยามเซินแล้วจึงชวนบิดาและมารดาร่วมโต๊ะอาหารมื้อเย็น “ลูกเตรียมอาหารมาเยอะเลยเจ้าค่ะ ลี่ถังช่วยนำเข้ามาที”

“เจ้าค่ะคุณหนู” ลี่ถังเอ่ยรับคำแล้วออกจากกระโจมไปเพื่อนำอาหารเข้ามา

“อ้าว เจ้าลืมพี่ชายเสียแล้วกระมัง” จางเจียวคุนเมื่อเห็นว่าถูกน้องสาวละเลยจึงเอ่ยท้วง “พี่ก็หิวแล้วเช่นกัน”

“ข้าเตรียมมาให้แค่สามที่ สงสัยท่านพี่จะต้องไปกินกับทหารที่ค่ายเสียแล้วเจ้าค่ะ” จางซูเจียวเมื่อเห็นพี่ชายเอ่ยท้วงจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ

“อาหารที่ค่ายจืดชืดจะตาย น้องรักโปรดเมตตาพี่ชายเจ้าด้วย” จางเจียวคุนอ้อนวอนน้องสาวของตน จากนั้นทั้งสี่คนก็พากันไปที่โต๊ะอาหารโดยมีลี่ถังจัดสำรับไว้รออยู่แล้ว จางซูเจียวมองบิดา มารดา และพี่ชายตนพลางกินอย่างมีความสุข

 บรรยากาศเช่นนี้ช่างดีเหลือเกิน !

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   บทที่ 2

    รถม้าทั้งสองคันเคลื่อนตัวออกจากจวนแม่ทัพตระกูลจางมุ่งหน้าไปยังค่ายฝึกทหารที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง การเดินทางในวันนี้จางซูเจียวได้บอกให้ลี่ถังแจ้งพ่อบ้านจางแล้วว่าครั้งนี้นางจะใช้รถม้าแยกจากมารดาเนื่องจากต้องการจะเดินทางไปในอีกเส้นทางหนึ่งเพื่อชมทิวทัศน์ และได้บอกมารดาให้เดินทางล่วงหน้าไปก่อนโดยแลกกับการที่จะมีองครักษ์คอยดูแลนางเพิ่ม ซึ่งให้หลิ่วลู่เสียนแปลกใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยินยอมแต่โดยดีครั้งนี้จางซูเจียวนำเพียงแค่ลี่ถังให้ติดตามมาคอยรับใช้เท่านั้น โดยให้เหตุผลว่าคนที่ไปด้วยนั้นเพียงพอแล้ว นางมองข้ามสายตาตัดพ้อของเจี่ยลี่ที่ส่งมา ‘เพราะชาติที่แล้วข้าเห็นใจเจ้า แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้ข้ารับรู้แล้วว่าผู้ใดดีหรือชั่ว’“คุณหนู เป็นอะไรไปเจ้าคะ” ลี่ถังเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนมองกลับไปยังประตูจวนที่มีพ่อบ้านและเจี่ยลี่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู“ไม่มีอะไร” จางซูเจียวพลันดึงม่านปิดหน้าต่าง นางหันกลับมามองหน้าลี่ถัง “ลี่ถัง ข้าขอโทษที่ในอดีตเคยทำไม่ดีต่อเจ้า”“คุณหนู” ลี่ถังตะลึงงัน ปากอ้าค้างด้วยความตกใจพร้อมทั้งหาเสียงของตนเองไม่เจอชั่วขณะ “บ่าวยินดีรับใช้คุณหนูอย่างยิ่งเจ้าค่ะ” ดวงต

