Share

บทที่ 3

last update Последнее обновление: 2025-07-28 11:31:29

“คุณหนูเจ้าคะ คนผู้นั้นฟื้นแล้วเจ้าค่ะ”

          “แล้วคนผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง” จางซูเจียวเอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นห่วง ลี่ถังมองคุณหนูด้วยความแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นคุณหนูของตนเป็นเช่นนี้มาก่อน ด้วยที่ผ่านมาจางซูเจียวไม่เคยมองชายอื่นมาก่อน

          “ท่านหมอหลี่แจ้งว่าดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ต้องกินยาบำรุงเพิ่มอีก 2 เทียบก็จะดียิ่งขึ้นเจ้าค่ะ”

          “ขอบใจเจ้ามากลี่ถัง” จางซูเจียวเอ่ยตอบพลางจัดข้าวของที่เตรียมมา

          ทันใดนั้นหญิงสาวก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากด้านนอกกระโจม

          องค์รัชทายาทเสด็จ !

          ใบหน้าของจางซูเจียวพลันซีดเผือด ดวงตากลมเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มือบางที่กำลังถือชาดอ่อนแรงจนกล่องชาดใบน้อยหล่นลงบนพื้น ไม่คาดคิดว่าแม้นางเลี่ยงเส้นทางที่จะได้พบชายชั่วผู้นั้นแล้ว เขายังไม่ยอมแพ้ตามนางมาจนกระทั่งถึงค่ายทหารแห่งนี้

          “คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ” ลี่ถังปรี่เข้าไปประคองร่างบางเมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของหญิงสาว

          “ข้าไม่เป็นไร” จางซูเจียวกล่าวตอบหลังจากที่ได้สติแล้ว พลางเดินไปนั่งลงที่ตั่ง

          “คุณหนูขอรับ ท่านแม่ทัพให้มาเรียนเชิญคุณหนูไปเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทขอรับ” เสียงขององค์รักษ์หลินแจ้งอยู่ทางด้านนอกกระโจม

          “ข้าเข้าใจแล้ว” จางซูเจียวเอ่ยตอบรับ

          “คุณหนูต้องการเปลี่ยนชุดหรือไม่เจ้าคะ” ลี่ถังสอบถามพลางเข้าหาไปชุดเพื่อเตรียมเปลี่ยนให้ผู้เป็นนาย

          “ไม่จำเป็นหรอก ลี่ถัง พวกเรารีบไปกันเถิด” ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องเผชิญหน้า สองมือของจางซูเจียวกำแน่นก่อนจะก้าวเท้าออกจากกระโจม

          ร่างระหงเยื้องย่างเข้าไปยังกระโจมรับรอง ทันทีที่เข้าไปสายตาคู่งามก็ปะทะกับดวงคมของบุรุษที่นั่งอยู่ตรงกลางแทนที่บิดาของนาง องค์รัชทายาทเจี้ยนเจี่ยงกั้ว จางซูเจียวแสร้งตระหนกหลบสายตาที่มองมา นางก้มหน้าลงจากนั้นจึงค่อยก้าวเดินเข้าไปทางมารดาที่นั่งอยู่ในตำแหน่งด้านข้างบิดา ก่อนที่จะทำการคำนับแขกผู้สูงศักดิ์

“หม่อมฉันจางซูเจียว ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ” เสียงอ่อนหวานของจางซูเจียวเอ่ยขึ้น

เจี้ยนเจี่ยงกั้วรับการคารวะจากร่างบาง ดวงตาคมแวววาวไปด้วยความพึงพอใจ รอยยิ้มอบอุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ตามสมญานาม “องค์ชายผู้อ่อนโยน” ปรากฏขึ้นใบบนหน้า

