แชร์

บทที่ 1140

ผู้เขียน: เฉินเจียเสี่ยวเกอ
“หลี่ชิ่ง!”

เสิ่นหมิงหยวนพลันตะโกนเสียงดัง

หลี่ชิ่งก้าวออกมาข้างหน้าทันที “ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ!”

“ข้าขอสั่งให้เจ้าไปจับตัวคนขายชาติเดี๋ยวนี้ ใครขัดขวางฆ่าได้ไม่ต้องละเว้น!”

“รับบัญชา!” หลี่ชิ่งหันกายทันที “พลธนูเตรียมพร้อม!”

ฟึบ ๆๆ!

พลธนูนับไม่ถ้วนพลันปรากฏตัวขึ้นในสายตาของทุกคน มีคนออกมาจากในมุมถนน มีคนออกมาจากร้านค้าใกล้เคียง และมีคนลุกขึ้นมาจากบนหลังคา อีกทั้งยังมีคนกระโดดลงมาจากบนต้นไม้

ลูกธนูนับพันนับหมื่นเล็งไปที่ศูนย์บรรเทาทุกข์พร้อมเพรียงกัน

ชาวบ้านด้านนอกศูนย์บรรเทาทุกข์ไฉนเลยจะเคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่ละคนตกใจกลัวจนคุกเข่าตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น

“บังอาจ!” ฉินเย่ว์เหมยก้าวมาข้างหน้าแล้วตะโกนด้วยเสียงเย็นชา “เสิ่นหมิงหยวน เรายังอยู่ที่นี่ เจ้ายังกล้าให้พลธนูมากมายขนาดนี้เล็งเป้ามาที่เรา เจ้าคิดจะก่อกบฏหรือไร?”

เสิ่นหมิงหยวนชูมือสองข้างขึ้นสูง แล้วโค้งคำนับท้องฟ้า ท่าทางดูเคร่งขรึมน่าเกรงขาม “ข้าจงรักภักดีต่อแคว้นต้าชิ่ง แต่ฝ่าบาท...”

เสิ่นหมิงหยวนเบนสายตาไปที่ฉินเย่ว์เหมย แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “หนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ฝ่าบาทหลงเชื่อขุนนางชั่วอย่างเฉินฝานมาโ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1141

    กองกำลังทหารม้าทมิฬทุกคนล้วนได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี วรยุทธ์ของพวกเขาเก่งกาจยิ่งกว่ายอดฝีมือแนวหน้าในยุทธภพเสียอีกหลังจากที่เสิ่นหมิงหยวนออกคำสั่งแล้ว ทหารม้าทมิฬทุกคนล้วนพุ่งทะยานตัว เดินเหินออกมาจากแต่ละมุมมุ่งหน้าสู่ศูนย์บรรเทาทุกข์อย่างคล่องแคล่วและในช่วงเวลาพริบตาเดียว ทหารม้าทมิฬจำนวนมากก็ห่างจากฉินเย่ว์เหมยมิถึงสองเมตรแล้วทุกคนล้วนเข้าใจดี หากฉินเย่ว์เหมยถูกพาตัวออกจากศูนย์บรรเทาทุกข์แล้ว เสิ่นหมิงหยวนต้องออกคำสั่งให้สังหารเฉินฝานอย่างแน่นอนคันศรนับหมื่นนับพันกำลังเล็งเป้ามาที่ศูนย์บรรเทาทุกข์ ต่อให้หวงหวั่นเอ๋อร์จะเป็นยอดฝีมือแนวหน้าในยุทธภพ เฉินฝานก็ยากที่จะหนีพ้นอยู่ดี“อารักขาฝ่าบาท!”ในขณะเดียวกันที่หงอิงออกสั่ง ก็กำจัดทหารม้าทมิฬสองคนที่พุ่งใส่มาด้านหน้าเรียบร้อยแล้วทว่าทหารม้าทมิฬที่บุกเข้ามามีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ และวรยุทธ์ของทหารม้าทมิฬเหล่านี้ก็เหนือชั้นกว่ากองกำลังรักษาพระองค์อย่างมากอ๋องตวนก็เข้ามาเสริมทัพเช่นกันทว่าพวกเขาก็ยังต้านไว้ได้มินานอยู่ดี“ปัง!”เสียงกังวานดังขึ้นเฉินฝานยัดลูกกระสุนใส่ดาบปลายปืนไปพลางเดินไปนอกด้านนอกไปพลางคนส่วนใหญ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1142