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   บทที่ 1

    “ซูเอ๋อร์” น้ำเสียงอันอบอุ่นอ่อนโยนเรียกชื่อดรุณีน้อยที่กำลังฟุบหน้าหลับใหลอยู่บนโต๊ะหนังสือ แต่เหมือนจะไม่เป็นผลเนื่องจากร่างบางไม่ได้มีการขยับใด ๆ ตอบรับ“ซูเอ๋อร์ ตื่นได้แล้ว” เสียงเรียกดังขึ้นกว่าเดิม“ท่านแม่...” ดรุณีน้อยที่จมดิ่งอยู่ในห้วงนิทราเหมือนจะได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคยและโหยหา มือเรียวเล็กยกขึ้นบังแสงแดดที่ส่องแยงตา ก่อนค่อย ๆ ลืมตามอง ครั้นเห็นเบื้องหน้าเป็นใบหน้าของมารดา หลิ่วลู่เสียน เบื้องหลังเป็นจวนแม่ทัพที่คุ้นเคย ร่างเล็กพลันดีดตัวขึ้นอย่างตื่นตระหนก รวมถึงไม่อยากเชื่อว่าตรงหน้าคือมารดาที่กลับมาชีวิตอีกครั้ง“ท่านแม่ ! ” ร่างเล็กโถมตัวไปหามารดาที่กำลังมองด้วยความสงสัยและตกใจว่าเกิดอันใดขึ้น“ซูเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไปลูก” มือเรียวโอบรับร่างบางของบุตรสาวเข้ามาปลอบประโลม พร้อมทั้งใช้สายตาสอบถามไปยังบ่าวรับใช้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่“ข้าขอโทษท่านแม่ ฮือ ข้าขอโทษ” จางซูเจียวได้แต่ร่ำไห้กอดมารดา ด้วยเพราะจิตสำนึกสุดท้ายที่ตนตระหนักถึงคือร่างเย็นเยียบไร้วิญญาณของครอบครัวตนเอง“ลูกทำอันใดลงไป หืม เจ้าใกล้จะหมั้นหมายกับรัชทายาทแล้ว หากยังทำตัวเยี่ยงเด็กน้อยเช่นนี้ เจ้าจะปกคร

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   บทนำ

    ท้องฟ้าในยามรัตติกาลอันเหน็บหนาวมีเพียงแสงริบหรี่จากดวงดาวบนฟากฟ้า สายลมที่กรรโชกแรงผ่าม่านราตรี ก่อให้เกิดเสียงหวีดหวิวไปมาราวกับเสียงครางครวญของภูติผีที่กรีดร้องเขย่าขวัญเฝ้าหลอกหลอนผู้คน ณ กลางผืนป่ารกร้างแห่งหนึ่งที่อยู่เหนือสุดของเมืองหลวงแคว้นเจี้ยน ปรากฏร่างผอมบางของสตรีนางหนึ่ง ทั่วทั้งร่างนั้นเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วนกำลังนอนหายใจรวยรินโดยมิอาจขยับเขยื้อนไปที่ใดได้ ชุดที่สวมใส่อยู่บนร่างของหญิงสาวมีรอยไหม้และขาดวิ่น ทั้งจากรอยแส้และกิ่งไม้ที่กรีดผ่านร่างยามวิ่งเข้ามาในป่า เผยให้เห็นผิวเนื้อด้านในว่ามีรอยแผลทั้งเก่าและใหม่ปะปนกัน คราบเลือดเกรอะกรังเต็มทั่วร่างส่งกลิ่นคาวคลุ้งทั่วไปหมดเนื่องจากช่วงท้องของร่างบางมีรอยแผลขนาดใหญ่ทำให้เลือดไหลรินออกมาเป็นระยะ หากมีใครมาพบสภาพหญิงสาวในยามนี้ ผู้ใดเล่าจะยอมเชื่อว่าสตรีผู้นี้คือคุณหนูใหญ่จากจวนแม่ทัพ บุตรสาวเพียงคนเดียวของแม่ทัพจางผู้ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเจี้ยนที่กุมอำนาจทหารครึ่งหนึ่งของแคว้น และนางมีศักดิ์เป็นถึงพระชายาเอกของตำหนักบูรพาแต่นั่นก็เพียงแค่อดีตเนื่องจากทั้งตระกูลของนางต้องโทษก่อกบฏล้มล้างราช

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status