“ข้าได้ยินจากเสด็จพ่อตรัสว่าแม่ทัพจางกำลังฝึกพลทหารรุ่นใหม่ ข้าจึงกราบทูลขอเป็นตัวแทนพระองค์มาตรวจเยี่ยมชมความก้าวหน้าของกองทัพ ต้องขออภัยท่านแม่ทัพจางที่ข้ามาโดยมิได้ให้คนแจ้งล่วงหน้า”

“องค์รัชทายาทเสด็จมาเยือน นับเป็นเกียรติและขวัญกำลังใจให้กับพลทหารและกระหม่อมแล้วพะยะค่ะ” จางเจียวจิ้นกล่าวจบพร้อมผายมือไปยังทางด้านนอก “เชิญองค์รัชทายาท”

ตั้งแต่ต้นจนจบจางซูเจียวไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาแม้แต่น้อย จวบจนอีกฝ่ายเดินผ่านร่างบาง ร่างสูงของชายหนุ่มหยุดชะงัก

“คุณหนูจาง ไม่ทราบว่าเจ้าสนใจนำทางให้ข้าหรือไม่” เจี้ยนเจี่ยงกั้วเอ่ยถามร่างบางเสียงทุ้ม แววตาที่ใช้มองนางนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่นราวกับยามวสันต์ผลิบาน หากแต่ในใจของจางซูเจียวนั้นคล้ายกาลเวลาหมุนย้อนกลับ แววตาอันแสนจอมปลอมนี้เคยทำให้ใจนางสั่นไหวมาก่อน แต่ยามนี้นางมิใช่หญิงโง่งมคนเดิมอีกต่อไป

“ต้องขออภัยด้วยเพคะ หม่อมฉันเพิ่งเดินทางมาถึงจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเพคะ” จางซูเจียวก้มหน้าลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ร่างบางพลันโซเซราวกับใบไม้ที่หากต้องลมก็พร้อมปลิดปลิวไปได้ทุกเมื่อ

“ซูเอ๋อร์” จางเจียวคุนเห็นท่าทีของน้องสาว พลันรีบเข้าไปประคอง “ต้องขออภัยองค์รัชทายาทด้วยพะยะค่ะ น้องสาวของกระหม่อมเมารถม้าทำให้อ่อนเพลียไม่น้อย ไม่สะดวกนำทางพระองค์ กระหม่อมขออาสารับหน้าที่นำเยี่ยมชมค่ายพะยะค่ะ” หลังจากที่เอ่ยจบก็เรียกให้ลี่ถังมาประคองร่างบางของจางซูเจียวพลางส่งสายตาให้มารดา

“หม่อมฉันขอพาตัวซูเอ๋อร์ไปพักเพคะ ทูลลาเพคะ” จากนั้นหลิ่วลู่เสียนจึงพาจางซูเจียวออกจากกระโจม

ทำให้เจี้ยนเจี่ยงกั้วได้แต่มองหญิงสาวด้วยสายตาลึกสุดหยั่งและลอบประเมินจางซูเจียวอยู่ในใจ ไฉนจึงไม่เหมือนกับที่ตนได้รับรายงานมา ว่าคุณหนูจางผู้นี้นั้นมีนิสัยเปิดเผยร่าเริง ไม่เคร่งครัดกิริยามารยาทเหมือนกับเหล่าคุณหนูตระกูลสูงคนอื่น ๆ นอกจากนี้ตัวเขาเองยังพลาดโอกาสแสดงตัวเป็นวีรบุรุษช่วยหญิงงาม ไม่คาดคิดว่าสารที่ได้รับจากบ่าวคนสนิทของนางก็คลาดเคลื่อนไปเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าพวกนางจะแยกกันเดินทาง ช่างกล้าหาญเสียจริง

นางแสร้งปิดบังตัวตน หรือแท้จริงแล้วเป็นคนเช่นไรกันแน่ !