    เฉินฝานมิใช่คนยุคโบราณ เขาคิดมาโดยตลอดว่าศิลปะการแปลงโฉมเป็นเรื่องเหลวไหลในนิยายกำลังภายในยุคปัจจุบันเท่านั้น ดังนั้นเขามิได้มองออกว่าหลี่ซิ่นเริ่นเป็นตัวปลอมได้ในทันที เพียงแค่รู้สึกว่าหลี่ซิ่นเริ่นที่กลับมาจากห้องน้ำแตกต่างจากปกติไปเล็กน้อยอย่างเช่น ส่วนใหญ่หลี่ซิ่นเริ่นมักจะใช้มือซ้ายป้อนนมให้คนติดพิษ จู่ ๆ ก็เปลี่ยนมาชอบใช้มือขวาแทนเสียอย่างนั้นอย่างเช่น ตอนที่หลี่ซิ่นเริ่นป้อนนมให้คนติดพิษ ก็พูดอธิบายกับคนที่มิชอบดื่มนมหรือมิชินกับการดื่มนมฟัง ดอกพลับพลึงแมงมุมจะทำให้สำรอกพิษในร่างกายออกมา ตอนที่ถั่วเขียวถอนพิษ จะกัดกระเพาะค่อนข้างรุนแรง ตอนนี้กระเพาะอ่อนแออย่างมาก ต้องดื่มนมเพื่อบำรุงกระเพาะสิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้ หลี่ซิ่นเริ่นตัวปลอมล้วนมิได้ทำ ตอนที่เฉินฝานกำลังสงสัยว่าไฉนจู่ ๆ หลี่ซิ่นเริ่นถึงทำตัวแปลกไปจากปกติ หลี่ซิ่นเริ่นตัวจริงก็กลับมาแล้วตอนที่เจอหลี่ซิ่นเริ่นที่เลือดท่วมตัว เฉินฝานก็รู้ทันทีว่าคนไหนตัวจริงคนไหนตัวปลอม เขามิได้เปิดโปงในทันที เพราะอยากจะฉวยโอกาสหลอกถามข้อมูลจากหลี่ซิ่นเริ่นตัวปลอมให้มากขึ้น ไฉนเลยจะรู้ว่าเสิ่นหมิงหยวนจะทนรอมิไหวที่จะสังหารเขาปานนั้

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1143

    “เขามิได้เก่งกาจธรรมดา แต่เก่งกาจอย่างมาก ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน เผชิญหน้าโดยมิลนลาน มิเพียงแต่ถอนพิษให้คนที่ติดพิษทั้งหมดได้ และยังสามารถแยกแยะหมอและคนติดพิษตัวจริงได้อีกด้วย”“ขอบคุณใต้เท้าที่กรุณาช่วยชีวิต ใต้เท้าเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของเถี่ยหนิว ความเมตตาของท่าน เถี่ยหนิวจะมิวันลืมเลือน!” จางเถี่ยหนิวนำภรรยาและเหล่าลูกชายลูกสาวมาคุกเข่าต่อหน้าเฉินฝานคนติดพิษคนอื่นเห็นเช่นนี้ ก็พากันพาคนในครอบครัวมาคุกเข่าขอบคุณเฉินฝานทันใดนั้น เสียงร้องไห้ซาบซึ้งด้วยความดีใจก็ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งศูนย์บรรเทาทุกข์เฉินฝานช่วยเหลือเหล่าคนติดพิษแล้ว สังหารตัวปลอมที่แฝงตัวเข้ามาด้วยเจตนาร้าย เสิ่นหมิงหยวนก็เปิดศึกสังหารโดยไร้เหตุผลมิได้แล้วตอนนี้เสิ่นหมิงหยวนมิเพียงมิสามารถเปิดศึกโดยไร้เหตุผลแล้ว ยังต้องคิดหาวิธีแสดงความบริสุทธิ์ว่าไม่เกี่ยวข้องกับคนที่ปลอมตัวเข้ามาอีกด้วย“เหนือจิตนาการไปแล้ว ช่างเหนือจิตนาการยิ่งนัก!”เมื่อได้ยินว่าเฉินฝานถูกปิดล้อมอยู่ที่ศูนย์บรรเทาทุกข์ ไป่เผยหรานที่รีบร้อนพากองกำลังมา ตื้นตันใจสุดขีดหนึ่งเค่อก่อนหน้านี้ ยังตกอยู่ในสถานการณ์ถูกปิดล้อมอยู่เลย แ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1144

    “ดอกพลับพลึงแมงมุมกระตุ้นให้อาเจียน แกงถั่วเขียวถอนพิษ นมวัวบำรุงกระเพาะ ท่านหมอหลี่ซิ่นเริ่นบอกมาเช่นนี้”หมอหนุ่มผู้นั้นกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง“เจ้าหนุ่มสมองกลวงช่างหลอกลวงเก่งยิ่งนัก” มีคนเขกหัวหมอหนุ่ม “ดอกพลับพลึงแมงมุมกระตุ้นให้อาเจียน แกงถั่วเขียวถอนพิษ นมวัวบำรุงกระเพาะงั้นรึ? ง่ายดายปานนั้นก็สามารถถอนพิษหญ้าไส้ขาดแล้ว พิษหญ้าไส้ขาดน่าหวาดกลัวปานนั้น น่าหวาดกลัวถึงขั้นที่ว่าหมอหลวงในวังยังหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว?”“ถูกต้อง จะต้องมิง่ายดายแบบนั้นแน่นอน ดอกพลับพลึงแมงมุม แกงถั่วเขียว นมวัว สิ่งเหล่านั้นล้วนนำมาใช้เพื่ออำพรางความจริง ด้านในจะต้องมีเครื่องปรุงยาล้ำค่าอันใดซ่อนอยู่เป็นแน่”ห่างออกไปมิไกลนักพิษหญ้าไส้ขาดถูกถอนแล้ว ศิลปะการแปลงโฉมถูกเปิดโปงแล้ว ไป่ชงซานที่จิตใจห่อเหี่ยวได้ยินคำพูดนี้ ก็มีกำลังวังชาขึ้นมาทันทีถูกต้องแล้ว จะต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน มิเช่นนั้นจะถอนพิษหญ้าไส้ขาดในหุบเขาร้อยบุปผาของเขาได้ง่ายดายปานนั้นได้อย่างไรเสิ่นหมิงหยวนสีหน้าถมึงทึงเหลือบมองไป่ชงซานเล็กน้อย จากนั้นก็หันหน้าไปจ้องเขม็งใช้สายตาถามหลี่ชิ่งหลี่ชิ่งรีบกล่าวอย่างลนลาน “ใต้เท้า ตอนที