“องค์รัชทายาท เชิญเสด็จพะยะค่ะ” จางเจียวคุนผายมือเชิญเจี้ยนเจี่ยงกั้ว ทำให้เขาหยุดความคิดทั้งหมดและเดินออกไปทำตามหน้าที่ที่ได้ทูลขอมา

หลังจากที่หลิ่วลู่เสียนพาบุตรสาวออกมาจากกระโจม ก็ได้แต่มองหน้าจางซูเจียวด้วยความแปลกใจในการกระทำที่ผิดแปลก เพราะตั้งแต่เล็กจนโตบุตรสาวของนางนั้นร่างกายแข็งแรงเป็นอย่างยิ่ง อย่าว่าแต่รถม้าเลย ต่อให้ขี่ม้าตลอดทั้งวันก็ยังไม่เป็นอันใด แต่กระนั้นนางก็มิได้เอ่ยปากถามหาความจริงจากบุตรสาว ได้แต่สั่งให้ลี่ถังพาคุณหนูไปพักผ่อนที่กระโจม

เดิมทีจางซูเจียวนั้นคิดอยากจะเล่นละครผูกไมตรีกับเจี้ยนเจี่ยงกั้วเพื่อให้อีกฝ่ายวางใจ แต่ทันทีที่นางเห็นใบหน้าอันเสแสร้งของบุรุษผู้นั้น เรื่องราวในอดีตพลันจู่โจมจนเกือบทำให้นางเสียอาการ เพียงแต่นางไม่อยากให้ครอบครัวของนางเข้าไปพัวพันกับเส้นทางที่น่าสะอิดสะเอียนเหล่านั้นอีกแล้ว และเพื่อป้องกันไม่ให้ครอบครัวของนางต้องพบจุดจบอันน่าเศร้า นางต้องหาทางออกของเรื่องนี้ด้วยตัวเอง !

สองเท้าบางที่กำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าหยุดกะทันหัน จางซูเจียวหมุนตัวกลับไปยังอีกทิศทาง ลี่ถังมองการกระทำของนางด้วยความงุนงง เมื่อเห็นทิศทางที่คุณหนูจะไปก็อดสอบถามไม่ได้

“คุณหนูจะไปไหนเจ้าคะ”

“ข้าจะไปเยี่ยมคนผู้นั้นเสียหน่อย” จางซูเจียวเอ่ยพลางก้าวเท้าไปยังทิศทางกระโจมของหมอหลี่โดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย

“คุณหนู ! ชายผู้นั้นคุณหนูเมตตาช่วยเท่านั้นก็เพียงพอแล้วนะเจ้าคะ บ่าวว่าคุณหนูไม่จำเป็นที่จะต้องไปเยี่ยมด้วยตนเองเจ้าค่ะ” ลี่ถังเอ้ยท้วง “กระทำเช่นนี้มิเหมาะสมเจ้าคะ”

“มิเหมาะสมอันใด ข้าเป็นผู้ช่วยเหลือเมื่อเราช่วยคนผู้หนึ่งแล้วย่อมต้องการช่วยอย่างดีที่สุด อีกอย่างในกระโจมนั้นมิได้มีเพียงข้าและชายผู้นั้นเสียหน่อย เจ้าเอง รวมถึงท่านหมอหลี่ก็อยู่ภายในกระโจมเช่นกัน” จางซูเจียวเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มปนขบขันกับท่าทางที่ตื่นตระหนกของสาวรับใช้คนสนิท

ไม่รู้เหตุใดในใจนางยามนี้ถึงคะนึงหาอดีตช่วงเวลาที่นางหลบหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อจะหนีออกจากเมืองหลวง ขอทานผู้นั้นมิเคยรู้จักนางมาก่อน แม้จะรู้ว่านางนั้นเป็นนักโทษที่ทหารในเมืองหลวงต่างตามหาเพื่อจับกุม และหากใครให้ความช่วยเหลือนางก็จะพบภัยพิบัติแน่นอน แต่เขาก็ดูมิได้หวาดกลัวแม้แต่น้อยและยังพร้อมที่จะปกป้องนางอย่างเต็มที่จนตนเองจบชีวิตเพื่อให้นางนั้นได้หนีออกไปจนสำเร็จ

จางซูเจียวรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจของเขา ในชาตินี้หากนางสามารถตอบแทนผู้มีคุณผู้นี้ได้นางยินดียิ่ง

“คุณหนู” หมอหลี่เห็นแขกมาเยือนจึงทำการคารวะอย่างนอบน้อม

“ท่านลุงหลี่ อย่าทำเช่นนี้หลานรับมิไหวนะเจ้าคะ” จางซูเจียวย่นจมูกพร้อมพูดด้วยน้ำเกระงอดกับสหายสนิทของบิดาอย่างสนิทสนม “เรียกซูเอ๋อร์อย่างเดิมเถิดเจ้าค่ะ”

“ได้ ๆ ลุงขอโทษเจ้า” หมอหลี่ หรือ หลี่เหวินหยางกล่าวพลางใช้มือลูบเครายาวของตนเองอย่างอารมณ์ดี “ว่าแต่เจ้ามาเยือนกระโจมของลุง ไม่สบายตรงไหนหรือไม่”

“มิได้เจ้าค่ะ ท่านลุง หลานเพียงแค่อยากเข้ามาสอบถามอาการของชายผู้นั้นที่ท่านพ่อสั่งให้องครักษ์หลินนำมาให้ท่านลุงรักษาเจ้าค่ะ” จางซูเจียวเอ่ยพลางสาวเท้าเข้าไปเกาะแขนหลี่เหวินหยางด้วยความเคยชิน

นางคิดถึงเหลือเกินท่านลุงผู้อารี ในชาติก่อนเพื่อช่วยเหลือท่านพ่อ ท่านลุงถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อถวายฎีกาให้ฮ่องเต้ช่วยตรวจสอบเรื่องคดีตระกูลจางก่อกบฏให้กระจ่าง แต่อยู่ ๆ ท่านลุงกลับล้มป่วยกะทันหันรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตในชั่วข้ามคืน แม้จะต่างสายเลือดแต่ท่านลุงกับท่านพ่อต่างรักกันประดุจดั่งพี่น้องสายเลือดเดียวกัน

เรื่องนี้คงมิพ้นชายชั่ว เจี้ยนเจี่ยงกั้ว ! ที่เห็นผู้ใดเป็นปฏิปักษ์ต่อตนเองย่อมต้องกำจัดคนผู้นั้นทิ้งไปเสีย หากเจี้ยนเจี่ยงกั้วสามารถล้างตระกูลของนางได้ อำนาจทางการทหารย่อมมิพ้นต้องตกเป็นของเขา ทำให้เขาสามารถนำมาใช้เพื่อการใหญ่ของตน

“ชายผู้นั้นรึ หลานมิต้องกังวล ลุงได้จัดเทียบยาให้อาซื่อคอยดูแลแล้ว” หลี่เหวินหยางบอกอาการ พลางผายมือไปยังร่างหนาที่นอนอยู่บนเตียง ซึ่งตอนนี้อาซื่อหรือผู้ช่วยของเขากำลังป้อนยาอยู่

“รบกวนท่านลุงแล้วเจ้าค่ะ หลานมิมีอันใดแล้วคงต้องขอตัว” เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มผู้นั้นไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่กังวลจางซูเจียวจึงขอตัวกลับ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   ตอนพิเศษ 4