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1145

    เขากล่าวว่า แพทย์แผนจีนยิ่งใหญ่ ทว่าเพราะความคิดแล้งน้ำใจเช่นนี้ของเหล่าหมอทั้งหลาย ทำให้ใบสั่งยาแพทย์แผนจีนที่ยิ่งใหญ่มากมายมิได้ถูกส่งต่อ เมื่อถึงยุคปัจจุบัน แพทย์แผนจีนก็ถูกแพทย์แผนตะวันตกบดขยี้อย่างไร้ความปรานีหากหมอคนหนึ่งอยากจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ จำเป็นต้องสลัดความคิดใจแคบเช่นนี้ออกไป ต้องแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน ระดมความคิดเพื่อปรับปรุงใบสั่งยาให้ดียิ่งๆขึ้นไปหลี่ซิ่นเริ่นมิเข้าใจคำพูดของเฉินฝานมากนัก เพราะเขาล้วนรู้สึกมิคุ้นชินกับคำว่ายุคปัจจุบันหรือคำว่าแพทย์แผนตะวันตกมากนักทว่าสีหน้าหนักแน่นเด็ดเดี่ยวของเฉินฝาน และประโยคด้านหลังที่ทำให้ประทับใจอย่างสุดซึ้งหากหมอทุกคนสามารถแบ่งปันใบสั่งยาของตนเองออกสู่สาธารณะ เช่นนั้นบนโลกหล้านี้คงจะมีคนป่วยรอดชีวิตเพิ่มขึ้นได้ด้วยเหตุนี้มิน้อย“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าก็ยังคงมิเชื่ออยู่ดี มานี่สิ!” หลี่ซิ่นเริ่นยกมือขึ้นชี้ไปทางศูนย์บรรเทาทุกข์ “ตามข้าไปที่ศูนย์บรรเทาทุกข์ คนติดพิษคนใหม่เข้ามาจำนวนมาก พวกเขาต้องการทุกท่าน”แม้หมอส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกสงสัย ทว่าก็ตามหลี่ซิ่นเริ่นเข้าไปในศูนย์บรรเทาทุกข์อยู่ดีเฉินฝานมองดูอยู่ด้านข้างลอบชื่นชมอย

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1146

    “ก็ถือว่าเป็นลูกผู้ชายตัวจริง” เฉินฝานกล่าวด้วยเสียงเรียบนิ่งเขาหันหน้าไปออกคำสั่งกับไป่เผยหราน “ช่างเถอะ มิต้องทำให้เขาลำบากใจแล้ว”“ขอรับ ใต้เท้า” ไป่เผยหรานทำตามคำสั่งทันทีไป่เผยหรานส่งหลี่ซิ่นเริ่นตัวปลอมไปรักษาแผล หลังจากนั้นก็ให้เขากินดีอยู่ดีในคุก มิทรมานเขาอีกจริง ๆตอนแรกหลี่ซิ่นเริ่นตัวปลอมมิเชื่อว่าไป่เผยหรานจะปล่อยเขาไปจริงๆ จนกระทั่งหิวโหยมาสามวันสามคืนจนทนมิได้ต้องกินอาหาร ไป่เผยหรานก็ยังมิได้ทำให้เขาลำบากใจ เขาจึงปักใจเชื่อ“ต่อให้พวกเจ้าใช้วิธีนี้ ข้าก็จะมิพูดอันใดอยู่ดี!”ตอนที่ไป่เผยหรานมาส่งอาหารอีกรอบ หลี่ซิ่นเริ่นตัวปลอมเขียนข้อความใส่กระดาษมาเช่นนี้หลังจากที่วางกล่องอาหารลงแล้วไป่เผยหรานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พูดอย่างมิใส่ใจนัก “ข้ารู้ ดังนั้นก็มิได้คาดหวังให้เจ้าพูดอันใดออกมาอยู่แล้ว”“ในเมื่อรู้เช่นนี้ ไฉนยังต้องมาส่งอาหารให้ข้า?” หลี่ซิ่นเริ่นตัวปลอมเขียนอย่างลวกๆอีกหนึ่งประโยค มือที่กำหญ้าฟางไว้ ถูกไฟเผาทำให้ตุ่มหนองผุดขึ้นจำนวนมาก จะต้องเจ็บปวดอย่างมากเป็นแน่ ทว่าเขากลับมิได้ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดแม้แต่น้อยผ่านไปครู่ใหญ่ ไป่เผยหรานจึงละสายตาจา