    จางเจียวคุณ บุตรชายคนโตของจางเจียวจิ้น แม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งราชสำนัก แม้จะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สืบทอดทั้งความสามารถด้านบุ๋นและบู๊จากผู้เป็นบิดา แต่ชีวิตในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความกดดันและการจับตามองจากทั้งราชสำนักและเหล่าขุนนาง ทำให้เขาเริ่มรู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะในช่วงที่มารดาและบิดาของเขาได้ขอลาออกจากราชการ และกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบที่บ้านบรรพบุรุษในช่วงหนึ่งของหน้าที่ราชการ จางเจียวคุณได้ทำผิดวินัยทางทหารด้วยการละทิ้งค่ายไปโดยพละการ แม้การกระทำดังกล่าวจะมิได้เกิดจากเจตนาร้าย แต่เขาก็ตระหนักดีถึงความผิดพลาดและผลกระทบต่อชื่อเสียงของตนเองและตระกูล ด้วยคุณธรรมของมหารที่บิดาสั่งสอนมา ชายหนุ่มจึงได้ตัดสินใจยื่นฎีกาต่อฮ่องเต้เพื่อขอรับโทษและชดใช้ความผิดด้วยการไปประจำการที่ชายแดนเหนือตำแหน่งแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนเหนือนั้นเป็นตำแหน่งสำคัญที่เว้นว่างอยู่ และยังไม่มีผู้ใดที่เหมาะสมเท่ากับจางเจียวคุณ ฮ่องเต้ทรงลังเลใจ เนื่องด้วยพระองค์ต้องการรั้งจางเจียวคุณไว้ที่เมืองหลวง ด้วยความสามารถอันโดดเด่นที่เป็นประโยชน์ต่อราชสำนัก ทว่าตำแหน่งแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนได้เว้นว่างลง และในตอนนี้สถานการณ์ในพื้

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   ตอนพิเศษ 3

    หลายปีผ่านไปเสมือนความฝัน นับตั้งแต่วันนั้นที่จางซูเจียวและหยางเฟยฮุ่ยได้พบกันและเริ่มต้นชีวิตคู่จนถึงวันนี้ ทั้งสองมีบุตรด้วยกันถึงสี่คนเป็นบุตรชายสามคนและบุตรสาวคนเล็กที่หน้าตาราวกับถอดแบบออกมาจากมารดา ทำให้หยางเฟยฮุ่ยทั้งรักทั้งหวงบุตรสาวเป็นที่สุดณ ห้องอุ่นในเรือนประมุขพรรค ในยามเช้าของวันนึงของฤดูใบไม้ร่วง หิมะสีขาวเริ่มโปรยปรายปกคลุมทั่วยอดเขา จางซูเจียวนั่งอยู่ข้างเตาผิงกำลังนั่งปักเสื้อผ้าให้กับสามีอยู่ภายในห้อง ส่วนบรรดาบุตรสาววิ่งเล่นด้วยกันอยู่ด้านนอกโดยมีเฉินเหว่ยและเฉินจิงคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง “ภรรยา พักผ่อนบ้างเถิด ข้าเห็นเจ้าทำงานตลอดทั้งวันจนไม่เห็นหยุดพัก” หยางเฟยฮุ่ยเดินเข้ามาภายในห้องเห็นคนงามที่แม้กาลเวลาจะผ่านไปหลายปีแล้วก็ยังคงงดงามไม่สร่าง ทำหน้าที่ภรรยาผู้แสนดี เขาเดินเข้าไปใกล้และยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “สามี ข้าไม่ได้เหนื่อยอะไร ข้าทำแล้วมีความสุขมากกว่าทุกสิ่ง เพราะข้าได้ทำให้ท่านกับลูก ๆ ของเรา” ร่างบางยิ้มตอบดวงตางามมองสามีนั่งลงเคียงข้าง ๆ ตนเอง เสียงหัวเราะของลูก ๆ ก็ดังขึ้นจากข้างนอก เมื่อเด็ก ๆ วิ่งเล่นในหิมะ บรรยากาศภายในบ้านเ

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   ตอนพิเศษ 2

    เวลาล่วงผ่านไปหลายเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่จางซูเจียวได้ขึ้นเป็นฮูหยินของประมุขพรรคเฮ่ยหลางอย่างเป็นทางการ ในยามนี้หน้าท้องของนางป่องนูนอย่างเห็นได้ชัดเจนเนื่องด้วยอายุครรภ์ของนางย่างเข้าเดือนที่เจ็ดแล้ว การเคลื่อนไหวร่างกายของนางในช่วงนี้จึงต้องมีคนคอยดูแลโอบประคองตลอดเวลาเจ้าก้อนแป้งน้อยในครรภ์เริ่มดิ้นทักทายแสดงตนให้บิดามารดารู้ตั้งแต่อายุครรภ์อยู่ในเดือนที่ห้า ในครั้งแรกที่เจ้าตัวน้อยเริ่มดิ้น จางซูเจียวรู้สึกเจ็บครรภ์จนนิ่วหน้า และเพราะไม่เคยมีประสบการณ์นางจึงวิตกจนบ่าวรับใช้พากันแตกตื่นเร่งไปแจ้งท่านประมุขและตามท่านหมอทันทีเมื่อหยางเฟยฮุ่ยทราบข่าวก็ทิ้งทุกสิ่งรุดเร่งมาหาภรรยา ยามเห็นสีหน้ากังวลของสตรีที่รักและมือของนางที่ประคองครรภ์อย่างปกป้องเขาจึงนั่งลงเคียงข้างและโอบกอดนางตลอดเวลาจนท่านหมอเฮ่าทำการตรวจอาการเสร็จ และแจ้งว่าเป็นเพียงการทักทายของทารกน้อยในครรภ์ที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของเจ้าก้อนแป้งน้อย ความกังวลในใจของทั้งคู่จึงเบาบางลง บรรยากาศที่เคยเคร่งเครียดแปรเป็นชื่นมื่นเปี่ยมสุข รอยยิ้มปรากฎบนในหน้าของทุกคนเมื่อส่งท่านหมอเฮ่าออกไปแล้ว บรรดาสาวใช้จึงถอยออกไปจากห้องอย่

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   ตอนพิเศษ 1

    ภัตตาคารฮุ่ยลี้ หลังจากสั่งให้ลี่ถังกลับไปรายงานที่จวนแม่ทัพแล้วจางซูเจียวจึงหันมาไถ่ถามองครักษ์ประจำตัว “อาหารรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าอิ่มหรือไม่” จางซูเจียวเอ่ยถามชายหนุ่มที่เอาแต่นิ่งเงียบ “อิ่มขอรับคุณหนู” จางซูเจียวได้ฟังชายหนุ่มถามคำตอบคำมาสักพักแล้วแต่ก็ยังไม่ชินเสียที หญิงสาวขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกถึงความเงียบและบรรยากาศที่เริ่มอึดอัด เหตุใดคนผู้นี้ช่างปากหนักยิ่งหนัก แต่ครั้นจะให้นางชวนคุยก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะรับรู้ได้ว่าตนเองนั้นได้ทำให้คุณหนูไม่พึงพอใจเข้าเสียแล้ว “ข้าน้อยขอบคุณคุณหนูสำหรับอาหารมื้อนี้ขอรับ” ก๊อก ๆ “น้ำชามาแล้วขอรับ” เสี่ยวเอ้อส่งเสียงรายงานพลางเดินเข้ามาทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดสนทนากันชั่วคราว เมื่อวางกาน้ำชาเรียบร้อยแล้วขอตัวออกไป ก่อนที่ความเงียบอันชวนให้คนทั้งสองอึดอัดจะกลับมาอีกครั้ง อาเอินลุกขึ้นรินน้ำชาจากกาใส่ถ้วยประคองยื่นให้กับจางซูเจียวจากนั้นจึงถอยไปยืนอยู่ด้านข้างเพื่อคุ้มกันตามหน้าที่ “เจ้าก็ดื่มด้วยสิ ชานี้เป็นชาช่วยย่อยอาหาร ดีต่อกระเพาะเชียวน