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1147

    สายตาของหงอิงมองไปมือของฉินเย่ว์เหมย “ตอนนี้ฝ่าบาทสามารถอ่านสาสน์กราบทูลกลับหัวได้แล้ว”“...ข้า ข้า...” ฉินเย่ว์เหมยรีบกลับด้านสาสน์กราบทูลกลับอย่างลนลาน หันหน้าไปทางอื่นด้วยความประหม่า“เป็นเพราะเจ้าทำให้ข้าตกใจต่างหาก” เห็นได้ชัดว่าฉินเย่ว์เหมยหาข้ออ้างส่งเดช“เรื่องนั้นข้าน้อยมิได้เป็นคนทำเสียหน่อย” หงอิงหน้าแดงก่ำ กลั้นขำอย่างยากลำบากฉินเย่ว์เหมยจ้องหงอิงอย่างโหดเหี้ยม“อยากจะหัวเราะเจ้าก็หัวเราะออกมาเถอะ ข้าเห็นหน้าแดงเป็นลูกตำลึงของเจ้าคงทรมานน่าดู”“ฝ่าบาท ท่านอยากไปดูใต้เท้าเฉินก็ไปดูสิ มิต้องเอาความโมโหมาลงที่ข้าน้อย”น้อยครั้งที่หงอิงจะต่อปากต่อคำ จู่ ๆ ก็ใจกล้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉินฝาน ขอเพียงแค่เกี่ยวกับเฉินฝาน หงอิงก็จะกล้าพูดเสมอ และแม้ฉินเย่ว์เหมยจะบอกว่ามิยอมยกโทษให้ง่ายๆมาโดยตลอด แต่พอเอาเข้าจริงแล้วนางก็มิได้ทำอันใด“เขาจะหลับดีหรือไม่ ใครอยากจะไปดูเขากัน”ฉินเย่ว์เหมยกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ทว่านางมิทางรู้ได้ว่าท่าทีตอนนี้ของนางเหมือนกับสาวน้อยที่กำลังหาเรื่องชวนทะเลาะกับแฟนหนุ่มของตัวเอง“หากฝ่าบาทมิไป ข้าน้อยจะไปเอง”กล่าวจบ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1148

    “......”ฉินเย่ว์เหมยเพิ่งจะรู้ตัวว่า ตอนนี้ตัวเองจะแก้ตัวอย่างไรก็ฟังมิขึ้นแล้วฉินเย่ว์เหมยถลึงตามองเฉินฝานที่กำลังหลับอย่างสบายใจเฉิบอย่างโหดเหี้ยมล้วนเป็นเพราะตาทึ่มคนนี้แท้ๆโมโหก็ส่วนโมโห เสียเปรียบก็ส่วนเสียเปรียบ อายก็ส่วนอาย ฉินเย่ว์เหมยยังตัดใจปลุกเฉินฝานมิลงมิเพียงแต่มิปลุกให้ตื่นเท่านั้น และยังมิลุกจากไปไหนอีกด้วย เพราะตอนนี้เฉินฝานกำลังนอนหนุนตักของนางอยู่ หากนางลุกขึ้นยืนเฉินฝานจะต้องตื่นเป็นแน่ต่อให้เป็นโอรสสวรรค์ของต้าชิ่ง ต่อให้เวลาปกติต้องทำท่าทีเย่อหยิ่งเย็นชาอยู่ตลอด ทว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นเปลือกนอกของฉินเย่ว์เหมย ที่จริงแล้วนางเป็นเพียงแค่หญิงสาวอายุยี่สิบต้นๆที่ยังมิได้ออกเรือนเท่านั้นมีชายคนหนึ่งมานอนหลับบนตัก จึงเป็นเรื่องยากที่นางจะทำจิตใจให้สงบได้ระหว่างนี้หากมิใช่ใบหน้าขึ้นสีก็หัวใจเต้นมิเป็นจังหวะ-เกือบหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ นี่เป็นการนอนที่สบายใจและเคลิบเคลิ้มที่สุดครั้งหนึ่งของเฉินฝานเฉินฝานรู้สึกว่าหมอนใบนี้ช่างนุ่มนวล กลิ่นหอมและยังอบอุ่นอีกด้วยบนโลกหล้านี้จะมีหมอนที่หอมและนุ่มนิ่มปานนั้นได้อย่างไร ทำให้เขาติดใจมิอยากวางลง ยิ่งกอดรัดแ

บทล่าสุด

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1315

    “อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1314

    “ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1313

    “นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1312

    สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1311

    เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1310

    การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1309

    วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1308

    หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก

  • เขยอันดับหนึ่งของจักรพรรดิ   บทที่ 1307

    ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status