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   บทที่ 21

    จากพยานหลักฐานทั้งหมดที่ฮ่องเต้เจี้ยนจางหย่งได้ทรงทอดพระเนตรและทำการไต่สวนด้วยพระองค์เอง องค์รัชทายาทก็มิอาจแก้ต่างอันใดได้อีก จากนั้นทรงมีพระราชโองการสั่งปลดฮองเฮาซีซวนและรัชทายาทเจี้ยนเจี่ยงกั้วให้เป็นสามัญชน ในข้อหาคิดก่อกบฏต่อแผ่นดินส่งอดีตฮองเฮาเข้าตำหนักเย็น ทั้งชีวิตไม่อาจก้าวออกมาเห็นโลกภายนอกได้อีก และส่งอดีตรัชทายาทไปการจองจำที่ตำหนักร้างห่างไกล ณ สุสานหลวงตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังมีพระราชโองการปลดราชครูซีฉี ยึดทรัพย์ตระกูลซีทั้งหมด เนรเทศไปใช้แรงงานสร้างกำแพงยังชายแดนห่างไกล มิอาจกลับคืนสู่เมืองหลวงเพื่อรับราชการสืบไป หลังจากเรื่องราวทั้งหมดถูกเปิดโปง ราชสำนักจึงเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากขั้วอำนาจเดิมเกือบทั้งหมดได้ถูกกวาดล้างสิ้นไป ผ่านไปไม่นานฮ่องเต้เจี้ยนจางหย่งก็ออกพระราชโองการแต่งตั้งมิ่งกุ้ยเฟยขึ้นเป็นฮองเฮา สำหรับตำแหน่งรัชทายาทพระองค์นั้นได้เว้นว่างไว้ก่อนโดยไม่สนพระทัยฎีกาจากบรรดาเหล่าขุนนางที่พากันเรียกร้องให้พระองค์ทรงรีบแต่งตั้งโดยอ้างถึงความมั่นคงของแคว้นเจี้ยนทว่าก็เกิดเรื่องที่ทำราชสำนักสั่นคลอนอีกครั้งเนื่องด้วยแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเจี้

  • เขยท่านพ่อ ข้าขอเลือกเอง   บทที่ 20

    ท้องพระโรงแคว้นเจี้ยน ฮ่องเต้เจี้ยนจางหย่งประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร พระพักตร์ที่เคร่งเครียดนั้นพาให้บรรยากาศอึมครึม กระแสความกดดันจากโอรสสวรรค์แผ่ลงมายังผู้คนที่ยืนเรียงรายอยู่เบื้องล่าง บรรดาขุนนางทั้งหลายต่างพากันยืนก้มหน้า ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากพูดออกมาแม้เพียงครึ่งคำ ทำได้แต่เพียงลอบหันหน้าสบตากันไปมาด้วยความตระหนกยามเมื่อเห็นจางเจียวจิ้นและจางเจียวคุนที่ยืนอย่างองอาจอยู่กลางท้องพระโรง เสียงขานจากด้านหน้าท้องพระโรงดังขึ้น หลี่กงกงรีบเดินเข้าไปถวายรายงานยังโอรสสวรรค์ว่าได้นำตัวฮูหยินจางและคุณหนูใหญ่จาง พร้อมทั้งองค์รัชทายาทและผู้ที่เกี่ยวข้องมาถึงแล้ว “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมได้นำตัวฮูหยินจางและบุตรีพร้อมทั้งองค์รัชทายาทมาถึงแล้ว ขณะนี้ทั้งหมดรอเข้าเฝ้าอยู่หน้าท้องพระโรงพะยะค่ะ” “พาตัวเข้ามา” สิ้นเสียงรับสั่งของฮ่องเต้ เจี้ยนเจี่ยงกั้วก็ได้ก้าวเข้ามาภายในท้องพระโรงตามด้วยทหารที่พาสองแม่ลูกและชายในชุดดำอีกผู้หนึ่ง“กระหม่อมเจี้ยนเจี่ยงกั้ว ถวายบังคมเสด็จพ่อ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” เจี้ยนเจี่ยงกั้วคุกเข่าคำนับเมื่อเห็นบิดาโ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status